Home / รักโบราณ / ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี / บทที่ 2 : ข้าถูกครอบครัวเอามาทิ้ง

Share

บทที่ 2 : ข้าถูกครอบครัวเอามาทิ้ง

last update Last Updated: 2025-06-29 06:20:24

บทที่ 2 : ข้าถูกครอบครัวเอามาทิ้ง

          หลินลู่ฉีไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับบ้านเมืองยุคนี้ นางยังเด็กนักรู้เพียงว่าที่นี่คือเมืองฝู แคว้นเยี่ยน แต่นางไม่รู้ว่าสภาพความเป็นอยู่ ของผู้คนนั้นเป็นอย่างไร

          สองขาสั้นกับรองเท้าฟางเก่า ๆ คู่หนึ่ง จะพาเด็กสามขวบเดินไปได้ไกลแค่ไหนเชียว นางพักเหนื่อยอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง หลังเดินลงเขามาได้ราวหนึ่งลี้ เหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบยกกางเกงดูบาดแผลที่ถูกงูกัด

          นี่นางเดินด้วยเท้าน้อย ๆ ที่มีบวมเป่งขนาดนี้โดยไม่รู้สึกเจ็บได้อย่างไร นี่มันวิญญาณกับร่างกายไม่สัมพันธ์กันเกินไปไหม ได้แต่พิงโคนต้นไม้อย่างท้อแท้ เมืองฝูนั้นต้องเดินลงเขาไปอีกไกลพอสมควร หากเป็นผู้ใหญ่คงไม่ใช่ปัญหา แต่ขาของนางสั้นเกินไป

          ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าม้าวิ่งมาแต่ไกล หลินลู่ฉีตื่นตัวในทันที รีบวิ่งออกไปยืนอยู่ข้างทาง เขย่งเท้าชูมือโบกไว้บนศีรษะ เผื่อว่าจะมีคนเห็นตัวเอง ไม่กล้าลงไปยืนอยู่กลางถนน เกรงว่าจะถูกม้าเหยียบตาย

          “ช่วยด้วย ๆ”

          “มีเด็ก ๆ หยุดก่อน !” เสียงคนที่อยู่ด้านหน้าตะโกนขึ้น พร้อมดึงเชือกบังเหียนม้าเอาไว้แน่น ม้าที่เขานั่งยกขาหน้าขึ้นตะกายอากาศอย่างโมโห พร้อมพ่นลมหายใจฟืดฟาดออกมา ด้านหลังมีรถม้าหนึ่งคันพร้อมคนคุ้มกัน

          หลินลู่ฉีเพิ่งสังเกตเห็นว่าพวกเขาดูไม่เหมือนชาวบ้านทั่วไป ชาวบ้านที่ไหนจะขี่ม้าพกอาวุธกันเล่า แต่ดูแล้วไม่ใช่พวกลักเด็กไปขาย นางรีบเดินไปใกล้ ๆ กับคนที่อยู่หน้าขบวน

          “ท่านลุงช่วยข้าด้วย ข้าถูกครอบครัวเอามาทิ้ง ไม่รู้จะไปทางไหน ท่านช่วยพาข้าไปส่งในเมืองได้หรือไม่” นางคิดดีแล้วว่าหากเข้าเมืองได้ อย่างน้อยก็น่าจะรอดตายมากกว่าอยู่ในป่าเขา

          บุรุษคนที่อยู่หน้าขบวนทำหน้าหนักใจเล็กน้อย เขากระโดดลงจากหลังม้าวิ่งไปด้านหลัง พร้อมกับเสียงรายงานเจ้านายผ่านม่านกั้น

          ไม่ช้าบุรุษผู้นั้นก็กลับมา พร้อมกับหิ้วคอเสื้อของหลินลู่ฉีขึ้น โยนเข้าไปในรถม้าคันด้านหลัง ร่างเด็กน้อยกลิ้งขลุก ๆ ไปบนพื้นรถม้า

          “โอ๊ย !” นางลุกยังไม่มั่นคง รถม้าก็ออกตัวไปเสียก่อน ร่างน้อย ๆ จึงเซถลาไปอยู่บนตักของใครคนหนึ่ง โชคดีที่เขาจับตัวนางไว้ จึงไม่กระแทกโดนผนังรถม้าจนเกิดบาดเจ็บ

          “ขอบคุณพี่ชาย” หลินลู่ฉีทำตัวให้เป็นเด็กมากที่สุด นางทำท่าหวาดกลัวคุณชายน้อยตรงหน้า ดูไปแล้วเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีใช่เล่น ให้เดาอายุเขาคงราว ๆ สิบสองสิบสามปี

