Chapter 2
สวัสดีค่ะฉันชื่อม่านหมอก หมอกเหมือนชื่อ ความรักที่มืดมนหม่นหมอง มีรักกับเขาทั้งทีกลับไม่เคยสดใสเลย ได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้เปิดเผยไม่ได้ และรักเขาข้างเดียวอีกต่างหาก
เฮ้อ! ฉันเป็นคนอีสานเข้ามาหาเรียนที่กรุงเทพฯ ฐานะทางบ้านยากจน พ่อแม่เป็นชาวนา กว่าฉันเรียนจบนาผืนน้อยและวัวที่พ่อเคยมี ก็ขายส่งควายอย่างฉันเรียนเกือบหมด ฉันมีน้องสาว1คนแก่นแก้วแสนซน อายุ8ปี
พอฉันเรียนจบ ภาระทุกอย่างก็ตกมาที่ฉัน ฉันต้องส่งเงินกลับบ้านทุกเดือน หลังจากหักค่าห้องค่ากิน เงินทั้งหมดที่เหลือฉันส่งกลับบ้านหมด
ฉันไม่เคยปริปากบ่น ฉันอยากจะมีเงินส่งกลับบ้านเยอะ ๆ พ่อแม่จะได้สบาย ดีนะที่ฉันเรียนจบ แล้วได้ทำงานกับเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน และผู้ชายคนนั้นคือปั้นจั่น
ก๊อก! ก๊อก! แกรก!
เสียงเคาะประตูดังถี่ ๆ ตามด้วยเสียงเปิดประตูเข้ามา พี่ปั้นสิบเดินเข้ามาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง
“หมอก ไอ้ปั้นจั่นอกแตกตายยังวะ!” พี่ปั้นสิบถามฉัน แล้ววางข้าวของลงบนโต๊ะ
“ไม่ตายก็เหมือนตายแหละพี่ ร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุดเลย ไม่รู้มันเอาน้ำตาจากที่ไหนมาผลิตนักหนา”
ฉันบ่นกระปอดกระแปด พร้อมกับทรุดกายลงนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ ปั้นจั่นที่กำลังนั่งร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด มันน่าตบหัวทิ่มนัก ปั้นจั่นเจ็บฉันก็เจ็บไม่ต่างจากเขาหรอก
“พ่อคนเก่งปากเก่งจัง สัส พอถึงเวลาร้องไห้ เป็นเผาเต่าเลยนะมึง”
“ฮือ ๆ ที่มึงมาเนี่ยมึงต้องการจะมาซ้ำเติมกูเหรอ? ถ้ามึงต้องการมาแค่นี้ มึงไสหัวมึงกลับไปเลยไอ้ปั้นสิบไอ้เวร! กูเจ็บขนาดนี้มึงยังจะมาซ้ำเติมกูอีก”
“ทำอย่างกับมึงไม่เคยซ้ำเติมกู เมื่อก่อนล่ะปากดีซะเหลือเกิน ไม่จำเป็นต้องมีแฟน โธ่เอ้ย! พอถึงเวลาตัวเองมีแฟนกลับมาร้องไห้จะเป็นจะตาย”
“กูผิดอะไรวะ? กูไม่ดีตรงไหน? ทั้งที่กูทุ่มเทให้เธอหมดทุกอย่าง ทำไมถึงทำกับกูแบบนี้”
“ทุ่มเทเชี่ยอะไร? ขนาดกูเป็นพี่มึง มึงยังไม่เคยพาแฟนมาเจอกู มึงไม่เคยพาแฟนมึงไปบ้านเลยสักครั้ง ไม่พาเธอไปเปิดตัวอะไรสักอย่าง”
“ที่กูไม่พาเธอไปเปิดตัว เพราะกูปิดบังตัวตนไงล่ะ มึงก็รู้ว่าตอนกูเรียนมหาลัย กูก็ไม่ได้เรียนที่เดียวกันกับมึงกับขนมชั้น กูมาใช้ชีวิตอยู่คอนโด กูไปมหาลัยกูก็ทำตัวจน กูอยากจะรู้ว่ามีสักคนกี่คน ที่เป็นเพื่อนกูจริง ๆ รักกูจริง ๆ ไม่ใช่หวังแต่เงินของกู”
“ไอ้ปั้นจั่นเอ้ย” พี่ปั้นสิบส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“และหนึ่งในนั้นก็มีม่านหมอกที่ยอมรับกูได้ ตอนนั้นม่านหมอกไม่เคยรู้เลยว่ากูเป็นคนมีฐานะ จนกระทั่งเรียนจบกูชวนเธอมาทำงานที่บริษัทพ่อ ม่านหมอกเองก็เพิ่งจะรู้ว่าฐานะของครอบครัวเราเป็นยังไง?”
