แชร์

สยบรักยอดบัณฑิต
สยบรักยอดบัณฑิต
ผู้แต่ง: ฝ้ายสีคราม

ตอนที่ 1 หนังสือหย่า

ผู้เขียน: ฝ้ายสีคราม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-30 12:45:53

สายลมเย็นยะเยือกในฤดูใบไม้ผลิพัดต้องกระดาษหน้าต่างบางเบา ส่งเสียงกรอบแกรบไม่ขาดสาย

ภายในเรือนพักอันเงียบสงัด เผิงเหยียนเฉิงลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาคู่คมที่เคยเปล่งประกายบัดนี้เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า มือข้างขวาของเขาขยับเพียงเล็กน้อยก็พลันรู้สึกชาดั่งไม่ใช่ร่างกายของตน

เสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล แผ่วเบาแต่ชัดเจน

ไม่นานนัก ประตูเรือนก็ถูกผลักเปิดออกอย่างไม่เบามือนัก ร่างงามในชุดแพรไหมสีแดงลายดอกโบตั๋นเยื้องย่างเข้ามา ใบหน้าเรียวที่แต่งแต้มอย่างประณีตมีเพียงความเย็นชาปรากฏอยู่ในดวงตา

“เจ้าฟื้นแล้วหรือ” น้ำเสียงของโจวจิงหยูเยียบเย็นราวหยดน้ำค้างยามรุ่งสาง นางไม่ได้เอ่ยถามไถ่ ไม่ได้เอื้อมมือสัมผัสหน้าผากเขาเช่นภรรยาทั่วไป ทว่ากลับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้า

กระดาษบางเบาถูกประทับตราประจำตระกูลโจวเอาไว้อย่างชัดเจน

“หนังสือหย่า!” เผิงเหยียนเฉิงเบิกตากว้างขึ้นเพียงนิด ดวงตาที่ขุ่นมัวยิ่งหมองหม่นลง

“เพราะเหตุใดเล่าฮูหยิน” เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ทั้งที่แม้แต่เปล่งเสียงยังรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน โจวจิงหยูหัวเราะเบาๆ แต่แฝงด้วยความเยาะหยัน

“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมใช้ชีวิตอยู่กับบุรุษพิการเช่นเจ้าหรือ มือเจ้าจับพู่กันไม่ได้แล้ว จะสอบขุนนางได้อย่างไร แม้แต่เดินก็ยังต้องใช้ไม้เท้า สุนัขที่บ้านยังเห่าไล่โจรได้ แต่เจ้ามันไร้ประโยชน์”

นางไม่แม้แต่จะรอให้เขาตอบโต้ ซ้ำยังสั่งสาวใช้ข้างกายเสียงแข็ง

“เอาตำราทั้งหมดของเขา โยนทิ้งไปเสีย ข้าวของส่วนตัว เอาแต่สิ่งที่จำเป็น นอกนั้นไม่ต้อง”

เผิงเหยียนเฉิงกัดฟันแน่น แต่กำมือไม่ได้แน่นพอ ร่างกายอ่อนแรงจนแทบจะขยับมิได้ ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลซึมอยู่ในใจ ไม่หลั่งออกมาข้างนอก

“ลงนามในหนังสือหย่าเสีย” โจวจิงหยูวางพู่กันไว้ข้างมือเขา ราวกับเห็นเขาเป็นเพียงเศษผ้าเก่าๆ

“หรือเจ้าจะให้ข้าต้องลากเจ้าออกไปอย่างสุนัขจนตรอก”

เผิงเหยียนเฉิงหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก นานหลายอึดใจจึงค่อยๆ ขยับมือที่แทบไร้เรี่ยวแรง เขียนชื่อลงไปบนกระดาษนั้นอย่างเงียบงัน

เมื่อปลายพู่กันแตะกระดาษ เสียงแตกในใจของเขาก็ราวกับดังก้องไปทั่วทั้งเรือน โจวจิงหยูหัวเราะอีกครั้ง ทว่าคราวนี้มีเพียงความสะใจ

“ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้ากับข้า สิ้นสุดกัน”

นางทิ้งหนังสือหย่าลงพื้น หมุนกายออกจากเรือน โดยไม่เหลียวกลับมามองแม้แต่น้อย ทิ้งอดีตสามีไว้เพียงลำพังในความมืดสลัวกับหัวใจที่แตกสลาย.

เผิงเหยียนเฉิงยืนอยู่ใต้ชายคาเรือนเก่า ร่างบางโอนเอนอยู่ท่ามกลางสายลมเย็นเฉียบของฤดูใบไม้ผลิ

แผ่นกระดาษหย่าในมือเขาสั่นไหวตามแรงลม ใบหน้าอันซีดเซียวของเขาเงยขึ้นทอดตามองท้องฟ้าที่ไร้แสงอาทิตย์ ดวงตาคู่นั้นไร้ประกายดั่งคนตายทั้งเป็น

ภาพหนึ่งผุดวาบขึ้นในห้วงคำนึง

วันนั้น วันที่ประกาศผลสอบครั้งใหญ่ เสียงฆ้องกลองดังก้องไปทั่วถนนคนเดินกลางเมืองหลวง ใบประกาศแขวนหราอยู่บนกระดานสูงสุด

ชื่อ “เผิงเหยียนเฉิง” สลักไว้อย่างสง่างามเป็นบัณฑิตอันดับหนึ่ง ผู้มีสิทธิ์เข้าสอบเคอจวี่เบื้องหน้าพระที่นั่ง เป็นเกียรติที่ชนชั้นใดก็ต้องมองด้วยความเคารพ

เขาสวมชุดบัณฑิตใหม่ สีหน้าทะมัดทะแมง ขณะที่เดินผ่านตลาด ผู้คนพากันชี้ชวน ส่งเสียงชื่นชม และในยามนั้นเองโจวเสวี่ย ขุนนางใหญ่ผู้ทรงอำนาจแห่งแคว้นสือ เห็นเขาเข้าโดยบังเอิญ

หลังจากนั้น เขาแต่งเข้าจวนสกุลโจวด้วยเกียรติสูงส่งที่ตนเองไม่เคยแม้แต่ฝันถึง ถูกกล่าวขานว่าคือ บุตรเขยแห่งโชคชะตา

โจวจิงหยู ในยามนั้นงดงามราวเทพธิดา นางยิ้มให้เขาด้วยแววตาอ่อนหวาน ประคองถ้วยน้ำชาให้เขาอย่างอ่อนโยน เอ่ยถ้อยคำปลอบประโลม

“สามี ท่านเหนื่อยมามากแล้ว ข้ามิปล่อยให้ท่านโดดเดี่ยวอีกต่อไป”

เขายังจำได้แม่น คืนนั้นนางสวมชุดแต่งงานสีแดงสด ร่างกายหอมกรุ่นด้วยกลิ่นบุปผา ราวกับสิ่งมีชีวิตที่งดงามที่สุดในโลกใบนี้

เขาคิดว่าตนเองโชคดี คิดว่าตนเองพบรักแท้หากแต่ความสุขนั้นกลับสั้นนัก ราวภาพมายา

มืออ่อนแรงจากปกป้องภรรยาไว้โดยมิไตร่ตรองชีวิตตน เมื่อเรือล่มแล้วนางตกลงไปในแม่น้ำ เขาลงไปช่วยชีวิตนางแล้วศีรษะกระแทกเข้ากับกาบเรือจนล้มป่วย

ร่างกายเขาซีกขวาอ่อนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ โจวจิงหยูที่เคยยิ้มให้ กลับหันหลังอย่างไร้เยื่อใย

โจวเสวี่ยที่เคยยกย่อง กลับเย็นชาราวไม่เคยรู้จักเขา

สุดท้าย เหลือเพียงหนังสือหย่าในมือ

เผิงเหยียนเฉิงก้มลงมองมือที่สั่นระริกของตน

ครั้งหนึ่ง เขาเคยเชื่อว่าความสามารถจะพาตนไปถึงตำแหน่งจอหงวนจากการสอบเคอจวี่ แต่ยามนี้ แม้แต่พื้นดินก็แทบยืนไม่ไหว

เขาหันหลังให้เรือนสกุลโจว ด้วยไม้เท้าที่ค้ำอยู่ใต้แขนทั้งสองข้าง เดินฝ่าความว่างเปล่าและสายลมหนาวเหน็บ ไปยังหนทางที่ไร้ผู้คนเหลียวมอง

