จิตใจของนางหญิงผู้นี้ช่างต่ำทราม โสมม แลกักขฬะเหลือเกิน
ภายในใจของพ่อครูคันศรบังเกิดถ้อยคำหยาบโลนต่อสตรีงามเมืองตรงหน้า ท่านรู้จักกับพระยาสิงห์ดี ท่านผู้นั้นเป็นคนมากตัณหามากทรัพย์สมบัติ แลมีชะตาต้องตายตก ตระกูลย่อยยับทันทีที่รับหญิงนางนี้เข้ามาในบ้าน
ชีวิตจักดับสูญ วอดวาย บ้านมิเป็นบ้าน จักทุกข์ระทมเพราะถึงเขามิลงของให้ นางหญิงนี่ก็จะไปกว้านหาหมอครูทำเสน่ห์แลหมอผีประกอบพิธีกรรมฆ่าเมียเอก พรากลูกพรากแม่ด้วยการจากตายอยู่ดี ใจมันริษยาเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เห็นใครได้ดีไปกว่าตนเป็นมิได้
อีนังหญิงอัปปรีย์จัญไร คอยดูเถิด ถ้ามิใช่เพราะพระยาสิงห์เคยมีบุญคุณต่อเขาแล้วละก็... คงมิยอมทนลงไปเกลือกกลั้วกับหญิงใจต่ำพรรค์นี้เป็นเด็ดขาด
เมื่อดวงตาหวานหยาดเยิ้มนั้นช้อนสายตาสบมองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเล็บก้อยในระหว่างที่ทำพิธีทำของเสน่ห์ เขารู้ได้ในทันทีว่าหล่อนมีความต้องการในเรื่องใด แล้วก็เอื้อนเอ่ยออกมาได้ตรงใจความเสียด้วย
“ถ้าหลง จักทำเช่นไร” หญิงสาวแทบตีปีกบิน แสดงสีหน้าเปี่ยมเสน่ห์อย่างปิดไม่มิด หล่อนมันร่านราคะ โสมมมิสมกุลสตรี ทำหน้าตาปานนี้คงจักคิดว่าตนเองกำลังตกเป็นที่รักของเขาอยู่ละสิ
ไม่มีวันเสียหรอก นังหญิงใจหยาบช้า หญิงเช่นนางแค่เพียงผ้าขี่ม้า (ผ้าอนามัย) ใช้แล้วทิ้งยังมิพอ
“เดี๋ยวอีกสามวันข้าก็จักต้องตกเป็นของเจ้าพระยาสิงห์แล้ว”
“...”
“งั้นคืนนี้... พ่อครูซื้อตัวข้าดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“งั้นก็ดีเสียสิ” ท่านนิ่งไปชั่วอึดใจ มิได้เสียดายเบี้ยพดหรือกระไร หากแต่เสียดายที่ต้องมาเสพของต่ำก็เท่านั้น ในใจนั้นนึกเหยียดหยันหญิงเช่นนางไม่รู้กี่ถ้อยวาจา “กูซื้อตัวมึงคืนหนึ่ง จนถึงเช้าวันพรุ่ง”
“พ่อครู” เสียงสาวหยาดเยิ้ม ค่อยๆ หมอบคลานอย่างมีจริตไปหาท่านที่นั่งเปลือยอกนุ่งซิ่นอยู่หลังหิ้งบูชาองค์ฤาษีแลของขลังต่างๆ นานา ฝ่ามือเล็กค่อยๆ นาบลงกับท่อนขาแกร่งของพ่อครูคันศร ขยับนวดเป็นจังหวะยั่วเย้าอีกฝ่าย
ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เขามิได้แค่เพียงทานทนต่อพิษสตรีได้ แต่สามารถปลุกกำหนัดให้ตนเองทั้งที่มิได้รักมิได้ชอบพอได้ทันใจด้วย ฝ่ามือหนาคว้าหมับที่ข้อแขนเล็ก รั้งให้ไปสู่ห้องนอนลับด้านหลังเรือนไทยใหญ่
ซิ่นลวดลายวิจิตรฉบับล้านนาถูกปลดออกด้วยฝ่ามือของแม่แพรว ดวงหน้าหญิงสาวนั้นแนบอยู่ข้างซอกขาแกร่งของพ่อครู เขาหลุบตาลงมองหยันอย่างนึกเดียดฉันท์ ยิ่งหยันยิ่งขึ้นเมื่อนางประโลมโคมเรียวลิ้นปลุกความผงาดของท่อนจันทน์เขา ดูดเลียซุกไซร้ชโลมกลิ่นกายหญิงชั่วให้คาวโลกีย์
