แชร์

บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

ผู้เขียน: BigM00N
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-07 23:02:43

ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที

“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที

“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว

“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา

“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่านตื่นอยู่นี่ไง” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พลันทำสีหน้าออดอ้อนใส่นางในทันที

“คำว่าตื่นขึ้นมาพร้อมกันในจินตนาการของข้าห่างไกลจากการที่เจ้านั่งรอให้ข้าตื่นขึ้นมาเช่นนี้อยู่หลายขุม ฮูหยินความหมายของข้าก็คือการตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของกันและกันต่างหากเล่า” เมื่อเขาเอ่ยมาเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็พยักหน้าในทันที

“อ่อ ที่แท้ท่านก็ชอบที่จะตื่นขึ้นมาเพียงลำพังแล้วมารู้ทีหลังว่าคนที่ร่วมอภิรมย์กับท่านเมื่อคืนนี้ได้จากท่านไปอย่างไม่ไยดีแล้ว โดยไม่มีมีแม้แต่คำอำลาสักคำอย่างที่ท่านเคยทำกับข้าสินะ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พลันขยับกายลุกขึ้นมาแล้วก็จ้องมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ชิงเยว่! ข้า...”

“ช่างเถิดๆ เรื่องก็ผ่านมาสี่ปีแล้ว หากยังจะขุดพูดถึงอีกก็กลายเป็นว่าข้าใจแคบมากจนเกินไป” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็ทำได้แค่เพียงยิ้มออกมาอย่างจืดเจื่อน อยู่ด้วยกันนานวันเข้าเขาพอจะรู้ความคิดของนางอยู่บ้าง นางไม่ใช่คนใจแคบแต่นางเป็นคนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นมากต่างหาก

“ในเมื่อท่านตื่นแล้วเช่นนั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจของข้า” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางขยับตัวลุกขึ้นแล้วบิดขี้เกียจอย่างน่ารักต่อหน้าเขาทำให้ซ่งเหวินจิ้งอดยิ้มออกมาไม่ได้

“เมื่อยหรือให้ข้าบีบนวดให้ไหม” เมื่อเขาถามเช่นนี้นางก็ส่ายหน้าปฏิเสธเขาในทันที

“อย่าดีกว่าข้ากลัวว่าบีบนวดไปบีบนวดมาแล้วท่านจะปรนนิบัติข้าอย่างเลยเถิดอีก เมื่อคืนนี้หากข้าไม่ห้ามท่านมีหวังเอวของข้าในยามนี้คงจะหักไปแล้ว”

“ข้าไม่ใช่คนหมกมุ่นถึงขั้นนั้นเสียหน่อย ต่อให้ชื่นชอบที่จะทำเรื่องเช่นนั้นจริงข้าก็ไม่มีทางหักโหมจนทำให้เอวของเจ้าหักหรอก” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้นางก็แค่นเสียงในลำคอออกมาแล้วจึงได้ส่งสัญญาณให้เขารีบแต่งกายให้เรียบร้อย เมื่อเขาแต่งกายเรียบร้อยดีแล้วโม่ชิงเยว่จึงได้เปิดประตูออกไปเรียกชุ่ยหลันให้นางยกน้ำล้างหน้าเข้ามา

ช่วงนี้โม่ชิงเยว่มอบหมายให้ชุ่ยเหมยทำงานหลายๆ อย่างข้างนอกแทนนาง ดังนั้นหน้าที่ในการปรนนิบัตินางจึงมักจะเป็นชุ่ยหลัน สำหรับโม่ชิงเยว่แล้วชุ่ยเหมยเหมาะที่จะออกไปทำงานข้างนอกมากกว่าไม่เหมาะกับงานสาวใช้เท่าใดนัก ดังนั้นหน้าที่หลักของชุ่ยเหมยในยามนี้จะมีหน้าที่เป็นตัวแทนนางในการออกไปตรวจตราความเรียบร้อยที่ร้านโม่เซียง ส่วนการดูแลความเรียบร้อยในจวนส่วนใหญ่จะเป็นหรงมามาและเฉินมามา ช่วงนี้เฉินมามาเริ่มออกจากเรือนคิมหันต์มาช่วยเหลืองานนางที่เรือนหลักบ้างแล้วโม่ชิงเยว่กลัวว่านางจะเหงาก็เลยมักจะมอบหมายงานเล็กๆ น้อยๆ ให้ ส่วนสาวใช้ที่คอยปรนนิบัตินางในการทำกิจวัตรประจำวันส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของชุ่ยหลันและสาวใช้รุ่นเล็กอีกสี่คน

“ข้ากลับเรือนของข้าก่อนนะ” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเมื่อเห็นว่ามีสาวใช้เข้ามาในห้อง พอเห็นว่าโม่ชิงเยว่พยักหน้าให้เขาแล้วเขาจึงได้รีบกลับไปที่เรือนของตนเอง

“...” ระหว่างทางที่เดินกลับเรือนของตนเองก็มักจะได้พบกับสายตาที่ทำเหมือนว่าไม่ได้มองแต่แท้จริงแล้วกลับจ้องมองเขาอย่างเต็มที่ของลูกน้องหลายคน ไม่รู้เขาคิดไปเองหรือไม่ว่าวันนี้คนเหล่านั้นกำลังสอดส่องและสอดแนมเขาอยู่ เดิมทีเขาก็รู้สึกอึดอัดและขัดเขินแต่เมื่อคิดได้ว่าโม่ชิงเยว่คือฮูหยินของเขาการที่เข้าค้างคืนอยู่ที่เรือนของนางก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อคิดได้เช่นนั้นความอึดอัดขัดเขินของตนเองก็พลันจางหายไป เพียงแต่ซ่งเหวินจิ้งไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าที่เรือนของลูกของเขาทั้งจ้าวรุ่ยและซ่งจื่อเยว่กำลังยืนรับทรัพย์กันอยู่ด้วยสีหน้าตาที่เต็มไปด้วยความเบิกบาน

“ท่านอาทั้งหลาย ข้าบอกแล้วว่าอีกไม่กี่วันท่านพ่อจะต้องได้ไปอยู่ที่เรือนของท่านแม่แน่” เสียงของซ่งจื่อเยว่ทำให้สีหน้าของผู้คุ้มกันของเขาหลายคนพลันห่อเหี่ยว

“ซื่อจื่อน้อยท่านกำลังแอบวางแผนคดโกงพวกข้าอยู่ใช่หรือไม่ เมื่อคืนนี้เหมือนข้าจะได้ยินว่าท่านสอบถามท่านโหวว่าจะไปอยู่ที่เรือนของฮูหยินหรือไม่” คำพูดของผู้คุ้มกันผู้หนึ่งทำให้ซ่งจื่อเยว่หัวเราะออกมา

“ข้าไม่ได้คดโกงเสียหน่อย ข้าก็แค่สอบถามเพราะอยากรู้ไม่ได้พูดจาชี้นำท่านพ่อเลยสักคำ” เมื่อซ่งจื่อเยว่เอ่ยเช่นนี้บรรดาผู้คุ้มกันของเขาก็ต่างยินยอมควักเงินของตนเองออกไปให้ซื่อจื่อตัวน้อยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดาย

“ขอบคุณทุกท่านมาก หากวันหน้ามีหัวข้อพนันใหม่อย่าลืมไปบอกข้ากับท่านอาจ้าวด้วยเล่า” เมื่อเอ่ยจบซ่งจื่อเยว่ก็รวบถุงเงินแล้วเดินนำจ้าวรุ่ยเข้าเรือนไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี เสียงหัวเราะของเด็กชายตัวน้อยทำให้บรรดาผู้คุ้มกันต่างก็หันไปมองหน้ากันแล้วก็พากันสงสัยว่าพวกเขากำลังโดนเด็กชายตัวน้อยล่อหลอกเรียกเก็บเงินทองจากพวกเขาอยู่ใช่หรือไม่

แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดคิดเสียดายเงินที่เสียไปอีกเลย หลังผ่านพ้นค่ำคืนอันชุ่มฉ่ำดุจอยู่ในช่วงวสันตฤดูแล้วท่านโหวของพวกเขาก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเบิกบานแทบจะทั้งวัน แม้กระทั่งได้ยินข่าวความเคลื่อนไหวของสกุลหม่าแห่งต้าเป่ยรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังคงไม่เลือนลดไป มีแค่เพียงคำพูดที่ทำให้พวกเขาขนลุกเพียงเท่านั้น

“ในเมื่อพวกเขาคิดจะหาเรื่องข้า ข้าก็ควรจะตอบโต้กลับไปสักหน่อย พวกเจ้าคิดว่าดีหรือไม่” แม้ว่าจะเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสายตาอันเย็นเหยียบของเขากลับทำให้ทุกคนต่างก็พากันคิดว่าคราวนี้สกุลหม่าแห่งต้าเป่ยกำลังจะต้องเผชิญกับการสูญเสียบุคคลในครอบครัวเพิ่มอีกแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status