มีเพียงเสื้อผ้าเก่าและตำราไม่กี่เล่มที่หลงเหลืออยู่ติดตัวไป แต่ในใจกลับไม่สิ้นหวัง

“แม้อยู่ในสภาพนี้ ข้าก็จะต้องสอบเคอจวี่ ชิงตำแหน่งจอหงวนมาให้ได้” เขากล่าวให้กำลังใจตนเอง แม้หนทางจะริบหรี่จนแทบมองไม่เห็นอนาคตที่วาดฝัน

************************

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 140 ตอนจบ

    ในช่วงเวลาที่ความเปลี่ยนแปลงในราชสำนักเริ่มต้น งานราชการในส่วนของสำนักศึกษาที่เผิงเหยียนเฉิงได้ริเริ่มและปรับปรุงใหม่ก็เริ่มประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน จากการที่มีแนวคิดปฏิรูปที่เน้นความเป็นธรรมและให้โอกาสแก่ทุกคน ผู้คนในราชสำนักและชาวบ้านต่างยกย่องความคิดเหล่านี้อย่างไม่ขาดสายณ ห้องทำงานหลักในจวนโหว เผิงเหยียนเฉิงก้าวขึ้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความเปลี่ยนแปลงใหม่ ด้วยความตั้งใจที่แท้จริงและความมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบการศึกษาที่เอื้ออำนวยให้แก่สตรี ซึ่งเขาและภรรยา ลู่ซือหนาน ได้ร่วมกันผลักดันมาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาหลักสูตรและแนวทางสอนได้ถูกปรับปรุงอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตามคำแนะนำจากผู้รู้และนักวิชาการทั้งในราชสำนักและต่างแคว้นฮ่องเต้ทรงประกาศแสดงความชมเชยต่อความก้าวหน้าของสำนักศึกษาและการปฏิรูปที่ได้รับการดำเนินการโดยเผิงเหยียนเฉิงและลู่ซือหนานอย่างยิ่งยวดขณะเดียวกัน เมื่อหน้าที่การงานประสบความสำเร็จ ครอบครัวของเขาก็ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันในห้องนอนอันอบอุ่น ภายใต้แสงเทียนสีอ่อนที่สาดส่องลงมาจากเพดานเผิงเหยียนเฉิงที่เพิ่งกลับมาถึง เขาเดินเข้ามาเอื้อม

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 139 วันที่รอคอย

    ในยามค่ำของคืนนั้น ท้องฟ้าโปร่งใสแต่แสงจันทร์ดูหม่นเล็กน้อย บรรยากาศภายในจวนโหวเงียบสงบเช่นเคย จนกระทั่งเสียงร้องเบาๆ ดังขึ้นจากห้องนอนชั้นใน“อื้อ ท่านพี่... ข้าเจ็บ... เจ็บท้อง...”ลู่ซือหนานนิ่วหน้า มือข้างหนึ่งกุมผ้าห่ม อีกข้างจับท้องแน่น ร่างทั้งร่างเกร็งเหมือนคลื่นบางอย่างกำลังซัดเข้ามาทีละระลอกเผิงเหยียนเฉิง ได้ยินเสียงภรรยาก็ลุกจากโต๊ะหนังสือมา ใบหน้าซีดเผือด“ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไร เจ็บมากหรือไม่ เสี่ยวหลาน เสี่ยวหลาน ไปตามหมอตำแยมา ไปตามท่านแม่ด้วย”เสียงร้องเรียกดังลั่นจนบ่าวไพร่วิ่งกันพล่านทั่วเรือน เสี่ยวหลานกับสาวใช้หลายคนรีบพากันเข้ามาช่วยพยุงลู่ซือหนานให้นอนสบาย เตรียมน้ำอุ่น ผ้าสะอาดอย่างเร่งด่วนอันเหม่ยฉินเข้ามาพร้อมท่าทีสงบนิ่ง นางมองเห็นสถานการณ์แล้วเอ่ยเสียงเข้ม“ทุกคนอยู่ในความสงบ ให้คนไปตามหมอตำแยแล้วหรือยัง ถ้ายังให้รีบไปตามมา เซี่ยมามารบกวนให้คนต้มยาสมุนไพรตามตำราเร่งด่วน เสี่ยวหลาน เสี่ยวหนิว พวกเจ้าอยู่ใกล้นาง ห้ามให้เคลื่อนไหวแรง”ผู้เป็นสามีพยายามจะเข้าไปใกล้ แต่ลู