          นิ้วของเขาจิ้มที่แก้มตอบ ๆ ของนางเล่น

          “เจ้าทำผิดอะไรมา ถึงได้ครอบครัวทอดทิ้ง”

          หลินลู่ฉีมองเขาอย่างจนใจ เหตุใดยังจิ้มแก้มนางอยู่อีก รีบจับนิ้วของเขาเอาไว้ “พี่ชายข้าถูกงูกัด” นางถลกขากางเกงให้เขาดู สีหน้าของคุณชายน้อยตื่นตกใจในทันที เขารีบบีบเอาเลือดพิษออกจากแผลของนาง พร้อมตะโกนสั่งคนด้านนอก

          “ลุงหวังรีบไปโรงหมอเร็ว ! นางถูกงูพิษกัด !”

          รถม้าเพิ่มความเร็วเป็นเท่าตัว หลินลู่ฉีเวียนหัวตาลายไปหมด นางไม่อยากเป็นลมก็ไม่ได้แล้ว

          ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในโรงหมอเมืองฝูเสียแล้ว ได้ยินเสียงของท่านหมอเอ่ยกับคุณชายน้อย ว่าพิษงูที่นางถูกกัดนั้นร้ายแรงยิ่งนัก ยิ่งถูกทิ้งระยะไว้นานแบบนี้ ความจริงไม่น่าจะรอดชีวิตมาได้ นางเงี่ยหูฟังทั้งที่ยังไม่ลืมตา

          “นางดวงดีมากกว่า ตอนข้ารีดพิษออกจากบาดแผลให้นาง เลือดก็เป็นสีดำสนิท ยังคิดว่าเด็กตัวเท่านี้ไม่น่าจะรอด”

          “คุณชายน้อยท่านเป็นญาติของนางหรือ”

          “ไม่ใช่นางเป็นเด็กที่ถูกทิ้งไว้ข้างทาง ข้าเพียงเจอนางเท่านั้น”

          “เกรงว่าเพราะครอบครัวของนางคิดว่านางไม่รอด ถึงได้ทิ้งไว้เช่นนั้น”

          เดากันได้จริงจังมาก

          หลินลู่ฉีคิดว่าคนเหล่านี้มองนางเป็นเด็ก ไม่รู้ประสา จึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา

          คุณชายน้อยรีบเดินไปหานางที่เตียง “เจ้าฟื้นแล้ว”

          “พี่ชายข้าหิวน้ำ” นางเปล่งเสียงแหบแห้งออกมา มีคนของโรงหมอมารินน้ำให้นางดื่ม

          นางหลับต่อไปอีกสองชั่วยาม จากนั้นคุณชายน้อยก็เดินเข้ามาลานาง

          “ข้าต้องกลับเมืองหลวงแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องค่ารักษา ข้าจ่ายให้โรงหมอจนกว่าเจ้าจะหายดี แล้วได้ฝากให้ทางการจัดการเรื่องหาครอบครัวของเจ้า”

          หลินลู่ฉีมองไฝใต้ตาซ้ายของเขาอย่างเหม่อลอย นางเพียงอยากจดจำผู้มีพระคุณของตนเองเอาไว้

          “เป็นอะไรไปอาลัยอาวรณ์ข้าหรือ ฮึ ช่างไม่เจียมตัว”

          เจ้าเด็กนี่ !

          นางกลอกตาอย่างหมดคำจะเอ่ย ทันใดนั้นก็เห็นกลุ่มไอหมอกสีดำหม่น ๆ ตรงกลางอกของเขา นี่เป็นความสามารถพิเศษของนางที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด นางมองเห็นลางร้ายของผู้คนได้ เกรงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับเขา เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจะสามารถมองเห็นได้ทุกคน เฉพาะคนที่มีวาสนาต่อกันเท่านั้น นางถึงจะมองเห็นได้

          “พี่ชายท่านชื่ออะไร ภายภาคหน้าข้าจะได้ตอบแทนบุญคุณให้ท่าน”

          “ไม่จำเป็น จากนี้ไปข้ากับเจ้าคงไม่ได้พบเจอกันอีก”

          “ได้ ๆ แต่ว่าพี่ชายท่านมีสิ่งของพกติดตัวหรือไม่”

          “เจ้าถามทำไม”

          “เอ่อ ข้าจะอวยพรให้ท่านเดินทางปลอดภัย แต่ว่าข้าต้องสัมผัสสิ่งของติดกายท่าน จึงจะเป็นผล”

