共有

บทที่ 5

作者: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ฉินอู๋ต้าวเหลือบมองฉินซู และถามอย่างใจเย็น “องค์รัชทายาท เจ้ามีแผนการดี ๆ จริงรึ?”

ฉินซูพูดอย่างใจเย็น “ทูลเสด็จพ่อ กระหม่อมไม่มีความคิดดีๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ"

ทันทีที่เขาพูดจบ ฉินเหยี่ยนก็พูดด้วยความเย้ยหยัน “เมื่อเสด็จพี่องค์รัชทายาท ตอนท่านวิจารณ์ทูตของเป่ยเยี่ยน ดูดุดันมากเพียงนั้น ตอนนี้กลับบอกว่าไม่มีความคิดดี ๆ อะไรเลย นี่มิไร้สาระไปหน่อยหรือ?"

“เช่นนั้น หากไม่มีแผนดี ๆ แล้วท่านยังจะเสนอให้ทำสงครามอีกหรือท่านอยากเห็นต้าเหยียนของเราตกที่นั่งลำบาก หรือท่านอยากอวดตัวต่อหน้าเหล่าขุนนางในท้องพระโรงกันแน่?”

ฉินหงก็สนับสนุนทันที เขามิอยากพลาดโอกาสที่จะได้เหยียบย่ำองค์รัชทายาทต่อหน้าขุนนางทั้งหลายเช่นนี้

หลินซียังถามอีกว่า “ในเมื่อองค์รัชทายาทไม่มีแผนการในใจ เหตุใดท่านถึงมิเห็นด้วยกับการคืนเมืองชิ่งโจวให้กับเป่ยเยี่ยนเล่า?”

ฉินซูวางมือไพล่หลังและส่งเสียงฮึมฮัม “หึ เมืองชิ่งโจวเดิมทีเป็นดินแดนของต้าเหยียน เหล่าทหารพยายามอย่างยากลำบากกว่าจะยึดกลับคืนมาได้ แต่พวกเจ้ากลับต้องการคืนชิ่งโจวให้เป่ยเยี่ยน การกระทำเช่นนี้มิเพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเราเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายขวัญกำลังใจของทหารชายแดนอีกด้วย ถามหน่อยเถิดว่า หากภายภาคหน้าเกิดสงครามขึ้น ทหารจะยังมีขวัญกำลังใจในการสู้รบอีกหรือ?”

“องค์รัชทายาท กระหม่อมยอมรับว่าสิ่งที่ท่านตรัสนั้นสมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่หากมิคืนเมืองกลับไป ถึงเวลานั้นเป่ยเยี่ยนยกทัพมาโจมตีแล้วเราจะรับมืออย่างไร?”

“ถูกต้อง เราจะมิทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร หากเรามิส่งชิ่งโจวกลับไปให้เป่ยเยี่ยน ถึงเวลานั้นหากกองทัพใหญ่ยกมาจริง ๆ คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานก็ยังคงเป็นราษฎรและทหารชายแดน”

“กระหม่อมก็มิเห็นด้วยกับการทำสงครามเช่นกัน ดินแดนต้าเหยียนของเรา ทางใต้ถูกน้ำท่วม ทางเหนือถูกภัยแล้ง ผู้คนจำนวนนับมิถ้วนได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ หากเราทำสงครามกับเป่ยเยี่ยนในยามนี้ และมิสามารถจัดหาเสบียงอาหารได้แล้วจะให้ทหารต่อสู้กับเป่ยเยี่ยนได้อย่างไร?”

เหล่าขุนนางต่างแสดงความคิดเห็น คนอื่น ๆ ต่างสนับสนุนการระงับเหตุการณ์มิให้บานปลาย เว้นแต่ฉินซู

ฉินอู๋ต้าวหรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนมิพอใจ

แต่แล้วฉินซูก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

เขาโค้งคำนับฉินอู๋ต้าว และพูดอย่างจริงจัง “เสด็จพ่อ ลูกมีแผนการหนึ่ง ซึ่งมิเพียงแต่มิต้องคืนเมืองชิ่งโจวให้กับเป่ยเยี่ยนได้เท่านั้นแต่ยังหลีกเลี่ยงสงครามได้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนก็ตกตะลึง

ฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วและถามว่า “เมื่อครู่เจ้ายังบอกว่าไม่มีแผนการมิใช่รึ แล้วตอนนี้มีแผนการแล้วรึ?”

“เสด็จพ่อ แผนการนี้ของลูกมิใช่แผนการที่ดีนัก ทว่าถ้านำไปใช้จริงก็สามารถถ่วงเวลาไปจนกว่าภัยพิบัติจะคลี่คลาย ถึงเวลานั้นแม้เป่ยเยี่ยนจะต้องการทำสงคราม เราก็มิกลัวพวกเขาแล้ว!”

“หืม? ลองว่ามาสิ!”

ฉินซูกล่าวด้วยถ้อยคำที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจว่า “อันที่จริงก็ง่ายมาก มู่หรงฟู่เป็นองค์ชายห้าของเป่ยเยี่ยนมิใช่หรือ เราเพียงกักตัวเขาไว้ชั่วคราวแล้วเป่ยเยี่ยนก็จะมิกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม!”

ทันทีที่คำกล่าวนี้ออกมา จู่ ๆ ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ในศาลก็มองหน้ากันด้วยความสับสน

ฉินเหยี่ยนยิ้มอย่างเย็นชา เอ่ยเย้ยหยัน “เสด็จพี่องค์รัชทายาท ความคิดของท่านนี่ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง มู่หรงฟู่และคนอื่น ๆ เป็นทูตของเป่ยเยี่ยนที่มาที่นี่เพื่อเจรจา ตอนนี้ท่านคิดจะกักตัวเขา เรื่องนี้หากแพร่กระจายออกไป แคว้นอื่น ๆ จะมองต้าเหยียนของเราอย่างไรเล่า?

“ถูกต้อง ถึงเวลานั้นต้าเหยียนจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?”

“ข้าเกรงว่า องค์รัชทายาทจะลืมไปว่าสองแคว้นที่ทำสงครามกัน เราจะมิสังหารทูตระหว่างทั้งสองแคว้น นี่เป็นกฎเหล็ก หากละเมิดกฎนี้จะทำให้ราษฎรโกรธเคืองอย่างมาก”

เมื่อเผชิญกับการเยาะเย้ยและความถามของทุกคน ฉินซูก็ยังคงสงบ

เขาพูดอย่างมิสะทกสะท้านว่า “มีเพียงผู้อ่อนแอเท่านั้นที่จะปฏิบัติตามสิ่งที่เรียกว่ากฎ ผู้แข็งแกร่งจะสร้างกฎของตนเอง และเราต้าเหยียนต้องเป็นคนสร้างกฎนั้น”

คำพูดที่ทรงพลังของเขา ทำให้หลายคนมองเขาด้วยความสงสัย

ขุนนางบางคนถึงกับเริ่มกระซิบกระซาบกันเบา ๆ

“ว่ากระไรนะ สร้างกฎงั้นหรือ เหตุใดวันนี้องค์รัชทายาทจึงดูเหมือนเป็นคนละคนเลยเล่า?”

“แท้จริงแล้ว วันนี้องค์รัชทายาทพูดจาแข็งขันมาก โดยเฉพาะคำพูดมิกี่คำเมื่อครู่ หนักแน่นมากจริง ๆ”

“สิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสนั้นค่อนข้างน่าตื่นเต้นจริง ๆ แต่การจะเป็นคนสร้างกฎนั้นมันมิง่ายกระมัง”

ฉินหงเยาะเย้ยและพูดว่า “มิใช่ว่าเสด็จพี่องค์รัชทายาทกินกระเทียมมากเกินไปหรือไร ถึงได้ปากเก่งเช่นนี้? มองดูทั่วทั้งแผ่นดินเฉินโจว ต้าเหยียนของเราถือเป็นแคว้นอันดับสองเท่านั้น ระดับเป่ยเยี่ยนเรายังพอรับมือได้ แต่หากเผชิญหน้ากับแคว้นที่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้พวกเราคงโดนบดขยี้อย่างเดียว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอู๋ต้าวบนบัลลังก์มังกรก็มีใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตามืดมนดูน่ากลัว

เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้หลินซีจึงรีบอธิบาย “ฝ่าบาท แม้ว่าคำพูดของอ๋องฉีจะตรงไปตรงมาเกินไป แต่เราทุกคนก็รู้ว่าสิ่งที่อ๋องฉีตรัสนั้นเป็นความจริง หากกฎเกณฑ์ถูกทำลาย และแคว้นโดยรอบร่วมมือกันโจมตีต้าเหยียน ผลลัพธ์ที่รอเราอยู่คงจะมีแต่หายนะ”

