“เรียกข้างั้นหรือ…”
“จะ..เจ้าค่ะ ช่วยข้าเลือกกลิ่นเครื่องหอมได้หรือไม่เจ้าคะ” เฟยเทียนเดินเข้าใกล้เจียวซิน แล้วฉวยเอาข้อมือของเจียวซินขึ้นมา
“ตรงนี้ใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ” สิ้นเสียงของเจียวซิน เฟยเทียนก้มหน้าลงจนปลายจมูกโด่งแตะลงบนข้อมือของเจียวซิน
“อ๊ะ…” เหตุใด!! เหตุใดท่านอ๋องต้องเองจมูกแตะลงไปเช่นนั้นด้วยเล่า เจียวซินใจเต้นกับการกระทำนี้ไม่น้อย ตั้งแต่ที่นางมาอยู่โลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องแสดงท่าทีใกล้ชิดกับนางเฉกเช่นสามีภรรยาคู่อื่น เมื่อนึกถึงจุดนี้ก็ทำเอาเจียวซินหน้าขึ้นสีระเรื่อ
“อีกกลิ่นเล่า อยู่ตรงที่ใด” เฟยเทียนเอ่ยถาม มิใช่ว่าเขาไม่เห็นท่าทีขัดเขิน แต่เลือกที่จะปล่อยผ่าน มิอยากทำให้นางต้องอึดอัด เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาแตะเนื้อต้องตัวนางตั้งแต่ที่นางแต่งเข้ามา แต่ครั้งนี้…เขาแค่อยากรู้ อยากรู้ว่ากลิ่นเหล่านั้นจะหอมเพียงใด เมื่ออยู่บนตัวนาง
“อยู่หลังมือ ข้างนี้เจ้าค่ะ” เจียวซินยื่นมืออีกข้างให้ท่านอ๋องลองดมกลิ่น เฟยเทียนแตะจมูกลงไปบนหลังมือเจียวซินอีกครั้ง
หอม หอมมากทั้งสองกลิ่น ไม่ว่ากลิ่นใดก็หอม
“เอากลิ่นใดดีเจ้าคะ” เจียวซินเอ่ยถามออกไป แม้จะขัดเขินต่อการกระทำที่ไม่สนสายตาผู้ใดของท่านอ๋องไม่น้อย
“เอาทั้งสอง ข้าชอบทั้งสองกลิ่น”
“แต่ว่า…” เสียดายเงิน...
“ข้าจะจ่ายให้ ซื้อมาทั้งสองกลิ่น” เฟนเทียนเมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางที่กำถุงเงินในมือแน่นก็เข้าใจว่านางคงมิอยากจ่ายเงิน
“เจ้าค่ะ แล้วของอื่นๆ ท่านพี่จะจ่ายให้ข้าด้วยหรือไม่เจ้าคะ” เมื่อไม่ได้เสียเงินซื้อเอง เจียวซินก็ยิ้มจนหน้าบาน
“อืม วันนี้ข้าจะจ่ายให้ทั้งหมด”
“ข้าเอาทั้งสองกลิ่นเลยเจ้าค่ะ” เจียวซินหันไปพูดภาษาอังกฤษกับเจ้าของร้าน เมื่อได้สินค้ามาแล้วจึงส่งไปให้หนิงเออร์และนางกำนัลถือ จากนั้นจึงเดินซื้อของร้านอื่นเรื่อยๆ ในเมื่อมีคนจ่ายให้ ก็ต้องซื้อให้คุ้ม คริคริ
“จะไปที่ใดอีก” เฟยเทียนที่เดินตามตลอดทางเอ่ยถาม เมื่ออยู่ๆ เจียวซินก็ยืนนิ่งไม่ขยับ
“เมื่อยขาแล้วเจ้าค่ะ ไปหาที่นั่งก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ” เหล่านางกำนัลเมื่อได้ยินผู้เป็นนายบ่นก็ย่อตัวลงบีบๆ นวดๆ ให้
