"ได้โปรดหยุดรถก่อน ช่วยพวกเราด้วย"
ซุนเซิงเข้าไปขวางรถม้า เขาคิดวัดดวงหากคนขี่รถม้าไม่หยุด เขาจะปล้นชิงรถเสีย โชคดีที่คนในรถสั่งให้สารถีหยุดรถ
"เจ้าเป็นใคร กล้าดียังไงยังอาจมาขวางทาง รู้หรือไม่ว่ารถม้านี้เป็นของผู้ใด"
คนขับรถม้าพูดจาข่มขู่ หากใต้เท้าของเขาไม่บอกให้หยุด เขาคิดจะบดขยี้คนขวางทางให้แหลก
"ข้าชื่อซุนเซิง น้องสาวข้าปวดท้องใกล้คลอด แต่รถม้าของพวกเราตกหลุมจนเพลาล้อรถหัก เดินทางต่อไม่ได้ ขอใต้เท้าโปรดช่วยนางด้วยเถิด"
ซุนเซิงตะโกนเสียงดัง ให้คนในรถได้ยินด้วย
"อาหม่า เจ้าลงไปดูสิว่า เป็นความจริงหรือไม่ หากจริงก็ให้พานางขึ้นรถมา"
ท่านใต้เท้าที่อยู่ในรถม้าไม่ใช่คนไร้คุณธรรม แม้มีฐานะสูงส่งแต่ไม่คิดข่มเหงผู้ด้อยกว่า ครั้งนี้เขาเดินทางมาทำธุระส่วนตัว จึงไม่ได้นำผู้ติดตามมา อาศัยเพียงรถม้ามาเพียงลำพังกับฮูหยิน
"ขอรับใต้เท้า"
อาหม่าลงจากรถตามซุนเซิงไป เมื่อเห็นรถม้าที่ติดหล่มอยู่ ภายในมีหญิงท้องแก่กำลังร้องครวญครางปวดท้องคลอดก็รีบบอกว่า
"เจ้าอุ้มนางตามข้ามา"
อาหม่าวิ่งกลับไปยังรถม้า แล้วรายงานให้ผู้เป็นนายทราบ
"ในรถม้ามีสตรีท้องแก่กำลังปวดท้องคลอดจริงขอรับ ข้าให้เขาอุ้มนางมาแล้ว"
"ท่านพี่ เดี๋ยวข้าปูผ้าให้นางนอนตรงนี้"
ฮูหยินไม่คิดดูดาย นางหยิบผ้าห่มมาปูบนพื้นรถ วางหมอนไว้รอท่า เมื่อซุนเซิงอุ้มหญิงท้องแก่ขึ้นมา ก็มีที่นอนจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว
"วางนางตรงนั้น เดี๋ยวข้าช่วยดูแลเอง"
ซุนเซิงวางร่างของหลิวซืออินลงอย่างเบามือ นางเจ็บจนหน้าซีดไปหมด ทารกในครรภ์ก็เร่งอยากออกมาดูโลก พอวางร่างลงนอนไม่ทันไร นางก็หอบหายใจแรง เบ่งคลอดออกมา
"นางจะคลอดแล้วพวกเจ้าออกไปก่อน"
ฮูหยินเห็นแบบนั้นแล้วก็รีบไล่ผู้ชายลงจากรถ ตัวนางมีประสบการณ์การตั้งครรภ์ ไม่อาจทนเห็นสตรีนางนี้สูญเสียบุตรได้ จึงลงมือช่วยทำคลอดให้
อุ๊แว้ อุ๊แว้ อุ๊แว้!
เสียงร้องของทารกดังขึ้น ฮูหยินรีบเอาผ้ามาห่อตัวให้ นางใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด แล้ววางเด็กลงก่อนจะรีบไปช่วยเมื่อเห็นว่าคนท้องกำลังเบ่งลูกอีกคน
กรี้ด!
หลิวซืออินกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด นางออกแรงเบ่งอีกครั้ง ทารกคนที่สองก็คลอดออกมา พร้อมกับส่งเสียงร้อง
อุ๊แว้ อุ๊แว้!
เด็กคนแรกเป็นชายส่วนคนที่สองเป็นเด็กหญิง น่าตาน่ารักน่าชังทั้งคู่ หลิวซืออินเห็นลูกคลอดออกมาก็น้ำตาไหล หัวใจรู้สึกถึงความอบอุ่นบางอย่าง นางหอบหายใจแรงก่อนจะหมดสติลงไป
"ท่านพี่ เด็กคลอดแล้วแต่แม่เด็กสลบไป ท่านพี่เรารีบพาพวกเขาไปหาหมอเถอะ"
"อาหม่านำรถออกเร็ว เจ้าก็ขึ้นมาด้วยข้าจะเข้าไปข้างในเอง"
สั่งการเสร็จท่านใต้เท้าก็เข้าไปด้านใน พบว่าฮูหยินของตน กำลังอุ้มเด็กทารกสองคนในอ้อมแขน แม่ของเด็กนอนสลบอยู่
"นางคลอดลูกแฝดชายหญิง หน้าตาน่ารักเหลือเกินเจ้าค่ะท่านพี่"
ฮูหยินก้มลงมองเด็กแฝดในอ้อมแขน ด้วยสายตาเอ็นดู ภาพนั้นเหมือนซ้อนทับภาพในอดีตเมื่อยี่สิบปีก่อน ลูกของพวกเขาสองคนก็เป็นแฝดเช่นกัน
"เจ้านี่นะ เห็นเด็กทีไรก็เป็นแบบนี้ทุกที ไหนดูสิว่าน่ารักขนาดไหน"
ปากตำหนิภรรยา แต่ตัวเองก็เข้าไปช่วยอุ้มเด็กไว้คนหนึ่ง มองดูใบหน้ากลมเล็กแล้วหัวใจพลันอิ่มเอมอย่างประหลาด
"เด็กคนนี้คลอดคนแรกเป็นเด็กผู้ชาย เด็กอีกคนเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กกว่า"
ฮูหยินบอกลำดับการคลอดให้ฟัง นางใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดให้พวกเขา แล้วห่อตัวด้วยผ้าห่มผืนเล็ก
"ท่านรู้สึกหรือไม่ ว่าเด็กคนนี้หน้าตาคล้ายลูกของเรา หรือข้าคิดไปเอง"
"เหลวไหลน่า เด็กทารกล้วนหน้าตาเหมือนกันหมด "
ท่านใต้เท้ามองดูเด็กชายแล้วนิ่วหน้า เมื่อพบว่าเด็กคนนี้มีความคล้ายคลึงกับบุตรชายของตน แต่เมื่อบอกฮูหยินไปแบบนั้น ก็ไม่อยากตอกย้ำความคิดของนาง จึงนิ่งเงียบไม่ปริปาก
จนกระทั่งรถม้าแล่นไปจอดหน้าหอยาเทียนหวง เมืองต้าไห่ ซุนเซิงได้พาหลิวซืออินมาหาหมอให้ตรวจอาการ นางได้รับการรักษาจึงฟื้นคืนสติ
"ซืออินท่านผู้นี้กับฮูหยินช่วยเจ้าไว้"
ซุนเซิงบอกนาง หลิวซืออินขยับจะลุกขึ้น แต่อีกฝ่ายเอ่ยห้ามไว้ก่อน
"ไม่ต้องลุก เจ้านอนพักเถอะ ลูกๆ ของเจ้าเป็นแฝดชายหญิง แข็งแรงสมบูรณ์ทั้งคู่"
ฮูหยินเป็นคนอัธยาศัยดีไม่ถือตัว นางเอ่ยถึงเด็กแฝดที่นางช่วยทำคลอดอย่างเอ็นดู
"ขอบคุณท่านทั้งสองมาก ข้าหลิวซืออินเป็นหนี้บุญคุณท่าน ไม่ทราบท่านทั้งสองชื่ออะไรเจ้าคะ โปรดบอกชื่อข้าเพื่อรำลึกถึงบุญคุณ"
หลิวซืออินเอ่ยขอบคุณ พลางจดจำใบหน้าผู้มีพระคุณทั้งสองไว้ นางถามชื่อผู้มีพระคุณ
"พวกเราไม่สะดวกจะเปิดเผยฐานะ"
ฮูหยินหันไปสบตากับสามี ก่อนจะเอ่ยออกมาเช่นนี้ ฐานะของพวกเขาไม่สะดวกจะเปิดเผยให้ใครรู้ในขณะนี้
"ถ้าเช่นนั้น ข้าขอเรียกพวกท่านว่า ผู้มีพระคุณนะเจ้าคะ"
