LOGINภาคินขับรถมารับกระถินที่ทำงาน จากที่ตั้งว่าจะเอารถไปคืนแล้วกลับเลย แต่กลายเป็นว่าเขาต้องมารับเธอตอนเลิกงานด้วย เพราะมัวแต่โอ้เอ้แวะนั่นนิดนี่หน่อยจนหมดวัน ภาคินไม่เคยกลัวถ้าจะ ไปไหนมาไหนกับกระถิน เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
“แล้วเมื่อเช้าไปทำงานยังไง” หนุ่มใหญ่ตะโกนถามคนที่นั่งซ้อนท้ายแข่งกับเสียงรถมอเตอร์ไซค์เมื่อขับมาตามทาง
“นั่งวินไปจ้ะ” กระถินเลือกที่จะโกหก เพราะไม่อยากให้ภาคิน เป็นห่วง
“ว่าจะให้คนเอามาคืนแต่เช้า พอดีหลับเพลินไปหน่อย” ภาคินตอบกลับ ร่างสูงสะดุ้งเมื่อมือของคนที่นั่งซ้อนท้ายเปลี่ยนจากกำเสื้อเขาไว้หลวม ๆ มากอดรอบเอวเขาแทน เมื่อรถเข้าช่วงโค้งหักศอก เธอคงกลัวตกจึงเผลอกอดเอวเขา
“ลุงจะกินข้าวก่อนไหม กระถินจะได้ซื้อกับข้าวเผื่อ” ถามเมื่อลงจากรถ เธอบอกให้ภาคินแวะตลาดนัดข้างทาง เพราะอยากได้ของสด และผลไม้ไปตุนไว้
“ไม่ละ เดี๋ยวจะกลับเลย” ภาคินตอบกระถิน ตาคู่คมมองไปตามร้านค้า ก่อนจะเดินแยกไปเมื่อเจอของที่ถูกใจ
หนุ่มสาวต่างเดินหาของกินในตลาดนัด กระถินได้กับข้าวและผลไม้ ในขณะที่ภาคินได้แต่กับแกล้ม
“คุณนางแบบไปไหนแล้วล่ะ” ภาคินถามเมื่อไม่เห็นคนที่เขาพามาฝากอยู่ที่นี่
“ลุงรู้เหรอว่าเธอเป็นนางแบบ” กระถินถามเมื่อไขประตูแล้วเดินนำเข้าบ้าน ภาคินเดินตามเข้ามา หนุ่มใหญ่อมยิ้มเมื่อรู้สึกว่าเขากับกระถินทำเหมือนเป็นคนรักกัน
ภาคินไม่ตอบคำถาม ร่างสูงนั่งที่โต๊ะม้าหินหน้าบ้าน ในขณะที่กระถินเดินเข้าครัว แล้วออกมาพร้อมเบียร์เย็นเฉียบในมือ ภาคินมองหน้าหญิงสาวด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเธอวางขวดเบียร์ลงตรงหน้าเขา อย่าบอกนะว่ามีหนุ่มมากินแล้วเหลือเอาไว้ จะว่าเป็นของกระถินก็ ไม่น่าจะใช่
“กระถินซื้อติดตู้ไว้จ้ะ เผื่อลุงแวะมา” กระถินรีบตอบคำถามเมื่อเห็นคิ้วของภาคินขมวดเข้าหากัน ภาคินไม่พูดอะไร มือแกร่งหยิบเบียร์ไปกระดกใส่ปาก คำตอบของหญิงสาวทำให้หัวใจคนหนุ่มเต้นผิดจังหวะ เธอเตรียมไว้รอเขาจริง ๆ หรือ
กระถินเดินกลับเข้าครัวพร้อมถุงกับแกล้มที่ภาคินซื้อมา ภาคินนั่งจิบเบียร์พร้อมกับเล่นมือถือในมือ จากที่ตั้งใจว่าจะกลับเลยก็ต้องเปลี่ยนใจ ที่นี่ลมเย็นนั่งเล่นสักพักคงไม่เป็นไร
“ลุงอยู่กินข้าวเย็นก่อนนะ กระถินหุงเผื่อแล้ว”
“อืม” ภาคินขานรับ เมื่อเบียร์ขวดที่สองพร่องไปครึ่งขวด เขามัน คอเหล้าขาว เด็กนี่เปิดเบียร์มาให้ ก็ไม่ต่างอะไรกับกินน้ำเปล่า