ฉันนั่งฟังปั้นจั่นพูดอย่างเงียบ ๆ ปั้นจั่นไม่เคยเปิดเผยตัวตนให้ฉันรู้เลยว่าเขาเป็นคนมีฐานะ ฉันเจอเขาตอนขึ้นรถเมล์ไปมหา'ลัย สุดท้ายก็รับน้องและเรียนที่คณะเดียวกัน
ไม่ใช่ว่าปั้นจั่นไม่เคยมีเพื่อน เขามีเพื่อนเยอะมากในตอนแรก แต่พอปั้นจั่นพูดเรื่องฐานะทางบ้านจน ทุกคนก็ไม่อยากจะยุ่งกับเขา ในตอนนั้นไม่มีใครรู้หรอกว่าปั้นจั่นเป็นลูกเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ เพราะพี่ชายของเขาเป็นคนบริหารปั้นจั่นไม่เคยพูดถึงเรื่องครอบครัวให้ใครฟังเลย
“แล้วทำไมมึงถึงเลิกกันกับแฟนมึงวะ?”
“เธอไปกับไอ้เดรโก”
“อ๋อไอ้เดรโก ลูกเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ คู่แข่งกับบริษัทเรา ผู้หญิงคนนั้นเขาคงจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดละมั้ง ดีกว่ามาจมปลักกับคนจน ๆ ไง”
“แม่ง! กูอุตส่าห์จะเปิดตัวแบบพระเอกเลย แม่ง! ริสาดันทิ้งกูไปอยู่กับคนอื่น ฮือ ๆ”
“ดีแล้วที่มึงกับเธอเลิกกัน ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้ว่ามึงรวย แล้วต้องการมาปอกลอกทรัพย์สินของเรา มึงคิดว่าแม่น้ำชาจะยอมเหรอ? มึงรู้จักแม่น้ำชาน้อยไปซะแล้ว วีรกรรมสมัยสาว ๆ เยอะนะมึง”
“ฮือ..ฮือ... กูไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ที่ริสาเคยบอกว่ารักกู มันไม่จริง... ริสาโกหก”
“เอาน่า! ไปกินเหล้าให้เมาดีกว่า อย่าไปใส่ใจเลย แค่ผู้หญิงคนเดียวมึงจะอะไรนักหนา มึงจำคำพูดของมึงได้ไหมที่มึงเคยบอกกูว่า แค่ผู้หญิงคนเดียวมึงจะอะไรนักหนาหล่อรวยเพอร์เฟคแบบมึง แค่กระดิกนิ้วก็มีผู้หญิงมาอ้าขาถึงที่ มึงเคยบอกกับกูแบบนี้เพราะฉะนั้นมึงก็ใช้ คำนี้เองแล้วกัน” พี่ปั้นสิบตบบ่าปั้นจั่นเบา ๆ
“เชี่ยความรักแม่งเชี่ย กูผิดอะไรนักหนาวะ ความรักแม่งเฮงซวย ฮือ ๆ” ปั้นจั่นพูดพร้อมกับทุบเตียงแรง ๆ ฉันมองการกระทำของเขา แต่ไม่รู้ จะช่วยยังไง ให้ความเจ็บปวดภายในหัวใจของเขามันเบาบางลง
“หมอกลากมันไปห้องรับแขก วันนี้เราจะฉลองความโสดให้ไอ้ปั้นจั่น กินให้เมาไปเลย”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับคำจากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วดึงแขนเพื่อนตัวดีกึ่งลากกึ่งเดินไปนั่งที่ห้องรับแขก พี่ปั้นสิบเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วเอาน้ำแข็งออกมาจากนั้นก็จัดแจง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วยื่นให้ปั้นจั่น
“เอ้ากินซะ จะได้เลิกร้องไห้เสียที โตเป็นควายแล้วยังมาร้องไห้แม่งโคตรทุเรศเลยว่ะ”
“ไอ้พี่เชี่ย” ปั้นจั่นสบถออกมา พร้อมกับใช้มือปาดน้ำตาที่แก้มของตัวเองอย่างลวก ๆ