เมื่ออีกฝ่ายไม่สะดวกจะเปิดเผยชื่อ หลิวซืออินจึงไม่กล้าซักถามต่อ ได้เพียงแต่จดจำใบหน้าของทั้งสองไว้ในใจ หากสักวันข้างหน้าได้พบพวกเขาอีก นางจะหาทางทดแทนบุญคุณ
"หมอเอาเด็กไปทำความสะอาด อีกสักครู่คงจะพามาให้ดื่มนม"
ซุนเซิงบอกกับหลิวซืออินไม่ให้เป็นกังวล เด็กคลอดโดยไม่ได้ตัดรกออก จึงต้องจัดการทำความสะอาดอีกครั้ง
"ข้าพาเด็กน้อยมาส่งแล้ว"
หมอตำแยของหอยาเทียนหวง อุ้มเด็กแฝดเข้ามาในห้อง วางลงบนเตียงข้างๆ มารดาของเด็ก หลังจากเช็ดตัวแล้ว พวกเขาก็น่ารักน่าชังกว่าเดิมมาก คนที่อยู่ในห้องพากันเข้ามารุมดูเด็ก
"เจ้าตัวน้อยของเจ้า คนนี้หน้าคล้ายพี่เยี่ย ส่วนคนนี้หน้าคล้ายเจ้า โชคดียิ่งนักท้องเดียวได้ทั้งชายหญิง"
ซุนเซิงมองเด็กน้อยทั้งสองแล้ว นึกเสียดายแทนเยี่ยเหวินจ้าว เขาได้ลูกแฝดชายหญิงแต่กลับไม่ได้อยู่ชื่นชม สวรรค์ไร้เมตตาเสียจริง
"เจ้าตั้งชื่อให้เด็กหรือยัง"
ฮูหยินยังติดใจเด็กแฝด เอานิ้วเขี่ยแก้มเจ้าตัวน้อยทั้งสองอย่างเอ็นดู
"หากท่านผู้มีพระคุณจะเมตตา ได้โปรดตั้งชื่อให้ลูกทั้งสองของข้าได้หรือไม่เจ้าคะ"
หลิวซืออินคิดให้ผู้มีพระคุณตั้งชื่อให้ลูกของนาง วันข้างหน้าพวกเขาจะได้จดจำว่า รอดชีวิตมาได้เพราะผู้ใด
"ท่านพี่ ท่านตั้งเถอะเจ้าคะ ข้าไม่ถนัดเลย"
ฮูหยินหันไปบอกสามี อีกฝ่ายมองดูเด็กแฝดแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า
"ผู้ชายให้ชื่อว่าอี้หนิง ผู้หญิงชื่อว่าผิงอัน"
เด็กทั้งสองจึงมีชื่อว่า เยี่ยอี้หนิงและเยี่ยผิงอัน ก่อนจากฮูหยินยังมอบจี้หยกมันแพะให้เด็กแฝดเป็นของขวัญ
"หากมีวาสนา คงจะได้พบกันอีก"
ทั้งสองจากไป ทิ้งไว้เพียงความทรงจำให้ระลึกถึงผู้มีพระคุณ
///
บทที่ 80ตอน วิวาห์ของสองเรา /2 (จบ)“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว”ผิงอันอ้าปากหาว อี้หนิงเองก็เริ่มตาปรือ วันนี้พวกเขาตื่นเต้นกับงานมาก ตื่นเช้ามาแต่งตัวเข้าร่วมขบวนแห่ มาถึงก็เล่นกันในงานจนตอนนี้หมดแรงแล้ว“ง่วงก็นอนลง มาแม่ห่มผ้าให้”เด็กน้อยทั้งสองนอนลงบนเตียง ให้มารดานอนตรงกลาง ผิงอันกอดมารดาเอาหน้าซุกอกนอนหลับตาพริ้ม หลิวซืออินเกาหลังให้อี้หนิงแบบที่ทำทุกคืน ลูกชายนางขาดคนเกาหลังจะนอนไม่หลับ คืนนี้เด็กชายถูกมารดาเกาหลังจนเพลินหลับไปแล้วแกรก !เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีแดง ก้าวเข้ามาในห้องหอ กว่าที่ฉู่หมิงฮ่าวจะปลีกตัวออกมาได้ ก็ถูกเพื่อนในกองทัพ พี่ชายตนเอง และพี่ชายเจ้าสาว รินเหล้าส่งให้ไม่หยุดหย่อน เขาอาศัยตัวเองคอแข็งจึงรับมือได้ไม่ยากนัก แต่ให้ดื่มจนไม่ได้เข้าหอ เขาคงกลายเป็นคนโง่ แม่ทัพหนุ่มจึงดื่มบ้างแอบเทรดแขนเสื้อบ้าง แสร้งทำเมามายจึงมีโอกาสได้เข้าหอเสียทีภายในห้องหอเทียนแดงมงคลจุดให้ความสว่างเหลือเพียงครึ่งแท่งแล้ว สุรามงคลบนโต๊ะรอเจ้าบ่าวเจ้าสาว มาคล้องแขนดื่มกิน เจ้าสาวคนงามสวมชุดวิวาห์สีแดงนั่งรออยู่บนเตียงฉู่หมิงฮ่าวหยิบคันชั่ง เดินไปยังเตียงด้วยอารมณ
บทที่ 79 ตอน วิวาห์ของสองเรา /1 เกี้ยวเจ้าสาวสีแดง ถูกแบกออกจากหน้าประตูจวนของเสนาบดีหยาง วันนี้หยางอี้หลันบุตรีของท่านเสนาบดีออกเรือน สินเดิมของเจ้าสาวถูกจัดเตรียมไว้มากมาย สมกับเป็นลูกสาวของเสนาบดีกรมคลังการแต่งงานครั้งนี้เจ้าบ่าวคือ ฉู่หมิงฮ่าว แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเป่ยฉี เขาเป็นบุตรชายคนรองของใต้เท้าฉู่อี้หนาน ท่านโส่วฝู่ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัยของฮ่องเต้ แม่ทัพหนุ่มอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงสวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง ขี่อาชาสีขาวดูสง่างาม บนนั้นยังมีร่างของเด็กชายตัวน้อยสวมชุดสีแดงนั่งอยู่ด้วย ผู้คนที่พากันมามุงดูขบวนแต่งงาน ต่างตื่นตะลึงกับรูปโฉมของเจ้าบ่าว“ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ่าว สวมหน้ากากเงินปกปิดใบหน้า เพราะเขาเป็นแม่ทัพของกองทัพวายุทมิฬ คนในกองทัพนี้ล้วนลึกลับ จนถูกขนานนามว่า กองทัพปีศาจ”คนที่พากันมุงดูซุบซิบถึงเจ้าบ่าว พวกเขาได้ยินชื่อของกองทัพวายุทมิฬก็พากันกลัวตัวสั่น ได้ข่าวว่าแม่ทัพฉู่เพิ่งจัดการกับโจรสลัดที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่งของหนานไห่ได้ ฮ่องเต้จึงพระราชทานสมรสให้แต่งกับบุตรีท่านเสนาบดีหยาง“บุตรีท่านเสนาบดีหยาง พลัดพรากจากครอบครัวตั้งแต่เล็ก ท่านแม่ทัพฉู่หมิงฮ
บทที่ 78 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/2ฉู่เฟยหยางเป็นฝาแฝดกับฉู่หมิงฮ่าวย่อมหน้าตาคล้ายกัน บุตรของเขาหน้าตาเหมือนบิดาทั้งคู่ จึงดูคล้ายกันเหมือนฝาแฝด แม่หนูผิงอันมองหน้าท่านพ่อกับท่านลุง แล้วมองหน้าพี่ชายตนกับลูกชายท่านลุง“โอย เหมือนกันจนข้าแยกไม่ออกแล้ว ข้าตาลายไปหมดแล้วเจ้าค่ะท่านย่า”ผิงอันน้อยเอียงหน้าซบท่อนแขนของท่านย่า พลางกรอกตาไปมา ท่าทางนั้นทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันหัวเราะขบขัน หลงเสน่ห์ของแม่หนูน้อยเข้าไปแล้ว“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือหยางอี้หลันภรรยาข้า”หลิวซืออินเดินเข้ามาได้เห็นทุกคนในห้องกำลังหัวเราะท่าทางตลกของผิงอันพอดี เมื่อฉู่หมิงฮ่าวแนะนำนางให้ครอบครัวของเขา จึงประสานมือย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อม รูปร่างหน้าตาของนางทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองอย่างสนใจ“เหมือนข้าคุ้นหน้าเจ้า”ใต้เท้าโส่วฝู่มองบุตรีของเสนาบดีหยาง พลันรู้สึกว่าเคยพบเจอสตรีนางนี้มาก่อน ฮูหยินเองก็มองจ้องหน้านาง คิ้วขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังครุ่นคิด“ท่านทั้งสองคือ... คือผู้มีพระคุณของข้ากับลูก อี้หนิงผิงอัน รีบคุกเข่าเร็ว”หลิวซืออินจำทั้งสองได้ในทันที นางไม่เคยลืมใบหน้าของผู้มีพระคุณ ที่ช่วยชีวิตนางกับลูกน้อ
บทที่ 77 ตอน พบผู้มีพระคุณทั้งสอง/1รถม้าเคลื่อนจากหน้าจวนเสนาบดีหยางแล่นไปจอดยังหน้าจวนของใต้เท้าโสว่ฝู่ หน้าประตูฉู่หมิงฮ่าวยืนรอรับภรรยากับลูกๆ เมื่อเห็นรถม้ามาจอดก็รีบเดินไปหมายจะช่วยพาหลิวซืออินกับอี้หนิงผิงอันลงมา แต่คนที่เดินลงมาก่อนกลับเป็นบุรุษผู้หนึ่งหน้าตาหล่อเหลาท่าทางสง่างาม“ท่านคงเป็นพี่ชายของภรรยาข้า คารวะท่านพี่ภรรยา”ฉู่หมิงฮ่าวรู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายคนหนึ่ง ชื่อว่า หยางเทียน เป็นพี่ชายของภรรยาเขา จึงประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม“เจ้าคือโจรชั่วที่บังอาจฉุดตัวน้องสาวข้าสินะ วันนี้ได้พบหน้าเจ้า เราคงต้องมีเรื่องพูดจากันสักหน่อย”หยางเทียนมองหน้าบุตรชายคนรองของท่านโส่วฝู่ เขาไม่เคยพบกับฉู่หมิงฮ่าวมาก่อน อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพประจำการอยู่ค่ายทหาร คนที่เขารู้จักดีคือ ฉู่เฟยหยางบุตรชายคนโตของท่านโส่วฝู่ ตอนเด็กทั้งสองเคยเรียนสำนักศึกษาเดียวกัน โตมาถึงได้แยกย้ายไป ฉู่หมิงฮ่าวเป็นน้องชายฝาแฝดของฉู่เฟยหยาง ใบหน้าของทั้งคู่คล้ายกันมาก ต่างเพียงแววตาของฉู่หมิงฮ่าวดูแข็งกร้าวกว่าฉู่เฟยหยางเล็กน้อย“พี่เทียน ท่านโปรดละเว้นสามีข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”หลิวซืออินลงจากรถม้า พร้อม
บทที่ 76 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/2ณ จวนตระกูลหยางท่านเสนาบดีหยางพาบุตรีพร้อมหลานๆ กลับมาถึงจวน ได้จัดเรือนหลังหนึ่งให้พวกเขาพัก ฮูหยินสั่งซื้อข้าวของใหม่ให้บุตรีและหลานทั้งสอง เรียกร้านเสื้อผ้าส่งช่างมาวัดตัวตัดเสื้อผ้าชุดใหม่หลายชุด ล้วนเป็นผ้าไหมชั้นดี สีสันลวดลายงดงามกว่าผ้าทั่วไป ที่สามแม่ลูกเคยสวมใส่ ร้านเครื่องประดับนำสิ้นค้าชั้นดี มาให้เลือกถึงเรือน ฮูหยินมองชิ้นไหนล้วนถูกใจไปหมด นำมาเท่าไหร่ก็ซื้อให้บุตรี จนหลิวซืออินไม่กล้ารับไว้ "ท่านแม่ ของพวกนี้ล้วนราคาแพง ท่านซื้อให้ข้ามากเกินไปแล้ว""จะแพงสักเท่าไหร่แม่ก็จะซื้อให้เจ้า ถึงเวลาออกเรือนไป จะได้เป็นสินเดิมติดตัวเจ้าไปมากสักหน่อย ท่านพ่อเจ้าเป็นถึงเสนาบดีกรมคลัง เจ้าต้องแต่งตัวให้สมฐานะบุตรีท่านเสนาบดี อย่าได้ทำให้ท่านพ่อเจ้าขายหน้า"ฮูหยินถือโอกาสอบรมบุตรี ชีวิตก่อนหน้าของหลิวซืออินเคยยากจนลำบากมามาก จึงมัธยัสถ์เห็นคุณค่าของเงินทอง จับจ่ายมากไป แพงไป ล้วนปวดใจเพราะเสียดายเงินทอง ยามนี้นางกลับคืนฐานะบุตรีของท่านเสนาบดี ของสิ่งใดควรได้ ควรหามาใช้ ต้องจัดให้สมฐานะ "ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่"หลิวซืออินรับคำมารดา ตอนนี้นา
บทที่ 75 ตอน ช่วงเวลาแห่งความสุข/1หนึ่งเดือนต่อมา เสนาบดีหยางพาบุตรีกับหลานทั้งสองเดินทางไปถึงเมืองหลวง หลิวซืออินได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวอีกครั้งด้านฉู่หมิงฮ่าวนำเรื่องของเขากับหลิวซืออินไปบอกบิดามารดา ใต้เท้าโส่วฝู่ได้รู้เรื่องที่บุตรชายกระทำต่อบุตรีของเพื่อนรักก็โมโหยิ่งนัก ลงโทษให้เขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนทั้งคืน ก่อนจะยอมรับปากไปสู่ขอและจัดงานแต่งให้เขาครอบครัวตระกูลฉู่กลับมาพร้อมหน้า จึงร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน“หากเจ้าไม่ตัดหน้าไปเสียก่อน เจ้าบ่าวของบุตรีท่านเสนาหยางคงเป็นข้า”ฉู่เฟยหยางเอ่ยเย้าน้องชาย ตัวเขาเพิ่งรักษาตาที่บอดจากการถูกลอบทำร้ายจนหายสนิท เมื่อปีที่แล้วบิดามารดาคิดทาบทามบุตรีของขุนนางหลายตระกูลให้เขาดูตัว แต่ฉู่เฟยหยางปฏิเสธบอกว่า จะแต่งกับบุตรีท่านลุงเสนาหยางตามสัญญาหมั้นหมาย เขาอาศัยเรื่องนี้ครองตัวรอดพ้นจากการถูกบังคับแต่งงานมาได้เนิ่นนาน ผู้ใดจะคิดว่าบุตรีท่านลุงหยางยังมีชีวิตอยู่ และมีความสัมพันธ์กับน้องชายฝาแฝดของตน คิดหาข้ออ้างหลบเลี่ยงงานแต่งคงยากเสียแล้ว“ท่านพี่ เรื่องอื่นข้ายอมท่านได้ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด ท่านหาสตรีคนอื่นเป็นแม่เลี้ยงให้ฉู