เมื่ออวี้เสวี่ยหนิงกลับมาถึงจวนของเจ้าเมือง ความเงียบสงบก็ถูกทำลายด้วยเสียงหัวเราะและคำพูดเย้ยหยันจาก “ฮูหยินอวี้” แม่เลี้ยงของนางและ “อวี้เถียนเถียน” ลูกสาวของฮูหยินอวี้หรือเป็นน้องสาวต่างมารดานั่นเอง
ทั้งสองจงใจกล่าวคำกระทบกระเทียบหวังจะให้อวี้เสวี่ยหนิงรู้สึกต่ำต้อยกับเขาบ้าง แต่หญิงสาวเพียงมองกลับด้วยสายตาเฉยชา พลางยิ้มหยันในใจ
"ไม่เคยเข็ดกันเลยนะคนพวกนี้" อวี้เสวี่ยหนิงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย คนพวกนี้ช่างจ้อไม่รู้จักหยุด มีหรือที่นางจะยอมปล่อยให้ถ้อยคำเหล่านั้นเข้ามากระทบจิตใจได้ง่ายเช่นนี้
ฮูหยินอวี้เหลือบตามองลูกสาวอย่างรู้กัน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเสแสร้งว่า “หนิงเอ๋อร์ เจ้าไปทำอะไรมาถึงได้มีสภาพเช่นนี้? มอมแมมเชียว ช่างไม่สมศักดิ์ศรีบุตรสาวของท่านเจ้าเมืองเลยสักนิด”
อวี้เถียนเถียนรีบเสริมด้วยน้ำเสียงหยามเหยียด “ได้ยินมาว่าท่านทำพิธีพังพินาศไปหมด ข้าอยากรู้จริงว่าท่านพี่หญิงทำอันใด ข้าขอความกรุณาจากพี่ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม?”
“แบบนี้ไงล่ะ!” อวี้เสวี่ยหนิงยกกาน้ำชาร้อนที่บ่าวกำลังนำเข้ามา และเทลงบนหัวของอวี้เถียนเถียนทันที
“ร้อน! ท่านแม่! ช่วยด้วย พี่หญิงรังแกข้า!” อวี้เถียนเถียนร้องออกมาด้วยความตกใจ ความร้อนของชานั้นำให้ผิวหนังของนางเห่อร้อนขึ้นมาทันที
“นังตัวดี! เจ้ามันมากไปแล้ว กล้าทำเถียนเอ๋อร์ของข้าแบบนี้! ตายซะเถอะ!” ฮูหยินอวี้หรืออวี้หลินจงร้องลั่นก่อนจะพุ่งเข้ามาหมายจะทำร้ายเสวี่ยหนิง แต่หญิงสาวเอี้ยวตัวหลบอย่างรวดเร็ว ทำให้อวี้หลินจงเสียหลัก นางไม่รีรอ ใช้ขาถีบที่สะโพกของแม่เลี้ยงเต็มแรงจนอีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้น
“อย่าได้เอามือสกปรกของเจ้ามาแตะข้าอีก!” เสียงของอวี้เสวี่ยหนิงเย้ยหยัน “พวกเจ้าคิดว่าเหมาะสมแล้วหรือที่จะอยู่ในจวนเจ้าเมืองนี้ ชั้นต่ำ! เริ่มต้นจากหอคณิกา ก็จงไปจบชีวิตที่นั่นเสียทั้งแม่ทั้งลูก”
ทันใดนั้นท่านเจ้าเมืองอวี้เจียหรงเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าพอดี เขาถึงกับต้องรีบเข้ามาขวางลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนไว้ไม่ให้ทำร้ายแม่เลี้ยงต่อไปจนเรื่องบานปลาย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจ
‘ตั้งแต่ฮูหยินจากไป ข้าก็ต้องรีบหามารดาใหม่มาให้หนิงเอ๋อร์... แต่เด็กคนนี้กลับไม่ยอมรับใครเลยที่พยายามจะมาแทนที่มารดาแท้ๆ ของนาง’
"หยุดเถิดลูก พ่อขอร้อง" เขากล่าวเสียงอ่อน ขณะที่เอื้อมมือไปแตะไหล่ของเสวี่ยหนิง "นั่นเป็นน้องสาวเจ้านะ"
ฮูหยินอวี้โกรธจัด นางรีบร้องท้วงขึ้น "ท่านพี่ นางกล้าทำร้ายข้ากับเถียนเอ๋อร์ ท่านต้องลงโทษนางนะเจ้าคะ!"