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 138 ครอบครัวพร้อมหน้า

    ในวันหนึ่ง ณ ถนนหน้าจวนโหว เสียงฝีเท้าของม้าหลายตัวดังขึ้นตามถนนสายหน้าเรือนใหญ่ ขบวนรถม้าอย่างดีจากเจียงเฉินเคลื่อนตัวมาหยุดตรงประตูหน้าจวนโหว ข้ารับใช้รีบออกมาต้อนรับเมื่อรู้ว่าเป็นครอบครัวของฮูหยินใหญ่ประตูไม้เปิดออก ชายในชุดตัวยาวผ้าแพรสีเทาอ่อนลงจากรถก่อน ลู่หยวนฉีบิดาของลู่ซือหนานเดินลงมาแล้วมองไปรอบๆ ด้วยความปีติ ก่อนจะหันไปรับลูกชายตัวน้อยจากภรรยา ให้นางลงมาจากรถม้าได้สะดวกเด็กน้อยวัยหกเดือนในอ้อมแขนของบิดา เขามีผมดำขลับ ดวงตากลมโต และยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ต่างจากพี่สาวอย่างลู่ซือหนานในวัยเยาว์หลี่อันพ่อบ้านประจำจวนรีบเข้าไปแจ้งข่าว แก่ลู่ซือหนานที่นั่งพักอยู่ในห้องพักด้านในเมื่อได้ยินข่าวถึงกับน้ำตารื้นด้วยความตื้นตัน นางให้เสี่ยวหลานพยุงเดินออกมาช้าๆ โดยมีเซี่ยมามาเดินเข้ามาดูแลอยู่ไม่ห่าง เพราะเผิงโหวสั่งเอาไว้ว่าให้นางคอยดูแลนายหญิงให้ดีเมื่อเห็นบิดามารดาและน้องชายตัวน้อย นางคารวะเล็กน้อยแล้วยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนที่อันเหม่ยฉินจะเอามือไปสัมผัสข้างแก้มของบุตรสาวด้วยน้ำตา“ลูกเอ๋ย...แม่คิดถึงเจ้าเหลือเกิน เจ้าอ่อนล้าหรือไม่ ท้องโ

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 137 ตัดไฟแต่ต้นลม

    วันถัดมา หยางมี่อิงแต่งกายเรียบร้อยในชุดผ้าแพรบางสีชมพูอ่อน เครื่องประดับจัดเต็มแต่ดูละมุน เดินมาถึงหน้าจวนโหวอย่างมั่นใจ หวังจะเข้ามาเยี่ยมลู่ซือหนานเช่นเคย“บอกเผิงฮูหยินด้วยว่า ข้ามาเยี่ยมตามปกติ”นางยิ้มบาง ส่งเสียงกับบ่าวเฝ้าประตูแต่บ่าวหนุ่มกลับทำหน้านิ่ง ยกมือขึ้นคำนับ“ขอประทานอภัยแม่นางหยาง ข้าน้อยรับคำสั่งจากท่านโหวเผิงโดยตรง ห้ามมิให้แม่นางก้าวเข้าจวนอีก”“อะไรนะ” สีหน้าหยางมี่อิงเปลี่ยนไปในทันที เสียงที่เคยหวานเริ่มสั่นเครือ“ท่านโหวพูด... พูดแบบนั้นจริงหรือ”บ่าวค้อมศีรษะอย่างสุภาพแต่หนักแน่น “ใช่ขอรับ เป็นคำสั่งชัดเจนเมื่อวานก่อน แม้จะเป็นสหายเก่า ก็ไม่อนุญาตให้เข้าได้ ท่านโหวถึงขั้นให้จดชื่อไว้ด้วย เพื่อป้องกันการฝ่าฝืน”หยางมี่อิงยืนแข็งอยู่หน้าจวน ใบหน้าที่เคยเชิดสูงบัดนี้แดงจัดด้วยความอับอายและโกรธแค้น หัวใจพลันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง นางไม่คิดว่าเผิงเหยียนเฉิงจะกล้าปฏิเสธนางตรงๆ เช่นนี้ และที่สำคัญกว่านั้น นั่นหมายความว่าเขาอาจบอกภรรยาไปแล้ว&ldqu

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 136 เผยธาตุแท้

    บรรยากาศในจวนโหวที่เคยสงบ เริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างแนบเนียนของสตรีอีกนาง หยางมี่อิงยังคงเข้ามาหาลู่ซือหนานบ่อยครั้ง ยิ่งช่วงที่เผิงเหยียนเฉิงต้องออกไปจัดการงานราชการต่างเมือง ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้นางได้ใช้เวลาอยู่ในจวนมากขึ้น ทว่าภายใต้รอยยิ้มและน้ำเสียงที่แสดงความสนิทสนมนั้น กลับซ่อนอะไรบางอย่างที่เสี่ยวหลานรู้สึกถึงบ่ายวันหนึ่ง ณ เรือนรับรองภายในจวนโหวลู่ซือหนานนั่งถักเชือกสีขาวแดงสำหรับทำเครื่องประดับทารกอยู่บนตั่งในสวน หยางมี่อิงเดินเข้ามาพร้อมตะกร้าผลไม้ในมือ“วันนี้ข้าแวะผ่านตลาด เห็นท้อขาวลูกสวยเลยซื้อมาฝากเจ้า” หยางมี่อิงยิ้มอ่อนโยน วางตะกร้าไว้บนโต๊ะหิน“หญิงตั้งครรภ์กินผลไม้สดดีต่อร่างกาย”“ขอบใจเจ้า มี่อิง” ลู่ซือหนานรับคำอย่างนุ่มนวล พลางวางเชือกในมือลง“เจ้าลำบากแวะมาหาข้าบ่อย ข้ารู้สึกเกรงใจนัก”“เจ้าเป็นเพื่อนเก่า ข้าดีใจที่ได้อยู่ใกล้ๆ ต่างหาก” หยางมี่อิงกล่าวพร้อมยิ้มหวาน ดวงตากวาดมองไปทางเรือนรอบข้าง แล้วเอ่ยขึ้นเหมือนไม่ตั้งใจ“ช่วงนี้ท่านโหวไม่

  • สยบรักยอดบัณฑิต   ตอนที่ 135 มาดีหรือมาร้าย

    ช่วงเวลาหลายวันถัดมา หยางมี่อิงเริ่มแวะเวียนมาหาลู่ซือหนานที่จวนโหวบ่อยขึ้น นางพูดจานุ่มนวล อ่อนโยน และมักนำของฝากเล็กๆ น้อยๆ มาให้ ไม่ว่าจะเป็นผ้าแพรลวดลายงามจากทางใต้ หรือสมุนไพรบำรุงครรภ์ที่ได้จากหมอชื่อดัง“ข้าเห็นเจ้ากำลังตั้งครรภ์ เลยปรึกษาผู้อาวุโสในเรือน ข้าว่าน้ำขิงสูตรนี้จะช่วยให้เจ้าหลับได้ดีขึ้นยามค่ำ” หยางมี่อิงยื่นถ้วยให้ลู่ซือหนานด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนลู่ซือหนานรับน้ำขิงมา แต่ไม่ได้ดื่มเข้าไป เพราะไม่ไว้ใจยาจากคนนอก “ขอบคุณเจ้ามาก ข้ามีบ่าวอยู่ แต่ก็อบอุ่นใจนักที่เจ้าห่วงใยถึงเพียงนี้”หยางมี่อิงนั่งลงใกล้ๆ พลางช่วยจัดเรียงผ้าปักลายที่สาวใช้พับไว้ข้างตั่ง“เจ้ารู้หรือไม่ ข้าอิจฉาเจ้ายิ่งนัก...” นางว่าเบาๆ“มีสามีดี มีลูกในครรภ์ และยังได้รับเกียรติให้ตั้งสำนักศึกษาอีก ข้าดีใจแทนเจ้านะซือหนาน”ลู่ซือหนานยิ้ม ไม่ได้กล่าวสิ่งใด แต่เก็บถ้อยคำเหล่านั้นไว้ในใจ นางสัมผัสได้ถึงความจริงใจปนเล่ห์นัยบางอย่างจากน้ำเสียงของเพื่อนเล่นวัยเยาว์ เหมือนสายลมอ่อนโยน แต่กลับแฝงความเยือกเย็นบางอย่าง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status