‘โอเค พักผ่อนเยอะ ๆ นะ’
‘อื้อ ขอบคุณนะ’
‘มีอะไรทักมาบอกเราได้เลยนะ’
กอหญ้าปิดหน้าจอมือถือวางไว้บนโต๊ะทันที ก่อนจะหันไปมองถุงข้าวของที่ซื้อมาห้าหกถุง อย่างเหนื่อยใจแต่ถึงอย่างนั้นมือน้อย ๆ ของเธอก็เอื้อมไปหยิบของในถุงออกมาอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเริ่มปฏิบัติการแม่บ้านในวันนี้
ก๊อก ก๊อก
“มาแล้วค่ะ”
เธอที่คิดว่าคนที่เคาะห้องอาจจะเป็นราชันย์ จึงรีบเปิดประตูออกโดยที่ไม่ได้ดูว่าใครมา และเมื่อประตูเปิดออกเธอก็เห็นว่าบุคคลนี้ไม่ใช่ราชันย์ แต่เป็นคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับราชันย์มาก ๆ ความหล่อเทียบกันได้แบบสูสีเลยก็ว่าได้ เพียงแต่คุณคนนี้จะมีสีผิวที่เข้มกว่าราชันย์นิดหน่อยเท่านั้น
“เอ๊ะ!! นี่ไม่ใช่ห้องเจ้าราชันย์หรอ”
“เข้าห้องผิดหรอคะเฮียมังกร”
“เอ่อ..ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ”
“มาหาราชันย์ครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ..”
“คุณราชันย์ไม่อยู่ค่ะ เอ่อ..ให้บอกว่าใครมาหาดีคะ”
“มังกรครับ เป็นพี่ชายเจ้าราชันย์ ขอเข้าไปรอในห้องได้ไหม”
“อ่อ .. ได้ค่ะ เชิญค่ะ”
“ว่าแต่ เราเป็นแม่บ้านคนใหม่ของเจ้าราชันย์หรอ”
“คะ? อ่อใช่ค่ะ..ตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวไปหยิบน้ำให้ค่ะ”
"รบกวนด้วยนะ ขอบคุณครับ"
"เอ่อ .. แล้วของพวกนี้เอาวางที่ไหนได้บ้างคะ"
"อ่อ ขอโทษค่ะอันนี้เดี๋ยวกอหญ้าเอาไปวางให้นะคะ"
"ขอบคุณมากนะคะ"
กอหญ้าหอบหิ้วถุงที่บรรจุผลไม้ทั้งสด และแห้ง หลายต่อหลายถุงไปวางที่บาร์ในห้องครัว ก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเปล่ามาเทสองแก้ว และหยิบขนมเค้กที่เพิ่งซื้อมาออกมาเพื่อเป็นอาหารว่างให้พี่ชายของราชันย์ กับผู้หญิงที่มาด้วย คาดว่าน่าจะแฟนของเขาละมั้ง แต่เธอสวยมากจริง ๆ หุ่นดีนึกว่านางแบบ หรือเธอเป็นนางแบบกันนะ
"เฮียมังกร .. เฮียว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่บ้านของราชันย์จริง ๆ หรอ"
"เฮียก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"แล้วไม่โทรบอกหรอ เราอยู่แบบนี้ราชันย์จะไม่ว่าเอาหรอ"
"เฮียโทรแล้ว เดี๋ยวมันก็มา"
พราวฟ้าพยักหน้ารับสองสามที ก่อนจะหยิบมือถือออกมาเล่นฆ่าเวลา เดิมทีวันนี้มังกรชวนเธอมากรุงเทพ เพราะมีประชุมกับบริษัทหุ้นส่วนใหญ่ เรื่องส่งออกผลไม้ไปดูไบ เลยหาเวลามาเยี่ยมราชันย์ด้วยเลยเพราะเฮียแกบอกว่าช่วงนี้ราชันย์ไม่กลับบ้านมานานแล้ว พ่อกับแม่ก็เริ่มถามหาแล้วด้วย
"น้ำค่ะ อันนี้ของว่างนะคะ .. ว่าแต่ ให้กอหญ้าติดต่อคุณราชันย์ให้ไหมคะ"
"ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวเขาก็มาแล้ว"
"งั้นขอตัวนะคะ"
มังกรยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาจดจ่อกับงานตรงหน้า ก็เวลาเป็นเงินเป็นทองนี่เนอะ จะให้นั่งรอเปล่า ๆ ก็ไม่ได้อีก
กริ๊ก!!
"มังกร"
"มาแล้วหรอ ฉันเอาผลไม้มาฝากให้แม่บ้านของแกเอาไปเก็บแล้ว"
"แม่บ้าน?"
"ใช่สิ คนสวย ๆ นั่นไง หรือว่าไม่ใช่?"
มังกรถามน้องชายที่ได้ชื่อว่าคาสโนว่าตัวพ่อเลยก็ว่าได้พรางหรี่ตาจับผิดราชันย์ที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วน เมื่อเห็นอาการน้องชายแบบนี้แล้วก็ยิ่งทำให้มังกรกระตุกยิ้มออกมา ไม่น่าจะเป็นแค่แม่บ้านทั่วไปแล้วละแบบนี้
"เรื่องแม่บ้านนั้นนะช่างเถอะ ว่าแต่ลมอะไรหอบแกมาถึงที่นี่"
"พาแฟนมาให้รู้จัก"
"พราวฟ้า.."
"ลืมไปสนิทเลยว่าพราวฟ้าเป็นเพื่อนแกนี่นา ดีเลย!! จะได้ไม่ต้องแนะนำตัวอะไรให้มากมายตอนนี้พ่วงตำแหน่งพี่สะใภ้ด้วย"
"สวัสดีราชันย์"
"ว่าแต่แค่พาแฟนมาแนะนำ แกคงไม่ถ่อมาถึงนี่หรอกมั้งมังกร"
"เออ ๆ มีเรื่องจะปรึกษาด้วย"
"ที่ไร่มีปัญหาหรอ"
"เปล่า .. ที่ไต้หวัน"
ราชันย์ไม่ได้พูดอะไรแต่รับรู้ได้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ราชันย์หันไปมองที่พราวฟ้าก่อนจะหันกลับมาที่มังกรเป็นเชิงถามว่าเรื่องนี้พราวฟ้ารู้ไหม มังกรไม่ได้พูดอะไร แต่ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบนั้นยิ่งทำให้ราชันย์ต้องระวังคำพูดมากยิ่งขึ้น
"พราวฟ้า ฉันอยากจะให้เธอช่วยทำกับข้าวหน่อยได้ไหม ไหน ๆ ก็อยู่กันหลายคนแล้ว ทานข้าวด้วยกันเลยสิ"
"ได้ซิ อยู่เฉย ๆ ก็เบื่อเหมือนกัน งั้นพราวไปช่วยแม่บ้านเธอนะ"
"อ่อ .. ฝากด้วยนะ"
ราชันย์หันไปมองที่พราวฟ้ากับกอหญ้าสักพัก ก็หันกลับมาคุยธุระกับมังกรต่อ ถ้าทำให้มังกรถึงกับมาที่นี่ได้ ต้องไม่ธรรมดา
"ตกลงมีอะไร"
"มันเริ่มแล้ว"
"ว่าไงนะ"
"อวี่เฟย มันเริ่มแล้ว"
"พ่อรู้เรื่องนี้หรือยัง"
"ฉันยังไม่ได้บอก"
ทั้งคู่คุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ราวกับฟ้าจะถล่ม ดินจะทลายอย่างไรอย่างนั้น และทั้งคู่ก็ต้องออกจากภวังค์ เมื่อพราวฟ้าและกอหญ้าเดินมาอยู่ข้าง ๆ
"ทั้งคู่คุยอะไรกัน ดูเครียดจัง"
"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ว่าแต่เธอเถอะมีอะไรหรอ"
"พราวจะมาบอกเฮียว่า พราวกับกอหญ้าจะออกไปซื้อของหน่อยนะ พอดีของสดที่อยากได้มีไม่ครบค่ะ"
"อ๋อ ระวังตัวด้วยนะ"
พราวฟ้าพยักหน้ารับ ก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปเมื่อทั้งคู่ออกไป ทิ้งให้สองพี่น้องเปลี่ยนมาเป็นบรรยากาศที่น่าอึมครึมเหมือนเดิม
"ไอ้ราชันย์ .. กอหญ้าน่ะ แค่แม่บ้านจริงหรอ!?"
กอหญ้าคลานขึ้นมาบนเตียงที่มีราชันย์นอนหน้ามุ่ยคอหักดั่งปลาทูแม่กลอง ก่อนจะมุดเข้าไปในผ้านวมผืนหนา มือเล็กลูบไล้ขาแกร่งของราชันย์อย่างเบามือ รับรู้ได้ว่าราชันย์เองก็เกร็งขาเป็นระยะ แต่ยังทำท่าทีไม่สนใจเมียเหมือนเดิมมือเล็กของกอหญ้าเลื่อนไปปลดเข็มขัดของเขาออก ปลดกระดุมกางเกงช้า ๆ รูดซิปออกก่อนจะดึงกางเกงของผู้ชายใต้ร่างของเธอออกอย่างง่ายดาย เหลือเพียงกางเกงในสีขาวแบรนด์ดังที่บัดนี้ปิดเจ้าโลกไว้ไม่มิดด้วยซ้ำ ราชันย์น้อยที่หัวเห็ดขนาดใหญ่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงใน ผงกหัวราวกับกำลังเชิญชวนให้เธอมาทำมิดีมิร้าย แต่เจ้าตัวกลับยังทำหน้ามุ่ยไม่สนใจ เพียงแค่ปลายนิ้วชี้ของเธอกระตุกทั้งกางเกงนอกกางเกงในของราชันย์ก็ถูกถอดออกโยนไปกองที่พื้นโดยที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่ขัดแม้แต่น้อยของเขามือเล็กของเธอกำเข้ากับเจ้าโลกที่ขยายเต็มที่ หัวเห็ดบานยั่วเย้าเหล่าแมลงมีน้ำหวานผุดออกมาจากปลายหัวเห็ดให้นิ้วชี้ของกอหญ้าได้ไล้วน สร้างความเสียวซ่านกระตุกถี่ กอหญ้าใช้ลิ้นอุ่น ๆ ไล้เลียไปที่หัวเห็ดบานจนทั่วยิ่งเธอวนรอบหัวมากเท่าไหร่ น้ำหวานที่ไหลเยิ้มก็ยิ่งผลิตออกมามากเท่านั้น ไล้เลียรอบหัวจนพอใจลิ้นของเธอก็ค่อย
“ค่ะเฮีย หญ้าได้ยินแล้ว เฮียดีใจเสียงดังไปแล้วค่ะ”“คุณแม่ฝากครรภ์เลยไหมคะ”“ฝากเลยค่ะ”“ได้เลยค่ะ”คนที่ดูจะตื่นเต้นสุดเหมือนจะเป็นผู้ชายข้าง ๆ มากกว่าเธอเสียอีก กอหญ้าที่เห็นราชันย์ดีใจมากก็ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ เธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเด็กผู้หญิงที่ครอบครัวล้มละลาย จะได้มีครอบครัวที่มีความสุขขนาดนี้ ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดแต่จะรีบให้หมดเวลาสัญญา ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอตกหลุมรักเขาโดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่แม้แต่จะชายตามอง ผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมายืนเคียงข้างเธอเป็นครอบครัวของเธอจริง ๆ“เฮีย”“ว่าไงจ๊ะเมียจ๋า”“หญ้ารักเฮียนะ”“เฮียก็รักหญ้า รักมาก ๆ รักที่สุดเลย”“แต่หญ้าเหม็นหน้าเฮียมากนะ”“…”“หญ้าว่าจนกว่าจะคลอด อยากให้เฮียอยู่ห่าง ๆ หญ้าหน่อยจะได้ไหมคะ”“แต่เฮียอะ..อยากอยู่กับหญ้าตลอดเวลาเลยจริง ๆ นะ”“อะแห่ม! เดี๋ยวเรื่องนั้นยังไงค่อยกลับไปตกลงกันเนอะ แต่ตอนนี้เรามาทำประวัติฝากครรภ์กันก่อนดีกว่าน๊า”ถึงแม้คุณหมอจะพูดแบบนั้น แต่แก้มหมอกลับยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นความมุ้งมิ้งของสองสามีภรรยานี้ ยิ่งทำให้หมอยิ้มแก้มแทบปริ กอหญ้าเองก็ลืมตัวว่ายังอยู่ที่โรงพยาบาล ทำ
กอหญ้าไม่ได้พูดเล่น แต่เธอรู้สึกว่าราชันย์นั้นมีกลิ่นตัวที่ผิดจากปกติ เป็นกลิ่นที่เตะจมูกแบบแปลกกว่าที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคงใช้แชมพูกลิ่นเดิม ครีมอาบน้ำกลิ่นเดิม และน้ำหอมก็ยังคงกลิ่นเดิม แต่สองสามวันมานี้เวลาเจอราชันย์กลับมีกลิ่นที่แปลกไป แต่เธอไม่กล้าพอที่จะบอกกับเขา กลัวว่าผู้เป็นสามีของตนจะน้อยใจแต่พอยิ่งเห็นเขา อาการเหม็นกลิ่นตัวเขาก็ยิ่งจุกในอกมากขึ้นจนบางครั้ง ก็อยากที่จะเดินหนีเขาให้พ้น ๆ ต่างกันกับราชันย์ที่มีความต้องการที่อยากจะคลอเคลียนัวเนียกับผู้เป็นภรรยาตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้อยากเห็นหน้าตลอดเวลา อยากจะไปไหนมาไหนทำอะไรด้วย เขารู้สึกว่ากลิ่นกายของกอหญ้าหอมเป็นพิเศษ และเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่รู้สึกคลื่นไส้เวลาพบเจอและเพียงแค่เขาออดอ้อนเมียได้ไม่นานนัก ความมวนท้องก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกจากหน้าห้องน้ำ ราชันย์ก็หันหลังตรงดิ่งเจ้าไปกอดคอชักโครกสุดที่รักเช่นเดิม กอหญ้าเองถึงแม้จะเห็นความทรมานของราชันย์ก็เถอะ แต่พอเธอจะก้าวขาเข้าไปลูบหลังก็ต้องชะงัก เพราะเมื่อเห็นหน้าราชันย์เธอเองกลับรู้สึกคลื่นไส้มาเสียอย่างนั้น
พิเศษ ตอนที่ 3...“หม่ำ หม่ำ”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเศษ ที่กำลังนั่งเก้าอี้รอกินข้าวอย่างใจจดใจจ่อ โดยที่เก้าอี้ข้างกันนั้นยังมีเด็กชายพี่น้องฝาแฝดที่ทำหน้านิ่งมองหน้าอลิซที มองหน้าผู้เป็นพ่อที และเด็กน้อยก็รอเพียงไม่นานผู้เป็นแม่อย่างกอหญ้าก็เดินมาพร้อมกับอาหารสีสันสดใสน่ารับประทานนำมาวางไว้ที่เก้าอี้ ส่งผลให้เด็กน้อยอารมณ์ดีอย่างอลิซปรบมือดีใจยกใหญ่“หม่ำ หม่ำ”“โอเค ข้าวมาแล้วลูกสาวป๊าจะได้กินข้าวแล้ว”“อาร์เดนหิวข้าวมั้ยลูก”“…”ไม่มีเสียงตอบรับจากลูกชายของเธอมีเพียงตาตาที่ดุราวกับเสือร้ายที่จดจ้องมองไปที่จานข้าวอย่างไม่ละสายตา ดูท่าทางแล้วเขาจะได้ลูกชายที่ค่อนข้างเงียบมากมาคนหนึ่งแน่นอน กอหญ้าไม่ลีลาให้ลูกต้องรอนาน เธอส่งสัญญาณให้ราชันย์เริ่มป้อนข้าวลูกได้ ถึงแม้อาร์เดนจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่พอเธอป้อนข้าวให้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะไม่ทาน ผ่านไปเพียงไม่นานข้าวผัดสีสันสดใสก็หมดเกลี้ยงจานทั้งคู่ สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก“หม่ำ”และยังคงเป็นเช่นนี้ อาร์เดนจะส่งเสียงร้องขอก็ต่อเมื่อเห็นจานผลไม้เท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ลูกชายของเขาแลดูจะชอบผลไม
“ยังเลย”“ทำไมเธอดูตื่นเต้นขนาดนี้”“ทำอย่างกับนายไม่ตื่นเต้น”“ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นะ”เพียงไม่นานประตูห้องคลอดก็ถูกเปิดออกโดยมีกลุ่มคุณหมอเดินออกมาสามสี่คน ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปหาคุณหมอทันที“คุณหมอคะ คนไข้ที่เพิ่งเข้าไปเป็นยังไงบ้างคะ คลอดหรือยังคะ”“คุณแม่ยังไม่คลอดนะคะ ปากมดลูกยังไม่เปิด”“เธอเป็นยังไงบ้างคะ”“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ แต่เบื้องต้นอายุครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด คลอดออกมาเด็ก ๆ อาจจะต้องเข้าตู้อบก่อนนะคะ”“ขอบคุณมากค่ะ”เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงก็ไม่มีท่าทีว่าเธอจะคลอด ทั้งธันวาและเว่ยเอินเองก็สลับกันลุกนั่ง วนอยู่หน้าห้องคลอด และไม่มีท่าทีจะคลอดง่าย ๆ ยิ่งทำให้เว่ยอินและธันวารู้สึกกังวลเพิ่มขึ้น“ไอ้ธัน”“มาสักที”“กอหญ้าเป็นไงบ้าง นานแล้วนะยังไม่คลอดอีกหรอ”“ยังเลย”“คุณเป็นใครคะ”“อ่อ..คนนี้เว่ยเอินที่เคยเล่าให้ฟัง..ส่วนนี่ราชันย์”“สวัสดีครับ”ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำความรู้จักกัน ก็มีกลุ่มคุณหมอสามสี่คนรีบวิ่งมาที่หน้าห้องคลอด ทำให้ราชันย์เองก็ตกใจไปด้วยเขาคว้าข้อมือของหมอผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้“เกิดอะไรขึ้นครับ”“คุณแม่มีภาวะครรภ์เป็นพิษครับ หมอขอตัวก่อนนะคร
เขาอุ้มกอหญ้าและเดินช้าๆ ให้เข้าไปนั่งรอในรถ ทางด้านเว่ยเอินเองเธอก็รีบวิ่งมาหอบหิ้วข้าวของอย่างพะรุงพะรังเข้าไปยัดไว้ในรถเช่นเดียวกัน ก่อนที่เธอกระโดดขึ้นรถด้วยความเร็วแสง เคาะเบาะรถเบา ๆ ให้ธันวานั้นขับรถออกไปอย่างรวดเร็วปลายทางคือโรงพยาบาล ถึงแม้โรงพยาบาลจะอยู่ไม่ไกลมากนักแต่ช่วงเวลานี้ รถบนท้องถนนย่อมมีมากกว่าปกติเพราะเป็นช่วงเวลาทำงานพอดีนั่นจึงทำให้รถของเขาที่กำลังจะมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลนั้นเกิดการล่าช้าอย่างช่วยไม่ได้ ธันวาที่พยายามเหยียบคันเร่งรถอย่างเต็มที่เพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ก็ต้องฟันฝ่ากับอุปสรรคบนท้องถนน คนข้างๆ เขาเองก็ต้องฝ่าอุปสรรคความเจ็บปวดที่รู้สึกได้เลยว่ามดลูกกำลังบีบตัวลง และเวลาต่อมาก็ยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปอีก เมื่อเธอรู้สึกว่าเบาะที่เธอนั่งนั้นตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน จะบอกว่าเธอฉี่แตกก็ไม่น่าจะใช่ เธอไม่รู้สึกเลยว่ามันไหลออกมาตอนไหน เมื่อรู้ตัวอีกทีมันก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว"น้ำเปียกเบาะหมดแล้ว""ห๊ะ! เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งคลอดนะ บนรถอันตราย""คุณธันวาขับเร็วกว่านี้ได้ไหม เห็นไหมพี่หญ้าหน้าซีดหมดแล้ว""ฉันก็กำลังรีบอยู่"ใ