กระถินลงมือทำกับข้าว เธอรู้ว่าภาคินไม่ชอบกับข้าวที่มีน้ำมัน จึงต้มไข่ ตำน้ำพริกกะปิ ลวกผักที่หาได้ข้างรั้ว แล้วเพิ่มต้มจืดไป อีกอย่าง มีกับข้าวที่เป็นน้ำคนแก่จะได้โล่งคอ มือที่กำลังตำน้ำพริกหยุดชะงัก เมื่อคิดถึงใบหน้าของใครบางคน
‘ถินเอ๊ย ตำน้ำพริกกะปิสักครกสิ คุณหมอกเขาชอบน้ำพริกฝีมือเอ็ง มีน้ำพริกคุณหมอกจะได้ทานข้าวเยอะ ๆ’
ภาพเมื่อหลายปีก่อนย้อนกลับเข้ามาในหัว ป้านิ่มร้องบอก ในขณะที่เธอกำลังช่วยงานในครัว คุณหมอกชอบน้ำพริกกะปิที่เธอตำ เธอเห็นเขากินข้าวได้เยอะเสมอถ้ามีน้ำพริกกับผักลวก ใบหน้าสวย ยิ้มให้กับตัวเอง เธอคงไม่มีวาสนาตำน้ำพริกให้คุณหมอกกินอีกแล้ว เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอก็ไม่ได้เฉียดใกล้ไร่สายธาร อีกเลย ถึงจะมีภาคินมากินน้ำพริกฝีมือเธอ แต่ความรู้สึกก็ต่างกัน
“เธอว่าเมียพ่อเลี้ยงเผ่าเพชรมารับคุณนางแบบไปเหรอ” ภาคินถามเมื่อกระถินเล่าเรื่องของผู้หญิงที่เขาพามาให้ฟัง
“ใช่จ้ะ เขาเป็นเพื่อนกับแม่เลี้ยง”
“อ้อ” ภาคินขานรับสั้น ๆ แล้วหันมาสนใจกับข้าวในจานต่อ ไข่ต้มกับน้ำพริกกะปิ นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้กินกับข้าวฝีมือเธอ
ตากลมโตมองคนที่นั่งกินข้าวเงียบ ๆ ก่อนจะยิ้มหวานเมื่อเธอเติมข้าวให้เขาเป็นจานที่สาม
“งานเป็นไงบ้าง” ภาคินชวนคุยเมื่อบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มทำให้เขาอึดอัด เพราะตากลมโตของหญิงสาวคอยแต่จะมองมาที่หน้าเขา
“ดีจ้ะ อุ๊ย!” ร่างบางสะดุ้งเมื่อมือที่กำลังจะหยิบผักลวกชนเข้ากับมือชายหนุ่ม ต่างคนต่างดึงมือกลับ เมื่อดันมาหยิบผักยอดเดียวกัน
“กระถินให้ลุงจ้ะ” กระถินหยิบผักใส่จานข้าวของภาคิน ภาคินมองมือหญิงสาว ก่อนจะอมยิ้มเมื่อเห็นมันสั่น กระถินคงกำลังเขิน น่าจะใช่เพราะเธอเป็นสาวแล้ว ว่าแต่ปีนี้เธออายุเท่าไรแล้วนะ เขารู้ แต่ว่าส่งเธอไปกรุงเทพฯ ตั้งแต่อายุได้สิบเก้าปี
ภาคินมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาของหญิงสาว ไม่น่าเชื่อว่าการ ศึกษาจะเปลี่ยนคนได้ขนาดนี้ จากเด็กที่เคยเกเร เถียงคำไม่ตกฟาก กลายมาเป็นคนพูดน้อย สงบเสงี่ยมเจียมตัว และมีมารยาท
ชายหนุ่มใช้จังหวะที่คนตัวเล็กเอาแต่นั่งก้มหน้า มองสำรวจเธอ ตาคมเข้มมองเรื่อยลงไปยังลำคอขาวเนียน เมื่อก่อนเด็กคนนี้ชอบใส่เสื้อยืดคอกว้าง ก้มทีไรเห็นจนถึงสะดือ กางเกงก็สั้นเสมอหู แต่ตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วย เสื้อเชิ้ตกับกางเกงกีฬาขายาว
