“ทุกคนจงเดินถอยห่างออกไปจากบริเวณนี้ให้หมด! ยกเว้นแม่ทัพจางและแม่ทัพหลัวเจ้าทั้งสองอยู่ด้วยกันกับข้าตรงนี้! รวมไปถึงสตรีนางนี้ที่ปลอมตัวเป็นชายให้อยู่ด้วยเช่นกัน!”สุรเสียงของถังเกาจงดุดันเป็นยิ่งนัก
ครั้นข้าราชบริพารต่างถอยห่างออกไปจากบริเวณดังกล่าว เหลือเพียงผู้ที่องค์จักรพพรดิรับสั่งเอาไว้เท่านั้นสุรเสียงของถังเกาจงรับสั่งถามสตรีนางนั้นกลับไปทันทีด้วยความอยากรู้ “เจ้าแน่ใจนะว่าสตรีสูงศักดิ์ที่กล่าวออกมานั้น พำนักอยู่จวนดอกเหมยที่ตั้งอยู่นอกเมืองหลวง ถ้าเช่นนั้นล่วงรู้หรือไม่ว่านางมีนามว่าอะไร เพราะภายในจวนนั้นล้วนมีแต่สตรีในระดับสูงเดินทางไปพักผ่อนที่จวนแห่งนั้นหลายนางอยู่ในเวลานี้”รับสั่งถามกลับไปเพื่อเจาะจงให้ล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วสตรีที่ถูกพาดพิงในครั้งนี้แท้จริงเป็นผู้ใดกันแน่ ด้วยเพราะในเวลานี้เหล่าชายาของไต้อ๋องล้วนไปพำนักอยู่ที่จวนดอกเหมยเพื่อชื่นชมดอกไม้นานาพรรณที่กำลังเบ่งบานรับฤดูใบไม้ผลิ สตรีคนดังกล่าวนิ่งคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อจดจำได้ “ข้าน้อยมีโอกาสติดตามหานจงไปที่จวนนั้นหนึ่งครั้ง และได้ยินคนสนิทของนางมักจะใช้คำเรียกแทนชื่อสตรียังไม่ทันที่จะได้คำตอบ ร่างงามก็ถูกคร่อมทับกักตัวไว้ใต้ร่างของสามี ก่อนจะโดนประกบจูบลงมาอย่างเรียกร้องและร้อนแรง ร่างงามสั่นสะท้านไปกับรสจูบที่ถูกมอบให้ เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวรัดดูดดึง จุมพิตแสนวาบหวามถูกบดเคล้าคลึงลงบนริมฝีปากอิ่มช้ำที่บวมเป่งของนางอย่างเร่าร้อน แม่ทัพหนุ่มเฝ้าจูบพลางขบเม้มเคลียคลอไม่ห่างกาย ก่อนจะประคองใบหน้าสวยไว้ในมือ มองจ้องสบดวงตาสวยหวานก่อนจะก้มลงที่ข้างหูของหญิงสาวเพื่อบอกรัก “ข้ารักเจ้ามากเลยรู้ไหมอิงอิง” เสียงแหบพร่ากระซิบบอกรักอย่างเว้าวอน แม่ทัพหนุ่มจับเรียวขาคู่งามให้แยกออกจากกันแล้วพาร่างใหญ่ของเขาแทรกเข้าไปตรงกลางระหว่างขาแทน “เป็นของข้านะ” จางเย่วฉินกระซิบบอกเสียงแหบโหย มี่อิงนอนมองสามีของนางอย่างเขินอายยามเมื่ออีกฝ่ายบอกรักออกมา หัวใจของนางพองโตจนคับอก ในเมื่อเธอเองก็แต่งงานกับเขาแล้ว จะยังไงก็ต้องตกเป็นภรรยาของเขาอยู่วันยังค่ำนี่ยังต้องมาขอกันอีกเหรอ หญิงสาวคิดในใจพลางก้มหน้างุดด้วยความอาย “ข้าก็เป็นของท่านคนเดียวมาตั้งแต่ต้นแล้วนี่”หญิงสาวอ้อมแอ้มตอบออกไปด้วยความเขินอาย แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนจะประคองท่อนล
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จางเย่วฉินจับตัวมี่อิงให้พลิกกลับมาแล้วประกบจูบลงบนริมฝีปากของนางทันที แม่ทัพหนุ่มพรมจูบเนิ่นนานหมายดูดกลืนความหอมหวานอย่างไม่รู้เบื่อ จูบของจางเย่วฉิน กำลังจะทำให้อิงอิงแทบหมดลมหายใจเสียให้ได้เลยทีเดียว นางต้องอ้าปากหอบอย่างอ่อนแรงเมื่อเขาเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาลงไปสูดดมซอกคอหอมละมุนแล้วขบเม้มแผ่วเบาด้วยความหลงใหล ไฟปรารถนาของแม่ทัพหนุ่มโหมกระหน่ำลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง ก่อนจะยกมือขึ้นประคองดวงหน้าหวานที่เริ่มแดงขึ้นมา คนหน้าแดงยิ้มเอียงอายกับสายตาร้อนแรงของสามี มือเรียวใหญ่ตรึงใบหน้าของอิงอิงเอาไว้พร้อมมอบจุมพิตแสนวาบหวามและเร่าร้อนมาให้กับนางอีกครั้ง อิงอิงเองเผยอปากรับจูบและตอบสนองสามีหมาดๆ กลับไปอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน ลิ้นร้อนระอุดูดดึงเกี่ยวรัดกับลิ้นนุ่มอย่างดูดดื่ม แม่ทัพใหญ่เฝ้าวนเวียนจูบเอา จูบเอา จนความวาบหวามตีขึ้นมาจุกอยู่ตรงช่องท้องของมี่อิง ร่างงามเหมือนโดนมอมเมาด้วยรสจูบจนเหมือนกับว่าร่างกายกำลังลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องยึดเกาะกายสูงใหญ่เอาไว้แล้วเบียดร่างของตนเข้าหา สติแทบกระเจิดกระเจิงเพราะรสจูบ มือเรียวใหญ่ลูบไล้สร้างความวาบหวามให
จวนสกุลจางจดหมายด่วนส่งมาจากจวนสกุลหลัวเมื่อช่วงหัวค่ำ พร้อมการหายตัวไปของหลัวอี้หลางตั้งแต่ช่วงเช้าของการทำพิธี หนึ่งในเพื่อนเจ้าบ่าวหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพื่อไปจัดการสิ่งสำคัญในชีวิต ก่อนจะมีจดหมายมาส่งถึงมือจางเย่วฉินเพื่อบอกทุกอย่างอยู่ในจดหมายดังกล่าว กระดาษเนื้อบางเบาถูกดึงออกจากซองปิดผนึก พร้อมถูกคลี่ออกอ่านใจความด้านในอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจบลงพร้อมรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถัง เฮ้อ! เสียงถอนหายใจออกมาอย่างแรงของจางเย่วฉินที่ได้อ่านเนื้อหาดังกล่าวจนหมดสิ้น “เจ้าตัดสินใจเช่นนั้นจริงๆ หรือนี่อี้หลาง ในเมื่อต้องการมีชีวิตแบบนั้นมีหรือที่ข้าจะไม่ส่งเสริมตามคำร้องขอของเจ้าผู้เป็นสหาย ยังไม่ทันมีพิธีแต่งงานแต่เจ้ากลับมีลูกแซงหน้าก่อนข้าไปอีกแล้ว เห็นทีข้าต้องรีบจัดการเรื่องมีทายาทกับอิงอิงเสียแล้ว”แม่ทัพใหญ่พูดพร้อมนำกระดาษจดหมายที่อยู่ในมือจ่อเข้าที่โคมไฟ จนเปลวเพลิงลุกลามเลียเนื้อกระดาษก่อนจะปล่อยลงในภาชนะรองรับที่ทำมาจากกระเบื้องเคลือบ จางเย่วฉินหันกลับไปสำรวจห้องหอของตัวเองที่คืนนี้จะต้องอยู่ร่วมห้องกับ
6 ปีผ่านไป งานเทศกาลชีซี“มาสิ! มาสิ! วิ่งตามข้ามา!” “คุณชายใหญ่! คุณชายรอง! คุณชายสาม คุณชายสี่ คุณชายห้า คุณหนูเล็ก รอบ่าวด้วย!!!!”เสียงของพี่เลี้ยงดังเอ็ดอึงไล่ตามหลัง เด็กชายตัวน้อยทั้งห้าคนและเด็กหญิงตัวน้อยสุดวัยเพียงหนึ่งขวบเท่านั้นที่เพิ่งจะเริ่มหัดเดินได้ไม่นาน ในยามนี้ภายในจวนสกุลจางล้วนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กเล็กๆ ตัวน้อยๆ มากมายซึ่งเป็นผลงานสุดภาคภูมิใจของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถัง แม้ว่าจะแต่งงานช้าแต่กลับมีลูกๆ ที่น่ารักไล่ตามทันบรรดามิตรสหายที่ออกเรือนไปก่อนหน้านั้นหลายปีอย่างน่าอิจฉา ด้วยฮูหยินคนงามให้กำเนิดทายาทติดต่อกันมิหนำซ้ำยังเป็นลูกชายถึงห้าคนเลยทีเดียว ในเวลานี้จวนตระกูลจางไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้วเมื่อทายาทสกุลจาง ได้ถือกำเนิดติดต่อกันไม่หยุด ซึ่งฮูหยินคนงามได้มอบบุตรชายฝาแฝดให้แก่แม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังถึงสองคู่ ท้องสองครั้งแต่ได้ลูกชายมาด้วยกันห้าคน ซึ่งมี่อิงตั้งครรภ์ครั้งแรกก็คลอดลูกชายฝาแฝดถึงสามคนซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายพ่อและแม่แต่ไม่เหมือนกันทั้งหมด ครั้นตั้งครรภ์ครั้งที่สองนางก็คลอดบุตรชายชายฝาแฝดสองคนซึ่งมีใบหน้าเหม
บริเวณนอกประตูเมืองร่างอวบอิ่มของหลี่เพ่ยหลิน ในชุดสตรีสาวสามัญชนสีขาวเรียบๆ มีเพียงปิ่นปักผมที่ทำจากหยกจักรพรรดิซึ่งเป็นของพระบิดาทรงประทานให้เสียบอยู่บนมวยผมเพียงแค่อันเดียวเท่านั้น เครื่องประดับมีค่าอื่นๆ นางปลดออกจากกายไม่นำออกมาสวมใส่ แม้ว่าพระบิดาจะทรงมีเมตตาประทานเครื่องประดับและอัญมณีที่เคยเป็นของนางให้ติดตัวมาด้วย แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่นางเลือกนั่นก็คือปิ่นปักผมที่เสียบอยู่บนศีรษะในเวลานี้เท่านั้น อายุครรภ์สามเดือนกว่าทำให้หน้าท้องเริ่มนูนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ท้องกลมน้อยๆ และร่างอวบในวัยสาว ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ด้วยเป็นเพราะกำลังตั้งครรภ์ ใบหน้างดงามนวลเนียนหมดจดด้วยมีเพียงแป้งผัดหน้าทาไว้เพียงแค่บางเบา ริมฝีปากอิ่มอมชมพูไม่ต้องแต้มสีชาดปากก็น่าจูบอยู่แล้ว คนสวยไม่ต้องแต่งอะไรมากจะสวยน่ามอง แต่ถ้าหากแต่งเกินความพอดีแทนที่จะงามกลับถูกชายตาอย่างหมางเมิน หลี่เพ่ยหลินยืนเล่นก้านดอกหญ้าอยู่ข้างๆ รถม้า เฝ้ารอหลินซีบ่าวรับใช้คนสนิทของนางกลับมาจากซื้อยาในเมืองหลวง หลังจากนั้นก็จะเดินทางบ่ายหน้าไมุ่งตรงไปที่อู่อี้ซาน โดยหันหลังให้กับประตูเมืองจึงไม่ได้เห็
ในยามนี้ทั่วทั้งนครฉางอานต่างโจษขานเรื่องราวของจวนสกุลอัน ซึ่งเป็นสถานที่พำนักอีกทั้งยังเป็นที่ทำการใหญ่ของกลุ่มกบฏกู้ชาติต้าสุย ถูกกำลังทหารของจางเยว่ฉินร่วมกับกรมอาญา บุกเข้ากวาดล้างได้อย่างราบคาบ โดยหัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏหยางผิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกไฟคลอกภายในห้องนอนของตัวเอง ซึ่งไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดเพลิงไหม้สังหารขึ้นภายในห้องดังกล่าวนั้นได้ ทว่าหัวหน้ากลุ่มกบฏแม้ว่าจะรอดพ้นจากการถูกไฟคลอกตาย แต่บาดแผลไฟไหม้ช่างแสนสาหัสยิ่งนัก ผิวหนังถูกทำลายเกือบทั้งหมดจนทำให้ใบหน้าผิดรูปจนเสียโฉม ทนทรมานเจ็บปวดจากบาดแผลดังกล่าวเพียงแค่สามวันก็สิ้นใจตายปิดฉากทายาทจากราชวงศ์สุยที่ต้องการกอบกู้ราชบัลลังก์กลับคืนอย่างถาวร และทำให้ผู้คนล่วงรู้ความจริงว่าพรรคมารโลหิตแท้จริงแล้วนั้นถูกกลุ่มกบฏกู้ชาติสวมรอยแอบอ้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จนทำให้พรรคมารโลหิตถูกทำลายชื่อเสียงอย่างย่อยยับ และกลายเป็นพวกเลวร้ายในสายตาชาวประชามานานหลายสิบปีเหตุการณ์กวาดล้างในครั้งนี้ทำให้ พรรคมารโลหิตหลุดพ้นจากข้อครหาที่ผ่านมาทั้งหมดและได้รับการนับถือยกย่องดั่งเดิม ในขณะเดี