“ขอบใจมาก แต่พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด ข้าทนได้ ไม่ต้องบีบๆ ลุกขึ้นๆ” เจียวซินปฏิเสธการปรนนิบัติจากนางกำนัล หันไปรอคำตอบจากท่านอ๋อง
“ยามนี้ก็ใกล้มื้อเย็นแล้ว เช่นนั้นก็ไปที่เหลาอาหาร” เฟยเทียนว่าแล้วก็เดินนำไปเหลาอาหารชื่อดังในย่านนั้น
“เชิญขอรับนายท่าน เชิญขอรับ” เสี่ยวเอ้อ (พนักงาน) ของร้านเข้ามาต้อนรับลูกค้า
“ขอห้องรับรองใหญ่ให้นายของข้าด้วย”
“ได้ขอรับ” เสี่ยวเอ้อเดินนำไปยังห้องรับรอง เจียวซินที่กำลังจะเดินตาม ท่านอ๋องเข้าไปภายในห้องรับรองก็ชะงัก
“พวกเจ้าก็รีบตามมาเถิด” เจียวซินหันไปบอกกับข้ารับใช้ที่ตามมาปรนนิบัติ ได้ยินดังนั้นเฟยเทียนจึงหยุดและหันมามอง นี่นางลืมกระทั่งว่านายและบ่าวมิควรรับสำรับร่วมกันเลยหรือ
“ฮูหยินเจ้าคะ พวกบ่าวรออยู่หน้าห้องเพคะ”
“แล้วพวกเจ้าไม่ทานมื้อเย็นหรือ ไม่หิวกันหรือ” เจียวซินทำหน้าไม่เข้าใจ
“เอ่อ…คือ” หนิงเออร์อึกอัก เห็นดังนั้นเจียวซินจึงหันไปขอความเห็นจาก ท่านอ๋อง เฟยเทียนถึงกับถอนหายใจในความเอาอกเอาใจบ่าวไพร่ของเจียวซิน มิใช่ว่าเขาไม่เห็นว่าตลอดทางนางแบ่งของกินให้เสมอ คอยถามตลอดทางว่าถือของหนักหรือไม่
“ห้องด้านข้างว่างหรือไม่” เฟยเทียนสอบถามเสี่ยวเอ้อ
“ว่างขอรับ ให้ข้าน้อยจัดอีกห้องหรือไม่ขอรับ”
“อืม พวกเจ้าก็ไปทานกันเสียให้อิ่ม ฮูหยินข้าจะได้สบายใจเสียที”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะนายท่าน ฮูหยิน”
“ขอบพระคุณขอรับนายท่าน ฮูหยิน”
จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปทานมื้อเย็น ภายในห้องจึงมีเพียงเฟยเทียนและเจียวซินที่กำลังนั่งทานมื้อเย็นกันอยู่ ด้วยความที่เจียวซินเพลิดเพลินไปกับ การทานอาหาร จึงใช้ตะเกียบคีบอาหารจานที่อร่อยให้ท่านอ๋อง แต่เมื่อย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า มือที่ยื่นไปกลับชะงักค้าง แล้วรีบดึงกลับทันที
“ขออภัยเจ้าค่ะ”
“มิเป็นไร ข้าอยากทานจานนั้นเช่นกัน แต่คงคีบมิถึง” เฟยเทียนที่เห็น เจียวซินแสดงท่าทีอึดอัด นางคงนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาตำหนินาง เฟยเทียนมิอยากให้เสียบรรยากาศจึงเอ่ยเช่นนั้นออกไป