อวี้เจียหรงปรายตามองฮูหยินอวี้อย่างเย็นชา ก่อนเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น "หนิงเอ๋อร์ เจ้ากลับห้องไปเถอะ"
ฮูหยินอวี้ไม่ยอมแพ้ พยายามโต้เถียงอย่างร้อนรน “ท่านพี่! นางสมควรได้รับการลงโทษ!”
"เงียบเสีย! เรื่องนี้ข้าจะตัดสินเอง หากเจ้าสองคนอยากอยู่ที่นี่อย่างสบายใจก็จงฟังข้ากับหนิงเอ๋อร์" เขาเอ่ยเสียงเฉียบขาด ทิ้งความเงียบงันไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปด้วยสีหน้าหนักใจ งานพิธีที่ล่มไปต้องรีบจัดการให้เรียบร้อย เขายังมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ไม่อาจชักช้าได้อีก
อวี้เสวี่ยหนิงปรายตามองไปยังสองแม่ลูกด้วยสายตาเย้ยหยัน ก่อนจะเหวี่ยงกาน้ำชาที่อยู่ในมือไปในทิศทางของสองแม่ลูกอย่างรวดเร็ว
“เพล้ง!” เสียงแตกกระจายดังก้อง เศษกระเบื้องกระจายเต็มพื้นใกล้เท้าของพวกนาง ก่อนที่อวี้เสวี่ยหนิงจะเดินกลับห้องอย่างไม่แยแส ราวกับการกระทำนั้นเป็นที่นางไม่อยากจะใส่ใจแม้แต่น้อย
ฮูหยินอวี้มองตามหลังนางด้วยสายตาเกรี้ยวกราด แววตาของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ริมฝีปากสั่นระริกขณะกัดฟันแน่น “เจ้าจะต้องชดใช้กับการดูหมิ่นครั้งนี้...สักวันหนึ่ง ข้าจะทำให้เจ้าตกต่ำยิ่งกว่าที่เจ้าคิดไว้เสียอีก อวี้เสวี่ยหนิง!”
ในตอนนี้เมืองไป๋หลินกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก ภัยแล้งย่างกรายเข้ามาใกล้ น้ำในแม่น้ำลดลงจนเหลือเพียงริ้วเล็ก ๆ ที่ไหลเอื่อย ผู้คนเริ่มกังวลว่าผลผลิตในฤดูถัดไปจะล่มสลาย
ชาวบ้านต่างพากันกระซิบกระซาบว่าอาเพศครั้งนี้เกิดจากพิธีบวงสรวงเทพวารีที่ถูกทำลายโดยอวี้เสวี่ยหนิง ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าข่าวลือจะจริงหรือไม่ ชาวบ้านก็ได้พากันเชื่อมโยงอาเพศทั้งหมดกับการกระทำของหญิงสาวเข้าให้แล้ว
อวี้เสวี่ยหนิงเริ่มฝึกฝนการบำเพ็ญเพียรทุกวันโดยมีหลงอวี่คอยแนะนำและช่วยเหลือ บางครั้งเมื่อเสวี่ยหนิงเหนื่อยอ่อนจากการฝึก หลงอวี่ก็จะยื่นน้ำชาถ้วยเล็กให้กับนาง“พักสักหน่อยเถอะหนิงเอ๋อร์ ฝึกหนักไปเจ้าจะเหนื่อยล้า” เสวี่ยหนิงรับจอกน้ำชามาจิบเบาๆ ก่อนจะเงยหน้ามองเขาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน“ข้ารู้… ขอบใจที่อยู่ข้างข้าเสมอ อวี่เอ๋อร์”นอกจากการทำสมาธิเพื่อฝึกวิชาเซียนแล้ว พวกเขายังทำการบำเพ็ญเพียรคู่โดยการซวงซิวกันเพื่อผสมผสานของพลังหยินและหยาง ช่วยให้เกิดความกลมกลืนและเสริมพลังของกันและกัน“หนิงเอ๋อร์ เจ้างามมาก” ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องกระทบลงมายังลาดไหล่ขาวเนียนที่กำลังนั่งสางผมอยู่หน้ากระจก เขาไม่สามารถละสายตาออกไปจากร่างบางได้เลยส่วนอวี้เสวี่ยหนิงที่ได้ยินดังนั้น ลอบมองสามีของนางผ่านกระจก สายตาของทั้งสองสบกัน ก่อนที่จะรู้ตัวร่างบางของนางก็ถูกอุ้มขึ้นมาและพาไปยังเตียงนอนและวางนางลงอย่างแผ่วเบาใบหน้างามขึ้นสีแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีนางก็ยังไม่ชินกับใบหน้าที่งดงามของคนตรงหน้าเสียที“อวี่เอ๋อร์”“ขอบคุณที่เจ้ากลับมา ไม่ว่าจะสืออิ่งหรือเสวี่ยหนิงแต่เจ้าก็คือเจ้า ขอบคุณที่เจ้ารักและมอบ
"หนิงเอ๋อร์" หลงอวี่กระซิบเสียงนุ่มเบาข้างหูของหญิงสาว “ข้าเข้าใจ... หากเจ้าต้องการเลือกเส้นทางของตนเอง เจ้าเป็นคนเดียวที่รู้หัวใจตัวเองดีที่สุด”“อวี่เอ๋อร์...”“หนิงเอ๋อร์ ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหน ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ ”อวี้เสวี่ยหนิงหันมองหลงอวี่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสับสน "ข้าเคยคิดว่าชีวิตที่ได้อยู่กับท่านพ่อก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อได้พบท่าน ข้ากลับรู้สึกว่ามีอีกเส้นทางที่เรียกร้องให้ข้าเดินไป"หลงอวี่กระชับมือของนาง "เจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่เจ้ามีโอกาสเป็นเซียนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ จะได้สัมผัส หากเจ้าเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้ ข้าสัญญาว่าข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ มิใช่ว่าเจ้าจะกลับมาหาท่านพ่อของเจ้าไม่ได้อีกเสียหน่อย"นางพยักหน้าอย่างช้าๆ "ข้ารู้... แต่ท่านพ่ออาจจะเสียใจที่ข้าต้องจากท่านไปไกล ข้ายังมีหลายสิ่งที่ยังไม่ได้ตอบแทน และข้าไม่รู้ว่าจะบอกท่านอย่างไรดี"ในขณะนั้นเอง อวี้เจียหรงก็ปรากฏกายออกมาจากเงามืด เมื่อเขาได้ยินถึงความตั้งใจของบุตรสาว ดวงตาที่เคยเข้มแข็งก็สั่นไหวเล็กน้อย"หนิงเอ๋อร์... หากการเลือกเส้นทางนี้คือความสุขของเจ้าพ่อก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เจ้าต
ในช่วงวินาทีที่ม่อหลี่พุ่งเข้าหาอวี้เสวี่ยหนิงด้วยความโกรธที่ถูกหญิงสาวหลอกล่อจนมังกรที่ตนอุตส่าห์ปลุกขึ้นมาถูกผนึกลงอีกครั้งหลินจื่อเฟยที่เป็นเพียงคนธรรมดาก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิด นางกระโจนเข้าสู่ลานพิธีอีกครั้ง พลางผลักอวี้เสวี่ยหนิงให้พ้นรัศมีการโจมตีของม่อหลี่“ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำร้ายสหายของข้าหรอกนะ นางมารร้าย!” หลินจื่อเฟยพุ่งเข้าไปขวางม่อหลี่ทันที ในใจไร้ซึ่งความกลัวใดๆสายตาของหลินจื่อเฟยประสานกับไห่เฟิงที่อยู่ใกล้ที่สุด ราวกับส่งสัญญาณให้เขาช่วยหลอกล่อม่อหลี่อีกแรงไห่เฟิงสบตานางเพียงเสี้ยววินาที ความเงียบกลับหนักแน่นอย่างน่าประหลาด ก่อนที่เขาจะรู้ตัวรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา ดวงตาที่เคยคมดุดันอ่อนลงอย่างไม่คาดคิด ขณะที่เขามองหลินจื่อเฟย ราวกับว่าเขาจะเผลอลืมทุกสิ่งรอบตัวไปเสียแล้ว“ตั้งสติหน่อยสิ ท่านนักพรต!”“ข้าขอโทษ...แม่นางน้อย ข้าจะทำเดี๋ยวนี้แหละ”ไห่เฟิงส่งคลื่นวารีโจมตีใส่ม่อหลี่ นางจึงเสียสมดุล ท่ามกลางแรงกดดันจากการโจมตีประสานของไห่เฟิงและหลงอวี่ไห่เฟิงเคลื่อนไหวอย่างปราดเปรียว เขาร่ายกระแสพลังน้ำด้วยฝ่ามือข้างหนึ่งส่งกระแสวารีโถมเข้าใส่ม่อหลี่ นา
หลงอวี่ไม่รั้งรอให้ม่อหลี่ทำการปลุกมังกรฉินเฟิงจนเสร็จสิ้น เขาและไห่เฟิงพุ่งเข้าจู่โจมพร้อมกัน รัศมีพลังของพวกเขาประสานกันจนเปล่งแสงราวสายฟ้าฟาดไห่เฟิงเริ่มโจมตีด้วยกระบวนท่าที่รวดเร็วและใช้พลังลมกรรโชกที่รุนแรง ทำให้ม่านพลังรอบตัวม่อหลี่สั่นสะท้าน รอยร้าวค่อยๆ ปรากฏขึ้นตามแนวพลังที่ม่อหลี่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันตัวขณะที่หลงอวี่ควบคุมกระแสน้ำพุ่งเป็นเกลียวรอบลานพิธีเพื่อล้อมม่อหลี่ไว้ไม่ให้หลบหนีม่อหลี่หันมาแสยะยิ้มใส่ ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ม่อหลี่ได้ซ่อนแผนการอันร้ายกาจไว้ระหว่างที่หลงอวี่และไห่เฟิงมุ่งโจมตีและพยายามป้องกันไม่ให้นางหลบหนี ม่อหลี่ก็แอบร่ายมนตร์ต้องห้ามบทหนึ่งที่นางได้ศึกษาจากคัมภีร์โบราณ นางร่ายมนตร์นี้อย่างเงียบเชียบโดยใช้เลือดของนางเอง สร้างพันธะระหว่างตัวนางและมังกรโบราณ“พวกเจ้า…คิดว่าข้านั้นมีแค่ตัวคนเดียวหรือ?”เลือดของม่อหลี่หยดลงบนพื้นและซึมลงในดิน บิดเบี้ยวเป็นลวดลายประหลาดที่เชื่อมโยงเข้ากับผนึกโบราณที่กำลังแตกออกทันใดนั้นเสียงกัมปนาทดังก้องทั่วลานพิธี ผนึกโบราณที่บิดเบี้ยวกลับแตกออก กลิ่นอายมืดดำเย็นเยียบแผ่ซ่านออกจากรอยร้าวที่ขยายตัว ก้อนห
อวี้เถียนเถียนมองดูอวี้เสวี่ยหนิงและหลงอวี่ที่เคียงข้างกัน ประคับประคองและบอกรักกันอย่างจริงใจ ภาพนั้นยิ่งทำให้นางปวดใจมากความอิจฉาและความเกลียดชังที่เคยฝังลึกพลันสลายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกผิดและสำนึกในสิ่งที่ได้ทำลงไป"นี่ข้าทำอะไรลงไป…ข้าไม่อยากเป็นคนเลวเลยสักนิด"อวี้เถียนเถียนพึมพำด้วยเสียงสั่น ก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าและวิ่งไปผลักม่อหลี่ที่กำลังใช้สมาธิเปิดประตูนรกม่อหลี่เซไปเล็กน้อยเมื่อถูกผลัก จนประตูที่นางกำลังเปิดกลับหยุดชะงักก่อนที่จะปิดลงอีกครั้ง ความโกรธพลุ่งพล่านในดวงตาของม่อหลี่"เจ้าบังอาจขัดขวางข้าอย่างนั้นหรือ? ทำแบบนี้แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปหรือ?" ม่อหลี่เอ่ยเสียงกร้าว มือข้างหนึ่งยกขึ้นหมายจะทำร้ายอวี้เถียนเถียนอวี้เสวี่ยหนิงเห็นเหตุการณ์นั้นจึงรีบเข้าไปยืนขวางหน้าอวี้เถียนเถียน" เจ้าเกลียดน้องสาวของเจ้ามาตลอดไม่ใช่หรือ แล้วจะปกป้องมันทำไม?"อวี้เสวี่ยหนิงหันมองอวี้เถียนเถียนด้วยแววตาอ่อนโยนที่นางเองไม่เคยคาดคิดจะมี"เพราะข้ารู้แล้วว่าการปล่อยวางความแค้นคือหนทางเดียวที่จะนำไปสู่ความสงบ ข้าไม่ต้องการเห็นการสูญเสียอีกแล้ว แม้ว่าข้าจะเคยโกรธและเกลียดพวกเขามาก แต่
“เถียนเอ๋อร์ เจ้าทำสิ่งใดลงไปเจ้ารู้ตัวหรือไม่” อวี้เจียหรงเอ่ยด้วยความเสียใจ แม้จะรู้ดีว่าเขาเองเป็นต้นเหตุของความบาดหมางนี้ เพราะเป็นเขาที่รักบุตรทั้งสองไม่เท่ากัน ทำให้พวกนางต้องผิดใจกันมาตลอดอวี้เถียนเถียนหลับตาลง ดวงตาของนางแดงก่ำ น้ำตาเอ่อไหลออกมาราวกับปิดกั้นความรู้สึกไม่ไหวอีกต่อไป“ท่านพ่อ แล้วท่านเคยรักข้าบ้างหรือไม่? ท่านเอาแต่ตามใจพี่สาวจนข้านั้นเหมือนคนไร้ตัวตน ข้าโตมาใต้เงาของนาง ท่านรักบุตรทั้งสองไม่เท่ากัน ท่านทำให้ข้ารู้สึกเหมือนไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเลย”นางกลืนสะอื้นลงคอแล้วกล่าวต่อ “แม้แต่มารดาของข้าเอง นางไม่ได้สนใจความรู้สึกของข้าด้วยซ้ำ วันๆ เอาแต่พร่ำเรื่องสมบัติ เรื่องวิธีการที่จะครอบครองทรัพย์สินของท่าน นางไม่เคยให้ข้ารู้สึกว่าข้ามีคุณค่าเพียงพอสำหรับนาง”“เถียนเอ๋อร์ แม่ขอโทษ” ฮูหยินอวี้ตกใจเป้นอย่างมากกับคำพูดของบุตรสาว ที่ผ่านมานางถูกความโลภเข้าครอบงำจนเผอทำร้ายจิตใจของบุตรสาวโดยที่ไม่รู้ตัว“ข้าเพียงแค่อยากให้ใครสักคนรักข้า สักครั้งหนึ่ง...แต่แม้แต่ท่านนักพรตหลงอวี่ก็ไม่เคยแลข้าเลย ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้เขามองมาที่ข้า ให้เขาสนใจในตัวข้า แม้จะเป็นเ