"น้า… น้าไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกยังไง" น้ำเสียงของเธอสั่นไหว "ความทรงจำในอดีต… มันทำร้ายกนก"
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความรู้สึก "น้ากับสามีพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขากลับมาเป็นปกติ ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีวันเหมือนเดิม… น้าไม่อยากให้กนกต้องเจอกับสิ่งที่อาจกระตุ้นความทรงจำเหล่านั้นอีก"
ภพรักกำมือแน่น เขารู้ว่าเธอไม่เชื่อใจเขา… และเขาก็เข้าใจ
"แต่ผมอยากสัญญาด้วยความบริสุทธิ์ใจ" เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาฉายแววแน่วแน่ "ขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์… ผมจะไม่ทำให้น้องเจ็บปวด"
เพชรมองเด็กหนุ่มตรงหน้า เด็กชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนเล่นของกนก… ตอนนี้เขาเติบโตขึ้นมากแล้ว แล้วแววตาคู่นั้นก็สะท้อนถึงความชัดเจบางอย่าง แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจ เธอไม่ได้ตอบรับทันที แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ดวงตาของเธอสะท้อนถึงความลังเลและความรักที่มีต่อลูก
"น้าไม่อยากให้กนกต้องเจ็บปวดอีก…" เสียงของเธอเบาหวิว "น้าไม่อยากให้ลูกของน้าต้องรับภาระอะไรไปมากกว่านี้ ให้เขาได้ใช้ชีวิตของเขาเอง"
ภพรักพยักหน้าช้า ๆ เขาเข้าใจความกังวลของคุณเพชรดี
"แต่น้าก็จะไม่ห้ามเรา" เพชรพูดต่อ น้ำเสียงของเธอนุ่มลง "ถ้าเราตั้งใจจะดูแลกนกจริง ๆ ก็อย่าทำให้น้องต้องรู้สึกกดดัน… และอย่าทำให้น้องต้องหวนนึกถึงอดีตที่เจ็บปวดอีก"
หัวใจของภพรักเต้นแรงขึ้น นี่ไม่ใช่การยอมรับทั้งหมด แต่มันเป็นโอกาส… โอกาสที่เขาจะได้ดูแลคนที่อยู่ในหัวใจของเขามาตลอด
"ขอบคุณครับ… น้าเพชร" พบรักยิ้มบาง ๆ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาได้เรียกเธอแบบนั้นอีกครั้ง
คุณเพชรพยักหน้า "แค่เฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอ อย่าทำให้กนกรู้ว่าเราอยู่ตรงนั้น"
จากนี้ไป… พบรักจะเฝ้ามองและถนุถนอมเด็กชายคนนั้นอย่างดีที่สุด
เขาไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้ ไม่ต้องการให้กนกรู้ตัว ไม่ต้องการคำตอบหรือคำสัญญาใด ๆขอแค่ได้เห็นน้องมีความสุข ได้เห็นรอยยิ้มของน้องจากที่ไกล ๆแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว…
ภพรักมองตามแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย กนกสอบติดมหาวิทยาลัยและเริ่มต้นชีวิตนักศึกษาในเมืองหลวงอย่างเต็มตัว โลกของเขากว้างขึ้น ผู้คนมากมายเดินผ่านเข้ามาและผ่านออกไป ทว่ามีใครบางคนที่เฝ้ามองเขาอยู่เสมอ โดยที่เขาไม่เคยล่วงรู้
ภพรักเฝ้าดูเด็กหนุ่มที่เติบโตขึ้นอย่างเงียบ ๆ สองปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการเฝ้าระวังและปกป้องจากที่ไกล ๆ แม้ไม่อาจเอื้อมมือไปแตะต้องแต่เพียงแค่ได้เห็นว่าน้องมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่ได้พบก็เพียงพอแล้ว เมื่อรู้ว่ากนกเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา มันเหมือนโชคชะตานำพาให้ทั้งสองกลับมาใกล้กันอีกครั้ง แม้เป็นเรื่องบังเอิญ แต่พบรักรู้ดีว่าสำหรับเขาแล้ว… กนกไม่เคยเป็นเรื่องบังเอิญเลย
"น้าไม่ห้ามแล้ว… แต่ขอร้อง… อย่าทำให้กนกต้องเจ็บปวดอีก"
พบรักพยักหน้า เขารู้ดีว่าคุณเพชรไม่เคยไว้ใจเขาเต็มร้อย แต่แค่เธอยอมให้เขาเข้าไปในโลกของกนกอีกครั้ง… มันก็มีค่ามากพอแล้ว
น้าเพชรเองก็เริ่มเปิดใจให้เขามากขึ้น หลังจากเห็นความพยายามที่ไม่เคยลดน้อยลง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยก้าวล้ำไปไกลเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต เธอจึงยอมให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองแต่ก็เตือนว่าอย่าให้เกิดเรื่องที่อาจทำให้กนกต้องเจ็บปวดอีก
และนั่นเป็นเหตุผลที่กุญแจห้องของกนกมาอยู่ในมือของเขา
การกลับมาเรียนในวัย 24 ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักศึกษาที่มีอายุมากที่สุดในรุ่น ยิ่งเมื่อก้าวเข้าสู่ปี 4 อายุของเขาก็เกือบ 30 เพื่อนร่วมคณะหลายคนจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เขามีโลกของตัวเองและมีงานที่ต้องรับผิดชอบ จนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนในคณะจางลงตามเวลา แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพบรัก เพราะสิ่งที่ทำให้เขาตั้งใจไปมหาวิทยาลัยทุกวัน ไม่ใช่เพื่อนในรุ่น แต่เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่เคยรู้เลยว่ากำลังถูกเฝ้ามองอยู่
เขาเห็นกนกเติบโตขึ้นทุกวัน จากเด็กชายตัวน้อยที่เคยซ่อนตัวอยู่ในโลกของตัวเอง กลายเป็นนักศึกษาที่เริ่มเปิดรับโลกภายนอก แม้จะยังคงมีความเงียบขรึม มีพื้นที่ของตัวเองที่ไม่มีใครล่วงล้ำเข้าไปได้ แต่ทุกครั้งที่เห็นกนกมีรอยยิ้ม เล่นสนุกกับเพื่อนสนิทอีกสองคน พบรักกลับรู้สึกอุ่นใจ เฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ ไม่รีบร้อน ไม่ต้องการรบกวนชีวิตของอีกฝ่ายมากเกินไป แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นเงียบ ๆ ในใจของเขา
กนกไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว ยิ่งเติบโต ความอ่อนโยนและเสน่ห์บางอย่างของเด็กหนุ่มก็ฉายชัดขึ้น จนทำให้พบรักเผลอหลงใหลโดยไม่รู้ตัว เขาตามน้องไปเกือบทุกที่ เฝ้ามองโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัว หอพักในที่กนกอาศัยอยู่ถูกจดจำจนขึ้นใจ เพื่อนสนิทสองคนของกนกที่มักอยู่เคียงข้างเป็นคนที่พบรักเห็นบ่อยที่สุด พวกเขาหัวเราะกันเสมอ เล่นกันสนุกสนานในแบบที่เด็กวัยมหาวิทยาลัยควรเป็น
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย…
กนกยังคงพกนิยายเล่มโปรดไปไหนมาไหนเสมอ
ภาพของเด็กหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อน กลายเป็นภาพที่พบรักคุ้นเคยและโอบกอดไว้ในความทรงจำของเขาโดยไม่รู้ตัว
คืนวันนั้น อากาศเย็นลงเล็กน้อย แสงไฟจากเสาไฟริมทางส่องลอดผ่านม่านบางในห้องพักของกนก ทุกอย่างเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของเด็กหนุ่มที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียง
ภพรักยืนอยู่หน้าประตูห้องของกนก มือของเขาถือกุญแจดอกเล็กที่ได้รับมาจากน้าเพชร เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่คืนนี้... เขาคิดถึงกนกมากกว่าปกติ
เขาไม่ควรจะมาที่นี่
เขาไม่ควรจะไขกุญแจห้องนี้
แต่ความรู้สึกบางอย่างผลักดันให้เขาทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ...
เสียง "คลิก" เบา ๆ ดังขึ้น เมื่อประตูถูกปลดล็อก ภพรักก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง ห้องของกนกยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นอ่อน ๆ ของสบู่และกระดาษหนังสือ กลิ่นที่เขาคุ้นเคยและเฝ้ามองมานาน
กนกลืมตามองตงมาที่เขาดวงตาสีเข้มสะท้อนแสงวาววับ ริมฝีปากเล็กเผยอออกด้วยความสงสัย ภพรักชะงัก หัวใจเต้นกระหน่ำ สมองว่างเปล่าราวไม่มีคำอธิบายใด ๆ ที่จะเหมาะสมกับสถานการณ์นี้และเพราะคิดอะไรไม่ออกเขาจึงโน้มตัวลงไป
จูบกนก...
ริมฝีปากของเขากดลงไปแผ่วเบา แนบสนิทลงบนความนุ่มหยุ่นของริมฝีปากเล็ก ความอบอุ่นที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนทำให้สติของเขาพร่าเลือน เพียงแค่จะแก้สถานการณ์... เพียงแค่เบี่ยงเบนความสนใจ แต่เมื่อริมฝีปากสัมผัสกัน ความหวานละมุนที่ได้รับกลับทำให้เขาถลำลึกลงไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อถอนจูบออกมาเพียงเสี้ยววินาที แต่แล้ว... เขากลับกดจูบลงไปอีกครั้งคราวนี้ลึกซึ้งขึ้น
เขาไม่ควรทำแบบนี้
แต่สัมผัสของกนก... ทำให้เขาหลงใหล
ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนแก้มใส ไล้เบา ๆ อย่างทะนุถนอม ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ถอนจูบออก หอบหายใจเล็กน้อย ก้มลงมองเด็กหนุ่มที่ยังคงนิ่งค้างไปจากสัมผัสเมื่อครู่
ภพรักยกมือขึ้นลูบศีรษะของกนกแผ่วเบา ก่อนจะค่อย ๆ จัดผ้าห่มให้เรียบร้อยแล้วพาน้องกลับไปนอนอย่างอ่อนโยน
ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน... ริมฝีปากของเขากดลงบนหน้าผากของกนกอย่างแผ่วเบา
"ฝันดีนะ... เด็กน้อยของพี่"
แล้วเขาก็จากไป ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกบางอย่างที่ยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ และเด็กหนุ่มที่นอนนิ่ง โดยที่หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ...
และหลังจากนั้นเขาก็ห้ามตัวเองให้แอบเข้าไปหาน้องไม่ได้อีกเลย
หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที
วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย
ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้
"อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ
หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”
เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน