นฤบดินทร์เดินเข้าไปยืนขนาบข้างพราวนภาแต่สายตาจดจ้องอยู่ที่เพื่อนชายของเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะมองเลยไปที่หญิงสาวโดยไม่พูดอะไร เขาอยากรู้ว่าพราวนภาจะแนะนำเขาให้เพื่อนของเธอรู้จักหรือไม่ และจะแนะนำว่าเขาเป็นพี่ชายข้างบ้านหรือว่าน้าชาย เพราะกับกลุ่มเพื่อนสาวคนสนิทของเธอที่เคยพากันมาให้เขาติวคณิตศาสตร์ให้ พราวนภาแนะนำว่าเขาคือพี่ชายข้างบ้าน
พราวนภาหันมายิ้มให้เขาก่อนจะพูดกับเพื่อนชายคนนั้นว่า “บีม นี่น้าเราเอง น้าดินนี่บีมค่ะ เรียนที่เดียวกับพราวแต่คนละห้อง”
บีมยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้นฤบดินทร์ แต่ชายหนุ่มไม่ได้รับไหว้ เขาแค่พยักหน้าให้เล็กน้อยเท่านั้น แม้กระทั่งรอยยิ้มบาง ๆ ก็ไม่มี ซึ่งความเย็นชานิ่งเฉยของเขาแบบนี้พราวนภาคุ้นเคยดีอยู่แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจ หากแต่คนที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรกอย่างบีมนั้นถึงกับวางหน้าไม่ถูก เพราะเขารู้สึกได้ถึงความเป็นปรปักษ์จากอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“งั้นเราไปก่อนดีกว่าเดี๋ยวพวกนั้นมันจะรอ เจอกันตอนเปิดเทอมนะพราว” บีมยิ้มทำท่าจะผละจากไป แต่แล้วเขาก็เดินกลับมาอีกครั้งแล้วพูดกับพราวนภาด้วยท่าทางขัดเขินระคนไม่มั่นใจว่า
“คืนนี้เราขอโทร. หาพราวนะ”
พราวนภางุนงงที่จู่ ๆ อีกฝ่ายบอกว่าจะโทรศัพท์มาคุยด้วย แต่เธอจำได้ว่าไม่เคยให้เบอร์ส่วนตัวกับเพื่อนคนนี้จึงได้แต่พยักหน้าส่ง ๆ ไป ซึ่งหลังจากที่หญิงสาวพยักหน้าให้ บีมก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นก็ยังหันหน้ามามองพราวนภาด้วยรอยยิ้มอยู่เป็นระยะ
นฤบดินทร์มองเหตุการณ์ทุกอย่างตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉย หากแต่ในใจนั้นรู้สึกเหมือนมีคลื่นระลอกใหญ่สาดซัดถาโถมอยู่ข้างในจนปั่นป่วนไปทั้งช่องอก
เธอแนะนำกับหมอนั่นว่าเขาคือน้าชาย อีกทั้งยังเรียกเขาว่าน้าอีกด้วย
น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้เขาพร่ำบอกให้พราวนภาเรียกเขาว่าน้าอยู่หลายครั้ง แต่เธอไม่เคยเอ่ยปากเรียกแม้แต่ครั้งเดียว ทว่ามาวันนี้พอได้ยินเธอเรียกว่าน้าตามที่เขาเคยต้องการ เขากลับรู้สึกไม่คุ้นชินและฟังขัดหูอย่างบอกไม่ถูก
“ว่าไง ตกลงถูกใจอันไหนบ้าง” เขาพูดพลางหยิบกล่องดนตรีชิ้นหนึ่งขึ้นมาและลองไขลานเพื่อฟังเพลง
“ถูกใจไปหมดเลยพี่ดิน เห็นอันไหนก็อยากได้กลับบ้านไปหมดมีแต่น่ารักทั้งนั้นเลย” พราวนภาหยิบสโนว์โกลบอันหนึ่งขึ้นมา ในลูกแก้วใสนั้นมีหมีเท็ดดี้สองตัวนั่งกอดหัวใจดวงเดียวกันใต้ต้นไม้
ชายหนุ่มหันไปมองหน้าเธอพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกแล้วพูดว่า
“ไม่เรียกน้าแล้วหรือ”
พราวนภาหันมายิ้มจนแก้มบุ๋ม เขาเห็นแล้วอยากใช้นิ้วจิ้มลักยิ้มนั่นแต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้
“แล้วพี่ดินอยากให้พราวเรียกอะไรล่ะ น้าดินหรือพี่ดิน” เธอเขย่งยืนบนปลายเท้าเพื่อให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับเขา แต่ทว่าก็ยังเตี้ยกว่าอยู่ดี ชายหนุ่มมองลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของพราวนภา แววตาของเธอยังเจือความรู้สึกอ่อนหวานที่มีต่อเขาอยู่ จึงตอบไปว่า
“ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าอยากให้เรียกว่าอะไร ยังจะถามอีก”
พราวนภายู่หน้าใส่เขา “ไม่เอา จะเรียกพี่ดินอย่างนี้แหละไม่ยอมเปลี่ยนหรอก”
นฤบดินทร์ลอบยิ้ม เห็นชัดเลยว่าเมื่อครู่นี้หญิงสาวแค่จงใจอยากแกล้งเขาเล่นเท่านั้นเอง ถึงได้แนะนำว่าเขาเป็นน้ากับเพื่อนที่โรงเรียน
“อยากได้ชิ้นไหนบ้างก็บอกพนักงานเขาละกัน แล้วตอนจะจ่ายเงินก็โทร. มาเรียกน้านะ” พูดจบ ชายหนุ่มก็ทำท่าจะผละจากไป แต่พราวนภาเอื้อมไปคว้าข้อมือของชายหนุ่มได้ก่อน
“พี่ดินจะไปไหน”
นฤบดินทร์บุ้ยหน้าไปทางด้านขวามือแล้วตอบว่า “จะไปซื้อกาแฟกินสักหน่อย เราจะเอาอะไรรึเปล่า”
พราวนภาส่ายหน้าพร้อมกับปล่อยข้อมือของเขาให้เป็นอิสระ “ไม่เอาค่ะ งั้นพราวเดินดูของในงานรอพี่นะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วเดินออกจากลานกิจกรรมไปโดยมีสายตาของหญิงสาวมองตามหลังไปตลอดจนกระทั่งร่างสูงโปร่งของนฤบดินทร์กลืนหายไปกับกลุ่มคนแล้ว เธอจึงเดินเลือกสินค้าในงานต่อ
นฤบดินทร์ไม่ได้แวะร้านกาแฟอย่างที่บอก แต่ชายหนุ่มขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสามของห้างสรรพสินค้าโซนพลาซ่า จากนั้นก็ก้าวยาว ๆ ไปยังร้านขายของสะสม และของประดับตกแต่งบ้านร้านหนึ่ง
เขาเสิร์ชเจอร้านนี้โดยบังเอิญจากอินเทอร์เน็ตเมื่อปลายปีที่แล้ว เพราะตั้งใจจะหากล่องดนตรีสวย ๆ สักชิ้นให้พราวนภา ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีหมีเท็ดดี้เป็นส่วนประกอบหลัก และร้านนี้ก็มีของสะสม และของหายากจากทั่วทุกมุมโลกมาจำหน่าย ตอนนั้นเขาถูกใจกล่องดนตรีชิ้นหนึ่งเป็นรูปหมีเท็ดดี้ผู้หญิงกับผู้ชาย ตัวผู้หญิงนั่งอ่านหนังสืออยู่บนชิงช้า และตัวผู้ชายถือช่อดอกไม้ยืนอยู่ ตรงกลางระหว่างหมีทั้งสองตัวมีสโนว์โกลบอันเล็กตั้งไว้ ในลูกแก้วนั้นเป็นดอกไม้รูปหัวใจราวกับว่าดอกไม้นั้นเป็นตัวแทนของความรักที่ทั้งคู่ร่วมกันปลูกขึ้นมา
แค่เห็นเพียงครั้งแรกก็รู้สึกถูกใจ นฤบดินทร์จึงรีบโทรศัพท์ไปติดต่อขอซื้อทันที ทว่าน่าเสียดายที่กล่องดนตรีชิ้นนั้นถูกขายไปแล้ว
โชคดีที่ทางร้านรับปากว่าจะเสาะหามาให้ แต่ไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอนได้ว่าจะมีเมื่อไร ดังนั้นชายหนุ่มจึงได้แต่รอ กระทั่งในที่สุดเจ้าของร้านก็โทรศัพท์มาบอกเขาเมื่อวานว่าได้สินค้ามาแล้ว จึงอยากให้เขาเข้าไปดูที่ร้านว่าพอใจกับสินค้าหรือไม่
เมื่อนฤบดินทร์เปิดประตูเข้าไปในร้านก็เห็นพนักงานสาวคนหนึ่งกำลังจัดเรียงสินค้าบนตู้โชว์จึงแจ้งกับอีกฝ่ายว่า
“สวัสดีครับ คุณรุจให้ผมมาดูกล่องดนตรีน่ะ”
เมื่อพนักงานคนนั้นหันมาก็นึกขึ้นได้ว่าเป็นสินค้าชิ้นไหนเพราะมีลูกค้าเพียงคนเดียวที่รอสินค้าเป็นกล่องดนตรี
“รอสักครู่นะคะ ดิฉันจะนำออกมาให้ดูค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ระหว่างรอเขาจึงมองไปรอบร้านด้วยความสนใจ เพราะร้านนี้มีแต่ของสะสมแปลกตา ไม่ว่าจะเป็นของเล่น รูปปั้น งานฝีมือ ของตั้งโชว์ต่าง ๆ และโดยส่วนใหญ่จะมีแค่อย่างละหนึ่งชิ้นเท่านั้น จึงไม่แปลกที่ราคาของแต่ละชิ้นจะมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสน
กล่องดนตรีที่เขาซื้อให้พราวนภาก็เช่นกัน ชิ้นนี้ราคาเกือบสามหมื่นบาทเพราะหายาก และผลิตมาตั้งแต่ปี 1999
คนอื่นอาจมองว่าเขาใช้เงินมือเติบซื้อของเล่นไร้สาระชิ้นเดียวตั้งหลายหมื่น แต่สำหรับเขาแล้วไม่มีอะไรที่แพงเกินไป หรือถูกเกินไปหากสินค้านั้นมีคุณค่าทางจิตใจ และสามารถเป็นตัวแทนของความทรงจำที่เรามีร่วมกับใครอีกคน
“เชิญค่ะคุณลูกค้า” พนักงานวางกล่องไม้ใบหนึ่งลงบนเคาน์เตอร์ จากนั้นก็ปลดสลักตัวล็อกทั้งสี่ด้านออกจนกระทั่งแผ่นไม้แต่ละด้านเอนราบไปกับพื้น
ในที่สุดกล่องดนตรีขนาดเจ็ดคูณเจ็ดนิ้วก็ปรากฏสู่สายตา วัสดุทำจากเรซิ่นทั้งหมด แต่น้ำในลูกแก้วเริ่มมีสีเหลืองเล็กน้อย ทว่าสภาพโดยรวมก็ถือว่าสินค้าชิ้นนี้สมบูรณ์มาก
“แต่ทางร้านต้องขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าเพลงมันจะเล่นได้ไม่ค่อยดีนัก คือมันมีติดขัดบ้างค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าอยากเปลี่ยนกล่องเพลงข้างในเป็นอันใหม่ไหมคะ”
นฤบดินทร์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ “ถ้าจะเปลี่ยนนี่ผมสามารถเลือกเพลงเองได้ไหมครับ”
“เลือกได้ค่ะ แต่การเปลี่ยนกล่องเพลงใหม่และใช้เพลงที่ลูกค้ากำหนดจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะคะ” พนักงานยิ้มอย่างเกรงใจ
“ไม่มีปัญหาครับ เรื่องราคาผมไม่เกี่ยง ว่าแต่จะใช้เวลาประมาณกี่วันครับ ภายในกลางเดือนหน้าจะเสร็จทันให้ผมรึเปล่า เพราะผมจะใช้ช่วงนั้น” เพราะตอนนั้นเขาต้องเดินทางไปต่างประเทศแล้ว
พนักงานสาวดูไม่ค่อยแน่ใจนักจึงไม่กล้ารับปาก “คุณลูกค้ารอสักครู่นะคะ ขอดิฉันโทรศัพท์ไปสอบถามกับผู้จัดการก่อนค่ะ”
พราวนภาหอบหายใจถี่จนอกกระเพื่อมไหว นฤบดินทร์เลื่อนตัวขึ้นมานอนด้านข้าง ดึงผ้าห่มมาคลุมไว้ด้วยกันแล้วกอดเธอไว้แนบอกหญิงสาวสังเกตเห็นกล่องถุงยางอนามัยที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วรู้สึกแปลก ๆ จู่ ๆ ก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่คิดแต่กลับกลัวมากกว่า ใบหน้าของบิดาลอยเข้ามาในห้วงความคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดจนในใจปวดหนึบ“พี่ดิน” เธอเปลี่ยนใจแล้ว ขอเลื่อนของขวัญออกไปก่อนดีกว่าเพราะตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจ“ครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาที่ขานรับก็ทำให้เธอรู้สึกผิดอีกเช่นกัน อุตส่าห์รับปากเขาไว้เองแท้ ๆ แต่ทำไม่ได้ กลายเป็นว่าเธอผิดคำพูดทั้งกับบิดาของตัวเองและคนรัก“วันนี้พราวขอเลื่อนไปก่อนได้ไหม พราวขอโทษ” เธอไม่กล้าเงยหน้ามองเขา แต่ถ้าทำตามคำพูดของตนที่ให้ไว้ เธอก็จะไม่กล้ามองหน้าบิดาเช่นกันนฤบดินทร์เชยคางของเธอให้รับจูบจากเขาครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า“จะขอโทษทำไม พี่เข้าใจพราว พี่เคยบอกแล้วไงครับว่าทุกอย่างแล้วแต่พราว ถ้าพราวไม่พร้อมพี่ก็รอได้ไม่ซีเรียส พี่ไม่ได้รักพราวเพราะเรื่องอย่างว่าสักหน่อย”
“พี่ดิน นี่มันโรงแรมหรูกลางกรุงเลยนะ มันไม่ได้มีแค่ห้องพักอย่างเดียว แต่มีบุฟเฟ่ต์นานาชาติหัวละพันห้า บุฟเฟ่ต์เบเกอรี่หัวละห้าร้อย มีสปาที่ค่าเมมเบอร์แพ้งแพง และมีห้องจัดเลี้ยงนั่นนี่เยอะแยะไปหมด และที่พราวพูดไปทั้งหมดนั้น พราวมาใช้บริการหมดแล้วในชุดนักศึกษานี่แหละ เพราะฉะนั้นถ้าพราวจะขึ้นไปห้องพักกับพี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกจนคนอื่นต้องหันมามองหรอก”นฤบดินทร์คิดตามที่พราวนภาพูดแล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย...เธอพูดถูก เป็นเขาที่กังวลไปเองเมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก พราวนภาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ถึงสามใบ เขาจึงบอกไปว่า“แค่ของฝากก็ใบหนึ่งเต็ม ๆ แล้ว อีกสองใบเป็นเสื้อผ้ากับรองเท้าที่พี่ซื้อใหม่ตอนอยู่ที่โน่น” เขาพูดจบก็เดินไปสวมกอดเธอจากทางด้านหลังแล้วก้มลงจูบซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา“คิดถึง” เขาซุกหน้าอยู่กับลาดไหล่ของเธอนิ่ง รู้สึกเหมือนว่าความวูบโหวงในใจได้รับการเติมเต็มแล้วนฤบดินทร์นึกได้ว่าตั้งแต่กลับมาถึงเขายังไม่ได้อาบน้ำชำระร่างกายเลย หากจะนัวเนียกับหญิงสาวก็เกรงว่าจะมีกลิ่นไม่พึ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ไม่ดีใจหรือที่พี่มาหา” ชายหนุ่มเอาคำพูดที่เธอเคยพูดกับเขาตอนอยู่สนามบินเมื่อครั้งไปหาเขาที่บอสตันมาพูดบ้าง ทำเอาเธอเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงของเขาชัดเจน“พี่ดิน! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” พราวนภาทั้งตกใจและแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ก่อนจะถูกความดีใจเข้ามาแทนที่จนอัดแน่นเต็มอก“ใช้ประตูสารพัดที่ของโดราเอมอนน่ะเลยมาโผล่ที่นี่ได้” เขาตอบหน้าตาย แต่เพื่อนทั้งสองคนของพราวนภาแอบหัวเราะกันคิกคัก หญิงสาวจึงตีแขนเขาเบา ๆ หนึ่งทีก่อนจะแนะนำเพื่อนสนิทของตนให้นฤบดินทร์รู้จัก“พี่ดิน นี่เก้ากับหลิงหลิง ที่พราวเคยเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ไง”นฤบดินทร์ยิ้มและผงกศีรษะให้เล็กน้อยอย่างเป็นมิตร ก่อนจะถามแฟนสาวของตน “จะไปไหนกันหรือ”“พราวว่าจะไปเดินเล่นหาอะไรกินที่ห้างกับเพื่อนน่ะ”“เราไปกับหลิงหลิงสองคนก็ได้ พราวไปกับพี่เขาเถอะ” กาญจน์เกล้ารีบพูดขึ้นทันทีเพราะอยากให้ทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันนาน ๆ อีกทั้งเพิ่งได้ยินพราวนภาบ่นไปหมาด ๆ ว่าคิดถึงแฟน
หลังจากสองหนุ่มขึ้นมานั่งบนรถกันเรียบร้อยแล้ว ศิวัฒน์ซึ่งทำหน้าที่ขับก็ถามขึ้น “แล้วนี่นึกยังไงถึงจะไปอยู่โรงแรมก่อนวะ บ้านช่องมีก็ไม่กลับ”นฤบดินทร์ยิ้มบาง ๆ เมื่อใบหน้าของพราวนภาลอยเข้ามาในหัว แต่เขาไม่อาจบอกเรื่องนี้กับเพื่อนได้ จึงได้แต่บอกเหตุผลอื่นไป“อยากจัดการเรื่องงานอะไรให้เรียบร้อยก่อนน่ะแล้วค่อยเข้าบ้านทีเดียว พรุ่งนี้นัดที่บริษัทไว้แล้วด้วยไงว่าจะเอาเอกสารไปยื่นให้เขา” เพราะเขาอยากจะเซอร์ไพรส์บิดามารดาเรื่องงานด้วย ก็เลยยังไม่เข้าบ้านวันนี้“มึงนี่ก็โชคดีว่ะ ไม่ต้องวิ่งหางานให้เหนื่อย เออใช่ กูลืมเล่าไป มึงจำไอ้เวย์ได้ใช่ไหมที่มันค้ายาน่ะ” ศิวัฒน์มองหน้าเขาก่อนจะหันไปมองถนนตามเดิม“อืม ทำไม”“มันโดนขาใหญ่สั่งเก็บไปตั้งแต่สองเดือนที่แล้วน่ะ เห็นพี่โตบอกว่ามันคงทำตัวเอิกเกริกเกินไป อย่างคราวยายเกรซก็ทีหนึ่งแล้วที่มันทำให้เรื่องราวบานปลายจนคนวงในเขารู้กันไปทั่วว่ามันค้ายา”“อ้อ พวกขาใหญ่ก็เลยกลัวว่าจะโดนลากไปเอี่ยวด้วยก็เลยฆ่าตัดตอนงั้นสิ” คราว
เช้าตรู่วันถัดมา นฤบดินทร์เปลี่ยนชุดเพื่อจะออกไปวิ่งตามปกติ และสิ่งที่ต้องทำก่อนไปวิ่งคือต้องวิดีโอคอลหาพราวนภาก่อน เพราะเขารู้ว่าหญิงสาวจะรอให้เขาโทร. ไปหาเวลานี้จนกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว“เมื่อไรจะฝึกงานเสร็จสักทีเนี่ยพี่ดิน เกินหนึ่งปีแล้วนะ ไหนบอกว่าฝึกปีเดียวไง” เธอทำหน้ามุ่ย เขาเห็นแล้วได้แต่ยิ้มเพราะชักอยากเห็นหน้าเธอตอนที่เจอเขาไปโผล่อยู่ที่บ้าน“มีงานติดพันน่ะ จะปล่อยให้คนอื่นทำก็คงไม่ได้เลยต้องทำให้เสร็จก่อน ก็น่าจะอีกสักสองสามเดือนโน่นแหละมั้ง ทำไมล่ะ พราวคิดถึงพี่จนทนไม่ไหวแล้วหรือ” เขาแกล้งเย้าเพราะคนที่แทบทนไม่ไหวความจริงแล้วควรเป็นเขามากกว่า อยากกอดเธอจนแทบบ้า อยากให้วันเดินทางเป็นวันพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ“ใช่ พราวคิดถึงพี่” เธอปัดผมไปไว้ด้านหลัง คอเสื้อของเธอกว้างจึงทำให้เห็นลำคอระหงและลาดไหล่นวลเนียน ไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่า เขารู้สึกว่าพักหลังมานี้พราวนภาดูเซ็กซี่ขึ้น อาจเป็นเพราะวัยที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้เสน่ห์ของความเป็นหญิงยิ่งเปล่งประกายกระมัง เห็นแล้วยิ่งอยากกลับไปหาเธอเร็ว ๆ“อดทนอีกนิด เดี๋ยวก็เ
“ก็พีทเป็นผู้ชายพีทต้องเป็นพี่ ต้องถูกเรียกชื่อก่อนอยู่แล้ว” ภานุภัทร์ตอบด้วยความภาคภูมิใจ ภัทร์นรินท์ทำท่าจะเถียงต่อแต่พราวนภาขัดคอขึ้นเสียก่อน“หยุด! ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ช่วยพี่เอาของเข้าไปไว้ในบ้านเลย” จากนั้นหญิงสาวก็หันไปหาคนให้แล้วพูดว่า “พราวเกรงใจมากเลยค่ะ พราวขอรับแค่ถุงเดียวได้ไหมคะพี่ริว มันเยอะเกินไปน่ะ”“รับไว้เถอะพราว พี่ตั้งใจซื้อมาให้จริง ๆ ถ้าพราวไม่รับพี่ก็ไม่รู้จะเอาไปให้ใครแล้วเพราะพี่ไม่ได้คิดจะซื้อฝากบ้านอื่นเลย พี่ซื้อมาฝากบ้านพราวแค่บ้านเดียวเลยเนี่ย” ขณะที่เขาพูดสีหน้าก็ดูขัดเขิน แต่คนฟังอย่างเธอกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก โชคดีที่ตอนนั้นผู้เป็นย่าเดินออกมาหน้าบ้านพอดีเพราะเห็นเด็ก ๆ ออกันอยู่หน้าประตูรั้ว“มีอะไรกันรึ”“สวัสดีครับคุณย่า บ้านผมไปเที่ยวภูเก็ตมาน่ะครับก็เลยซื้อของมาฝาก” ริวยกมือไหว้พร้อมกับรีบยื่นถุงทั้งหมดไปให้สามพี่น้องที่ยืนเรียงกันอยู่“ตายแล้ว! ทั้งหมดนี่เลยหรือ เกรงใจแย่เลยคราวหลังไม่ต้องนะพ่อริว” ภคินีเห็นของฝากแล้วก็ได้แต