เสียงเปิดประตูเบาๆ ที่ดังขึ้นมานั้น ทำให้คนที่กำลังจมดิ่งอยู่กับอดีตอันขื่นขมของตัวเองต้องหันไปมอง ก่อนที่รอยยิ้มบางเบาจะค่อยๆ เผยขึ้น ยามเมื่อได้เห็นหน้าของผู้มาเยือนอย่างชัดๆ
“คุณท่าน…”
“บอกให้เรียกฉันว่าปู่ไงเด็กคนนี้” ท่านสันติตอบรับอย่างไม่คิดถือสาหาความอะไร เพราะว่าสายตาของท่านในตอนนี้นั้น มันกำลังพุ่งตรงไปยังเจ้าตัวเล็ก ที่กำลังนอนหลับสบายในอ้อมแขนของผู้เป็นแม่เสียมากกว่า ยิ่งได้เห็นหน้าใกล้ๆ ก็ยิ่งหลงรัก
“หน้าตาเหมือนพ่อมันตอนเด็กๆ ไม่มีผิด แล้วนี่ตั้งชื่อรึยัง” ถามออกไปแล้วก็อดลุ้นไม่ได้ เพราะท่านเตรียมชื่อดีๆ มาด้วย และหากคนตรงหน้าอนุญาต ก็อยากเป็นคนตั้งชื่อให้กับเหลนคนแรก แต่เรื่องนั้นจะทำได้ก็ต้องได้รับอนุญาตจากแม่เด็กเสียก่อน
“ยังเลยค่ะ”
“พ่อชื่อคชา แม่ชื่อพรรณรี ชื่อคชาลีเป็นไง ชื่อเล่นก็หนูรินแล้วกัน”หญิงสาวได้แต่ยิ้มรับทั้งน้ำตา แน่นอนว่าเธอชอบชื่อนี้ และก็คิดว่าลูกสาวเองนั้นก็น่าจะชอบชื่อที่คุณปู่ปวดตั้งให้เช่นกัน
ชายชราอยู่เล่นกับเหลนที่แสนจะน่ารักน่าชังราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบตัวน้อยตลอดวันที่เหลือ ก่อนจะขอตัวกลับเมื่อเห็นชัดด้วยสองตาของตัวเองแล้วว่านอกจากท่านแล้วนั้น ตลอดทั้งวันก็ไม่มีใครคนไหนอีกเลย ที่คิดจะแวะไปเยี่ยมพรรณรีกับลูก
“ไปไหนมาเหรอคะคุณพ่อ” เป็นสินีนาถที่ถามขึ้น ก่อนจะก้มหลบสายตาเอาเรื่อง ที่พ่อของสามีมองตอบมาให้กันทันควัน
“ก็ไปทำหน้าที่แทนพวกแกทุกคนมาไง! แล้วนี่อยู่กันครบแบบนี้ แต่กลับไม่มีหมาตัวไหนโผล่ไปเยี่ยมเหลนฉันกันเลยสักคน จะไม่ใจดำผิดมนุษย์มนากันไปหน่อยรึไง!” ต่อให้จะเกลียดชังแม่ของเด็กกันสักแค่ไหน แต่เหลนตัวน้อยของท่านนั้นไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลยสักนิด ทำไมถึงได้โดนเหมารวมไปด้วยแบบนี้!
“ถึงตัวไม่ได้ไป แต่นาถก็ส่งของเยี่ยมไปแล้วนะคะ แค่นี้ยังไม่พอใจอีกรึไง!” เดิมทีนางเองก็ตื่นเต้นอยู่หรอก แต่พอมานึกถึงวีรกรรมที่เด็กนั่น ทำลายชีวิตของลูกชายคนโตก็พาลโกรธไปหมด
ส่วนหลานนั้นนางกับสามีก็ตั้งใจจะไปหาอยู่ รอจังหวะเหมาะๆ ก็เท่านั้น ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรอย่างที่ท่านว่าสักนิด!
ออกจะออกอาการหลงเสียด้วยซ้ำไป!
“ก็ถ้าเกลียดสองแม่ลูกนั่นกันนัก ต่อไปก็อย่าให้ฉันเห็นพวกแกเข้าใกล้เหลนฉันแม้แต่ก้าวเดียว!” ในเมื่อที่ผ่านมาไม่มีใครเลยสักคนที่จะใยดีสองแม่ลูกนั่น ต่างนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ไปเลย
“คุณพ่อ! แต่นั่นมันหลานนาถนะคะ!” ต่อให้จะเป็นหลานที่เกิดจากผู้หญิงที่นางไม่เคยชอบขี้หน้าแต่อย่างไรเสียก็คือหลาน
ท่านหรือใครหน้าไหน ไม่มีสิทธิ์มาห้ามนางเข้าใกล้ทั้งนั้น!
“หลานที่ย่ามันไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแลน่ะเร๊อะ สู้ไม่มีเสียยังจะดีกว่า!เอาเป็นว่าทำตามที่ฉันสั่งก็แล้วกัน จากนี้ไปก็ต่างคนต่างอยู่ ในเมื่อเกลียดกันนัก ก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกันอีก…”
“คะ…คุณพ่อหมายความว่ายังไงคะ”
“เด็กนั่นต้องการหย่า…หายตกใจเมื่อไหร่ก็ช่วยไปบอกลูกชายสุดที่รักของเธอด้วยก็แล้วกัน ว่าให้มันหาวันว่างไปจัดการเรื่องนี้ให้กับหนูนารีเขาด้วย เร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี!” เพราะไม่คิดว่าเด็กคนนั้นจะกล้าเอ่ยเรื่องหย่าขึ้นมาด้วยตัวเองก่อนแบบนี้ คนได้ยินก็พากันตกใจจนพูดอะไรไม่ออกไปนานหลายนาที และนี่ไม่ต้องนับรวมไปถึงคชา ที่ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้จะรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง และหากรู้แล้ว อีกฝ่ายนั้นจะรู้สึกเช่นไรกับเรื่องนี้นั้น ไม่อาจคาดเดาได้จริงๆ
พรรณรีกับลูกได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ในอีกสามวันหลังจากนั้น ก่อนที่ท่านสันติจะให้มือขวาของท่านขับรถไปรับเธอกับลูกมาส่งที่บ้านด้วยตัวเอง บ้านที่บัดนี้ไม่ได้เงียบเหงาเหมือนทุกที เพราะมีคนถึงสามคนบุกมาหากันถึงที่
“คุณหญิง…”
“ใจคอเธอจะปล่อยให้พวกฉันยืนตากแดดอยู่ตรงนี้มันทั้งวันเลยรึไง!” หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลับให้คนทั้งสาม ได้เดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน
“ชะ…เชิญค่ะ” คุณสินีนาถไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากเดินตามหาใครบางคนที่นางอยากเจอสักครั้ง ซึ่งมองหาเพียงไม่นานก็พบเข้ากับร่างเล็กจ๋อยที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเบาะกลางห้องรับแขก ภาพนั้นทำให้ใจคนเป็นย่าอ่อนยวบไม่ต่างอะไรกับสามีของนาง ที่ก็กำลังจ้องมองหลานอยู่เช่นกัน ในส่วนของคุณชายคนเล็กนั้นไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมาเท่าไหร่ เพราะตลอดสามวันที่ผ่านมานี้ เป็นเขาเองที่มักจะแวะมาเยี่ยมหลานสาวไม่เคยขาดเพราะโดนความน่ารักของแกตกเข้าอย่างจัง
“คะ…คุณคะ!” กระทั่งเมื่อปลายนิ้วหนาค่อยๆ แทรกผ่านความคับแน่นที่ชุ่มช่ำ มายังจุดที่แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่เคยล้วงล้ำลึกซึ้งถึงเพียงนี้ เสียงหวานถึงได้ร้องครางขึ้นเบาๆ ให้กับความรู้สึกแปลกใหม่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอมาก่อน “แค่นิ้วยังรัดขนาดนี้…เธอมันแม่มดชัดๆ” เขากล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะขยับปลายนิ้วเข้าออกเป็นจังหวะไปพร้อมๆ กับเสียงครวญครางที่ดังขึ้นตามติด ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะถึงที่หมาย ปลายนิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำรักก็ชักออก พร้อมๆ กับร่างเธอที่ลอยขึ้น “อย่าเพิ่งรีบเสร็จสิคนสวย เรายังมีเวลาสนุกกันทั้งคืน” คชาไม่ปรารถนาให้แม่กวางน้อยเสร็จสมเร็วนัก เพราะเขาต้องการสอนให้เธอรู้ว่าค่ำคืนนี้จะเป็นคืนที่เธอจะไม่มีมันลืมเลือน ชายหนุ่มเริ่มจากการออกคำสั่งให้เธอช่วยตัวเองให้ดู ซึ่งก็ถือว่าภาพที่ได้เห็นนั้นทำให้เขาแข็งไปทั้งตัว ไหนจะท่าทีอ่อนเดียงสาพวกนั้น ที่ยิ่งเห็น ก็ยิ่งปลุกความเป็นนักล่าในตัวให้ตื่นขึ้น “อ้าปากหน่อยเด็กดี…” แม้แต่การใช้ปากเขาก็ยังสอน ไม่สนด้วยว่านี่จะเป็นครั้งแรกของเธอ!“อ่าส์ แบบนั้น ดูดแรงขึ้นหน่อยคนเก่ง” ความห
“ชอบคนที่มาด้วยมากกว่าค่ะ” นิสัยที่กล้าแสดงออกมากขึ้นของภรรยาทำให้คชารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นได้เข้าใกล้เธออีกก้าว ซึ่งมันเป็นก้าวที่สำคัญ เขาว่าชายหญิงต่างกันตรงการเก็บความรู้สึก ซึ่งผู้ชายโดยทั่วไปจะเป็นประเภทคิดยังไงก็พูดออกมาแบบนั้น ในขณะที่ผู้หญิง กลับเลือกที่จะเก็บทุกอย่างไว้ในใจมากกว่าพูดมันออกมา “ฉันรักนานะ” “นาก็รักคุณคีค่ะ ขอบคุณนะคะที่ดูแลนากับลูกๆ เป็นอย่างดี นา…มีความสุขมากค่ะ” เพียงเท่านี้ที่เขาต้องการ เขาไม่หวังอะไร ไปมากกว่าการที่ได้เห็นเธอกับลูกๆ ทั้งสองมีความสุข “พี่ก็มีความสุขครับ” คำว่า ‘พี่’ ที่สามีมอบให้ทำให้พรรณรีถึงกับยิ้มกว้าง เธอโผเข้ากอดเขาเต็มรัก ก่อนจะค่อยๆ ช้อนตาขึ้น “เข้าห้องกันไหมคะ นามีของขวัญจะให้พี่คี” จะด้วยเนื่องในโอกาสอะไรก็ช่างมันเถอะ ขอแค่เป็นของขวัญที่มาจากภรรยา เขาก็ชอบทั้งนั้น “ไหนครับของขวัญพี่” พรรณรีไม่ได้ตอบอะไรนอกจากขอร้องให้สามีหลับตาลง ใช้เวลาไม่นานเธอก็บอกให้เขาลืมตาขึ้น และภาพที่ได้เห็นหลังจากนั้น ก็
“แต่ฉันกลับชอบชีวิตของตัวเองแบบนี้มากกว่านะ…” ชีวิตที่มันทั้งแสนจะเรียบง่าย และมีความสุขได้โดยไม่ต้องพยายาม มันเหมือนกับว่าเขา รู้สึกเป็นตัวเองที่สุดเมื่อได้อยู่กับเธอ! “นาครับ…เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม” ครั้งนี้เขาจะไม่สัญญาอะไรกับเธอทั้งนั้น แต่จะทำให้เธอได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ว่าเขาสามารถเป็นคนที่ดีขึ้นได้ และเขาจะทำทุกทางเพื่อให้เธอกับลูกๆ มีแต่ความสุข ด้วยความตั้งใจทั้งหมดที่เขามี คชาไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ แต่เขาสามารถทำปัจจุบันให้ดีขึ้น และหากได้โอกาสสักครั้ง เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะทำมัน! “เขาว่ากันว่า…หนังสือเล่มเดิมตอนจบก็มักจะเหมือนเดิมทุกครั้ง นากลัวค่ะ กลัวว่าสุดท้ายแล้วจะต้องกลับไปเจ็บแบบเดิมอีก” ความรักที่เธอมีต่อเขายังคงเหมือนเดิมเสมอไม่เคยเปลี่ยนเลย แต่มันเป็นใจของเธอเสียมากกว่าที่กลัวจนไม่กล้าเริ่มต้นใหม่ ใช่ว่าที่ผ่านมาเธอจะไม่เคยพยายามหยุดรักเขา แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเหมือนจะยิ่งรักเขามากขึ้นก็เท่านั้น “ลองดูก่อนได้ไหม ให้โอกาสฉันดูสักครั้ง…” หากนี่เป็นการเสี่ยงดวงครั้งสุดท้
“ดนุ…” น้ำเสียงที่ผู้เป็นนายใช้เรียกกันนั้นทำเอาคนถูกเรียกถึงกลับรู้สึกหวั่นใจแทนคนในห้องเสียเหลือเกินกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ แน่นอนว่าใครบ้างจะไม่รู้ว่าเจ้านายของเขานั้นเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นที่หนึ่ง ซึ่งคุณคเชนทร์อาจต้องรับศึกหนัก โทษฐานที่ปกปิดที่อยู่ของลูกเมียเจ้านายเขามาจนถึงวันนี้ “ครับนาย” “เรื่องของเด็กนั่น…ส่งข่าวให้แม่ฉันรู้ซะ!” คนได้ฟังตกใจจนพูดอะไรไม่ออก เพราะคิดว่านายจะล่วงรู้ความลับของน้องชาย ที่พยายามมาตลอดหลายปีในการซ่อนใครอีกคนเอาไว้ ใครบางคนที่อาจจะต้องพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน ถ้าหากเพียงแต่แม่ของเขานั้น ได้รู้ว่าคเชนทร์กับหล่อนยังติดต่อกันอยู่ ภาพของคนที่เขาเฝ้าแต่คิดถึงมาตลอดหลายเดือนที่ตอนนี้กำลังยืนเฝ้าลูกสาวอยู่ที่ริมหาดทำให้คชาได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าเขาจะอยากเข้าเป็นส่วนหนึ่งของภาพตรงหน้าสักแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดแล้วไอ้ขาเจ้ากรรมก็ดันก้าวไปออกไปดื้อๆ นั่นอาจเป็นเพราะก่อนมาที่นี่เขาไม่ได้เตรียมคำพูดดีๆ เอาไว้เลย จึงไม่รู้ว่าควรต้องเริ่มจากตรงไหนมันถึงได้ทำให้พรรณรียอม
ภาพของลูกชายคนโตที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นปู่นั้นสร้างความสะเทือนแก่คนสามคนที่ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ ไม่น้อย แต่กระนั้นเพราะคำสั่งเด็ดขาดของประมุขของบ้านจึงไม่มีใครกล้าพอที่จะสอดมือเข้าไปยุ่ง เว้นก็แต่คุณสินีนาถผู้เป็นแม่เท่านั้น ที่รั้งความรู้สึกเป็นห่วงไม่ไหว ถึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปหา “คี…” “แม่ครับ…นากับลูกไม่อยู่แล้ว เขาทิ้งผมไปแล้วครับแม่…” อกคนเป็นแม่หรือจะทนมองดูลูกสะอื้นไห้อย่างคนใจสลายได้ลงคอ รู้ตัวอีกทีนางก็คว้าตัวลูกชายเข้ามากอดเอาไว้เต็มรักพร้อมกับคำปลอบมากมายที่ดังขึ้น แต่ก็เหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะคชายังคงพร่ำขอโทษคนที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ เพื่อฟังคำพูดเหล่านั้น. จากปากของลูกชายนางอีกแล้ว… เด็กคนนั้นแม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ ไม่สู้คน แต่ทว่าพอเอาเข้าจริงกลับใจแข็งกว่าที่นางและใครๆ หลายคนคิด พรรณรีไม่เพียงแต่ยอมคืนอิสรภาพให้กับคชาเท่านั้น แต่อีกฝ่ายยังคืนทุกๆ สิ่งให้ลูกชายนางจนหมดไม่เว้นแม้แต่แหวนแต่งงานก็ถูกทิ้งเอาไว้ ราวกับอีกฝ่ายนั้น ไม่ต้องการให้มีสิ่งไหนติดค้างใจกันอีกไม่ว่าชาตินี้ หรือช
“เชื่อคนอย่างเธอแล้วฉันได้อะไร! ครั้งก่อนทำลายความรักของพวกฉันมันยังไม่สาแก่ใจเธอใช่ไหมห๊ะ! ครั้งนี้เธอต้องการอะไร หรือต้องให้จีตายไปมันถึงจะสาแก่ใจเธอ! ตอบฉันมาสิ!” คำถามที่มาพร้อมแรงเขย่านั้น ทำให้เธอตกใจจนกลั้นน้ำไว้ไม่อยู่ สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่เคยมองเธอในแง่ดี ไม่เคยเลยจริงๆ “มึงใจเย็นๆ ก่อนได้ไหมวะไอ้คี!” “จีเกือบตายเพราะผู้หญิงคนนี้ มึงยังมีหน้ามาบอกให้กูใจเย็นอีกรึไง”คำตวาดนั้นทำให้เธอเข้าใจทุกสิ่งโดยไม่ต้องถามอะไร “ถ้าในสายตาคุณนาเป็นคนสารเลวขนาดนั้น…เรามาหย่ากันเถอะค่ะ!” ทุกคนต่างพากันตกใจทันทีที่ประโยคนี้สิ้นสุดลง ทว่าสำหรับคชาแล้ว เขาไม่ได้ตกใจหรือแสดงท่าทีใดๆ ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว “ก็เอาสิ! ฉันเองก็ขยะแขยงผู้หญิงอย่างเธอเต็มทนแล้วเหมือนกัน!” และในเมื่ออยากได้อิสระจากเขานักเขาก็จะมอบให้ พอเสียทีความไว้ใจที่เคยมี จากนี้เขาจะไม่ไว้ใจเธออีกแล้วตอนจดทะเบียนเงียบแค่ไหน ตอนหย่าจากการนั้นกลับเงียบยิ่งกว่า เพราะอดีตสามีจัดการทุกอย่างผ่านทนายทั้งหมด ราวกับว่าเขาต้องการจะทำให้เธอได้รู้ ว่า