“แก้วนี้ของหมอก” พี่ปั้นสิบยื่นเครื่องดื่มให้ฉันฉันมองมันนิ่ง ๆ แต่ยังไม่ได้รับมา ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ปั้นสิบ
“หมอกไม่กินค่ะ หมอกไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ฉันปฏิเสธไป สมัยอยู่บ้านนอก ฉันมันคอเหล้าขาว เมาที่ไรเผยความลับในใจออกมาทุกที ฉันเลยเลิกดื่มแอลกอฮอล์ทุกอย่าง
“เฮ้ยจริงดิ ทำไมถึงไม่กินล่ะ”
“ปกติหมอกก็ไม่กินอยู่แล้วค่ะ” ฉันตอบพี่ปั้นสิบ
“กินเป็นเพื่อนกูหน่อย” ปั้นจั่นพูดกับฉัน
“มึงก็รู้นิ่ว่ากูไม่กิน พี่ปั้นมาแล้ว กูจะกลับห้องกูแล้ว กูเหนียวตัว” ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นไปหยิบกระเป๋า
“ห้องกูก็มีน้ำอาบ”
“มึง...”
“อยู่เป็นเพื่อนมันหน่อยนะ ถ้าหมอกไม่เคยกิน พี่จะชงให้เบา ๆ แล้วกันจะได้ดื่มเป็นเพื่อนมันหน่อย ตอนนี้มันร้องไห้ฟูมฟาย จะเป็นจะตาย พี่ล่ะทุเรศลูกกะตาจริง ๆ เมื่อก่อนละปากดีจริง ๆ ตอนนี้ร้องไห้ เป็นเผาเต่าเลย” พี่ปั้นสิบบ่นอุบอิบ
“เอ่อ…”
“เชี่ยไม่ว่าใครก็ทิ้งกูไปหมด แฟนกูก็ทิ้ง ตอนนี้เพื่อนกูก็จะมาทิ้งกูอีก กูนี่มันไม่มีใคร รักเลยจริง ๆ ไม่มีใครใส่ใจกูเลย”
“กูก็อยู่กับมึงอยู่นี่ไงไอ้เวร! มึงจะเรียกร้องอะไรนักหนา กินกินเข้าไปเถอะเหล้า จะได้หุบปากสักที”
“มึงไม่รักกูแล้วเหรอวะหมอก? มึงจะทิ้งกูจริง ๆ เหรอ?” ปั้นจั่นตะเบ็งเสียงใส่ฉัน ทำไมฉันจะไม่รักเขาล่ะ ก็เพราะรักนั่นแหละถึงได้ทนเจ็บปวดอยู่แบบนี้ ถ้าฉันรักคนอื่นแทนรักผู้ชายคนนี้ก็ได้ ฉันก็รักไปแล้วแหละ ฉันคงไม่มาทนให้หัวใจของฉันเจ็บปวดอยู่ทุกวันแบบนี้หรอก
“...”
“มึงจะทิ้งกูเหมือนริสาใช่ไหม? ไหนมึงบอกกูว่าจะไม่ทิ้งกันไง? ฮึก! มึงเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของกู มึงจะทิ้งกูเหรอวะ?! มึงจะทิ้งกูได้ลงคอเหรอ?” ปั้นจั่นพอได้กินเหล้าก็เริ่มโวยวายฟูมฟายมากกว่าเดิม เฮ้อ! ฉันกลอกตามองบน ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ปั้นจั่น
“กูไม่กลับแล้วมึงมีอะไรมึงก็พูดมา จะกินให้มันเมาก็กินไปอยากระบายอะไรก็เต็มที่ มึงคิดเสียว่ากูเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของมึงก็แล้วกัน” ฉันประชดประชันปั้นจั่น พี่ปั้นสิบมองหน้าฉันสลับกับหน้าปั้นจั่นไปมา จากนั้นก็ยิ้มที่มุมปากเบา ๆ
“นี่ของหมอก ส่วนนี้ของมึง” พี่ปั้นสิบยื่นเเก้วเหล้าฉัน คนล่ะแก้ว ฉันรับมาก่อนจะกระดกมันเข้าปากอย่างเครียด ๆ
“แม่ง! ทำไม?! ทำไม?! ทำไมริสาถึงทิ้งกู” ปั้นจั่นจับบ่าฉันเเล้วเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน พร้อมกับตะเบ็งเสียงใส่ฉัน
“กูจะรู้ไหมวะ?! ขนาดมึงยังไม่รู้แล้วกูจะรู้เหรอ!?”
“เชี่ย! ฮือ ๆ”
“หมอกอยู่นานไม่ได้นะคะ พรุ่งนี้หมอกมีงาน” ฉันพูดกับพี่ปั้นสิบ
“ดูมันให้พี่ก่อนแล้วกัน อาการฟูมฟายของมันดีขึ้น หมอกค่อยไปทำก็ได้ พี่อยากฝากหมอกดูแลมัน พี่จ่ายเงินเดือนเพิ่มให้หมอกอีกเท่าหนึ่ง”
“แต่พี่คะ...”
“มันสนิทกับหมอก หนมชั้นติดงานถ่ายละคร พี่ก็ติดงาน จะลากมันกลับไปอยู่บ้าน มันคงไม่ยอมแน่ ๆ ดู ๆ มันให้พี่ก่อนนะ พี่ขอร้อง”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับคำ ฉันนั่งกินเป็นเพื่อนปั้นจั่น ตอนนี้เขาเมาหัวทิ่มไปแล้ว แต่ก็ยังไม่หลับนะเมาเป็นหมาเชียว
Rrrrrrrr
สมาร์ทโฟนราคาแพงของพี่ปั้นสิบดังขึ้น
“ว่าไงจ้ะอิน”
(“...”)
“ปั้นมาดูไอ้ปั้นจั่น มันอกหักร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายอยู่เนี่ย”
(“...”)
“หึ! เดี๋ยวปั้นจะถามมันดู มันจะไปบ้านแม่ไหม?”
(“...”)
“ครับ รักอินกับลูกนะครับ” พี่ปั้นสิบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้น
“ฮือ ๆ กูเจ็บวะ!”
“กลับบ้านแม่กัน มีอะไรไปคุยที่บ้าน”
“กูไม่ไป”
“ทำไมวะ?!”
“กูชอบอิสระ”
“อิสระเหี้*นะสิ ตกลงจะไปกับกูไหม? พ่อแม่รออยู่บ้าน”
“กูไม่ไป”
“เออ งั้นกูกลับ ฝากดูมันด้วยแล้วกันนะหมอก”
“พี่คะหมอกต้องกลับห้องนะคะ”
“อืม แต่ดึก ๆ ค่อยกลับได้ไหม? เดี๋ยวตอนเช้าค่อยมาดู เดี๋ยวให้ลุงคมสันเจสันมาเฝ้ามัน”
“ค่ะ พรุ่งนี้หมอกจะมาดูปั้นจั่นแต่เช้า”
“ขอบใจนะ พี่กลับก่อนแล้วกัน”
“ค่ะ” พี่ปั้นสิบมองหน้าปั้นจั่น ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
“แม่ง แฟนก็ทิ้ง พี่ก็ทิ้ง เพื่อนก็ทิ้ง” ปั้นจั่นบ่น เฮ้อ! อยากจะทิ้งมันจริง ๆ แต่ก็ทำไม่ได้
“กูไม่ได้ทิ้งมึง แต่กูต้องไปพักผ่อน” ฉันพูดในขณะที่ปั้นจั่นนอนเฝ้าขวดเหล้า ตอนนี้ฉันเองก็ชักมึน ดีนะที่ฉันดื่มไม่เยอะ
“หมอก มึงอย่าใจร้ายทิ้งกูไปอีกคนนะ” ปั่นจั่นพูดพร้อมกับหลับตาลง ฉันเขยิบไปนั่งข้าง ๆ ปั้นจั่น ฉันมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายของปั้นจั่น ฉันมองริมฝีปากหยักนั้นอย่างเผลอใจ ก่อนจะก้มลงจูบเขาเบา ๆ
แม้ในใจอยากจะตะโกนบอกว่ารักปั้นจั่นมากกว่าเพื่อนมากแค่ไหน ฉันได้แต่เก็บคำว่ารักเอาไว้แล้วกลืนมันลงไป
วันเวลาผ่านไปอีก3เดือนค่ะ ฉันกลับมาใช้ชีวิตเป็นครอบครัวกับปั้นจั่นที่กรุงเทพโดยที่พ่อของฉันไม่ขัดข้องประการใดค่ะ ฉันมีความสุขมากๆเลยค่ะ ที่พ่อของฉันไม่เกลียดปั้นจั่นเหมือนแต่ก่อน ปั้นจั่นคงจะทำให้ท่านเห็นว่าเขายังมั่นคงกับฉัน เพราะเขาแสดงออกว่าเขารักฉันกับลูกตอนที่ไปบ้านพ่อแม่ฉันถึงแม้ว่าฉันกับเขาจะเลิกรากันไปถึง 10 ปีปั้นจั่นไม่มีใคร ฉันเองก็ไม่มีเหมือนกัน พ่อก็คงจะใจอ่อนให้เขา และสิ่งที่เขากระทำตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเขาไปหาอันนาอยู่เสมอ เขาไม่เคยรับผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรกเลยความรักครั้งใหม่สดใสอีกครั้ง ฉันเลือกที่จะอภัยเพราะมันถึงเวลาที่ควรอภัยแล้ว เขาปรับปรุงตัวและไม่มีใคร ถึงมันจะเป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย แต่ฉันก้าวผ่านและอภัยให้เขาแล้วฉันยังมั่นคง ไม่มีใครลืมรักแรกได้ ฉันไม่เคยลืมและไม่มีใคร ไม่ใช่ว่าตลอดระยะเวลา10ปีฉันเฝ้ารอเขานะคะ ฉันไม่ได้รอเขาหรอก แต่ฉันไม่สามารถรับใครเข้ามาในหัวใจได้ฉันรับน้ำค้างมาอยู่ที่บ้านแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าตอนแรกเธอจะไม่อยากมา อิดออดมากเลยค่ะเพราะเธออยากอยู่ใกล้คุณพายุ แต่ในเมื่อฉันกลับมาอยู่กับปั้นจั่นแล้ว ฉันก็ไม่อยากให้น้
ม่านหมอกเเสงแดดอุ่นๆแผ่เข้ามากระทบร่าง ฉันซุกหน้ากับอกแกร่งของปั้นจั่น อกที่คุ้นเคยอกนี้มันอุ่นมากเลยค่ะ อุ่นสุด ๆ เลยค่ะหลังจากที่จบศึกสวาทกันฉันก็หมดแรง คนที่นอนอยู่ข้างๆทั้งถึกทั้งทน ฉันถึงกับอ่อนเปลี้ยเพลียแรงฉันเงยหน้าจ้องใบหน้าคมคายของเขา ตอนนี้ปั้นจั่นหลับตาอมยิ้มที่มุมปากน้อยๆ เขาดูมีความสุขมากเลยค่ะ ซึ่งมันไม่ต่างจากฉันตอนนี้ ฉันมีความสุขมากที่ได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับเขา ถึงแม้ว่าใจของฉันมันจะสับสน แล้วรู้สึกหวาดหวั่นกับสิ่งที่เขาทำ แต่ที่ผ่านมาเขาก็ได้พิสูจน์ให้ฉันได้เห็นว่า เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีจริงๆ“จ้องการแบบนี้มาขี่ม้ากันเลยดีกว่า” เขาพูดพร้อมกับ เปิดเปลือกตาขึ้นต้องมองฉัน ฉันนี่เขินหน้าดำหน้าแดงเลยค่ะ“บ้าน่า” ฉันค้อนใส่เบาๆก่อนจะค่อยๆคลายกอดเขา ฉันหยัดกายลุกขึ้นจากเตียงหมับ!“ว้าย!” ฉันกรีดร้องอย่างตกใจ ปั้นจั่นคว้าตัวของฉันเอาไว้ พร้อมกับฝังจมูกไปตามพวงแก้มของฉัน“กลิ่นตัวหมอกหอมจัง” เขาพูดจมูกก็เริ่มซุกไซร้ตามเนื้อตัวของฉัน ไม่นะ! ไม่ เรื่องบนเตียงตอนนี้ต้องพักก่อน มือของเขาเริ่มลูบไปตามเนื้อตัวของฉัน ยุกยิกเป็นหนวดปลาหมึกเชียวค่ะ“ไปอ