ไร้เสียงครางครวญด้วยความรู้สึกดี เขาเพียงต้องการให้หล่อนรู้ว่าหล่อนเป็นเพียงเบี้ยล่างอันต้อยต่ำ ต้องตกเป็นทาสสวาทของชายอยู่ร่ำไป เหมือนดั่งที่นางคิดจักฆ่าหญิงสาวที่ท่านเคารพรักอย่างเช่นคุณหญิงวาดรัก
“อื้ม... ลึงค์พ่อครูหอมหวานยิ่งนักเจ้าค่ะ” เสียงปรนเปรอสวาทของหญิงชั้นต่ำดังเคล้าคลอเสียงดูดอมฉ่ำน้ำลายของหล่อน พ่อครูแหงนหน้าขึ้นมองขื่อไม้สักด้านบน ด้วยบังเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้น ถึงเขาจักครองพรหมจารีย์ ยึดถือศีล ๘ แต่เขาก็ยังคงมีความรู้สึกราวกับปุถุชนธรรมดาทั่วไปเฉกเช่นเดิม ยิ่งอีกฝ่ายปรนเปรอบำเรอได้ช่ำชอง ปลดกำหนัดจนมาถึงจุดหนึ่ง เขาจึงเผลอตัว ปล่อยวารีสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนอุ้งปากบาง
หล่อนเพียงแลบลิ้นเลียขอบปากของตนเองลิ้มชิมรสชาติของน้ำกามรีอย่างยั่วยวน พ่อครูคันศรจดจ้องมองร่างอรชรที่อยู่ต้อยต่ำกว่า ฝ่ามือหนากุมปลายคางมนแน่นขนัดจนหล่อนเบ้หน้าอย่างรู้สึกเจ็บ ปลดดอกลำดวนช่อหนึ่งที่กลัดบนมวยผมสวยออกจนเส้นผมยาวสยายระจนถึงสะโพกผาย
เขาขยับเข้ามาชิดอีกนิด พร้อมกับกัดฟันกระซิบชิดกลีบปากนวลของหล่อนที่หยัดยิ้มหวานยั่ว
“กูจักมิปรนเปรอกระไรให้มึงทั้งนั้น แม้กระทั่งการสอดปากเข้าดูดดื่ม จงวางใจเถิด จักมิมีทางสาวไส้มาถึงตัวมึง ว่ากูกับมึงได้เสียกันก่อนวันที่พระยาสิงห์จักมาไถ่ตัว”
“...”
“ส่วนค่าของ... จงจ่ายด้วยเรือนกายของมึงเสีย”
ฝ่ามือหนาที่กำรอบลำคอขาวผ่องนั้นบีบแน่นขึ้นทุกชั่ววินาที สะสมความคั่งแค้นที่มีลงสู่ผิวกายขาวละออ แต่หญิงสาวกลับกดรอยยิ้มชั่ว หล่อนชอบรสรักที่รุนแรง เพราะอีกฝ่ายเป็นชายที่หญิงเกือบค่อนพระนครต่างหมายปอง แม้ว่าเขาจักมีท่าทีปฎิเสธผู้หญิงทุกคนที่เข้าหา และใช้ชีวิตอยู่กลางป่าไพรก็ตาม
เหมาะสมกับหญิงที่ชำนาญกับป่าอย่างเธอนัก
บัดนี้อีแพรวคนนี้กำลังจะได้ขึ้นครูแล้วสิหนา
มิจำเป็นต้องจูบ มิจำเป็นต้องกอด มิจำเป็นต้องเล้าโลมหรือกระทำการใด อีแพรวก็จักขึ้นทำเองทุกอย่างเลย รูปงามขนาดนี้ แถมยังเสน่หาหล่อนอย่างเหลือร้ายจนยอมให้แลกเรือนกายแทนค่าครู
“มิจำเป็นต้องแลกศักดิ์ศรีของพ่อครูดอกเจ้าค่ะ... เพียงแค่ยอมให้ข้าตกเป็นของท่าน ก็เหลือบุญคุณเต็มที” หล่อนเอ่ยวาจาไร้ยางอายออกมา แค่เพียงได้ขึ้นครู นางยอมทุกอย่าง อย่างไรสุดท้ายก็จะได้อำนาจเงินตราสมปรารถนาในวันสองวันอยู่แล้ว