“ลุง... เอาข้าวเพิ่มอีกไหม” เสียงเรียกของหญิงสาวปลุกให้เขารู้ตัว ตาคมเข้มจึงรีบถอนออกจากช่วงคอขาวเนียน
กระถินกะพริบตาถี่ ๆ ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มที่เพิ่งละไปจากช่วงคอของเธอ มือบางยกขึ้นลูบคอไปมา ไม่แน่ใจว่าเธอเผลอทำอะไรเปื้อนหรือเปล่า
“ไม่ละ อิ่มแล้ว” ภาคินตอบเมื่อหันกลับมาสนใจข้าวในจานต่อ เกือบถูกจับได้แล้วไหมล่ะ... ชายหนุ่มคิดในใจ เขาก็ไม่รู้ว่ามองเธอทำไม แต่เมื่อมองแล้วก็ยากที่จะละสายตาออกได้
“เธอยังจำข้อตกลงของเราได้ไหม” ภาคินถามขึ้นอยู่ ๆ เขาก็อยากทวงสัญญาขึ้นมา
เคล้ง!!!
ช้อนในมือร่วงลงพื้น เมื่อเจ้าของมือรู้สึกหมดแรงจนถือเอาไว้ ไม่ไหว ตากลมโตช้อนขึ้นมองหน้าชายหนุ่ม หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะ พยายามบังคับตัวเองไม่ให้สั่นยามเมื่อสบตากับเขา
“จำได้จ้ะ” กระถินตอบกลับ ตาคู่สวยมองอยู่ที่อกของเขาเมื่อ ไม่อาจสู้กับสายตาเขาได้
คำพูดที่หลุดออกมาแทบไม่พ้นริมฝีปากอวบ ทำให้มุมปากของคนร่างสูงยกขึ้น กระถินกลั้นใจตอบคำถาม ภาคินรู้ว่าเธอช็อกที่อยู่ ๆ เขาก็พูดเรื่องสัญญาที่เคยตกลงกันไว้ เขาจะปล่อยเธอไว้แบบนี้ไม่ได้ อีกแล้ว เพราะยิ่งนานวันเด็กคนนี้ก็ยิ่งถลำลึก หลายครั้งที่เขาเห็นเธอแอบถ่ายรูปสินธร ครั้งนั้นที่เขาปล่อยเธอไปเพราะอยากให้เธอมีอนาคตที่ดี แต่เมื่อถึงเวลาสัญญาก็ต้องเป็นสัญญา
กระถินมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เมื่อปลงกับโชคชะตา ของตัวเอง ผู้ชายคนนี้คือคนที่ให้ชีวิตใหม่ ให้อนาคต เธอมีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะเขา คงถึงเวลาแล้วที่เธอต้องตอบแทนบุญคุณ
ความเงียบเข้าปกคลุม เมื่อทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ร่างบางจึงลุกขึ้นเก็บจานเดินกลับเข้าครัว
“ลาก่อนนะคะคุณหมอก”
อยู่ ๆ ก็อยากพูดคำนี้ขึ้นมา มันไม่ใช่คำสั่งเสีย เพราะเธอไม่ได้อยากตาย แต่ที่เธอพูดก็เพราะอยากให้สินธรรู้ว่าชีวิตที่เคยเป็นของเธอ ตอนนี้เจ้าของกลับมาทวงคืนแล้ว จะเหลือก็แต่หัวใจเท่านั้นที่มันยังอยู่ เพราะเธอยกให้สินธรไปนานแล้ว
ก่อเกียรติเดินเข้าไปข้างใน ชานนท์ค้อมหัวให้อย่างสุภาพ ชายหนุ่มพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินผ่านหน้าเขาไปหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างในสุด ต้องรักมองหน้าเขา ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อเห็นเหงื่อตามไรผมของเขา ก่อเกียรติไปทำอะไรมาใบหน้าถึงชื้นไปด้วยเหงื่อ ความสงสัยของเธอต้องถูกพับเอาไว้ เมื่อร่างสูงที่ยืนข้าง ๆ จับมือของเธอ แล้วสอดนิ้วเข้ามาประสานกับนิ้วมือของเธอ ตากลมโตมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ดึงมือกลับ จับและสอดประสานนิ้วเข้ากับนิ้วมือของเขา “ทำไมไม่บอกว่าจะมา จะได้ให้คนไปรับ” ก่อเกียรติถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปรกติ แม้มันจะยากลำบากก็ตาม ลงวิ่งบันไดมาเกือบยี่สิบชั้น เพื่อมาดักรอเธอชั้นนี้ ไม่เหนื่อยก็ไม่ใช่คนแล้ว อีกอย่างอายุเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ ไม่ช็อคตายก็ถือว่าบุญ ต้องรักงงกับคำถามของเขา แต่เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู ก็เข้าใจเรื่องราวมากขึ้น ก่อเกียรติต้องการให้ชานนท์เข้าใจแบบไหน เธอก็จะเล่นไปแบบนั้น เขาคบซ้อนได้ทำไมเธอจะคบซ้อนไม่ได้ แม้คนที่กำลังแสดงละครว่าคบกัน จะไม่น่าคบก็ตาม “อยากให้คุณเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ” ตอบเสียงหวานพร้อมกับซบลงที่อกของเข
ก่อเกียรติมองคนที่เดินเข้ามาในอาคาร ตั้งแต่หัวจรดเท้า ชุดที่เธอใส่เป็นชุดนักศึกษาก็จริง แต่วันนี้ดูดีขึ้นมาหน่อย กระโปรงรัดรูปยาวมาถึงเข่า ใส่เสื้อคลุมทับเสื้อนักศึกษาอีกตัว รวม ๆ ก็พอไปวัดไปวาได้ จะติดก็ตรงที่รองเท้าที่ใส่มาเท่านั้น ต้องรักชอบใส่รองเท้าผ้าใบ ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหนเธอก็จะใส่แต่ผ้าใบเท่านั้น แปลกในความคิดเขา แต่ก็น่ารักเพราะมันเป็นตัวตนของเธอ วันก่อนเขาติงเรื่องชุด แต่ลืมเรื่องรองเท้า ฝึกงานใส่ชุดสุภาพรองเท้าก็ควรสุภาพด้วย ส้นสูงหรือรองเท้าคัทชูน่าจะเหมาะสมกว่าร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเปิดประตูออกไปอย่างรีบร้อน เมื่อกล้องวงจรปิดที่กำลังดูอยู่ จับภาพว่าเธอกำลังจะไปที่ไหน “เกิดอะไรขึ้นคะท่าน!” พิศมัยถามเมื่อเห็นรองประธานบริษัทวิ่งออกมาจากห้อง ไม่มีเสียงตอบมีเมื่อก่อเกียรติวิ่งผ่านหน้าเธอไป “ท่านคะ! ท่าน!” เลขาวัยกลางคนยืนค้างอยู่กับที่ หัวใจร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เธอทำอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ทำไมก่อเกียรติถึงรีบร้อนออกไปขนาดนั้น ต้องรักยืนรออยู่หน้าลิฟต์ พร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอจะขึ้นไปอีกชั้น เพราะคู่หมั้นรออยู่บนนั้น ชา
ก่อเกียรติอยู่คุยกับคุณอมรต่อ ในขณะที่ต้องรักแยกตัวไปเตรียมตัวมหาวิทยาลัย อมรถามถึงเหตุผลที่ก่อเกียรติมาเสียเวลากับลูกสาวเขา ก่อนจะต้องหัวเราะออกมา เมื่อได้รับคำตอบที่โดนใจ ก่อเกียรติหัวเราะในลำคอ เมื่อเอ่ยปากกับคุณอมรตามตรง ที่เหลือก็แค่รอเวลา ถ้ามันจะใช่ยังไงมันก็ใช่ ชุดนักศึกษาที่ต้องรักใส่สั้นและรัดรูปก็จริง แต่วันนี้เธอใส่เสื้อคลุมทับไปอีกตัว ชิดจันทร์เข้ามาหาลูกสาวเพราะเป็นห่วงสภาพจิตใจ อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมต้องรักไม่โวยวาย และไม่แสดงอาการอะไรออกมา “ต้อง มีอะไรจะคุยกับแม่ไหมลูก” ชิดจันทร์เดินเข้ามาหา พร้อมกับลูบมือลงบนศีรษะของลูกด้วยความรักและห่วงใย “ต้องไม่เป็นอะไรค่ะแม่” “ถ้าเจ็บปวด ก็อย่าฝืนนะลูก” “ต้องไม่เจ็บแล้วค่ะแม่ ต้องทำใจได้แล้ว” ถึงจะปฏิเสธ แต่น้ำตาก็รื้นหัวตา “แม่ดีใจนะที่เห็นต้องเข้มแข็ง ต้องโตขึ้นเยอะเลยรู้ไหม” “ต้องมาคิดดูแล้ว เรื่องหมั้นที่เกิดขึ้น มันคือความต้องการของต้องเพียงคนเดียว คุณนนท์เขาไม่ได้รักต้องเลยสักนิด ต้องบ้าไปเองคนเดียว ต้องก็ต้องทำใจค่ะแม่” “ต้องรัก หนูเ
บทสนทนาของเขาและเธอต้องจบลง เมื่อเด็กรับใช้ยกอาหารเช้ามาเสิร์ฟ ก่อเกียรติไม่พูดอะไร นั่งมองเธอตักข้าวต้มเข้าปากเงียบ ๆ โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำของเขา ทำให้ต้องรักประหม่าไปกันใหญ่ เธอไม่ชอบให้ใครมองเวลาเธอกินอาหาร โดยเฉพาะเขา “คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ” ถามเมื่อเห็นเขายังไม่ยอมลุกไปไหน “รอไปพร้อมคุณ” “ไปพร้อมฉัน ไปไหนคะ!” “ไปส่งคุณที่บ้าน แล้วเลยไปส่งที่มหาวิทยาลัย แล้วเข้าบริษัทตอนบ่าย” “คนละทางกันเลยนะคะ คุณให้คนขับรถไปส่งฉันที่บ้านก็พอ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ทำให้ฉันนะคะ ถ้าไม่มีคุณฉันคงทำเรื่องที่ไร้สติไปแล้ว” “รีบ ๆ กินเข้าเถอะ ช้าเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” ก่อเกียรติตัดบท ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูอะไรไปเรื่อย ฆ่าเวลารอคนตรงหน้า เขาตั้งใจไปบ้านเธอเพราะต้องคุยบางอย่างกับพ่อแม่ของเธอ ชานนท์เป็นคนมีความสามารถ พ่อแม่เธอจึงไว้ใจให้หมอนั่นดูแลลูกสาว ท่านทั้งสองอาจจะมองว่าเรื่องที่ชานนท์มีคนอื่น เป็นเรื่องปรกติ เพราะทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่สำหรับเขาแล้ว เขาไม่อยากให้ต้องรักต้องทนอยู่ในสภาพนั้น วันนี้ทำได้ วันหน้าก
“ฝันดียายดื้อ” ก่อเกียรติพูดชิดหน้าผากมน มองดวงหน้าหวานอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ต้องรักก็ลืมตาขึ้นแล้วเบิกค้างอยู่อย่างนั้น หัวใจเต้นแรงจนแทบกระดอนออกมานอกอก จิกเล็บลงบนเนื้อตัวเอง เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ก่อเกียรติเข้ามาในนี้ บ่นให้เธอสองสามประโยค ก่อนจะจูบหน้าผากเธอแล้วเดินออกไป “บ้าไปแล้ว คุณก่อต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ” พูดพร้อมกับตบมือลงบนหน้าผากตัวเอง ไอร้อนและกลิ่นมิ้นท์ยังติดอยู่บนนั้น เป็นไปได้ยังไง ก่อเกียรติไม่ชอบขี้หน้าเธอ สายตาที่เขามองมาแต่ละครั้ง ไม่ต่างจากมองขยะเปียก เขาเกลียดเธอมากไม่ใช่เหรอ แล้วเขาจูบเธอทำไม “โอ๊ย! ทำไงดีต้องรัก คิดสิคิดสิ” คนเมาสร่างเป็นปลิดทิ้ง เมื่อถูกขโมยจูบหน้าผาก คิดไม่ออกเลยว่าเวลาเจอกันต้องทำหน้ายังไง ก่อเกียรติอาจจะเมาค้าง เขาคงไม่ได้ตั้งใจจูบเธอ หรือไม่เธอก็คงคิดไปเอง ร่างบางกระโดนลงจากเตียงนอน หอบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำ เธอต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเขา ก่อเกียรติยกแก้วกาแฟค้างกลางอากาศ เมื่อเห็นคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาจากบ้าน เสื้อที่เธอใส่เป็นเสื้อยืดก็จริง แ
เช้านี้กรวิกามีเรียนแต่เช้า จึงรีบออกจากบ้าน ระหว่างนั้นเธอเห็นก่อเกียรติออกกำลังกายอยู่หน้าบ้าน จึงเข้าไปทักทายและเอ่ยปากฝากเพื่อนกับเขา ก่อเกียรติปฏิเสธ แต่กลับถูกน้องต่อว่า สาเหตุที่ต้องรักเมาจนขาดสติ เพราะเขาเป็นต้นเหตุ ถ้าเขาไม่พาไปดื่ม ต้องรักก็คงไม่เมามากขนาดนี้ “ทำเหมือนเพื่อนไม่เคยเมา” ก่อเกียรติย้อนเมื่อถูกน้องกล่าวหา “ก็เมาค่ะ แต่ไม่มากเท่านี้ ไม่รู้ล่ะพี่ก่อเป็นคนพาไป พี่ก่อต้องรับผิดชอบ เกลไปก่อนนะคะ มีเรียนเช้า ช้าเดี๋ยวรถติด” พูดจบก็เดินออกไป แต่ถูกพี่ชายเรียกเอาไว้ “เดี๋ยวเกล” “คะ” “พี่บอกเรื่องที่เกลจะไปเรียนต่อให้ต้องรักรู้แล้วนะ” “พี่ก่อ! เกลบอกแล้วไงคะว่าเกลจะบอกเรื่องนี้กับต้องเอง พี่ก่อพูดทำไมคะ!” กรวิการ้องออกมาอย่างตกใจ ตัดพ้อพี่ชายที่ถือวิสาสะบอกเรื่องของเธอให้ต้องรักรับรู้ “ช้าหรือเร็วก็ต้องบอก พี่เลยบอกให้” ก่อเกียรติยักไหล่ ก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่ม ตาคู่คมมองใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของน้อง ที่แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน “รีบไม่ใช่เหรอ ไปสิเดี๋ยวรถติด” ไล่น้อง