ปั้นจั่นTALKผมจูบหมอกเร่าร้อนราวทะเลเดือด จูบราวกับสูบวิญญาณเธอออกจากร่าง ผมประคองใบหน้าของหมอก จูบเน้นๆแล้วสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอม่านหมอกขัดขืนในตอนแรกพยายามผลักผมออก แต่ผมไม่ยอมหรอกครับ วันนี้ผมต้องได้เมียคืน พี่ชายพี่สาวพ่อแม่และทุกคนๆช่วยกันวางแผนขนาดนี้ผมต้องตีมึนเอาไว้ผมดันเธอไปชิดกำแพงในขณะที่จูบเธอไปด้วย มือของผมเลื่อนลงต่ำมาบีบเค้นที่อกอวบของเธอ มืออีกข้างก็ถลกกระโปรงแล้วสอดมือเข้าไปในแพนตี้ตัวจิ๋วม่านหมอกสะดุ้งทันทีที่มือผมสัมผัส ผมกดคลำลากตามร่องยาวปริ่มน้ำ ม่านหมอกพยายามต่อต้าน ร่างกายเธอเริ่มบิดไปมาผมกรีดนิ้วจนกระทั่งเจอเม็ดทับทิม“อ้ะ ...ปะ... ปั้นจั่น” ม่านหมอกครางเบาๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดเมื่อปากเป็นอิสระ ผมทนมามากพอแล้ว ผมไม่ได้ปลดปล่อยมา10ปี และวันนี้ผมจะไม่ทน“หมอกจ๋า จั่นอยาก” ผมพูดเสียงกระเส่า รู้สึกต้องการเรื่องอย่างว่า แก่นกายของผมมันปวดหนึบจนแทบจะปริแตก มันผงาดชี้โด่พร้อมกับมีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มออกมา“พะ... พอ... ยะ... หยุดสักที”“หยุดทำไม? นี่คือความสุขนะหมอก”“มะ... ไม่เอา พะ... พอ” ม่านหมอกพูดอยู่แค่นั้นวนไปมา ผมไ
“หมอกไปกรุงเทพก่อนนะพ่อ” ฉันเอ่ยกับพ่อสุนทรในขณะที่ท่านกำลังง่วนอยู่กับการสั่งงานลูกน้อง วันนี้ท่านให้คนมาทำถนนทางไปบ้านของฉันกับบ้านที่ปั้นจั่นเคยอาศัยอยู่ และคนงานกำลังฟังอย่างตั้งใจ“อันนารบเร้าให้พาไปหาพ่อมันละสิ”“ใช่ค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับมองแผ่นหลังของพ่อ พ่อไม่ชอบปั้นจั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ท่านอาจจะไม่พอใจที่ฉันจะพาอันนาไปหาเขา“...”“พ่อคะ...” ฉันเม้นปากพร้อมกับเรียกท่าน“ไปเถอะ ผ่านมาหลายปีดีดักแล้ว หมอกมั่นคงกับมัน มันก็มั่นคงกับหมอก พ่อคงไม่ห้ามอะไรแล้ว เพราะที่ผ่านมามันก็พิสูจน์ตัวให้พ่อเห็นแล้ว”“ค่ะ”“รักคุณตาที่สุดเลยค่ะ” อันนาเช้าไปกอดพ่อสุนทร“รักเหมือนกันครับ ไปกับคุณแม่ก็บอกคุณแม่ให้ขับรถดีๆด้วยนะ”“ค่ะ”“ให้ไอ้วัดไปขับรถให้ไหม? ““ไม่เป็นไรค่ะ หมอกขับเองดีกว่า”“อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวพ่อคุยงานกับพวกคนงานก่อน”“ค่ะ”“รีบไปเถอะค่ะแม่”ฉันรีบพาบุตรสาวไปขึ้นรถจากนั้นก็ขับออกไปโดยที่มีสาวใช้คนสนิทตามไปด้วย“ ซื้อของฝากไปฝากคุณย่าด้วยนะแม่”“ได้จ้ะ” ฉันขับรถไปถึงร้านของฝากแล้วพาบุตรสาวไปเลือกของตามต้องการ“เอาไปเยอะๆเลยนะคะคุณแม่”“จ้า”ผ่านไปหลายชั่วโมง
ปั้นจั่นTALK“ปั้นจั่น เดือนนี้จะไปหาหมอกกับลูกใหม่?” แม่ผมเอ่ยถามขณะที่เดินเข้ามาในบริษัทพร้อมกับพี่สาวของผม“ผมอยากไปจะแย่แล้วครับแม่ คราวก่อนเหมือนหมอกจะใจอ่อนกับผมแล้ว ถ้าผมไปพูดหยอดเธอบ่อยๆ อีกไม่นานคงจะใจอ่อน” ผมเอ่ยกับมารดายิ้ม ๆ ก่อนจะก้มหน้าเซ็นเอกสารกองโตที่อยู่ตรงหน้า งานเยอะมาก เยอะสุด ๆ เลยครับ“เดี๋ยวแม่โทรไปชวนหมอกมาเที่ยวดีกว่า หลายปีแล้วนะที่หมอกไม่มากรุงเทพ แม่อยากให้หมอกมาอยู่กรุงเทพมาก ๆ อยากให้หลานมาเรียนที่นี่ด้วย”“หมอกก็คงปฏิเสธเหมือนทุกครั้งแหละครับ เฮ้อ!”“แต่แม่อยากให้หมอกกับแกคืนดีกันสักที”“ผมก็พยายามอยู่ครับ”“แกพยายามไม่มากพอนะสิ แม่อยากให้หมอกมาอยู่ที่นี่แล้ว” แม่ผมทำหน้าเศร้า“แกก็ช่วยทำให้ความฝันของแม่เป็นจริงหน่อยสิวะ” พี่ปั้นสิบเดินเข้ามา วันนี้วันอะไร ทำไมทุกคนถึงพร้อมใจกันมาหาผม“ทำยังไง?” ผมขมวดคิ้วเข้มชนกัน “มึงก็เอาม่านหมอกกับมาเป็นเมียมึงสิวะ ผ่านมาหลายปีแล้ว กูว่าม่านหมอกคงใจอ่อนแล้วแหละ” พี่ปั้นสิบเอ่ย“บ้าน่า หมอกโกรธกูจะทำยังไงล่ะ กูกลัวเธอโกรธ” ผมเอ่ย ผมกลัวหมอกโกรธจริง กลัวมากเพราะหมอกเป็นคนค่อนข้างใจแข็ง ถ้าได้โกรธผมเอง เธอคง
Chapter 60ฉันมองปั้นจั่นที่ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ฉันรู้ว่าเขาเจ็บแต่ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องให้เขาออกไปจากชีวิตฉันตามที่เขาสัญญาเอาไว้ ฉันดูใจร้ายมากไหมคะ? ฉันต้องทำแบบนี้ ฉันต้องทำ มันต้องจบได้แล้ว “หมอก ฮึก” ปั้นจั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นหัวใจของฉันเจ็บหนึบ ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่รักเขา มันคือความรักที่มั่นคงมาก ฉันไม่สามารถเอาใครมาแทนเขาได้ และฉันไม่สามารถกลับไปหาเขาได้เหมือนกัน“กลับไปทำหน้าที่ลูกเถอะ กูจะบอกเขาว่ามึงเป็นพ่อ กูสัญญาจะดูแลเขาให้ดี”“ฮึก ๆ ฮื่อ ๆ” ฉันค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ปั้นจั่นมองหน้าฉันด้วยสายตาเจ็บปวด เขาต้องเจ็บอยู่แล้ว การจากลามันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก เขาจูบที่หน้าผากลูกของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งลูกให้แม่ของฉัน เขามองหน้าฉันแล้วเดินมาหาฉันหมับ!เขาสวมกอดฉันแล้วร้องไห้ออกมา ฉันร้องไห้ไม่ต่างกัน มันเจ็บนะคะที่ยังรักแต่ต้องจากกัน ฉันกอดตอบเขาอ้อมกอดนี้มันเคยเป็นเป็นของฉัน แต่มันเป็นเพียงอดีตแล้ว มันเจ็บนะคะที่ต้องจากทั้งที่ยังรัก แต่วันเวลาผ่านไปทุกความเจ็บปวดมันจะผ่านพ้นไป “ขอให้มึงโชคดี ไปทำหน้าที่ของมึงซะเถอะ” ฉันพูดเสียงส