“เช่นนั้นให้ข้าคีบให้ดีหรือไม่เจ้าคะ” เจียวซินรีบเสนอความช่วยเหลือ อย่างน้อยท่านอ๋องเองก็คงรู้สึกผิดที่ตำหนินางแรงเช่นนั้นเหมือนกัน แม้จะไม่ได้กล่าวคำว่าขอโทษ แต่การที่ยอมตามใจนางวันนี้ก็ถือว่าขอโทษด้วยการกระทำ แล้วกัน
นอกจากจะเป็นเด็กเอาแต่ใจแล้ว ยังปากหนักด้วยหรือนี่
“ข้าผ่านการทดสอบหรือไม่เจ้าคะ”
“อืม จากที่เห็นเจ้าก็พูดสื่อสารได้คล่องแคล่วดี ถือว่าใช้ได้”
“ถ้าเช่นนั้น…”
“ข้าจะให้เจ้าเป็นล่ามในวันที่คณะราชทูตมาเยือน”
“ได้เจ้าค่ะ แล้ว…ข้าจะได้รางวัลหรือไม่เจ้าคะ”
“ได้ หากทำดีเสด็จพ่อจะทรงพระราชทานรางวัลให้เป็นแน่”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นช่วงนี้เจ้าก็ไปอ่านตำราเกี่ยวกับการปฏิบัติตนต่อหน้าเชื้อพระวงศ์ ไว้บ้าง”
“ได้เจ้าค่ะ ข้าเองก็มิรู้วิธีปฏิบัติมากเช่นกัน”
“หาก…หากที่ตำหนักเจ้าไม่มีตำรา ก็มาใช้ห้องตำราที่ตำหนักข้าได้” เฟยเทียนเอ่ยปากบอก เขาไม่ได้อยากใกล้ชิดนางหรอกนะ เพียงแต่…เพียงแต่นางจำเป็นต้องศึกษาให้มากก็เท่านั่น
“ได้หรือเจ้าคะ เช่นนั้นท่านพี่ให้คนมาสอนการปฏิบัติตนด้วยได้หรือไม่ เจ้าคะ”
“อืม ได้ ข้าจะไปขอคนจากเสด็จแม่มาสอนให้” นี่เขามิได้ตามใจนางหรอกนะ ไม่ได้ตามใจเลยจริงๆ
“ยึ้ย! นี่มันอันใดกัน! ใครถ่ายหนักแล้วเอามาเช็ดตรงนี้ แหวะ!” ไฉ่หงรีบเช็ดมือเข้ากับบานประตูแล้วรีบออกมาทันที เพราะกลัวว่าจะมีผู้ใช้ห้องสุขาต่อและคิดว่าตนเองเป็นคนทำ แต่ทว่าเด็กน้อยมิทันได้ระวังจึงเหยียบเข้ากับน้ำมะม่วงที่สองแฝดเทเอาไว้จนรองเท้าหรูเปรอะเปื้อนไปหมด“อ่าว! ไฉ่หงอยู่นี่เอง ข้าอยากขอโทษที่ต่อว่าเจ้าเมื่อวันก่อน ยกโทษให้ข้านะ” ซินอี๋ทำทีว่าบังเอิญเจอไฉ่หงที่หน้าห้องสุขา เขาแสร้งตีหน้าเศร้าราวกับว่าเรื่องวันก่อนเขาได้ทำผิดไป“อะ เอ่อ ข้ายกโทษให้ แต่เจ้าอย่าได้มาขึ้นเสียงกับข้าอีกเล่า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน หึ!”“ขอบใจเจ้ามากนะไฉ่หง น้องข้าก็เอาแต่ใจเช่นนี้ มิได้ความเสียจริง” หย่งเล่อที่จู่ก็โผล่มาเกาะไหล่ไฉ่หงจากด้านหลัง มือเล็กของหย่งเล่อลูบไปทั่วแผ่นหลังและบั้นท้ายของไฉ่หง“อืม ข้าต้องไปแล้ว เจ้าก็สั่งสอนน้องเจ้าให้ดีด้วยเล่า” ว่าแล้วไฉ่หงก็เดินกลับเข้าห้องเรียนของตนทันทีหย่งเล่อและซินอี๋ที่มองไฉ่หงจากด้านหลังก็ยิ้มกริ่มพอใจกับผลงานตนเอง เพราะอาภรณ์ด้านหลังของไฉ่หงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำมะม่วงสุกที่หย่งเล่อลงทุนใช้มือตนเองป้ายลงไป“ข้าว่าเจ้าไปล้างมือก่อนเถิด ข้าเหม
“หย่งเล่อเจ้าว่าน้องของเราจะเป็นหญิงหยือชาย” ซินอี๋และหย่งเล่อกำลัง ยืนเกาะขอบประตูห้องทำคลอด ที่บัดนี้ด้านในกำลังทำคลอดให้มารดาของพวกเขาอยู่หลังจากที่บิดาของพวกเขาให้คำมั่นว่าจะมีน้องชายน้องสาวมาให้พวกเขาเลี้ยงมานานนับหลายปีจนตอนนี้พวกเขาอายุได้สี่หนาวย่างเข้าห้าหนาวแล้วมารดาพวกเขาถึงได้ตั้งครรภ์และกำลังจะคลอด มิเหมือนกับท่านลุงซีห่าวกับท่านน้าเฟยเฟิ่งที่บัดนี้มีทั้งน้องชายวัยสองหนาว ทั้งท่านน้าเฟยเฟิ่งยังตั้งครรภ์ได้กว่าแปดเดือนแล้ว แต่ก็ช่างเถิด อย่างไรเสด็จพ่อก็ทำตามสัญญาแม้จะช้าไปหลายปีก็เถอะนะ…“ไม่รู้” หย่งเล่อจดจ้องอยู่ที่ประตูตาไม่กระพริบ เด็กน้อยกำลังกังวลว่าเสด็จแม่และน้องจะปลอดภัยหรือไม่ แต่ปากเล็กก็ยังเอ่ยตอบน้องชาย“แล้วเจ้าว่าน้องจะหน้าตาเหมือนผู้ใด เสด็จพ่อหยือเสด็จแม่”“ไม่รู้”“แต่ข้าว่าให้น้องเหมือนข้าน่าจะเข้าท่า เพราะข้าเป็นชายหนุ่มที่หย่อเหยาที่สุดในแคว้นเฉินแห่งนี้” ซินอี๋ใช้มือเล็กๆ ลูบคางของตนเองไปมา ดึงท่าทีคล้ายต้องการแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าตนเองนั้นหล่อเหลาเพียงใด สองแฝดคู่นี้แม้หน้าตา จะเหมือนกันจนแยกไม่ออกแต่ทว่านิสัยใจคอกลับแตกต่างกับลิบลับ คนหนึ่งนิ่งข
“อ๊ะ อื้ออออ”จุ๊บ! จ๊วบ! ปากหนาเลื่อนไปครอบยอดถันสีแดงก่ำ ทั้งไล่เลีย ทั้งดูดดึงดั่งทารกที่หิวโหย เฟยเฟิ่งที่พึ่งเคยถูกสัมผัสที่ลึกซึ้งถึงกับตัวอ่อนระทวย ปล่อยให้ร่างหนารุกเร้าอยู่อย่างนั้น ปากบางถูกเจ้าของขบกัดจนแดงก่ำ สองมือลูบไล้ไปตามร่างกายอันกำยำของสามีอย่างหลงไหล“ทะ ท่านพี่ ของ ของท่านมัน-” ร่างกายเปลือยเปล่าบดเบียดแนบชิดกันจนเฟยเฟิ่งรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งดุนดันอยู่ที่บั้นท้ายของนางอยู่“อะฮึ่ม! มันคงอยากมาเล่นกับเจ้ากระมัง มาเถิด ทำให้พี่ดูว่าที่เจ้าเล่าเรียนมานั้นจะใช้ได้จริงหรือไม่” ซีห่าวผละกายออกจากเฟยเฟิ่งพลางถอยไปพิงอ่าง สองแขนแกร่งยกขึ้นพาดขอบอ่างดั่งคุณชายเจ้าสำราญที่รอรับการปรนนิบัติ เฟยเฟิ่งที่ถูกทวงถามก็รีบเค้นบทเรียนที่เล่าเรียนมาปรนนิบัติให้สามีประทับใจ“อึก! ของท่านดูเหมือนจะใหญ่กว่าแท่งหยกที่เสด็จแม่นำมาสอน” เฟยเฟิ่งเอื้อมมือที่สั่นเทาไปแตะแท่งทวนของสามีที่อยู่ใต้น้ำ มือบางชักรูดเบาๆ พลางวนนิ้วโป้งบนปลายหยัก“อืมมมม ดี มือเจ้านุ่มเหลือเกิน ซี๊ดดด” ซีห่าวแหงนหน้าสูดลมเข้าปากด้วยความเสียวซ่าน เฟยเฟิ่งเห็นท่าทีของสามีก็ได้ใจรีบรูดรั้งแท่งทวนช้าบ้างเร็วบ้างหวังให้สา
“เป็นอย่างไรบ้าง มาให้แม่ดูเสียหน่อยว่าเรียบร้อยดีหรือไม่” ฮองเฮาหลี่เดินเข้ามาจัดชุดพิธีการสีแดงปักดิ้นทองที่เฟยเฟิ่งใส่อยู่ให้เป็นระเบียบมากขึ้น มือบางลูบไล้จัดแต่งเรือนผมของบุตรีพลางย้อนนึกถึงตอนที่เฟยเฟิ่งยังเป็นเด็กซุกซนวิ่งเล่นอยู่ในตำหนัก แต่มาบัดนี้เด็กน้อยแสนซนผู้นั้นกำลังจะได้ตบแต่งออกไปมีครอบครัวเป็นของตนเองแล้ว“ลูกงดงามหรือไม่เพคะ” เฟยเฟิ่งที่เห็นว่ามารดานิ่งเงียบไป จึงเอ่ยถามขึ้น“งดงาม แต่คงมิเท่าแม่ หึๆ”“โถ่! วันนี้เป็นวันสมรสของลูก เสด็จแม่จะมิยอมให้ลูกงดงามที่สุดบ้างเลยหรือเพคะ”“ฮ่าๆ ได้ๆ วันนี้แม่ให้เจ้างดงามที่สุด…เฟิ่งเออร์ แม้ตบแต่งออกไปแล้วแต่เจ้าก็ยังเป็นบุตรของแม่และเสด็จพ่อ หากว่าซีห่าวทำสิ่งใดให้เจ้าเจ็บช้ำน้ำใจขอเพียงเข้าบอกแม่ แม่จะให้เสด็จพ่อจัดการกับเขาเอง” ฮองเฮาหลี่อดเป็นห่วงบุตรีของตนมิได้ ด้วยเพราะตั้งแต่เกิดมาเฟยเฟิ่งมิเคยห่างจากอกบิดามารดาเลยสักครา“หึ อย่างซีห่าวนะหรือจะทำให้เฟิ่งเออร์เจ็บซ้ำน้ำใจ คงจะมีแต่คนของเรามากกว่าที่จะทำให้เขาปวดหัว” ฮ่องเต้เฟยหลงที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยเย้าบุตรของตน“โถ่ เสด็จพ่อละก็ ลูกมิได้ซุกซนถึงเพียงนั้นเสียหน่อย อีก
“อืม…แค่กๆ” เฟยฉีรู้สึกตัวขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ตาคมมองไปรอบๆ ก็พบว่าตะเกียงในห้องของเขาถูกจุดสว่างไสว ความทรงจำสุดท้ายคือเขารู้สึกตาพร่ามัว ทั้งยังเจ็บปวดไปทุกส่วน และหลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดดับไป“องค์รัชทายาท ได้สติแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” จินเยว่ที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงได้ ไม่นานก็ได้เสียงไอของคนบนเตียงเขาจึงได้สะดุ้งตื่นขึ้นมา จิเยว่รีบเดินไปรินน้ำอุ่นมาให้เฟยฉีทันที ร่างบางพยายามประคองร่างสูงให้ดื่มน้ำให้มากๆ ด้วยการขับพิษในครั้งนี้เฟยฉีเสียเลือดไปมาก“แค่กๆ จินเยว่” ปากหนาเอ่ยเรียกคนรักด้วยเสียงออดอ้อน ยังดีที่เฟยเทียนสั่งให้นางกำนัลเฝ้าอยู่หน้าห้องบรรทม ภายในห้องจึงมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น“พ่ะย่ะค่ะ”“จินเยว่”“อึก! พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทมีสิ่งใดจะรับสั่งกับกระหม่อมหรือ” ดวงใจน้อยๆ ของจินเยว่ถึงกับกระตุกเมื่อเห็นแววตาเว้าวอนของคนรัก“เยว่เยว่ เยว่เยว่”“ว่าอย่างไร”“ข้าเจ็บไปทั้งตัวเลย ฮึก! ใจข้าก็เจ็บ” ร่างสูงโถมกายเข้าซุกซบกับอกของ จินเยว่จนล้มหงายหลัง“ชะ เช่นนั้นกระหม่อมจะไปนำยามาให้ องค์รัชทายาทปล่อยกระหม่อมก่อนพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ หากข้าปล่อยเจ้า เจ้าก็จะหนีไป”“กระห
"ซี๊ดดดดด ตัวเล็กกระจิดริดเหตุใดจึงกัดเจ็บถึงเพียงนี้นะ”จินเยว่ที่กำลังเก็บสมุนไพรเงี่ยหูฟังเสียงที่ดังแว่วเข้ามาในหู ใบหน้าแสนน่ารักหันไปหันมาเพื่อสำรวจหาต้นเสียง เขาเดินไปตามเสียงที่ได้ยินสุดท้ายก็พบเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังก้มๆ เงยๆ ล้างเลือดออกจากแผลบนมือ จินเยว่ขมวดคิ้วแน่นคิดไม่ตกว่าควรเข้าไปช่วยดีหรือไม่ หากเข้าไปช่วยจะเกิดเหตุการณ์ดังเช่นครั้งก่อนหรือไม่“เจ็บๆ หากรู้ว่ากัดเจ็บถึงเพียงนี้ อย่าหวังว่าข้าจะช่วย ข้าจะปล่อยเจ้าแห้งตายอยู่ในกับดักโง่ๆ นั่น ฮึ่ย!” เสียงบ่นกับตนเองของชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นทำให้จินเยว่อดยิ้มขำออกมามิได้ หากให้เขาคาดเดาชายหนุ่มผู้นี้คงจะช่วยสัตว์ที่ติดอยู่ในกับดักแต่ดันถูกสัตว์ตัวนั้นกัดมาเป็นแน่จึงได้มานั่งบ่นอยู่เช่นนี้น่าสงสารเสียจริง…“คิกๆ” จินเยว่หยุดหัวเราะออกมาโดยมิรู้ตัว“ใครน่ะ” แย่แน่แล้ว!!! จินเยว่รีบหลบไปอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ร่างบางตัวสั่นเทา ใจหนึ่งก็นึกกลัว แต่อีกใจหนึ่งก็อดสงสารชายหนุ่มผู้นั้นมิได้ หากชายหนุ่มถูกสัตว์มีพิษกัดเข้าเล่าจะทำเช่นไร“ข้าถามว่าใคร ออกมา! มิเช่นนั้นข้าจะถือว่าเจ้ามาร้าย” จินเยว่ได้ยินเสียงเข้มเอ่ยดังนั้นจ