แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: สั่งไม่หยุด
นางคิดว่าตนเองไม่ได้เป็นคนอ่อนแอ แต่ตอนนี้ไม่คิดว่าเพราะความอบอุ่นนี้ เกือบจะทำให้น้ำตาไหล

มองออกว่าอารมณ์ของหลานสาวผิดปกติ นายหญิงผู้เฒ่าหรงรีบถาม “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?”

หรงจือจือจับชีพจรของท่านย่าโดยไม่ตั้งใจ สังเกตเห็นถึงการเต้นหัวใจของอีกฝ่าย เป็นเพราะตึงเครียดจึงเริ่มเต้นเร็วขึ้น

จึงรีบกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่แต่งออกไป ยังจะได้มาหาท่านย่าเพื่อออดอ้อนอีก ได้ฟังท่านย่าชมข้าเช่นนี้ก็พอแล้ว!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงสบายใจขึ้น กล่าวพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย “เจ้าเด็กคนนี้ ข้ายังคิดว่าเจ้าได้รับความไม่ยุติธรรมอะไรเสียอีก! ชมเจ้า เป็นเพราะเจ้าสมควรได้รับจริง ๆ”

“เจ้าลองคิดดูตั้งแต่เด็ก เจ้าเรียนรู้อะไรแล้วทำไม่ได้บ้าง? พิณ หมากรุก เขียนหนังสือ วาดรูป ดูแลกิจการร้านค้าอยู่เบื้องหลัง ดูแลบ้าน ขอเพียงเจ้ายื่นมือ ทุกอย่างล้วนเป็นที่หนึ่ง ฝีมือการเย็บปักถักร้อยก็หาได้ยากในเมืองหลวง แม้แต่เรียนวิชาแพทย์หมอเทวดายังพูดว่าเจ้ามีพรสวรรค์ รับเจ้าเป็นทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียว”

“บัดนี้ข้ายังไม่อยากจะเชื่อว่า ท่านแม่สติเลอะเลือนคนนั้นของเจ้า จะให้กำเนิดลูกที่โดดเด่นเช่นเจ้าได้

“ตามความเห็นของข้า หากเจ้าเป็นลูกชาย เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าท่านพ่อของเจ้า เขาหัวโบราณและรักหน้าตามากเกินไป บางครั้งยังสู้เจ้าไม่ได้!”

ถึงแม้จะไม่ควรพูดต่อหน้าหลานสาว เพราะอย่างไรเสียการว่าท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่ใช่เรื่องดี แต่ทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องที่พวกเขาพยายามจะให้หรงจือจือแต่งงานกับฉีจื่อฟู่ นายหญิงใหญ่ก็เกิดโทสะขึ้น

โชคดีที่ตอนนี้หลานสาวมีชีวิตที่สุขสบาย ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ยอมอย่างแน่นอน จะต้องทะเลาะกับบุตรชายจนเรื่องราวใหญ่โตเป็นแน่

เมื่อได้ยินคำชมของท่านย่า อารมณ์ที่มัวหมองมาหลายวันของหรงจือจือ ในที่สุดก็ดีขึ้นมากแล้ว

เมื่อจับชีพจรของท่านย่า สังเกตเห็นว่าค่อย ๆ คงที่ จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ที่จริงเป็นเพราะท่านย่าสั่งสอนมาดี หากไม่ใช่เพราะมีท่านย่าคอยอบรมสั่งสอน หลานจะมีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร!”