สิ้นประโยคนั้น พ่อครูคันศรจึงผลักร่างอรชรลงจนแผ่นหลังขาวใสไร้สิวฝ้าแนบกับพื้นไม้เย็นเฉียบ ฉีกซิ่นงามราคาถูกจนขาดวิ่น จับนางแยกแข้งแหกขา สอดใส่ลึงค์ใหญ่โตที่กำลังแข็งชูคอเต็มที่เข้าสู่ช่องพรหมจารีย์ของหญิงสาว หากแต่เยื่อบางเช่นนั้นสำหรับหญิงงามเมืองเช่นนี้คงขาดสลายไม่มีชิ้นดีไปนานแล้ว
เรือนกายสองร่างบดเบียดเสียดสีไปด้วยราคะสวาทจนพื้นไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าด แต่พ่อครูคันศรกลับมีสีหน้าบึ้งตึงตลอดกิจกรรมนั้น แม้ตัณหาจะพัดโหมกระหน่ำ แต่ทว่าใจของท่านยังชัดแจ้งว่าเกลียดชังหญิงแพศยาคนนี้มากแค่ไหน
กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ดวงวิญญาณแม่แพรวกลับถูกสวมรอยเข้าร่างด้วยวิญญาณสาวยุคปัจจุบันอย่างแพรวพราว อดีตนางร้ายอันดับท็อปต้นๆ ของประเทศไทยในยุคสมัยใหม่ ดวงตาสีรวงข้าวลืมตาโพลงขึ้นมา รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน ลมด้านนอกพัดแรงจนเกิดเสียงต้นไม้ไหวโบก
หล่อนโกยลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ราวกับตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่ปาน
ไม่ได้ตายจริงๆ สินะ ภาพที่หล่อนตกสลิงลงมาเสียชีวิตคงเป็นเพียงแค่ความฝัน และตอนนี้เธอกำลังเริงสวาทกับนับสิบอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นแสนคุ้นเคย แพรวพราวแหงนคอขึ้นประกบริมฝีปากจูบพ่อครูคันศรทันทีจนเขาลืมตาโต เอวสอบกระแทกกระทั้นลึกขึ้น ในขณะที่หญิงสาวสะคราญน่าชิงชังนั้นโอบรอบคอแกร่งท่านไว้แล้วแอ่นสะโพกสวนกลับ
“อื้มมม แฮ่ก สิบ... แรงอีกสิคะ” เสียงหวามกระซิบยั่วเมื่อผละกลีบปากออกมาจากชายหนุ่ม พ่อครูคันศรไม่นึกแปลกใจที่หล่อนจักพลั้งเผลอโพล่งชื่อชายใดที่เคยซื้อตัวออกมา มันคือการปรนเปรอที่ผิดพลาดตามประสาโสเภณี เขามองเหยียดหยัน แต่นั่นกลับทำให้แพรวพราวในร่างใหม่นั้นขบริมฝีปากตนเองอย่างเร่าร้อน
นับสิบซาดิสต์ขึ้น การมองหยันหล่อนเช่นนั้น ทั้งที่ปกติใครๆ ต่างก็เชิดชูแพรวพราวมากมาย นี่มันเร้าใจเป็นบ้า ที่เธอยอมคั่วกับนับสิบ เพราะลีลาของเขาเวลาอยู่บนเตียงนั่นต่างกับภาพลักษณ์ที่แสดงต่อสื่อต่างๆ ว่าเป็นผู้ชายลุคอบอุ่นแสนดี
“ร่านสวาทยิ่งนัก” เสียงทุ้มเอียงไปกระซิบข้างหูทำทีเหมือนโลมเล้าด้วยถ้อยคำหยาบโลน เขามิได้ทนุถนอมเรือนกายหล่อนสักเท่าไหร่ กลับกันเขายิ่งรุนแรงใส่อารมณ์เต็มที่จนร่างเล็กอรชรนั้นโคลงเคลงไปมาเหมือนเรือสำเภายามถูกคลื่นยักษ์ถาโถมจนเรือใกล้ล่มพร้อมจมลงสู้ก้นมหาสมุทร
ทำไมน้องสิบถึงใช้ภาษาโบราณแบบนั้น?