“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท เมื่อถึงเวลานั้นจะมีแต่เสียมากกว่าได้”

“ฝ่าบาทโปรดทรงไตร่ตรองดูอีกทีเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวยกมือขึ้น และมองฉินซูด้วยความผิดหวัง

แต่ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ฉินซูก็พูดขึ้นก่อน

“เสด็จพ่อ สิ่งที่ลูกหมายถึงจริง ๆ ก็คือ เราสามารถหาข้ออ้างอื่นเพื่อบีบให้มู่หรงฟู่อยู่ในหลงเฉิงได้ มิใช่ว่าปลายเดือนหน้าเป็นวันเกิดของไทฮองไทเฮาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฉินอู๋ต้าวก็สว่างขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่เหลยเจิ้น

เหลยเจิ้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท แผนการของรัชทายาทใช้การได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“กระหม่อมก็คิดว่าแผนการนี้ใช้การได้เช่นกัน เพียงแค่บอกว่าไทฮองไทเฮาทรงชื่นชมมู่หรงฟู่ อยากฟังเรื่องเล่าแปลก ๆ จากเป่ยเยี่ยน ทุกอย่างก็จะทุกอย่างลงตัว”

ขุนนางอาวุโสก็แสดงจุดยืนของเขา และเสนาบดีคนอื่น ๆ ก็เห็นด้วยเช่นกัน

“การวิเคราะห์ของหัวหน้าโหรหลวงและผู้อาวุโสเว่ยเจิงนั้นสมเหตุสมผล กระหม่อมสนับสนุนความคิดนี้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”

“กระหม่อมก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

……

ฉินอู๋ต้าวมีรอยยิ้มที่หายากเกิดขึ้น และกล่าวว่า “ดีมาก เป็นเรื่องยากองค์รัชทายาทจะคิดแผนการอันแยบยลเช่นนี้ขึ้นมาได้ ในที่สุดก็เป็นไปตามความคาดหวังของข้า”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉินหง ฉินเหยี่ยนและองค์ชายคนอื่น ๆ ก็รู้สึกมิพอใจในทันที

ฉินเหยี่ยนกลอกตาและถามอย่างมุ่งร้าย “เสด็จพี่องค์รัชทายาท ด้วยแผนของท่าน ท่านจะสามารถรั้งมู่หรงฟู่ไว้ได้หนึ่งเดือน แต่แล้วหลังจากวันเกิดของเสด็จย่าทวดเล่า?”

ฉินหงยังกล่าวอีกว่า “ใช่แล้ว ถึงเวลานั้นเขาก็จะกลับไปยังเป่ยเยี่ยน เรายังมีวิธีอื่นที่จะรั้งให้เขาอยู่ต่อหรือไม่ หากท่านไม่มีวิธีรับมืออื่นทุกอย่างก็จะสูญเปล่า ภัยพิบัติภายในแคว้นจะกินเวลาอย่างน้อยห้าถึงหกเดือนกว่าจะคลี่คลาย ในช่วงเวลานั้นเรามิอาจทำสงครามกับเป่ยเยี่ยนได้มิว่าอย่างไรก็ตาม”

ฉินอู๋ต้าวเลิกคิ้วแล้วถามว่า “องค์รัชทายาท เจ้ามีแผนการอะไรต่อไปหรือไม่?”

“เสด็จพ่อ ดูเหมือนว่า มู่หรงฟู่จะยังมิแต่งงานใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ถึงเวลานั้นเสด็จพ่ออาจหาข้ออ้าง จัดการเรื่องการแต่งงานให้เขาสักครา”

“เจ้าหมายถึงการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์รึ?”

“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ เสด็จพ่อสามารถเลือกหนึ่งในองค์หญิงหลาย ๆ องค์ได้ องค์หญิงหนึ่งองค์แลกเมืองหนึ่งเมือง มิว่าจะมองอย่างไรก็คุ้มค่า หากได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมก็อาจช่วยต้าเหยียนของเรายับยั้งความโลภของเป่ยเยี่ยนได้ นี่มิใช่ได้ประโยชน์สองต่อหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินอู๋ต้าวยิ้มและส่ายหน้า “เจ้าไร้เดียงสาเกินไป การแต่งงานเพียงอย่างเดียวจะขจัดความทะเยอทะยานอันโหดร้ายของเป่ยเยี่ยนได้อย่างไร ถึงอย่างนั้น ความคิดของเจ้าก็ยังใช้การได้ ดึงเวลาไปได้อีกหน่อย แล้วต้าเหยียนของเราก็จะผ่านพ้นจากหายนะไปได้”

เมื่อเห็นฉินซูได้รับคำชม ฉินหงรู้สึกมิสบายใจมากยิ่งขึ้น

เขากลอกตาแล้วถามว่า "เสด็จพี่องค์รัชทายาท จะเกิดอะไรขึ้นหากมู่หรงฟู่มิชอบองค์หญิงที่เสด็จพ่อทรงเลือกไว้ให้เล่า?”