คำพูดนี้ทำให้นายหญิงผู้เฒ่าหรงใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เพียงแต่นางถอนหายใจเช่นกัน “ตอนนั้นท่านพ่อของเจ้าสอบคัดเลือกขุนนาง อดีตอัครมหาเสนาบดีหวังเป็นหัวหน้าผู้คุมสอบ ท่านพ่อของเจ้าก็นับว่าเป็นลูกศิษย์ของเขา เขาอยากจะให้บุตรสาวแต่งงานกับท่านพ่อเจ้า แม้ว่าข้ากับท่านพ่อเจ้าจะไม่ชอบนางหวัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้”

“หลังจากที่นางหวังแต่งเข้ามา เคารพและเชื่อฟัง รักใคร่กันดีกับท่านพ่อเจ้า เดิมคิดว่าคงจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปชั่วชีวิต แต่คิดไม่ถึงว่านางกลับทำตัวสติเลอะเลือนในเรื่องของเจ้า มักจะไม่ชอบใจเจ้า ท่านพ่อของเจ้าก็ทำตัวห่างเหินและเย็นชาต่อลูกจนเกินไป”

“ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องพวกนี้ ต่อให้ข้าป่วยหนักแค่ไหน ก็นอนตายตาหลับไม่ได้ เกรงว่าหากข้าเป็นอะไรไป ในภายภาคหน้าจะไม่มีใครคอยหนุนหลังหลานสาวคนดีของข้าอีกแล้ว !”

หรงจือจือได้ยิน ก็กล่าวพร้อมน้ำตา “ท่านย่าอย่าพูดจาเช่นนี้อีก ท่านจะต้องอายุยืนร้อยปีแน่นอน!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงยิ้ม รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องปลอบใจข้า ถึงอย่างไรวันนั้นก็ต้องมาถึง สุขภาพของข้าไม่ดีมาตลอด มีชีวิตอยู่ให้พ้นไปแต่ละวันเท่านั้น”

“หลานเขยเพิ่งกลับมา ตอนนี้เจ้าไม่ควรอยู่ที่บ้านของท่านพ่อท่านแม่ บอกหลานเขยว่าหากมีเวลาว่าง ก็มาเยี่ยมข้า จะได้ทำให้ข้าสบายใจขึ้นมาบ้าง!”

วันนี้ฉีจื่อฟู่ไม่ได้กลับมาเยี่ยมตนพร้อมกับจือจือ นายหญิงใหญ่เกิดความสงสัยขึ้นในใจเล็กน้อย

หรงจือจือรีบกล่าว “เขาไม่รู้ว่าท่านย่าไม่สบาย ประกอบกับเพิ่งกลับมายังเมืองหลวง งานราชการค่อนข้างยุ่ง ถึงไม่ได้มาด้วย หากเขามีเวลาว่าง หลานจะพาเขามาเยี่ยมท่านแน่นอน!”

นายหญิงผู้เฒ่าหรงพยักหน้า “ดีดีดี! ข้าอยากจะพักผ่อนต่ออีกสักหน่อย เจ้าก็รีบกลับไปที่สกุลฉีเถอะ เจ้ากับหลานเขยใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถึงจะดีต่อสุขภาพของข้าที่สุด!”

หรงจือจือ “หลานเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

ท่านย่าสุขภาพไม่ดี ประกอบกับโรคกำเริบ จึงนอนมาก หรงจือจือเฝ้านาง เมื่อท่านย่าหลับสนิทแล้ว สาวใช้จึงมากระซิบที่ข้างหูนาง “คุณหนู นายท่านเรียกท่านออกไป”

หรงจือจือลุกขึ้น เกรงว่าจะทำให้ท่านย่าตื่น จึงเดินออกไปเบา ๆ

เมื่อเห็นท่านพ่อ นางยังไม่ทันได้เอ่ยปากว่าจะขออยู่เฝ้าท่านย่าสักสองสามวัน

มหาราชครูหรงก็คาดเดาได้ว่านางอยากจะพูดอะไร “กลับไปเถอะ ข้างกายท่านย่าเจ้ามีข้าคอยดูแล บัดนี้จิตใจของฉีจื่อฟู่ไม่ได้อยู่ที่เจ้า เจ้าเฝ้าไข้อยู่ที่นี่ กลับไม่เห็นหลานเขยมารับเจ้า ท่านย่าจะเกิดความสงสัยเอาได้”

“มิสู้กลับไปจัดการสินเดิมของเจ้าให้เรียบร้อย การหย่าร้างเป็นความคิดของเจ้า ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ควรจะเก็บสิ่งของให้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกสองสามวันตอนข้าไปรับเจ้า ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้านนอกจวนเพื่อรอเจ้าตัดขาด ท่านย่าของเจ้าจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลอยู่ที่บ้าน”

หรงจือจือรู้ว่าคำพูดของท่านพ่อมีเหตุผล จึงเรียกให้เจาซีนำขนมอบที่ตนซื้อทิ้งไว้ให้ท่านย่า เอ่ยสั่งกับบ่าวรับใช้ “ตอนกลางคืนท่านย่าชอบกินของหวาน ถึงตอนนั้นก็ให้ท่านย่ากินสักหน่อย”

จะว่าไป หากไม่ใช่เป็นเพราะตอนที่ซื้อขนมอบให้ท่านย่า หรงจือจือก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ จึงถือโอกาสซื้อเผื่ออตนเองอีกนิดหน่อย วันนี้ก็คงต้องหิวโซไปแล้ว

จากนั้นจึงคำนับมหาราชครูหรงแล้วกล่าว “เช่นนั้นลูกขอตัวลาก่อน หากท่านย่าต้องการลูก ท่านพ่อจะต้องส่งคนไปแจ้งลูกนะเจ้าคะ”

มหาราชครูหรงพยักหน้า “อืม เจ้าไปเถอะ

เดิมทีหรงจือจือใช้ชีวิตเช่นนี้อยู่ในบ้านสามี แม้ปากของมหาราชครูหรงจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ในใจกลับไม่พอใจมาก แต่เมื่อเห็นนางเป็นห่วงทุกเรื่องของนายหญิงใหญ่ เขาก็ต่อว่าไม่ลงอีก บอกให้คนส่งนางออกไป

ทันทีที่หรงจือจือกลับไป นางหวังก็เดินพุ่งเข้ามาด้วยความโมโห พลางเอ่ยถาม “ท่านพี่ จือจือล่ะ?”

มหาราชครูหรงขมวดคิ้ว “กลับไปแล้ว ทำไมหรือ?”

เมื่อได้ยินว่ากลับไปแล้ว นางหวังทำได้เพียงกัดฟันอย่างเคียดแค้น เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ไม่มีอะไร แค่ถามเท่านั้น!”

คนกลับไปแล้ว จะจับตัวกลับมาจัดการก็เป็นไปได้ยาก ทำได้เพียงครั้งหน้าค่อยว่ากัน

ลูกสาวตัวดี ไม่คิดเลยว่าจะทำให้หมัวมัวคนสนิทของตนโมโหจนหมดสติ นี่ไม่ใช่เป็นการหักหน้าตนหรอกหรือ? นางคิดว่าตนเองเก่งกล้าจริง ๆ คิดว่าตนจัดการกับนางไม่ได้ใช่หรือไม่?

...

ระหว่างทางกลับ

เมื่อเห็นว่าอากาศหนาวเกินไป หรงจือจือจึงให้เจาซีมานั่งด้วยกันบนรถม้า แม่นางน้อยจะได้ไม่แข็งตาย

เจาซีรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลพราก คิดว่าวันข้างหน้าจะอุทิศตนให้กับคุณหนูมากกว่าเดิม

กล่าวขึ้นว่า “คุณหนู พวกเรากลับมาแบบนี้ ไม่แน่สกุลฉีอาจจะคิดว่า เป็นเพราะนายท่านบอกให้ท่านอดทน ใช้ชีวิตกับลูกเขยให้มีความสุขก็ได้นะเจ้าคะ!”

หรงจือจือยิ้มบาง ๆ “พวกเขาอยากจะคิดอย่างไร ก็ปล่อยให้คิดแบบนั้นเถอะ”

ถึงอย่างไรตนก็ใกล้จะหลุดพ้นจากกรงขังแล้ว ปล่อยให้พวกเขาได้ดีใจอีกไม่กี่วัน ถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะยิ่งอับอายมากกว่าเดิมไม่ใช่หรือ?

คำพูดของท่านพ่อก็ได้เตือนสตินางเช่นกัน สินเดิมของนาง ทั้งหมดท่านย่าให้มา ก็ควรจะจัดเก็บให้เรียบร้อยแล้วนำกลับไปจริง ๆ ไม่ควรให้สกุลฉีเอาเปรียบได้แม้แต่นิดเดียว

เมื่อรถม้ากลับมาถึงจวนซิ่นหยางโหว

หรงจือจือก็พาคนกลับไปที่เรือนของตน ทันทีที่ถอดเสื้อขนสุนัขจิ้งจอกออก ถ่านไม้ภายในห้องก็ถูกจุดขึ้นเพื่อให้ความอบอุ่น ทุกคนเพิ่งจะนั่งลง ฉีอวี่เยียนก็กระโดดโลดเต้นเข้ามา

นางเป็นน้องสาวของฉีจื่อฟู่ น้องสามีของหรงจือจือ เนื่องจากฉีอวี่เยียนใจดีกับนางมาตลอด ไม่เหมือนกับหรงเจียวเจียวผู้เป็นน้องสาวที่ชอบใส่ร้ายป้ายสีและเยาะเย้ย หลายปีมานี้หรงจือจือรักและเอ็นดูเหมือนอีกฝ่ายเป็นน้องสาวแท้ ๆ ด้วยใจจริง

บัดนี้นางจะหย่าร้างกับฉีจื่อฟู่ หรงจือจือยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์อีกฝ่ายอยู่

เพียงแค่มองรอยยิ้มบนใบหน้าของอีกฝ่าย หรงจือจือก็สะอึกในใจทีหนึ่ง รู้สึกไม่สบายเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องของตนกับพี่ชายของนางอย่างนั้นหรือ? เหตุใดจึงยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้?

ฉีอวี่เยียนกล่าวด้วยความยิ้มแย้ม “พี่สะใภ้!”

หรงจือจือนั่งลง ถามนางอย่างระวัง “วันนี้มาหาข้า มีธุระอันใด?”

ฉีอวี่เยียนประคองหน้า กล่าวอย่างออดอ้อน “พี่สะใภ้ ใกล้วันแต่งงานของข้าแล้ว วันพรุ่งนี้ทั้งสองตระกูลจะหารือกันเรื่องสินสอดและสินเดิมแล้ว”

“ท่านแม่กับท่านพี่ให้ข้ามาที่นี่ ให้พี่สะใภ้นำสินเดิมของท่าน มาเติมสินเดิมให้ข้าสักสองสามกล่อง”

“มงกุฎทองหลากสี ไข่มุกเรืองแสงแห่งทะเลจีนใต้ของท่าน แล้วก็ยังมีปะการังยักษ์ต้นนั้นด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นของหายากในโลก มิสู้เติมเข้าไปทั้งหมดก็แล้วกัน !”

หรงจือจือฟังจบก็แสดงสีหน้าจริงจัง คิดไม่ถึงว่าครอบครัวของเขาจะหน้าไม่อายขนาดนี้ ตอนนี้ยังวางแผนจะเอาสินเดิมของนางอีก!
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
ลักษิกา
บ้านนี้มีแต่คนหน้าด้าน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 468

    ไทเฮาทรงพิโรธ ถลึงพระเนตรใส่ฮ่องเต้น้อย “ฮ่องเต้ นี่เจ้าปฏิบัติต่อเสด็จแม่ของเจ้าแบบนี้รึ?”เฉินเยี่ยนซูพูดด้วยเสียงนุ่มนวล “หากไทเฮาทรงรู้สึกว่าฝ่าบาทปฏิบัติต่อพระองค์ไม่ดี มองว่าท่านอ๋องดูแลพระองค์ได้ดีกว่า เช่นนั้นกระหม่อมก็ยินดีช่วยส่งพระองค์ไปยังที่ดินศักดินาของท่านอ๋องใหญ่ ให้ท่านอ๋องดูพระองค์ในช่วงบั้นปลาย”พระพักตร์ของไทเฮาซีดขาว สังเกตเห็นความประชดประชันในแววตาโอรสตัวเองใช้มือข้างหนึ่งจับพนักเก้าอี้พร้อมกับตรัส “ช่างเถอะ ข้าเองก็รู้สึกคิดถึงอดีตฮ่องเต้เช่นกัน”เช่นนี้ก็หมายความว่ายอมจำนน บ่งบอกว่ายอมถูกกักบริเวณและคัดคัมภีร์นางคิดมาโดยตลอดว่าฮ่องเต้ยังชันษาน้อย คงจะจำอะไรไม่ได้มาก แต่ดูจากตอนนี้ เหมือนว่าฮ่องเต้จะยังจำได้มิน่าเล่า เขาถึงได้ไม่ยืนอยู่ฝั่งของนางกับสกุลเซี่ย เอาแต่เข้าข้างราชเลขาธิการเมื่อพูดถึงท่านอ๋องใหญ่ หรือก็คือพระเชษฐาต่างมารดาของฮ่องเต้ นางเซี่ยมีอาการตกใจเช่นกัน เกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนนั้น นางยอมรับว่าไทเฮาเลอะเลือนไปเล็กน้อยฮ่องเต้น้อยมีท่าทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ้มว่า “ในเมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว เช่นนั้นเราจะกลับไปจัดการราชกิจก่อน”เฉินเ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 467

    แม้แต่ฮ่องเต้น้อยก็ยังต้องยกนิ้วหัวแม่มือให้หรงจือจือในใจ ไม่แปลกเลยที่ท่านราชเลขาธิการจะชอบนาง ช่างฉลาดหลักแหลม แม้แต่วิธีแก้ปัญหาเช่นนี้ก็ยังสามารถคิดออกมาได้ นางเซี่ยรีบพูดด้วยรอยยิ้ม “ความจริงจวนอ๋องเฉียนของพวกข้าก็ไม่เลว หากมหาราชครูหรงต้องเลือกระหว่างสองสกุลก็คงตัดสินใจได้ยากเช่นกัน”“จือจือ เจ้าลองเลือกใหม่อีกครั้งดีหรือไม่ หากเจ้าเลือกอู๋เหิง บิดาของเจ้าก็ไม่น่าจะว่าอะไร”“เจ้าก็รู้ แม่สามีของข้าชอบเจ้ามากมาโดยตลอด หลายปีมานี้ก็ปกป้องและรักใคร่เจ้าไม่น้อย”หัวคิ้วของหรงจือจือกระตุก เข้าใจว่านางเซี่ยกำลังยกพระชายาอ๋องเฉียนมาเพื่อโน้มน้าว อยากให้นางเห็นแก่การดูแลที่พระชายาอ๋องเฉียนมีต่อตัวเองตลอดหลายปีมานี้และเลือกจีอู๋เหิงไทเฮาฟังถึงตรงนี้ก็ตรัสเช่นกัน “พระชายาซื่อจื่อพูดได้ถูกต้อง! หรงจือจือ ตอนนี้ข้าต้องการให้เจ้าแต่งงานกับอู๋เหิง ส่วนฮ่องเต้นั้นต้องการให้เจ้าแต่งงานกับราชเลขาธิการเฉิน”“พวกข้าสองแม่ลูกแทบจะบาดหมางกันเพราะเจ้าอยู่แล้ว เจ้าลองตรองดูให้ดีว่าจะแต่งงานกับผู้ใด!”“ในเมื่อเจ้าแต่งเพราะคำสั่งของบิดา คิดว่าหากมีข้าอยู่ด้วย ต่อให้เจ้าเลือกอู๋เหิง บิดาเจ้าก็คงไ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 466

    ฮ่องเต้หย่งอันเข้าใจแล้วว่า เหตุใดท่านราชเลขาธิการได้ยินว่าเสด็จแม่เรียกตัวหรงจือจือมาพบแล้วจึง…เขามองไทเฮาพร้อมกับตรัสด้วยความเสียใจ “โอ้? มันสายไปแล้ว! ลูกพระราชทานสมรสไปแล้ว ราชโองการก็เขียนเสร็จแล้ว ประทับตราพระราชลัญจกรแล้วเช่นกัน!”“เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่หารือกับลูกตั้งแต่เมื่อวาน หากเป็นเมื่อวาน เรื่องนี้คงพอมีหนทางให้ตกลงกันได้”ไทเฮาตรัสอย่างไม่เชื่อ “เป็นความจริงหรือ?”ฮ่องเต้หย่งอัน “ย่อมเป็นความจริง ราชโองการยังอยู่ในมือเซิ่งเฟิงอยู่เลย!”ตอนแรกเขาจะให้ขันทีอาวุโสหยางเป็นคนถือ ประเดี๋ยวหรงจือจือกลับสกุลหรงไปแล้วค่อยประกาศราชโองการ แต่ท่านราชเลขาธิการไม่วางใจยืนกรานที่จะขอรับไป ให้เซิ่งเฟิงเป็นคนเก็บรักษาไทเฮาพิโรธมากนางเซี่ยร้อนใจเช่นกัน รีบคุกเข่าว่า “ฝ่าบาท ได้โปรดถอนราชโองการด้วยเถิด อู๋เหิงต้องการแต่งงานกับท่านหญิงเช่นกัน!”ฮ่องเต้หย่งอันยิ้มเยาะ “พระชายาซื่อจื่อกล่าวเช่นนี้ ฟังดูเหมือนท่านราชเลขาธิการไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับหรงจือจืออย่างไรอย่างนั้น สินสอดแปดร้อยหาบ เกรงว่านี่คงเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นต้าฉีมา!”นางเซี่ยรีบพูด “ฝ่าบาท จวนอ๋องเฉียนของพ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 465

    ฮ่องเต้น้อยเห็นนางเซี่ยยอมรับผิดรวดเร็วแบบนี้ก็ไม่ได้ทำให้นางลำบากใจอีก อย่างไรเมื่อครู่นี้เขาก็เห็นว่า อีกฝ่ายก็พยายามช่วยขอความเมตตาให้หรงจือจืออย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อฮ่องเต้น้อยมองไปที่นางกำนัลนางนั้น เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโหเดินเข้าไปถีบอีกฝ่าย “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แม้แต่ท่านราชเลขาธิการก็ยังกล้าสาด! เจ้าจงสวดภาวนาให้ท่านราชเลขาธิการปลอดภัย มิเช่นนั้น ครอบครัวเจ้าทั้งเก้าชั่วโคตรก็ยังชดใช้ไม่ได้!”นางกำนัลถูกถีบกลิ้งกับพื้นรู้สึกได้รับความอยุติธรรม นางจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านราชเลขาธิการจะมาและช่วยบังน้ำเย็นให้กับท่านหญิง หากรู้มาก่อน ต่อให้นางจะใจกล้าเพียงใดก็ไม่กล้าทำแบบนี้แต่ฮ่องเต้กำลังพิโรธ นางไม่กล้าร้องว่าอยุติธรรม กลัวว่าฮ่องเต้จะพิโรธหนักกว่าเดิมได้แต่คำนับศีรษะด้วยความเคารพ “บ่าวสมควรตาย ฝ่าบาทโปรดประทานอภัย!”เจาซีมองด้วยความสะใจ เมื่อครู่นี้นางกำนัลคนนี้ใช้อำนาจข่มขู่ บอกว่าเป็นคำสั่งของไทเฮา ห้ามขัดขืนเด็ดขาดตอนนี้ ฮ่องเต้จะทุบตีนางอย่างไร สั่งสอนนางอย่างไร นางก็ได้แต่ทนรับไว้เสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกย่อมดังเข้าไปในตำหนักเมื่อฮ่องเต้หย่งอันเข้าไป พระ

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 464

    หรงจือจืออยากอธิบายว่าตัวเองไม่ได้กลัว แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาห่วงใยของเขา จู่ๆ นางก็พบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออก ภายในใจอ่อนระทวยไปหมดทั้งๆ ที่เขาถูกราดน้ำเย็น ทั้งๆ ที่เขากำลังหนาวทว่าเขากลับไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย มีเพียงความรู้สึกที่เป็นห่วงนางนางรีบนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดน้ำเย็นบนใบหน้าเขาโดยไม่ได้มาสนใจว่าชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน อย่างไรก็จะแต่งงานกับเขาอยู่แล้วเฉินเยี่ยนซูผงะ ดวงตาหงส์เร่าร้อนขึ้นมาหลายส่วนฮ่องเต้น้อยตรัส “มัวทำอันใดกันอยู่? ยังไม่รีบไปเตรียมเสื้อผ้าสะอาดกับน้ำร้อนให้ท่านราชเลขาธิการอีก!”“หากท่านราชเลขาธิการป่วยไข้ขึ้นมา! เราจะตัดหัวพวกเจ้าให้หมด”“น้ำขิงด้วย! เตรียมน้ำขิงให้ท่านหญิงกับท่านราชเลขาธิการทันที!”หรงจือจือจะบอกตัวเองไม่ต้องการน้ำขิง แต่เมื่อเห็นท่าทีของฮ่องเต้หย่งอัน นางก็ไม่ได้ปฏิเสธนางกำนัลที่ราดน้ำเย็นใส่เฉินเยี่ยนซูตกใจกลัวจนน้ำตาแทบเล็ด คุกเข่าตัวสั่นเทิ้มร่วมกับนางกำนัลคนอื่นๆผู้ที่ถูกราดน้ำเย็นคือท่านราชเลขาธิการ นั่นคือท่านราชเลขาธิการของฮ่องเต้เชียวนะ ก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงว่าราชกิจ พระองค์จะต้องถวายการคำนับแด่ท่านราชเลขาธิการตาม

  • โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น   บทที่ 463

    ไทเฮาโกรธจนหน้าเขียว ชี้นิ้วไปที่นาง “ดี ดี ดี เจ้าดีมาก!”แม้ภายในใจนางจะไม่พอใจถึงขีดสุด กระนั้นก็มีความนับถือบางส่วนเจืออยู่ด้วยอดนึกถึงถ้อยคำที่อดีตฮ่องเต้เคยพูดกับตัวเองไม่ได้ มหาราชครูหรงเป็นเสาหลักของบ้านเมือง อุทิศความสามารถและความทุ่มเททั้งหมดเพื่อชาติบ้านเมือง เขาถึงกล้ากราบทูลฎีกาที่ภัยถึงชีวิต เสียก็แต่เถรตรงเกินไปมองหรงจือจือตอนนี้แล้วเหมือนบิดาของนางมาก!ทว่า ความชื่นชมนี้ไม่อาจระงับเพลิงโทสะภายในใจนางแต่อย่างใด “ไปเตรียมน้ำเย็นเดี๋ยวนี้ ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดไปเห็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์กล่าวโทษข้าหนือไม่!”นางเซี่ย “ไทเฮา!”ไทเฮามองนางปราดหนึ่ง พูดด้วยหน้าบึ้งตึง “พอแล้ว พี่หญิงนั่งลงเถอะ ข้าเองก็ทำเพื่อสั่งสอนลูกสะใภ้ในอนาคตให้ท่าน!”นางเซี่ยเห็นหรงจือจือเดินออกไปภายในใจปั่นป่วนว้าวุ่น จากนั้นลุกขึ้นเพื่อเข้าไปห้ามปรามด้วยตัวเองพระพักตร์ของไทเฮาย่ำแย่กว่าเดิมเมื่อเห็นพี่หญิงของตนเป็นเช่นนี้สั่งว่า “ห้ามพระชายาซื่อจื่อเอาไว้ อย่าให้นางก่อกวน!”บรรดานางกำนัล “เพคะ!”หรงจือจือคุกเข่าท่ามกลางหิมะ มองนางกำนัลยกถังน้ำเย็นเข้ามา ส่วนนางเซี่ยที่จะเข้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status