เปลี่ยนบรรยากาศเหรอ ก็ดีเหมือนกันนะ
“สิบชอบหรือเปล่าละ?” อีกฝ่ายว่าพลางเอื้อมมือมากุมแก้มสาก หล่อนช้อนสายตาขึ้นยั่วยวน พ่อครูคันศรหรี่ตาลงมอง แผ่นอกอวบนั้นถูกฝ่ามือหนากอบกุมขยำจนหล่อนครางเสียดเสียวแทนคำตอบ พ่อครูกดปลายนิ้วลงกับเม็ดบัวสีเข้ม บดบี้อย่างรุนแรงด้วยปลายนิ้วชี้แลนิ้วโป้ง ขยี้สุดแรงจนแพรวพราวชูชัน
“อื้มมม ขอร้อง กระแทกพี่แรงๆ เลยได้ไหมคะ?” หล่อนช้อนสายตาขึ้นเว้าวอน ท่าทางเหลือร้ายแบบมีจริตนั้นทำให้นึกแปลกใจขึ้นมาครามครัน
พ่อครูคันศรชะงักงัน เพราะเท่าที่ได้ยินเขาล่ำลือมา อีแพรวนั้นเป็นลูกสาวบ่าวไพร่ที่ขายลูกไถ่หนี้มาเป็นหญิงงามเมืองในโรงนครโสเภณีที่มีนายโรงทองพัน มหาเศรษฐีที่เป็นนายโรงใหญ่ในพระนครดูแลอยู่ หญิงงามเมืองในที่ของเขาว่ากันว่ามีแต่สาวงามทั้งนั้น อีแพรวเป็นหนึ่งในหญิงที่มีชายจ้องรอจับจองซื้อตัวมากที่สุด แต่มักทนสันดานนางผู้นี้ไม่ไหว ไหนจักของดำที่นางเคยใช้ทำร้ายเมียของพวกเขาจนจับไข้ป่วยหนัก ไปจนถึงแรงริษยาต้องการเป็นหนึ่ง จนกระทั่งพระยาสิงห์หลงใหลจนยอมแม้กระทั้งไถ่ตัวนางผู้นี้ไปเป็นอนุภรรยา เล่าลือกันว่าเวลามีสัมพันธ์สวาท หล่อนจะยั่วยวนทุกหนทางที่มี ไม่มีวันนอนรอออกคำสั่งชายใดให้กระแทกเรือนกายแรงๆ แบบนี้แน่ แม้สุดท้ายผู้ชายพวกนั้นจะกลายเป็นศพลอยอืดมาตามคลองก็เถอะ
ถือเป็นเวรเป็นกรรมของคนที่ได้มันเป็นเมียแท้ๆ
กู... พ่อครูคันศรผู้นี้จักสะกดวิญญาณชั่วช้า รวมถึงจิตสำนึกริษยาโสมมของนางผู้นี้ให้อยู่หมัดเอง
นางสมิงพรายที่ตามหามาเกือบทั้งชีวิต ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเขา และตกหลุมรักเพื่อนของเขาคงยากที่จะไม่ไขว่คว้าหล่อนมาใกล้ตัว หากแต่หญิงตนนี้ฉลาดนัก หล่อนพร้อมจะไปจากเขาได้ตลอดเวลา เขาเองก็ไม่ต้องการบังคับใจสิ่งที่หมายปอง หวังให้นางตกเป็นบริวารของเขาด้วยความเต็มใจเสียมากกว่าที่หนึ่งของนางตอนนี้คือไอ้คันศรก็แค่เพียงกลับกลายเป็นที่หนึ่งของนางได้ก็พอ เหมือนกับที่เขาเคยเป็นที่หนึ่งของดอกรักแต่ครานี้... เขาจะไม่ละทิ้งสัมพันธ์เพื่อตามหาความฝันอีกแล้วเพราะหล่อนคือความฝันที่เขาต้องการมากที่สุดแต่แพรวพราวไม่ได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเธอกำลังตกเป็นที่หมายตาของใครบางคน กลับมาที่ปัจจุบัน เธอกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นเรือนไม้ รู้สึกเหมือนจะเป็นลมจนแทบล้มพับ แต่ไวกว่าความคิดเมื่อพรานสมิงตรงเข้ามาโอบร่างเธอที่ทำท่าจะทรุดเอาไว้“แม่เป็นกระไรหรือไม่ แข้งขาอ่อนแรงหรือ”“นาย... ทำไมไม่ห้ามฉันเล่า!” พอเห็นว่าอีกฝ่ายเปลือยเปล่าเช่นกันแถมเข้ามากอดร่างล่อนจ้อนของเธอแนบชิดแบบนี้แพรวพราวก็ยิ่งหน้ามานด้วยความอับอาย และพยายามทุบตีเขาด้วยแรงน้อยๆ ที่มี ยังไงคนที่ควรยับยั้งใจก็คือเขา หล่อนไม่ผิด เขาต่างหากที่ผิด “ก็รู้ว่