ฉินซูยิ้มอย่างมีเลศนัยและมองฉินหงแวบหนึ่ง

เมื่อเห็นสายตาแปลก ๆ ของเขา หัวใจของฉินหงก็เต้นรัว ลางสังหรณ์มิดีผุดขึ้นในใจ!

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 846

    เกาตงเช็ดคราบเลือดที่มุมปากแล้วกัดฟันกรอด “วางใจเถิด ข้าตายมิได้ หนี้เลือดในวันนี้ วันพรุ่งข้าจะให้พวกมันชดใช้คืนร้อยเท่าพันทวี!”สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ใบหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัวหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็สั่งการ “ไช่ซือ เจ้าเกณฑ์คนไปซุ่มโจมตีรอบ ๆ ป้องกันมิให้พวกมันมาลอบโจมตีอีก! ส่วนคนอื่น ๆ ก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ ฟื้นฟูพละกำลังให้เต็มที่ แล้ววันพรุ่งค่อยบุกขึ้นเขาไปล้างแค้นความอัปยศในวันนี้!”“น้อมรับบัญชา! ท่านแม่ทัพเกาวางใจได้ หากพวกมันกล้ามาอีก ข้าจะทำให้พวกมันมิได้กลับไปอีก!”ไช่ซือโบกมือแล้วนำทหารฝีมือดีหลายพันนายไปซุ่มโจมตี......เหนือหุบเขาเจี่ยเซิ่งมาหาฉินซูแล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้น “บุตรแห่งนักปราชญ์ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราควรนำคนลงจากเขาไปลอบโจมตีพวกมันดีหรือไม่ขอรับ?”เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ดวงตาของทุกคนรอบข้างก็พลันสว่างไสวขึ้นมาทันที ต่างเตรียมพร้อมที่จะลงมือฉินซูถอนหายใจเหลือบตามองพวกเขา แล้วกล่าว “พวกมันเพิ่งจะประสบความสูญเสียใหญ่หลวงไปเมื่อครู่ ตอนนี้คงวางแผนซุ่มโจมตีรอเราตกหลุมพรางอยู่เป็นแน่!”เจี่ยเซิ่งคิดดูแล้วก็เห็นด้วย จึงจำใจยอมแพ้ฉินซ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 845

    “รองแม่ทัพของอ๋องเซียงหยางทุกคนล้วนเป็นผู้ที่สามารถนำทัพทำศึกได้ดีเยี่ยม เพียงแต่อ๋องเซียงหยางตั้งมั่นแน่วแน่ที่จะแก้แค้นให้บุตรชายของตน ดังนั้นเมื่อใดที่อาการบาดเจ็บของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เขาย่อมต้องพักรบ ซึ่งจะทำให้พวกท่านเป่ยเยี่ยนมีเวลาเสริมสร้างปราการป้องกันเมือง!”“พูดง่ายนี่ ต่อให้อ๋องเซียงหยางมาถึงแนวหน้า เขาย่อมต้องปักหลักตั้งค่ายใหญ่โต คิดว่าลอบโจมตีเขาง่ายนักหรือ?”ชิวเจ๋อเอ่ยปาก “ข้าน้อยยินดีช่วยเหลือพวกท่าน ขอเพียงพวกท่านปล่อยข้ากลับไป ข้าจะลอบเข้าหาอ๋องเซียงหยาง แล้วลงมือโจมตีเขาให้บาดเจ็บ เช่นนี้เขาก็จำต้อง...”ยังมิทันกล่าวจบ เจี่ยเซิ่งก็แค่นยิ้มเย็นเอ่ย “ปล่อยเจ้ากลับไปรึ? เจ้าเห็นพวกข้าโง่เง่าเต่าตุ่นหรือไร? อีกอย่างวรยุทธ์ของเขาทั้งทรงพลังลึกล้ำจนมิอาจหยั่งถึง อย่างเจ้าน่ะหรือจะทำกระไรเขาได้?”ชิวเจ๋อหน้าซีดด้วยความอับอาย มิรู้จะพูดอย่างไรเจี่ยเซิ่งมิสนใจเขา หันไปทางฉินซูแล้วกล่าว “บุตรแห่งนักปราชญ์ อ๋องเซียงหยางมีวรยุทธ์แกร่งกล้า กวาดสายตาไปทั่วเป่ยเยี่ยน ผู้ที่สามารถทำร้ายเขาได้เห็นจะมีเพียงท่านเจ้าสำนักเท่านั้น ดังนั้นเก็บเจ้านี่ไว้ก็เปล่าประโยชน์ เชือดม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 844

    แสงไฟลุกโชนขึ้นจากเชิงเขาที่อยู่ไกลออกไป ปนเปไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน“ท่านแม่ทัพเกา แย่แล้วขอรับ ค่ายของเราโดนไฟไหม้!”ทหารนายหนึ่งได้สติแล้วรีบตะโกนเตือนเกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ เขาตะโกนลั่น “ถอย! รีบถอยลงไปช่วยค่าย!”ดังนั้น พวกเขาจึงรีบหันหลังถอยลงจากเขาไปอย่างรวดเร็วระหว่างการถอยทัพ ด้านหลังของพวกเขาเปิดกว้าง พลธนูบนภูเขาจึงมิพลาดโอกาสที่ฟ้าประทานนี้เสียงสายธนูดังผึงสลับกัน ลูกธนูพุ่งทะลุห้วงอากาศว่างเปล่าราวกับลำแสงสีดำในแสงจันทร์เลือนรางพร้อมกันนั้น ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากกลิ้งลงมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน การลอบโจมตีของเกาตงในครั้งนี้จึงประกาศความล้มเหลว มิหนำซ้ำยังสูญเสียทหารไปอีกสองสามร้อยนายเมื่อมาถึงตีนเขา เขากับไช่ซือก็รวมกำลังกันแล้วรีบไปช่วยค่ายที่กำลังไฟไหม้ในตอนนั้นเอง เสียงแหวกอากาศดังลั่นมาจากสองข้างถนนอีกครั้ง“อ๊าก!!”“แย่แล้ว รีบแยกย้ายกันเร็วเข้า!”เสียงกรีดร้องและเสียงอุทานปะปนระงมทั่วเกาตงและคนอื่น ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธขึ้งพวกเขาต้องการตอบโต้ ทว่าภายใต้แสงจันทร์อันมืดสลัว พวกเขามิรู้ด้วยซ้ำว่าลูกธนูยิงมาจาก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 843

    “เช่นนี้… เช่นนี้...”เกาตงเล่าแผนของเขาให้ฟังไช่ซือและรองแม่ทัพคนอื่น ๆ ที่ได้ยินดังนั้น ต่างคนต่างพยักหน้าถี่ ๆ“แผนของท่านแม่ทัพเกายอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าน้อยเลื่อมใส!”“หึหึ รอให้บุกขึ้นไปได้แล้วข้าจะสับแขนขาพวกทหารเป่ยเยี่ยนเหล่านั้นให้ละเอียด ให้พวกเขาทรมานเจียนตาย!”ทุกคนพูดคุยกันด้วยใบหน้าที่ยิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้นเรื่อย ๆหนึ่งชั่วยามต่อมา ดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าเจี่ยเซิ่งถามด้วยความกังวลเล็กน้อย “บุตรแห่งนักปราชญ์ ฟ้าใกล้จะมืดแล้วขอรับ หากพวกเขาอาศัยความมืดลอบบุกขึ้นมา พวกเราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ?”ฉินซูครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วสั่งการ “ให้พลธนูประจำการอยู่ตามหุบเขาทั้งสองด้านฝั่งละห้าร้อยนาย แสร้งทำให้ดูน่ากลัวเข้าไว้ หากข้างล่างมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็ให้ยิงธนูทันที จากนั้นท่านและข้าจะนำทหารคนละสองพันนายเลี่ยงเส้นทางลงจากเขาแล้วอ้อมไปซุ่มโจมตีด้านหลังค่ายของพวกเขา!”“หา? ลงจากเขาหรือ? แล้วถ้าบังเอิญเจอระหว่างทางเล่าขอรับ?”“พวกเขาจะต้องอาศัยความมืดลอบขึ้นมาเช่นกัน พวกเราเลี่ยงเส้นทางลงจากเขา จึงเป็นไปมิได้ที่จะชนกับพวกเขา และต่อให้ปะทะกันก็มิได้มีกระไร การตีจากสูงลงต่ำ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 842

    ไช่ซือหันกลับไปมองหุบเขาแล้วถาม “ท่านแม่ทัพเกา เราควรจะบุกขึ้นไปตามเนินเขาทั้งสองด้านหรือไม่?”เกาตงครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วกล่าว “ให้สหายเราพักรบอยู่กับที่ก่อนดีกว่า ไปดูแลคนเจ็บ ฟื้นฟูสรรพกำลัง แล้วค่อยตามข้าบุกขึ้นไป เพื่อแก้แค้นให้สหายที่ตายจากไป!”“น้อมรับบัญชา!”ไช่ซือรับคำสั่งอย่างนอบน้อม แล้วถ่ายทอดคำสั่งออกไปเหนือหุบเขาในเวลานี้ เจี่ยเซิ่งและคนอื่น ๆ ต่างตื่นเต้นเหลือคณา!“เมื่อครู่ ทัพหน้าของแคว้นฉีคงจะสูญเสียไพร่พลนับหมื่นนายได้กระมัง? กลยุทธ์อันยอดเยี่ยมของบุตรแห่งนักปราชญ์ช่างร้ายกาจจริง ๆ!”“ใช่แล้ว น่าเสียดายที่พวกเรามีกำลังคนมิเพียงพอ มิเช่นนั้นย่อมกำจัดพวกเขาได้สบาย”เจี่ยเซิ่งรู้สึกสงสัยเล็กน้อย หันไปถามฉินซู "บุตรแห่งนักปราชญ์ กลยุทธ์ของท่านยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ เหตุใดตอนนั้นท่านจึงมินำกำลังคนมามากกว่านี้หรือขอรับ?”คนอื่น ๆ ก็มิเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน ต่างพากันจับจ้องฉินซูฉินซูอธิบายว่า “จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ของพวกเราคือการถ่วงเวลาพวกเขา เพื่อให้แม่ทัพใหญ่มีเวลาเตรียมตัว หากนำคนมามากเกินไป หนึ่งจะทำให้พวกเขาสังเกตได้ง่าย และทำให้พวกเขาระวังตัวยิ่งขึ้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 841

    ไช่ซือพึมพำขณะโบกมือ แล้วนำเหล่าทหารติดตามเกาตงเข้าไปในหุบเขาอย่างหยิ่งผยองสิ่งที่พวกเขามิรู้คือ ที่ปากทางเข้าหุบเขาทั้งสองด้าน พลธนูหนึ่งพันนายกำลังซุ่มตัวอยู่ในที่ลับตา เฝ้ามองความเคลื่อนไหวของพวกเขาอย่างเงียบเชียบ“บุตรแห่งนักปราชญ์ พวกเขาเข้าสู่หุบเขาแล้วขอรับ!”ทหารนายหนึ่งกระซิบเตือนด้วยความตื่นเต้นฉินซูโบกมือเบา ๆ เป็นสัญญาณมิให้กระทำการผลีผลามจากนั้น ฉินซูก็หยิบคันธนูขึ้นมา ลูกธนูที่พันด้วยเศษผ้าและน้ำมันไฟถูกจุดไฟรออยู่แล้วเขาง้างธนูเล็งเป้า เมื่อเกาตงและคนอื่น ๆ กำลังจะข้ามร่องน้ำที่ฝังน้ำมันไฟไว้ เขาก็ปล่อยสายธนูออกไปอย่างรวดเร็วฟิ้ว!ภายใต้เสียงแหวกอากาศอันแหลมคม ธนูพุ่งลงสู่ร่องดินอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าน้ำมันไฟในร่องดินถูกจุดติดทันที เปลวไฟลุกโชนขึ้นไปสูงถึงหนึ่งจั้ง!ม้าศึกของเกาตงและคนอื่น ๆ ตกใจกับเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้นมาอย่างกะทันหัน และเนื่องจากความเร็วในการเดินทัพของพวกเขาที่รวดเร็วเกินไป คนที่อยู่ข้างหลังจึงมิสามารถหยุดได้ทันทำให้พวกเขาตกม้าพร้อมกัน สถานการณ์อลหม่านในพริบตา“ยิงธนู!”ฉินซูโบกมือ พลธนูที่ดักซุ่มอยู่สองข้างหุบเขาก็เริ่มยิงธนูทันทีลูก

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status