ซูจินไม่ทันได้เห็น รู้แต่เพียงว่าจางหลงทอดสายตามองใครอยู่
“คนที่มารับเหรียญทอง คงถูกผลักจนล้มลงดีที่มีคนช่วยไว้ทัน”
ซูจินยิ้มๆ
“ผู้คนล้วนมาชมบารมีของฝ่าบาทมากมายจึงมีบ้างที่จะได้รับบาดเจ็บ เช่นนั้นซูจินให้เขานำเหรียญมาให้ฝ่าบาทโปรยอีกมากหน่อย เพื่อจะได้แจกจ่ายกันทั่วถึง”
จางหลงยิ้มเป็นการตอบตกลง ซูจินโบกมือให้ขันที ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้จางหลง
กองไฟถูกเติมด้วยฟืนท่อนยาวที่จิวซัวลากมาสุมไว้
“แม่นางทำไมต้องวิ่งหนีจากตรงนั้นด้วย”
ซินเฟยนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใด
“ขอโทษที่ข้าละลาบละล้วงหากไม่อยากพูดถึงมันก็อย่าได้เกรงใจ”
ซินเฟยก้มหน้านิ่ง
เสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล จิวซัวผิวปากเพียงครั้งเดียว ม้าก็มาหยุดยืนตรงหน้าบุรุษร่างสูงอีกคนในชุดพรางตัวกระโดดลงจากหลังม้า เหลือบตามองซินเฟย ก่อนจะประสานมือคารวะจิวซัว
“ฝ่า..คุณชายข้าตามหาทันจนทั่วเขตวังหลวงคิดว่าเกิดอันตราย”
จิวซัวยิ้มอ่อนโยน ซินเฟยลุกออกจากตรงนั้นเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทที่นั่งฟังคนอื่นคุยกัน
“ข้าปลอดภัยดี”
พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ฝ่าบาทการเดินทางมาครั้งนี้อันตรายไม่น้อย หากคนของแคว้นฉินรู้ว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่อาจ จับตัวเพื่อต่อรองด้านการศึก”
“ความจริง กองกำลังของเราก็ประชิดชายแดนแคว้นฉินแล้วเหลือแต่ว่าจะเข้าโจมตีเมื่อใดเท่านั้น”
“เมื่อฝ่าบาท ชมวังหลวงของแคว้นฉินจนพอใจแล้ว ข้าน้อยเห็นว่าสมควรกลับไปที่ค่ายของเราจะดีกว่า”
“ทีแรกข้าก็คิดว่าจะกลับไปแต่ตอนนี้ขอรั้งอยู่ที่นี่นานหน่อย”
เหลือบตามองซินเฟยที่อยู่ห่างออกไป
“ฝ่าบาท เกรงว่าจะเกิดอันตราย”
“ข้าเชื่อว่าข้าเอาตัวเรอดได้ เจ้าระหว่างนี้ไปมาอย่าทิ้งร่องรอย ข้าเองก็จะเร้นกาย เพื่อความปลอดภัย”
เหลือบตามองไปที่ซินเฟยที่ยืนกอดอกเพราะความหนาว
“นาง ..ฐานะนางคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนกิริยานางต่างจากหญิงชาวบ้านทั่วไป”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นหากข้าพึงใจนางเจ้าคิดเห็นเช่นไร”
“ฝ่าบาท ที่มาที่ไปนางไม่ชัดเจนเกรงว่า”
“ข้ายังไร้ฮองเฮาข้างกาย เจ้าคิดว่านางไม่เหมาะสมเช่นนั้นหรือ ที่ข้านังไม่แต่งตั้งฮองเฮาเพราะยังไม่เจอคนที่ถูกใจ แต่ที่ผ่านแค่สบตานางข้าก็รู้ได้ทันทีว่านางแตกต่างจากคนอื่น”
“ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรองแคว้นเหลี่ยงของเราใช่ว่าจะไร้ซึ่งหญิงงามแต่เดิมเป็นเพราะฝ่าบาทไม่ทรงเปิดใจ”
จิวซัวถอนหายใจ
“ไว้ข้าไตร่ตรองอีกทีหากข้าและนางมีวาสนาต่อกัน อีกไม่นานเจ้าคงเห็นข้าพานางกลับไปยังแคว้นเหลี่ยง”
ทหารองครักษ์ประสานมือก่อนจะจากไป
จิวซัว ใส่ฟืนเข้าไปในกองไฟจนลุกโชติช่วงค่ำคืนเหน็บหนาวมีหญิงงามข้างกาย บัดนี้ช่างรู้สึกเป็นสุขอย่างประหลาด
“ข้าคงต้องกลับแล้ว”
น้ำเสียงเรียบเฉยแผ่วเบา
น้ำตาลก้อนเสียบไม้ถูกล้วงออกมาจากอกเสื้อยื่นส่งให้ซินเฟย
“ข้า เสี่ยวซัว ยินดีที่ได้พบแม่นาง…”
“ข้าซินเฟย ท่านไม่เก็บมันไว้กินหรือไร”
จิวซัวยิ้มกว้างสดใสอีกครั้งนั่งลง ข้างกองไฟใช้ไม้ในมือเขี่ยไฟให้ลุกโชติช่วง
“ข้าจะยอมไม่กินมันเพื่อจะได้ระลึกถึงรสหวานอร่อยของมัน หากข้ากินมันเสียตอนนี้คงไม่อยากกินมันไปอีกหลายวัน”
ซินเฟยยิ้มบางๆ จิวซัวก้มหน้าเขี่ยดินไปมารู้สึกว่ารอยยิ้มของซินเฟยทำเอาเขาประหม่าไม่น้อย
บ้านตระกูลฟง ตระกูลใหญ่ผู้ภักดี
“ฝ่าบาท แม้ตอนนี้ทุกอย่างจะราบเรียบเข้าที่เข้าทาง แต่ทัพของแคว้นเหลี่ยงตอนนี้ประชิดแนวชายแดนท่านแม่ทัพรอบัญชาจากฝ่าบาทว่าต้องการให้ตรึงกำลังหรือไม่”
“ทัพแคว้นเหลี่ยง”
“แคว้นเหลี่ยงยิ่งใหญ่อลังการฮ่องเต้ของแคว้นเหลี่ยงบัญชาการรบด้วยตัวเองจัดว่าเป็นแม่ทัพที่ฝีมือเยี่ยมยอดคนหนึ่งทีเดียว อาจเป็นเพราะฮ่องเต้ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งฮองเฮาจึง ไม่มีสิ่งใดต้องห่วงออกเดินทางบัญชาการรบด้วยตัวเองได้”
“มีทีท่าว่าจะบุกเข้ามาหรือไม่”
“ตอนนี้ยังคงรั้งอยู่ที่แนวชายแดนยังไม่ได้กล่ำกรายเข้ามาแต่อย่างใด ข้าน้อยเองก็ไม่แน่ใจว่าแคว้นเหลี่ยงต้องการอะไรกันแน่”
“ส่ง คนเจรจา”
“ฝ่าบาท เดิมเรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ของกระหม่อม ฝ่าบาททรงตรากตรำมาแสนนานครั้นจะได้พักกลับต้องมีเรื่องนี้มากวนใจ”
“ขอบใจใต้เท้าฟงมาก ตอนนี้ข้ายังปล่อยมือจากเรื่องราวของบ้านเมืองยังไม่ได้ เรื่องอื่นเอาไว้ที่หลัง ท่านว่าจะดีหรือไม่หากข้า จะเร้นกายไปสืบข่าวทัพแคว้นเหลี่ยง”
จ้องมองใบหน้าใต้เท้าฟงค้นหา บางอย่างในสายตาและคำพูด
ซินเฟย ทิ้งตัวลงบนแท่นนอน ความหวานยังซาบซ่านทั่วผิวกาย ลุกขึ้นถอดอาภรณ์หย่อนกายลงแช่น้ำอุ่นให้ซอกซอนเข้าไปในผิวเนื้อสัมผัสอ่อนโยนที่ริมฝีปากยังไม่จางหายไปรอยจุมพิตที่หน้าผาก ฝ่าบาทจะรู้สึกเช่นเดียวกับชินเฟยไหม ยามนี้อยากซุกกายในอ้อมแขนของคนที่นอนกอดก่ายไม่เบื่อ ตอนนี้ไม่ใช่ชินเฟยคนเดิมแล้ว กลายเป็นของเขาผู้นั้นยิ้มด้วยความเขินอายและเป็นสุข ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยลอบมองยามเดินอยู่ห่างเคยคิดว่าหากเป็นของเขาจะรู้สึกเช่นไร บัดนี้ซินเฟยรู้แล้วว่าการที่ได้ นอนร่วมเตียงกับบุรุษที่เคยหลงใหลแล้วเขากลับปรนเปรอสวาทให้มากมายเช่นนั้นเป็นสุขแค่ไหนเวลาล่วงเลยไป เรื่องราวในราชสำนักยัง เป็นจางหลงที่ต้องจัดการอีกทั้งเรื่องของจางเย่าหยางที่ไม่อาจละเลยปล่อยวาง ซินเฟย กินอะไรไม่ได้มาหลายวัส่งเสียงโอ๊กอ๊ากจนผิดสังเกตอีกทั้งร่างกายซุบผอมลงเป็นอันมาก เพียงได้แต่เฝ้ามองจางหลงห่างๆไม่เคยได้เข้าใกล้อีกตั้งแต่นั้นมาไทฮองไทเฮามาถึงพ้องพัก“ตรวจครรถ์ของพระสนมดูว่านางตั้งครรภ์หรือไม่”ไทฮองไทเฮาสั่งนางกำนัลอาวุโสเรื่องนี้ไม่ให้แพร่งพรายจึงไม่เรียกหมอหลวงด้วยหมอหลวงเป็นคนของซูจินนั่นเองนางกำนัลอาวุโสจับตรวจชีพจร ที
จางหลงลูบไล้ใบหน้าเนียนใส นิ้วโป้งกวาดรอบริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะประทับ ริมฝีปากอุ่นไปบนปากนุ่มหอม ราวกับกลีบบุปผา ลิ้นอุ่นซื้นซอกซอนเข้าไปภายใน ควานหาความหวานวุ่นวายเร่งรีบนี่เขาหิวกระหายเพียงนี้เชียวหรือ ทั้งๆที่เหนื่อยกับงานราชสำนักแต่ กลับรู้สึกผ่อนคลายมือใหญ่ปลดดึงอาภรณ์ของซินเฟยออกร่างเล็กขยับหนีด้วยความไม่เคย เขากลับรั้งร่างบางให้แนบชิดลำตัว นางไม่ได้ทำท่าทีหลีกหนีจนเกินงามหรือเสแสร้งจนไม่น่าเชื่อ ทว่าทุกอย่างล้วนออกมาจากส่วนลึก จางหลงแทรกลำตัวลงไปตรงกลางลำตัวของซินเฟยที่บิดหนี ส่งเสียงร้องครางเหมือนจะขอร้องเขาให้หยุดกระทำ เอวหนาขยับเบาๆเหมือนกับการร้องขอของนางได้รับความเห็นใจ ปลายนิ้ว ลูบไล้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดปากอุ่นขบเม้มอ่อนโยนอีกทั้งดูดกลืน เหมือนกลับร่างบางของอีกคนเป็นของหวานเลิศรส ร่างบางสะท้อนขึ้นลงสอดรับประสานกับร่างใหญ่ที่เบียดแทรกความบีบรัดคับแน่นทำเอาจางหลงแทบหยุดหายใจ สุขสมเพียงนี้เชียวหรือกับหญิงที่เขาพึงใจตั้งแต่แรกพบ วงแขนบางกอดรัดเขาเหมือนกลัวว่าเขาจะหนีไปซินเฟยส่งเสียงร้องครางอีกครั้งเมื่อเขาเร่งจังหวะเร็วรัว จางหลงอมยิ้ม “ฝ่าบาท...ได้โปรด” เพียงประโยคเด
ซินเฟยแหงนหน้ามองกำแพงสูงของวังหลวงด้วยรอยยิ้ม น้อยคนที่จะมีโอกาสเข้ามาใช้ชีวิตในนี้“คุณหนูซินเฟย ไทฮองไทเฮาให้เชิญคุณหนูที่ตำหนักไทฮองไทเฮา”ซินเฟยย่อตัวยิ้มน้อยๆก่อนจะตามนางกำนัลไป ไทฮองไทเฮาที่มีใบหน้าเหมือนจะแย้มยิ้มได้เสมอ แววตาอ่อนโยนจ้องมองซินเฟยที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า“เงยหน้าของเจ้าให้ข้าดูชัดๆ”“เพคะ” ขยับตัวเงยหน้าใ่ห้ไทฮองไทเฮาได้ยลโฉม“งดงามที่สุด ข้ามองเจ้าตั้งแต่ก้าวเข้าประตูวังมา งดงามอ่อนหวานเช่นนี้จึงเหมาะที่จะเป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างหลานข้า”“แต่ไทฮองไทเฮานางเป็เพียงผู้คัดตัวนางในที่สอบผ่านเข้ามาหาใช่ลูกขุนนาง ในตระกูลใด”“ข้ามิได้ต้องการลูกขุนนางใหญ่ตระกูลใดมาวางกล้ามในวังหลวง แต่ข้าต้องการใครสักคนที่จะปรนนิบัติฮ่องเต้และ มีโอรสธิดาสำหรับหลานข้า”“ดูแลนางให้ดีต่อจากนี้เจียงซินเฟยต้องคอยมารับใช้ที่ตำหนักไทฮองไทเฮา”ซินเฟยก้มลงคุกเข่ากับพื้นการฝึกในแบบนางในที่เข้มงวดไม่เคยแม้จะได้หลับเต็มตื่นหรือ ทำตัวตามสบาย“ร่างกายของเจ้ายังผุดผ่องในเมื่อข้าให้นางในอาวุโสตรวจภายในของเจ้า เช่นนั้นนับจากนี้ไปอีกสามคืนจึงเหมาะแก่การเข้าเฝ้าฮ่องเต้ หากโชคเป็นของเจ้าสวรรค์เมตตาจึงจะมี
“จางหยวน เคร่งขรึมแต่จริงใจ ไม่เสียทีที่เป็นลูกของข้าเขานับว่าเป็นผู้นำได้ดีไม่น้อย”“แล้วองค์หญิงเล่า“ซินฟางเอาแต่ใจ เจ้าเล่ห์แสนกล ไม่เหมือนเจ้าสักนิดอีกทั้งยังไม่เหมือนใครแต่เขาก็ทำให้เราสองคนยิ้มได้”“นางเหมือนฝ่าบาทไม่น้อยอย่างน้อยเมื่อผิดก็รู้จักขอโทษและทำคุณไถ่โทษ”“เพราะรักข้าจึงรู้สึกผิด และไม่อยากให้เจ้ามองข้าผิดๆ แม้จะต้องแลกมาด้วยทุกอย่างก็ตามขอเพียงมีเจ้าข้างกายได้กอดก่ายเจ้าอย่างนี้ทุกวันคืนก็เพียงพอแล้ว”“พบกันเพียงครั้งเดียวฝ่าบาทจะรักได้อย่างไร”“เจ้าเชื่อในรักแรกพบไหมแววตาเศร้าสร้อยของเจ้า ทำเอาข้าดวงใจสั่นไหวในคืนแรกนั้น”ซินเฟยยิ้มเขินอาย จะกี่วันผ่านจะกี่ปีเคลื่อนคล้อย จางหลงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเชยคางมนขึ้นมาสบตา จุมพิตหวานกว่าที่เคยหวาน อ้อมกอดอบอุ่นเหมือนเดิมแววตาเปลี่ยนไปกลายเป็นแววตาที่แสดงความรักใคร่อย่างที่สุด“ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ไม่ว่าเจ้าจะอุ่นเตียงให้ข้ากี่ครั้ง ข้าก็ยังไม่เคยจะเบื่อหน่ายมัน เช่นนั้นคืนนี้ เจ้าต้องทนอดนอนเสียหน่อย”โน้มร่างบางลงบนแท่นนอนช้าๆ จุมพิตที่ปากบาง บดขยี้อ่อนหวานเชิญชวนมืออุ่นซอกซอนเข้าไปใต้ร่มผ้าบีบรัดคลึงเคล้า ริมฝีปากก็ท
เสียงบางอย่างแหวกอากาศมาก่อนที่มีดสั้นของจิวซัวจะทำให้ขวดยาพิษร่วงลง แตกละเอียดกับพื้น กระบี่ในมือจิวซัวฟาดฟันทหารรอบกายจางหลง โยนกระบี่ในมือให้กับจางหลง ที่เอื้อมมือคว้ามันก่อนจะหันคมกระบี่เข้าใส่จางเย่าหยางเสียบเข้ากลางอกทะลุขั้วหัวใจจางเย่าหยางสะอึกแรงๆ เลือดสีแดงสดไหลออกจากปาก ปล่อยซินเฟยจากอ้อมกอด จางหลงคว้าร่างบางมากอดแนบอก เลือดหยดรินออกจากคมกระบี่สีแดงหยดลงพื้น ซินเฟยซบหน้าลงบนอกกว้างของจางหลง เสี่ยวซาน จิวซัวช่วยกันพยุงย่าหนาน“ตามหมอหลวง”เสียงตะโกนของจางหลง หทารของจิวซัวและจางหลงสามารถจัดการกับทหารของ จางเย่าหยางจนสิ้น ซินเฟยปาดน้ำตากุมมือย่าหนานไว้แน่น“ฮองเฮาดูแลตัวเอง ต่อจากนี้ไม่มีย่าหนาน มีเพียงฝ่าบาทที่จะคอยเป็นดังทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากนี้”“ไม่ไม่ไม่ ไท่เฟย ท่านต้องไม่เป็นอะไร ”ย่าหนายิ้มเศร้าๆ“ฮ่องเต้ ที่ผ่านมาเป็นข้าเองที่เอาแต่ใจฝ่าบาทไม่ผิด แม้ข้าจะอยากดีกับฝ่าบาทเพียงใดแต่เป็นเพราะความเอาแต่ใจไร้เหตุผลของตัวข้า ที่ทำให้ฝ่าบาทต้องพบกับความเจ็บซ้ำ”“ไท่เฟยท่านหยุดพูดได้แล้วหมอหลวงกำลังมา เมื่อท่านรักษาอาการบาดเจ็บหายดีแล้ว จางหลงจะนั่งฟังท่านบ่นด่าได้ทั้งวัน”ส่า
ซินเฟยในอาภรณ์สีแดงมงคลชายผ้ายาวเหยียด ข้างกายย่าหนานจับมือไว้มั่น รอยยิ้มปลาบปลื้มใจปรากฏที่ริมฝีปากของย่าหนาน“ยิ้มเข้าไว้ยิ้มรับความสุข และสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ”เสียงกระซิบข้างหูเมื่อจูงมือซินเฟยเดินตามทางเดินทอดยาวสองข้างทางเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารเนืองเเน่นร่วมแสดงความยินดี จางหลงก้าวลงมาจากบันไดขั้นสูงสุดรอรับซินเฟย ย่าหนานส่งมือของซินเฟยวางบนมือของจางหลง“ขอบคุณไท่เฟยที่ดูแลปกป้องนาง จนกระทั่งมีวันนี้ วันที่ท่านส่งมอบนางกลับคืนให้ข้าอีกครั้ง”“ฝ่าบาทจะดูแลนางอย่างดี และปกป้องนางอย่างดีจากนี้ไปใช่ไหม ไม่ให้นางต้องพบกับความขมขื่นเช่นข้า สัญญาได้ไหม”“ข้าสัญญา ไท่เฟยต่อนี้ท่านอย่าได้กังวลข้าจะมีนางคนเดียวตลอดไป” รอยยิ้มปรากฎทั่วทั้งใบหน้าของคนทั้งสามมงกุฎของฮองเฮาถูกสวมลงบนศีรษะของซินเฟยโดยจางหลง ตราหยกประทับของฮองเฮาเป็นใต้เท้าฉีที่ยื่นให้จางหลงมอบให้กับซินเฟย เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังไปทั่วบริเวณจางหลงหันมาสบตาซินเฟยด้วยความรักเต็มเปี่ยม“ต่อแต่นี้ เจ้าจะเป็นฮองเฮาของข้าคนเดียวไม่ว่าเจ้าจะผ่านทุกข์เข็ญอะไรมาข้าพร้อมชดเชยให้เจ้า”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ซินเฟยย่อตัวลงช้าๆ จางหลงจ