แพรวพราวยอมรับนะว่าเสียใจไม่พอ หล่อนยังเสียตัวให้ไอ้พ่อหมอนั่นไปถึงสองครั้งสองคราอีกต่างหาก คราวแรกก็ตอนที่เขาหวังล่อลวงเพื่อกำจัด คราวนี้ก็เพราะเธอไปปลุกปล้ำเขาเสียเอง ความประทับใจแรกเริ่มนั้นไม่เคยมีอยู่ในความสัมพันธ์ของเธอกับเขา แพรวพราวไม่ใช่สาวพรหมจารีย์ตามจารีตประเพณี แต่ถึงแบบนั้นก็ว่ากันว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใช้หัวใจในการร่วมหลับนอนกับใครสักคน แต่ผู้ชายกลับทำมันราวกับเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันและเสร็จสมออกมาได้ทั้งๆ ที่เกลียดชังผู้หญิงคนนั้นสุดหัวใจ แค่เพราะถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเท่านั้นเองแม้แต่ผู้หญิงที่มีแต่คนต้องการมารุมรักอย่างเธอ ก็ใช้ใจในการร่วมรัก ปะปนกับความหิวโหยที่เพิ่มพูนแบบทวีคูณเช่นกัน เธอไม่ได้หน้ามืดตามัวไปปลุกปล้ำใครที่ไม่ใช่เขา หัวใจเธอมีแต่นับสิบ และเขาที่คล้ายคลึงกันแต่แพรวพราวกลับสับสนกับตนเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ หากแต่มันไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยสักนิด การสูบพลังชีวิต กินอาคมของพ่อครูยังไม่พอที่จะสนองให้หล่อนรู้สึกพึงพอใจ ดวงตาสีทับทิมวาววับท่ามกลางความมืดมิดของคืนเดือนดับที่ไร้แม้แต่แสงจันทราสาดส่อง ดวงไฟสีแดงก่ำในลูกตาของหล่อน
“ไม่ให้แตกหรอก จนกว่า...” หญิงสาวออกปากหยันเหมือนที่เขาพยายามจะทำกับเธอเสมอมา แต่รู้อะไรไหม ในเวลาที่เขาเข้าไปในตัวเธอนี่แหละ “จะเสร็จในตัวของแพรว อื้อ!”สิ้นคำนั้นหล่อนก็ยืนยันในคำพูดของตนเองด้วยการกลืนกินท่อนจันทน์ของเขาด้วยความนุ่มนิ่มจนกลืนมิดท่อนในจังหวะที่หนักแน่น“อึก...!” มันช่างน่าทุเรศตัวเองเสียยิ่งกว่าเมื่อหล่อนครอบครองเขาเข้าไปจนเต็มฤทธิ์ พ่อครูคันศรกลับรู้สึกเหมือนตนเองกำลังขาวโพลน ว่างเปล่า ความอึดอันทรมานเมื่อคราก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยความสุขสมอันน่าสังเวช ยามเมื่อหล่อนขยับสะโพกเน้นแบบทุกดอกทุกคำจนเขานั้นแทบกระอักจังหวะสะโพกที่บดคลึงผสมผสานกับการกระแทกขึ้นสุดลงสุดนั้นชวนให้นึกทึ่งกับความแข็งแรงและช่ำชองสำหรับการใช้สะโพกของหล่อน ขยับถี่รัวขนาดนั้นกลับไม่มีท่าทางว่าจะเหนื่อย เมื่อยหรืออยากจะหยุด ยิ่งถี่ยิ่งตอดรัดแน่น จนอาคมที่เสื่อมเพราะหล่อนขึ้นครูนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียตัวตนที่ภาคภูมิใจไปทีละน้อยใช่ หล่อนมันนังปีศาจ เป็นผีพรายตายโหงที่อัปปรีย์จัญไรที่สุดเท่าที่เคยเผชิญหน้ามา หล่อนทำให้เขามัวเมากับโลกีย์จนหลงลืมแม้แต่คำสอนของอาจารย์ที่เคยพูดเอาไว้เขาเคร่งคร
แพรวพราวไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอนั้นมันช่างมหาศาลจนสามารถสะกดหมอผีที่หยิ่งยโสคนนั้นได้จนอยู่หมัด เขาที่เธอนั่งคร่อมอยู่เหนือกว่าด้านบนนั้นมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาสั่นไหว วันนี้มันคืนเดือนมืด ดวงตาของหล่อนส่องแสงราวกับทับทิมสีแดงก่ำ“มึง... หยุดประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นกูจักออกคำสั่งให้พวกผีมาฆ่ามึงอีกครา”“เอาสิ ฉันไม่กลัวผี สู้แรงกันให้ได้ก่อนเถอะ คุณในตอนนี้เสร็จฉันแน่” แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงสั่นคลอนนั่นแม้ใจความจะขู่กรรโชกอยู่ก็ตาม ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนคืนนี้หล่อนจะเร่าร้อนเป็นพิเศษ กำหนัดจนไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความกลัว ยิ่งกว่ากินยาปลุกเซ็กซ์เสียอีก มันต้องการสูบพลังชีวิตใครบางคนในยามที่มีความอยากอันร้อนแรงหมับ!ไหล่หนาเปลือยเปล่าแข็งแกร่งถูกมือเล็กจ้อยมือเดียวผลักให้กระแทกกับพื้นหญ้าเปียกชื้นอันเย็นชืด มันไม่สบายตัวเอาเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถสู้แรงหล่อนได้เลย อีแพรวในตอนนี้พละกำลังมหาศาลจนใช้สองมือกดเขาไว้แน่นไม่ต่างกับผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนังนี่มันมิใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ เรากำลังจักเสร็จมัน“ปล่อยกู!”“มาให้ฉันกินเสียดีๆ เถอะค่ะพ่อหมอ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว แล
การห้ามมีเซ็กซ์ นั้นยากเย็นกว่าการห้ามรักเสียอีกสัมผัสของพ่อหมอคนนั้นที่หล่อนหลงครวญหาจนนึกว่าเป็นนับสิบนั้นหลอกหลอนวนเวียนในหัวไม่หยุดหลังจากถึงเวลาเข้านอน ฝนยังคงตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักนิด ความเหน็บหนาวที่ลอดเข้ามาแม้ว่าบานหน้าต่างจะถูกปิดสนิท ไหนจะเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะๆ ทำให้แพรวพราวที่นอนหนาวอยู่บนฟูกนอนใหญ่รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกสงัดเมื่อหันไปข้างๆ ก็พบกับร่างกายกำยำใหญ่โตที่นอนร่วมข้างกายหล่อน พรานสมิงปิดเปลือกตา ไม่มีทีท่าจะตื่นนอน เหมือนว่ากำลังหลับสนิทอยู่นะแต่เมื่อนึกถึงแต่ฉากร่วมเพศตลอดค่อนคืนจนถึงขนาดอาจเอาไปเก็บในนิมิตได้ มันทำให้เธอนอนไม่หลับและรู้สึกเสียววูบวาบยุบยิบในท้องน้อย จวบไปจนถึงเส้นทางสวาทที่ไม่ควรเปิดเผยให้คนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยพ่อครูคันศรชี้ชัดว่าเกลียดน้ำหน้าเธอขนาดนั้น ถ้าให้บากหน้าไปบอกว่า ‘อยากทำ’ คงไม่น่าไหว แต่ถ้าเป็นคนข้างๆ แล้วละก็...แต่!“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย”หล่อนตั้งกฎบ้าๆ นี่ออกไปแล้วน่ะสิ!จะมากลืนน้ำลายตัวเองคงจะไม่ได้ แม้ว่าในชาติก่อนที่เป็นดาราสาวเธอก็มีวันไนท์สแตนด์
“ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไปนั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมังโลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักพูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วยโฮ่ง!แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทั