โรงพยาบาล
ความเงียบปกคลุมพื้นที่ทั่วทั้งหน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในตัวเมืองท่องเที่ยวมากด้วยวัดเก่าแก่ขึ้นชื่อของไทย
แต่เสียงหัวใจของจันทร์เสี้ยวกลับดังก้องอยู่ในอกจนเหมือนจะหลุดออกมาเต้นนอกกาย
แววตาของเธอหม่นเศร้า ใบหน้าเปียกปอนไปด้วยคราบน้ำตาและเหงื่อจากความเหนื่อยล้าขณะเฝ้ารอคอยหมอเข้ากู้สัญญาณชีพผู้เป็นยาย
ดวงตาคู่นั้นจับจ้องบานประตูไม่กระพริบ มีเพียงบางคราวที่ปรายตามองน้องสาววัยหกขอบซึ่งนอนหลับอยู่บนตักของเธอ
เวลาผ่านไปช้า ๆ ในที่สุดประตูบานนั้น..
ประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออก พร้อมกับคุณหมอเดินออกมาด้วยสีหน้าเข้มขรึมเพื่อแจ้งอาการของยาย
"ญาติคนไข้ ของคุณยายดวงแขใช่ไหมครับ"
"ใช่ค่ะ"
"ตอนนี้คุณยายปลอดภัยแล้วนะครับ แต่ต้องรีบผ่าให้เร็วที่สุด ไม่อย่างงั้นอันตรายถึงชีวิต"
"เดี๋ยวหมอจะแจ้งแผนการรักษากับญาติอีกครั้งนะครับ งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ"
"ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ นะคะ"
เธอรู้สึกโล่งใจในทันทีที่ยายปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันเธอกลับเกิดความรู้สึกกังวล
เพราะยายต้องได้รับการรักษาต่อเนื่องไม่อย่างนั้นยายของเธอคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
"พี่คะ หนูปวดฉี่"
ในขณะเดียวกันเสียงของพระจันทร์ที่กำลังงัวเงียกึ่งหลับกึ่งตื่นเรียกหาพี่สาวด้วยอาการปวดฉี่ ได้ปลุกให้จันทร์เสี้ยวออกจากภวังค์ความคิด
"เดี๋ยวพี่พาไป"
มือน้อย ๆ จูงมือเรียวเดินมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ
ระหว่างทางเดิน ผ่านร้านสะดวกซื้อ พระจันทร์สลัดมือพี่สาว วิ่งไปยืนเกาะกระจก มองขนมเรียงรายน่าทาน
และภาพสะเทือนใจพี่สาวเช่นเธอคือ เด็กสาวตัวน้อยแก้มใสคนหนึ่งที่กำลังหยิบขนมใส่ตะกร้าอย่างล้นหลาม โดยที่พ่อกับแม่ไม่ห้าม
"พระจันทร์ ไปกันเถอะห้องน้ำทางนี้"
เธอวางมือเบา ๆ โอบไหล่น้องสาว พระจันทร์แหงนหน้ามา ด้วยสายตาเศร้าหม่น พร้อมกับตัวที่ไม่ยอมผละตามออกไป
"พี่คะ หนูหิว"
เสียงของน้องมันไม่ได้ดังมากแต่มันกระเทือนไปถึงขั้วหัวใจของเธอ มือบางล้วงหาเงินในกระเป๋า พบเพียงเงินเหรียญสามบาท
ความรันทดถึงขนาด แม้เพียงเงินซื้อขนมสักชิ้นยังไม่อาจทำได้ มันสร้างความอดสูใจให้แก่เธอเป็นอย่างมาก
เธอพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมาเอาไว้อย่างสุดกำลัง ขาทั้งสองทรุดลงพื้นอย่างอ่อนแรง และดึงน้องสาวเข้ามากอด
"พี่ไม่มีเงินเหลือเลย วันหลังนะพี่สัญญาน้องจันทร์"
...เพียงแค่ขนมชิ้นเดียว ทำไมฉันถึงไม่สามารถทำให้ให้น้องได้...ยิ่งคิดหัวใจของผู้เป็นพี่ที่เป็น ทั้งพ่อและแม่ให้กับน้อง มันกลับมีแต่รอยน้ำตา
"ค่ะ"
เสียงขานรับอย่างว่าง่ายของพระจันทร์ หัวใจของเธอราวกับว่าเหมือนโดนเข็มทิ่มนับพันนับหมื่น
ถึงแม้พระจันทร์ยังเด็กมากแต่ก็เป็นเด็กรู้ความ เธอเข้าใจฐานะทางบ้านดี จึงไม่งอแง และเดินตามพี่สาวไปเข้าห้องน้ำ
หน้าห้องน้ำ
สายตาว่างเปล่า มองทอดออกไปอย่างไร้ทิศทาง
...ตั้งแต่ปีนั้นเพราะ ลูกผู้มีอิทธิพลประจำถิ่น ไม่เคารพกฎจราจร นำมาซึ่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ แก่ครอบครัวของเธอ
ทั้ง พ่อ แม่ น้าสาว และน้าชาย พวกเขาต่างจากไปพร้อมกันในวันนั้น
อุบัติเหตุที่คู่กรณี สมอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจและคดีก็จบลงที่ประมาทร่วม เป็นแค่เพียงตำนานให้คนเล่าขาน
ความยุติธรรมไม่เกิดกับผู้ยากจน...
ครอบครัวที่เคยอบอุ่นบัดนี้ เหลือเพียงยายที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร เธอจันทร์เสี้ยว และน้องสาว
...ภาพบรรยากาศทานข้าว เสียงหัวเราะเรื่องมุกตลกในโต๊ะอาหาร กับข้าวรสมือแม่ พ่อที่ทำตามใจแม่ทุกอย่าง น้าชายที่รักหลานสุดชีวิตและน้าสาวผู้ช่างเพ้อฝันเพราะชอบอ่านนิยาย...มันไม่มีอีกแล้ว...
จากเด็กสาวตัวน้อยของบ้าน ในวันนั้น
และในวันที่...ไม่เหลือที่พึ่งพิง จันทร์เสี้ยวจึงต้องกลายเป็นเสาร์หลักของบ้าน
ดูแลยายที่ป่วยต้องได้รับการรักษาโดยด่วน และให้คุณภาพชีวิตพื้นฐานแก่พระจันทร์แทนพ่อกับแม่
วุฒิการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายหางานลำบากแถมเธอไม่อาจทอดทิ้งคนที่เหลือเพียงไม่กี่คนในโลกใบเล็กของเธอไว้ตามลำพัง
จันทร์เสี้ยวรับจ้างทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน แต่ก็ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายภายในบ้าน
...อะไรกันนะที่เธอทำแล้วถึงจะได้เงินเยอะ ๆ มาจ่ายค่าผ่าตัดของยาย และเลี้ยงน้อง เธอต้องทำอย่างไร...แม่คะ พ่อคะ จันทร์ต้องทำอย่างไรคะ...
~ตุ๊บ~โครก~
ร่างบางยืนอย่างเลื่อนลอยไม่ทันระวังโดนอกกว้างของบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังกดโทรศัพท์ไม่มองทางชนเข้าให้อย่างเค็มแรง ทำเอาเธอถึงกับเซถลาล้ม ลงพื้น
น้ำตาที่ทนเก็บไว้ บัดนี้มันได้พังทลายพร้อมกับตัวเธอที่ล้มฟุบอยู่ที่พื้น
"ขอโทษนะครับ เป็นอะไรหรือเปล่า"
บุรุษสูงโปร่งผู้นั้นรีบละสายตาจากมือถือ พยุงร่างบางที่เขาเผลอชน
เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ เพราะมันสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เธอคงจะเจ็บมากถึงได้เสียน้ำตา
"ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ"
"เดี๋ยวผมพาไปหา หมอเดินไหวไหม"
เขากำลังพยายามชดเชยโดยจะอุ้มเธอไปหาหมอ
"ฉันไม่เป็นไรค่ะ อย่าสนใจฉัน"
"ไม่เป็นไรได้ยังไง คุณร้องไห้ขนาดนี้ "
"ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ"
ร่างบางรีบยันตัวลุกขึ้นพร้อมกลับกำลังจะเดินจากไป
~หมับ~
แขนเรียวถูกคว้าเอาไว้
"ผมรู้สึกผิดจริง ๆ ครับ "
"ไม่รู้ว่าคุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" "ถ้าเกิดคุณกลับบ้านไปแล้วมีปัญหาหรือบาดเจ็บตรงไหน"
"โทรหาผมนะครับ ผมยินดีช่วยเสมอ"
เขาวางกระดาษหนึ่งใบบนมือของจันทร์เสี้ยว ก่อนเดินจากไปยังห้องน้ำชายอีกฝั่ง
หลังจากเขาเดินจากไป เธอพลิกกระดาษใบนั้น เป็นนามบัตรปรากฏชื่อพร้อมที่อยู่เบอร์โทร
คุณทิวสน ศิลายางกูล (ทิวสน)
"พี่คะไปกันเถอะ"
เธอเก็บกระดาษใบนั้นเข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนจูงมือพระจันทร์ไปเฝ้ายาย
วันถัดมา
แสงแดดในตอนเช้าไม่ร้อนมากมายแต่แสงของมันทำให้เธอเดินหลบเลี่ยงเพื่อไม่โดนมัน ร่างกายที่เหนื่อยล้า มิสู้หัวใจที่อ่อนแรง
วันนี้เธอมาพบหมอเพื่อรับทราบแผนการรักษาของยาย ความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่
ค่ารักษาของยายสามารถใช้สิทธิ์ค่ารักษาสำหรับคนไทย แต่ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่ม 25,000 บาท
สำหรับเธอและครอบครัว มันเป็นเงินจำนวนไม่น้อย แม้แต่เงินจะซื้อข้าวสารกรอกหม้อให้พ้นแต่ละเดือนยังยาก
ใบหน้าอิดโรยจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ พร้อมกับอาหารยังไม่ตกถึงท้อง ร่างกายจึงส่งสัญญาณเตือน
ทุกอย่างดับวูบมืดสนิท
"คุณครับ คุณ"
พลเมืองดีเดินตามหลังมา เข้าช่วยเหลือทันท่วงที เมื่อหญิงสาวตรงหน้าจู่ ๆ เกิดเป็นลมลัมพับลงไปที่พื้น
เขาจำเธอได้หญิงสาวที่เขาชนล้มหน้าห้องน้ำ เมื่อหลายวันก่อน
เขาจดจำเธอได้ดี ไม่เรียกร้อง ไม่ต้องการความรับผิดชอบจากอีกฝ่ายทั้งที่เป็นผู้ถูกกระทำ
ร่างบางไร้สติ แขนแกร่งถือวิสาสะอุ้มเธอไปยังตึกรับผู้ป่วยเบื้องต้น
บุรุษพยาบาล เห็นคนในอ้อมแขนหมดสติเขารีบเข็นเตียงมารับ เธอที่นอนแน่นิ่งไปไม่ไหวติง
"ฝากด้วยนะครับ ผมรีบ ผมเจอเธอเป็นลมอยู่ เลยพามาส่งโรงพยาบาล"
...
ภายในห้องฉุกเฉิน เสียงผู้คนขวักไขว่ ทำงานอย่างรีบเร่ง ค่อย ๆ ดังเข้าไปในการรับรู้จากการหมดสติ จันทร์เสี้ยวลืมตาตื่นขึ้นมา กวาดสายตามองไปทั่วห้อง
"ฟื้นแล้วเหรอคะ คนไข้เป็นลมค่ะ"พยาบาลสาวสวยเดินเข้ามาเพื่อสอบถามอาการ
"หนูมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงคะ"
เธอยันตัวลุกขึ้นนั่ง นึกภาพในหัว ถึงลำดับเหตุการณ์ ก่อนที่ตนจะหมดสติ
"พลเมืองดีพาคุณมาส่งค่ะ รอน้ำเกลือหมดก็กลับบ้านได้ค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
ในระหว่างนอนรอน้ำเกลือหมด เธอค่อย ๆ ไตร่ตรองซ้ำ ๆ ไปมาอยู่หลายรอบ ถามหัวใจตัวเองบ่อยครั้ง คำตอบที่ได้คือ
หากไม่ทำเช่นนี้ เงินรับจ้างทั่วไปไม่พอค่ารักษาของยาย
และชุดนักเรียนราคาไม่กี่ร้อยแต่แสนแพงสำหรับเงินในกระเป๋าเธอ สร้างความรู้สึกผิดที่มีต่อพระจันทร์ไม่น้อย
ศักดิ์ศรีของคนยากจนเช่นเธอ แต่เดิมที ไร้คนมองเห็น
เพราะสำหรับคนรวยแค่ปรายตามองด้วยหางตาก็ถือว่าบุญแล้ว พวกเธอก็แค่ขยะมูลฝอยไร้ค่า ไร้ราคา และเพื่อคนที่เธอรักแล้ว
ต่อให้แลกด้วยวิญญาณ
เธอยอมแลก เธอจะขายมัน
เธอก็จะทำ
โซ่ตรวนแห่งความจนที่พันธนาการเอาไว้ เธอจะเป็นคนปลดมันเอง
"ยายจ๊ะ ยกโทษที่หลานไม่อาจทำตามคำสอนของยาย"
"เพื่อยายจะได้หาย และพระจันทร์จะได้มีเงินเรียน"
อีกฝากหนึ่งของเมือง
เรือนดอกแก้ว แม่ออนผู้มากด้วยอิทธิพล ขึ้นชื่อลือชา เรื่องให้โอกาสเด็กสาวที่มีใจรักงานบริการ
ใครขี้เกียจทำงานไม่ชอบตากแดด เหงื่อออกในที่แจ้ง แล้วชอบเหงื่อออกในห้องแอร์ หวังความสุขสบาย ใช้เรือนร่างแรกเงิน
เรือนดอกแก้วพร้อมอ้าแขนรับอย่างเต็มใจ
วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาส่งจันทร์เสี้ยวถึงหน้าประตูเรือน เธอยืนนิ่ง ดวงตากลมโตเบิกกว้างกระพริบถี่ มองประตูอย่างเต็มตา
ที่นี่...คือที่...เธอจะขายความเป็นคน ใช้เรือนกายแลกชีวิตของยาย
ทุกคนล้วนมีฝัน จันทร์เสี้ยวเองก็เช่นกันฝันถึงชายหนุ่มในดวงใจ ความบริสุทธิ์ที่มีเธอหวังมอบให้เขาในวันวิวาห์
แต่นั้นมันเป็นอดีต.. ความคิดเพ้อฝันถึงความรักหวานชื่นเช่นเด็กสาวทั่วไปถูกพับเก็บใส่กุญแจปิดตาย
เมื่อเธอต้องกลายเป็นเสาร์หลักของบ้านเธอมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ แม่สามีบ้านไหนเลยจะยอมรับคนแบบเธอเป็นสะใภ้
ใครเล่าจะยอมปล่อยให้ลูกของตนมาลำบากกับผู้หญิงที่ไม่อะไรเชิดหน้าชูตาแก่วงศ์ตระกูลเขาได้
เธอปัดไล่ความคิด และยอมรับในโชคชะตา
หลับตาข้ามผ่านธรณีประตูไป มีสตรีท่านหนึ่งออกมาต้อนรับ และเชิญเธอเข้าไปยังห้องส่วนตัวเจ้าของเรือนดอกแก้วแห่งนั้น...
ในเมื่อขาก้าวเข้าประตูไปแล้ว ไม่มีทางถอยแล้วนะจันทร์เสี้ยว...
เช้าวันนี้ทิวสนเดินทางไปทำงานทั้งที่เมื่อคืนป่วยหนัก ใจเขาไม่อยากทิ้งภรรยาคนงามไว้ที่บ้านเพียงลำพัง แต่ด้วย โครงการเร่งด่วน บีบบังคับให้เขาพากายที่ไร้หัวใจเข้าประชุมพนักงานทุกฝ่ายเข้าประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อได้เผลอทำในสิ่งที่เจ้านายไม่ได้สั่งและปิดบังจนเรื่องบานปลาย หัวหน้าโครงการนั่งตัวเกร็งเหงื่อตกเปิดหาเอกสารด้วยอาการร้อนรน"นี่ครับ คุณทิวสนเอกสารที่คุณต้องการ"มือที่ยื่นแฟ้มเอกสารให้ผู้เป็นนายด้วยอาการสั่นเทาเล็กน้อย ก่อนจะปาดเหงื่อบนใบหน้า สายตาคมเข้มรอบมองลูกน้องอย่างเงียบ ๆ ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้พนักงานในห้องประชุมถึงกับงงกันเป็นแถว "ในเมื่อผิดพลาดไปแล้ว ก็ต้องรีบแก้ไข วันนี้ทุกคนคงต้องอยู่ทำงานจนดึก เดี๋ยวให้ฝ่ายบุคคลสั่งอาหารเย็นให้ วันนี้พอแค่นี้ไปทำงานเถอะ"ทิวสนในสายตาลูกน้องคือคนเคร่งคัดเป็นระเบียบ ดุ จริงจังกับการทำงานห้ามผิดพลาดและบทลงโทษสำหรับคนผิดพลาดนั้น ทุกคนต่างพากันหวาดกลัวเป็นที่สุด กร ถอนหายใจทันทีที่หลังพ้นประตูห้องประชุม สำหรับเขาแล้วมันคือขุมนรกที่มัจจุราชกำลังพิพากษาตัดสินโทษแก่ดวงวิญญาณผู้ได้พลั้งมือฆ่าคน "นึกว่าจะโดนไล่ออกซะแล้ว""นั่นสิ สาธุ ศั
ใบหน้าหล่อคมเต็มด้วยรอยช้ำ เสี่ยงเพ้อหลุดจากปากปลุกให้ร่างอวบอิ่มตกใจตื่นขึ้นมา"คุณทิวสน คุณทิวสนคะ"เธอเอ่ยเรียกด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น ทว่าคนที่เธอเอ่ยปากเรียกกลับไร้เสียงตอบรับ แถมยังเพ้อไม่หยุด จันทร์เสี้ยวสลัดความง่วงที่เกาะกุมให้หลุดก่อนใช้มือไปสัมผัสตัวเขาพลางเขย่าเบา ๆ นอนอะไรขนาดนั้น เรียกก็แล้ว เขย่าก็แล้ว เธอนึกโมโหในใจ มือเรียวจึงคว้าเปิดๆหัวเตียงก่อนขยับลุกขึ้นนั่ง ตั้งท่าจะไปบ่นให้เขาเสียเต็มที่ ทว่าใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้ซีดเซียวราวกับไก่ต้ม เธอใช้มืออังวัดไข้ เพียงสัมผัสบางเบาก็รับรู้ได้ถึงความร้อนระอุเธอจึงรีบลุกจากเตียงเดินตรงไปยังห้องแต่งตัว เปิดหาผ้าขนหนูผืนเล็กสำหรับเช็ดตัว ไม่นานเธอกลับออกมาในมือถือถังใส่น้ำอุ่นและกระเป๋ายาเดินตรงมายังเตียง เปิดกล่องยาใช้เครื่องวัดไข้ วัดที่หน้าผากเขาหน้าจอแสดงผลอุณหภูมิสูงถึงสามสิบเก้าองศา ไข้สูงเชียว ทำไมฉันต้องมาดูแลคนที่ทิ้งฉันไปด้วย แต่ช่างเถอะพรุ่งนี้ยังไงฉันก็จะไปจากที่นี่แล้ว แค่ตอนนี้ช่วยเหลือถือซะว่าเอาบุญ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น ท่องไว้ จันทร์เสี้ยวเมื่อนึกได้ดังนั้นเธอจึงเริ่มลงมือเช็ดตัวให้เขาจนไข้ลดลง ความเ
"คุณเห็นจันทร์เป็นอะไร" มือบางที่กำแน่น...มันแน่นจนตัวเธอเองก็รับรู้ได้ถึงรอยเล็บที่ฝังลงบนเนื้อตัวเอง ทุบไปยังไหล่เขา ที่บัดนี้ไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระความเจ็บคอยย้ำเตือนตนเองภายในใจ...เจ็บตอนนี้ดีกว่ากลับมาอยู่ในสถานะเขารักก็ดีด้วย พอไม่รักเขาก็ไม่เห็นค่า..."โอ๊ย"ใบหน้าคมถึงกับนิวหน้า ราวกับว่าโดนของมีคมแทงทะลุเนื้อไหล่เขา เลือดค่อย ๆ ซึมทะลุชุดนอน"คุณเป็นอะไรคะ ทำไมถึงมีเลือด" เธอรีบปลดกระดุมเสื้อเพื่อดูที่มาของเลือดเขาไม่ตอบกับเพียงยิ้มที่เห็นคนบางคนเมื่อกี้ยังต่อว่าเขาอยู่ พอเห็นว่าเขาไม่สบายกลับแสดงอาการเป็นห่วงทันทีที่ปลดเปลื้องเสื้อออกเผยให้เห็นท่อนบนที่เปลือยเปล่ากล้ามเนื้อเป็นลอนที่เธอคุ้นเคย เลือดแดงฉานซึมทะลุผ้าปิดแผลเพราะเธอเป็นคนทำ"แผลน่าจะปริ ไปหาหมอเถอะค่ะ"เธอที่ทำเตรียมจะลุกพาเขาไปหาแต่มือหนายังคงรั้งเอวบางไว้ในอ้อมแขน"ไม่ต้องไปหรอก...แค่หนูห่วงใยพี่แผลนี้ก็หายแล้ว"คำที่เขาเอ่ยออกมามันทำให้ใจของเธอราวกับดอกไม้แห้งเฉาได้รับน้ำจากคนสวน สดชื่นแต่ต้องรอคอย ซึ่งเธอไม่อยากเฝ้ารอการดูแลจากใครอีก เธออยากเป็นดอกไม้ที่เติบโตข้างริมน้ำ"แค่วันนี้เท่านั้นค่ะ พรุ่งนี้จั
บรรยากาศภายในรถปกคลุมไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดัง สายตาคู่งามมองทอดออกไปนอกบานกระจกรถ ใจอยากให้ถึงบ้านเสียเร็ว ๆ ไม่ต้องทนอยู่กับซาตานน้ำแข็งเช่นเขา ถึงแม้ว่าช่วงนี้ท่าทีของเขาแปลกไป อ่อนโยนขึ้น เธอก็ไม่อาจคาดเดาความคิดเขาได้ว่าจะระเบิดความเคียดแค้นใส่เธออีกตอนไหน ทว่าวันนี้เขาขับช้ากว่าปกติ ยิ่งกินอิ่มท้องผนวกกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศเธอรู้สึกสบายตัวจนไม่อาจต้านทานความง่วง ผล็อยหลับไปในที่สุด สายตาคมลอบมองเธอลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอจากร่างบางที่บัดนี้อวบขึ้นเล็กน้อยกำลังนอนหลับตาพริ้มแก้มเนียนอมชมพู ในขณะเดียวกัน มือหนารีบประคองใบหน้างามที่กำลังเอนตกจากการหลับลึกให้อยู่ในท่าที่นอนสบาย อย่างเบามือ อย่างเกรงกลัวว่าเจ้าของความงามนี่จะตื่น เปรียบดั่งรักษาน้ำหยุดสุดท้ายที่มีในมือไม่ให้ร่วงหายไป ทว่ามือบางกลับไม่ยอมปล่อยแขนของเขาให้เป็นอิสระเธอดึงรั้งเอาไว้ก่อนขยับตัวเข้าหากอดแขนของเขาแน่นยิ่งกว่าเชือกที่ผูกตาย...ไม่สามารถหาทางแก้ได้ "คนใจร้าย..."เสียงหวานพร่ำเพ้อพูดในขณะที่ยังหลับ แม้ยามหลับฝันเธอยังต่อว่าเขาขนาดนี้ นับประสาอะไรกับตอนตื่นเธอต้องไม่ให้อภ
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบชั่วขณะ ทุกคนทานข้าวอย่างเงียบ ๆ อย่างรอคอยคำตอบ ของจันทร์เสี้ยว "แต่ยายว่ามันคือข่าวดีสำหรับบ้านของเรานะลูก ไม่ผิดแน่นอน อาการของทิวสนเหมือนคุณตาตอนที่ยายตั้งครรภ์แม่เข็ม และเหมือนพ่อไผ่ตอนที่แม่มะลิตั้งครรภ์ทิวสน บ้านเรามันเป็นกรรมพันธุ์สามีแพ้ท้องแทนภรรยา" "ตอนนี้ทิวสนเหมือนตาสมัยหนุ่ม ๆ ง่วงนอนท้้งวัน แถมทานต้มกล้วยอีกอาการชัดขนาดนี่" "วันนี้ข่าวดีจริง ๆ อยู่ที่นี่กับตาและยายนะจันทร์เสี้ยว ไม่ต้องไปไหน ส่วนใครมันไม่ยอมรับอะไร ก็ปล่อยมันไป ตาเลี้ยงเองเหลนคนนี้" "ค่ะ ขอบคุณสำหรับความรักที่คุณตาและคุณยายมอบให้จันทร์นะคะ แต่จนไม่อาจทนอยู่ในที่มองว่าจันทร์ทำผิดได้ ให้ฉันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เถอะนะคะ หนูขอร้อง" "เด็กต้องเกิดท่ามกลางสายตาคนเป็นพ่อที่ไม่ยอมรับแม่ของเขามันโหดร้ายเหลือเกิน....สำหรับผ้าขาวหนึ่งผืน" ไม่เป็นไรเลยนะลูกแม่สามารถเลี้ยงลูกได้ เธอสื่อสารกับลูกในท้อง การแต่งงานครั้งนี้ค่าสินสอดแต่งงาน ยายของเธอไม่เรียกร้องสักบาท ขอเพียงเขาดูแลเธอเท่านั้นเอง ทว่าในเมื่อมันไปต่อไม่ได้ ถอยออกมาย่อมดีกว่า เงินค่าสินสอดที่เธอได้พอทำให้เธอยกฐานะจากหาเช้
หลังจากหย่าทิวสนคิดว่าตนเก่ง เพราะเขาเคยได้รับวัคซีนทางใจมาแล้วจากภรรยาคนเดิม พอแต่งอีกครั้ง มันยังผิดหวังอีก เขาจึงมองว่ามันเป็นแค่จุดเปลี่ยนของชีวิตเวลาผ่านไปสองเดือน เขากลับหวนคิดถึงแววตานั้นอีกครั้ง นี่นายเป็นอะไร แค่เด็กขายตัวคนเดียว ที่เปลี่ยนมาเป็นเมียแต่งแค่ไม่กี่คืน จะคิดถึงทำไม นายนอนกับผู้หญิงมาตั้งเท่าไหร่ แต่ทว่าตั้งแต่เลิกกับเธอไป...เขาไม่เคย ซื้อใครอีกเลย เขาเลือกที่จะทำงานหนักในทุกวันเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นกลบความคิดถึงที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบ ๆ ให้ดับวูบในทันที กิตตินำกาแฟมาเสริฟเขาตามเช่นเคยในทุกวัน"อเมริกาโน่ครับ"เอาออกไปเลย เหม็นจนเวียนหัวจะอ้วกเขาเอามืออุดจมูก พร้อมเดินเข้าไปยังห้องส่วนตัวที่คล้ายกลับยกบ้านมาไว้ที่ทำงาน "นายเลื่อนประชุมหน่อยนะ ฉันไม่สบาย"เขาพูดพลางล้มตัวลงนอนที่โซฟาหลับยาวตั้งแต่สิบเอ็ดโมงถึงสี่โมงเย็นเขาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเวียนหัวอยู่ดี ง่วงนอน อยากทานของดอง...เขานึกพลางคิดว่าจะไปทานที่ไหนได้"กลับโรงแรม หรือคอนโดครับ"กิตติเตรียมตัวเก็บของและขับรถไปส่งผู้เป็นนาย"กลับบ้านสวน"เขาเอ่ยพร้อมเดินผ่านห้องพักพนักงาน ได้กลิ่นบางอย่าง เขา