Share

บทที่ 39 สาสม

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-23 21:47:23

แม้ว่าในใจจะกล่าวโทษตนเองที่ก่อนหน้านี้ทั้งโง่เขลาและอ่อนแอ แต่ส่วนลึกของใจโม่ชิงเยว่ก็ยังอดรู้สึกกล่าวโทษซ่งเหวินจิ้งไม่ได้ ดังนั้นการนิ่งเฉยของนางอาจจะดูเหมือนว่านางให้โอกาสเขาแต่โม่ชิงเยว่ก็ยังคงไม่อาจจะให้อภัยเขาได้ดังที่ซ่งเหวินจิ้งต้องการ นางจึงไม่ได้ละทิ้งเป้าหมายของตนเอง นางไม่ต้องการพึ่งพาผู้ใดและไม่ต้องการที่จะเฝ้ารอคอยและร้องขอความเมตตาจากผู้อื่นอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่สะสางธุระภายในจวนเสร็จเรียบร้อยแล้วนางจึงได้เตรียมตัวที่จะออกไปสำรวจตลาดด้วยตนเอง

“ท่านแม่ให้ข้าสองคนติดตามไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ” ซ่งจื่อเหยาเอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นว่าโม่ชิงเยว่และชุ่ยเหมยเตรียมตัวที่จะออกจากจวนเสร็จแล้ว

“ท่านแม่พวกข้าสองคนไม่ค่อยจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาภายนอกสักเท่าไหร่ ท่านให้ข้าและพี่หญิงติดตามท่านออกไปด้วยได้ไหมขอรับ” เมื่อซ่งจื่อเยว่เอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็นิ่วหน้า แต่เมื่อคิดได้ว่านางไม่ค่อยจะได้พาลูกๆ ออกไปเที่ยวข้างนอกเลยสักครั้งนางจึงได้ยินยอมพยักหน้าแล้วตอบตกลงลูกทั้งสองไป

“พวกเจ้าจะติดตามแม่ไปด้วยก็ได้แต่จงจำเอาไว้ว่าถ้าหากพวกเจ้าดื้อรั้นไม่ฟังคำของแม่ แม่จะส่งพวกเจ้ากลับจวนในทันที” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้เด็กทั้งสองก็รีบตอบรับคำพูดของนางอย่างพร้อมเพรียงกันในทันที

“เจ้าค่ะ/ขอรับ” ดังนั้นตอนที่ออกจากจวนเดิมทีโม่ชิงเยว่ตั้งใจว่าจะพาไปแค่ชุ่ยเหมยและชุ่ยหลัน แต่พอซ่งจื่อเหยาและซ่งจื่อเยว่ติดตามไปด้วยนางจึงต้องพาสาวใช้และผู้ติดตามไปด้วยอีกจำนวนหนึ่ง จากเดิมทีตั้งใจว่านางจะแค่ไปเดินเล่นแล้วค่อยสอบถามหากพบว่ามีหน้าร้านที่เหมาะสม แต่เมื่อไปถึงตลาดนางจึงได้ละทิ้งความตั้งใจเดิมของตนเองไป เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อย่างสุขสบายใจ ลูกๆ ของนางเป็นเด็กร่าเริงยามที่เห็นว่ามีสิ่งใดแปลกตาพวกเขาก็จะแสดงออกถึงความกระตือรือร้นที่จะเข้าไปดูและสอบถามเจ้าของร้านว่าของสิ่งนั้นคืออะไรและมาจากไหน พวกเขาจับจูงมือของโม่ชิงเยว่คนละข้างนำพานางให้ไปดูข้าวของในตลาดด้วยความสุขใจ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ล้วนเป็นของเล่นที่มีรูปลักษณ์แปลกตา แม้ว่าโม่ชิงเยว่ในยามนี้จะมีเงินทองจับจ่ายไม่ขาดมือแต่ก็ไม่ได้ตามใจลูกๆ ทุกอย่างนางจะซื้อแค่เพียงของเล่นที่มีราคาเหมาะสมเพียงเท่านั้น

“ของชิ้นนั้นพวกเจ้าซื้อได้แต่ชิ้นนี้พวกเจ้าซื้อไม่ได้” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางชี้ไปที่ตัวต่อไม้ที่เด็กทั้งสองสามารถเล่นด้วยกันได้ แล้วจึงได้ชี้ไปที่หุ่นไม้ที่ถูกแกะสลักจนงดงาม หุ่นไม้ตัวนั้นมีราคาสูงมากจนเกินไปไม่เหมาะที่จะซื้อให้ลูกชายผู้ซุกซนของนางเล่น

“แต่ท่านแม่ขอรับเมื่อครูนี้ท่านยังยอมซื้อตุ๊กตาผ้าที่งดงามและน่ารักให้พี่หญิงเลยนะขอรับ แล้วทำไมของลูกจึงกลายเป็นแค่เพียงตัวต่อไม้เล่า” ซ่งจื่อเยว่เอ่ยประท้วงด้วยความไม่เข้าใจ

“ถ้าเช่นนั้นแม่ก็จะให้ชุ่ยหลันเอาตุ๊กตาผ้าตัวนั้นของพี่สาวของเจ้าไปคืนที่ร้าน พวกเจ้าก็จะได้ไม่ได้ของเล่นเลยสักชิ้น” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางหันไปหาชุ่ยหลันซ่งจื่อเยว่ก็รีบส่งเสียงห้ามปรามมารดาของเขาในทันที

“ท่านแม่ขอรับ ตุ๊กตาผ้าของพี่หญิงมีราคาที่ไม่สูงมาก ส่วนหุ่นไม้ของข้ามีราคาสูงมากจนเกินไปจะเอามาเทียบเคียงกันไม่ได้ ดังนั้นท่านแม่อย่าเอาตุ๊กตาของพี่หญิงไปคืนที่ร้านเลยนะขอรับ” เมื่อซ่งจื่อเยว่เอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมาแล้วจึงได้หันไปสอบถามเถ้าแก่ร้านของเล่นในทันที

“เถ้าแก่หุ่นไม้ตัวนี้หากท่านลดราคาให้สักหน่อยข้าก็ยินดีที่จะซื้อพร้อมกับตัวต่อไม้ชุดนี้ ท่านยินดีจะลดราคาให้ข้าได้หรือไม่” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้เถ้าแก่ก็นิ่วหน้าแล้วจึงได้เอ่ยออกมาตามตรง

“ต้องขออภัยด้วยขอรับฮูหยิน แต่หุ่นไม้แกะสลักตัวนี้เป็นงานฝีมือที่ต้องใช้เวลา ท่านดูความละเอียดลออของลาดลายเหล่านี้สิขอรับ คนแกะสลักต้องทุ่มเทแรงกายและแรงใจมากพอสมควรกว่าจะแล้วเสร็จเช่นนี้ได้ ดังนั้นข้าคงจะลดราคาให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้วขอรับ” เมื่อเถ้าแก่เอ่ยเช่นนี้ซ่งจื่อเยว่จึงได้เอ่ยกับเถ้าแก่ร้านด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ถ้าเช่นนั้นท่านก็เก็บหุ่นไม้ตัวนั้นเอาไว้เถอะ ข้าขอซื้อตัวต่อไม้ชุดนี้ก็พอแล้ว” ซ่งจื่อเยว่เอ่ยกับเถ้าแก่ร้านแล้วจึงได้หันไปเอ่ยกับโม่ชิงเยว่ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจังราวกับผู้ใหญ่

“ท่านแม่ ข้าตั้งใจจะเอาหุ่นไม้ไปเป็นเป้าซ้อมธนูเพียงเท่านั้น ในเมื่อมันสูงค่าถึงขนาดนี้พวกเราก็อย่าซื้อไปเลย” เมื่อบุตรชายเอ่ยเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ

“เด็กดี หากเจ้าอยากได้เป้านิ่งเอาไว้แม่จะหาหุ่นไม้ตัวอื่นให้เจ้าก็แล้วกันนะ” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางลูบศีรษะของบุตรชายด้วยความเอ็นดู แต่แล้วเสียงปี่เสียงแตรที่ประโคมเป่าร้องด้วยทำนองเพลงอันเศร้าสร้อยก็ดังเข้ามาใกล้ร้าน ขบวนแห่โลงศพขบวนหนึ่งที่กำลังเคลื่อนขบวนผ่านหน้าร้านดึงดูดความสนใจของทุกคนในตลาดและร้านค้าข้างเคียงเป็นอย่างยิ่ง

“ช่างน่าสงสารซื่อจื่อจวนไหวกั๋วกงยิ่งนัก ฮูหยินของเขาไม่เพียงถูกปล้นแต่ยังถูกล่วงเกินจนมีราคีติดกาย จวนไหวกั๋วกงก็เลยไม่ยินยอมให้เขาตั้งศพฮูหยินไว้ที่จวน เขาก็เลยจำต้องรีบฝังศพของฮูหยินที่หลุมฝังศพนอกเมือง” เสียงของชาวบ้านที่พูดคุยกันอยู่ตรงหน้าร้านทำให้โม่ชิงเยว่อดเดินไปดูขบวนแห่โลงศพที่กำลังจะเคลื่อนผ่านไม่ได้

กระดาษเงินกระดาษทองถูกโปรยจนลอยละล่องทั่วไปในอากาศ ผู้บรรเลงเพลงมโหรีและผู้เข้าร่วมในขบวนแห่โลงศพล้วนสวมใส่ชุดสีขาวเพื่อเป็นการไว้ทุกข์ให้แก่ผู้ตาย เหยียนเซียวซื่อจื่อของจวนไหวกั๋วกงสวมใส่ชุดขาวเดินเคียงข้างโลงศพมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย โม่ชิงเยว่จ้องมองโลงศพของสุ่ยอี้หรงด้วยสายตาเย็นชา ตอนที่นางวางแผนทำลายสุ่ยอี้หรงในใจของนางเองก็ไม่ได้คิดว่าสุ่ยอี้หรงจะต้องพบกับจุดจบเช่นนี้ นางรู้ดีว่าไม่มีทางที่โจรป่าจะกล้าโจมตีรถม้าของจวนกั๋วกง การที่สุ่ยอี้หรงตายเป็นเพราะนางน่าจะถูกพิษปลุกเร้าจนลงมือทำเรื่องไม่ดีงามลงไป จวนไหวกั๋วกงจึงได้มอบบทลงโทษขั้นรุนแรงให้กับนาง

สิ่งที่น่าสังเวชใจก็คือจวนสกุลสุ่ยที่ถือว่าตนเองสูงส่งกว่าผู้อื่นกลับละทิ้งนางโดยไม่สนใจไยดี ไม่คิดจะเรียกร้องให้มีการสอบสวนถึงการตายของนาง และที่สำคัญแม้แต่งานศพของนางที่ถูกจัดอย่างลวกๆ เช่นนี้จวนสกุลสุ่ยไม่คิดจะออกหน้าช่วยทำให้งานศพของนางถูกจัดอย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรีของนางที่เคยเป็นลูกหลานของสกุลสุ่ยเลยสักนิด

สายตาอันคมกล้าคู่หนึ่งประสานสายตากับนางโดยไม่ยอมหลบ นางเองก็ไม่คิดจะหลบเช่นเดียวกัน เหยียนเซียวจ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการท้าทาย สุ่ยอี้หรงพึ่งจะมีเรื่องกับนางย่อมมีความเป็นไปได้ที่เขาจะสงสัยว่านางจะมีส่วนต่อการวางยาทำร้ายสุ่ยอี้หรง แต่นางไม่คิดจะหวั่นเกรงต่อสายตาของเขา แม้ว่าในสายตาของผู้อื่นอาจจะคิดว่าการตายของสุ่ยอี้หรงเป็นเรื่องที่แก้แค้นกันอย่างเกินเลยไปสักหน่อย แต่สำหรับโม่ชิงเยว่การที่สุ่ยอี้หรงลงเอ่ยเช่นนี้ล้วนเป็นเรื่องที่สาสม หากสุ่ยอี้หรงไม่คิดจะวางยานาง นางก็คงจะไม่ตอบโต้กลับไปแล้วชีวิตของสุ่ยอี้หรงก็คงจะไม่ได้ลงเอยเช่นนี้ ในทางกลับกันหากนางไม่ตอบโต้เช่นนี้คนที่นอนในโลงศพในวันนี้ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นนางแทนก็ได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status