          คุณชายน้อยถอนหายใจดัง ๆ นี่มันตรรกะอันใดกัน

          “จริง ๆ นะ ข้ามีความสามารถพิเศษ ปัดเป่าภัยร้ายให้ผู้คนได้” อันนี้นางแอบโม้เกินจริงไปหน่อย มองหยกห้อยเอวทรงกลมของเขา ชี้นิ้วไปที่มัน “อันนั้นก็ได้”

          “ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้า จะปัดเป่าภัยร้ายได้จริงไหม” แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อ แต่เมื่อเด็กน้อยเจตนาดี เขาจึงยอมปลดเชือกหยกห้อยเอว ที่มารดามอบให้ในวันเกิด ออกมายื่นให้นาง

          หลินลู่ฉีนำหยกห้อยเอวของเขามาประกบที่ฝ่ามือ หลับตาอธิษฐานให้เขาเดินทางปลอดภัย ขอเพียงนางตั้งจิตให้มั่นคง อธิษฐานออกมาจากใจจริง พรนั้นย่อมสัมฤทธิ์ผล

          “เสร็จแล้ว” นางยื่นหยกกลับคืนให้เขา “กลางอกของพี่ชายไม่ดีนัก ทางที่ดีสวมเสื้อเกราะไว้จะดีกว่า”

          คุณชายน้อยนึกขำคำของเด็กน้อย แต่คนสนิทที่ติดตามมาด้วยกลับนิ่วหน้าอย่างแปลกใจ คุณชายน้อยของตนอายุน้อยก็จริง แต่ก็อยู่กลางสมรภูมิรบตั้งแต่เด็ก มีทั้งคนชื่นชมและปองร้ายอยู่เสมอ

           เมื่อต้องเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองหลวง คนสนิทของคุณชายน้อยก็เดินกลับเข้ามาหาหลินลู่ฉี

          “นังหนูที่เอ่ยเมื่อครู่นี้เจ้าจริงจังไหม”

          หลินลู่ฉีมองเขามีไอหมอกสีดำเข้มกว่าผู้เป็นนายเสียอีก ทว่าอยู่ตรงท่อนขาซ้ายด้านล่าง

          “ท่านลุงเชื่อข้าไหม”

          “ก็เชื่อไว้ไม่เสียหาย” เขาเกาศีรษะแก้เขินอายเล็กน้อย

          “เช่นนั้นเอาของติดกายมาให้ข้า ท่านลุงเองก็ตกอยู่ในอันตรายเหมือนกัน”

          เขาไม่รีรอหยิบผ้าเช็ดหน้าของคนรักออกมาให้นาง

          “เอ่อ ข้าพกเพียงผ้าผืนนี้ติดตัว อย่างอื่นไม่มีแล้ว”

          เห็นสีหน้าแปลกใจของอีกฝ่าย จึงต้องรีบอธิบาย มองซ้ายขวาเกรงว่าจะมีคนมาเห็น เขาไม่อยากเชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ที่บ้านเดิมของเขานั้น มีคนร่างทรงมากฝีมืออยู่จริง ๆ จำไม่อาจเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ได้

          หลินลู่ฉีรังเกียจผ้าเช็ดหน้าของเขาเป็นอย่างมาก แต่นางก็ตั้งใจอธิษฐานให้เขาปลอดภัย พร้อมกับบอกว่าหาเกราะมาป้องกันท่อนขาซ้ายล่างเอาไว้ให้ดี ๆ ถ้าไม่อยากเสียขาข้างนี้ไป

          ดังนั้นก่อนออกเดินทาง เขาจึงไปหาซื้อเสื้อเกราะมามอบให้คุณชายน้อย และสวมเกราะที่ท่อนขาซ้ายล่างอีกด้วย สหายร่วมทางต่างพากันหัวเราะเยาะเขากันหมด

          “ลุงหวังท่านเสียสติไปแล้วหรือ ถึงได้ไปฟังคำของเด็กน้อยนั่น” คุณชายน้อยเมินเสื้อเกราะของเขา ปฏิเสธไม่สวมมัน

          “คุณชายน้อยเชื่อไว้ไม่เสียหายนะขอรับ นังหนูนั่นไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกพวกเรา สวมเกราะไว้ก่อนนะขอรับถือว่าข้าน้อยขอร้อง หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายน้อยจริง ท่านแม่ทัพคงไม่ปล่อยข้าน้อยไว้แน่ อีกอย่างที่บ้านเกิดของข้าน้อยมีร่างทรงที่มองเห็นอนาคตของผู้คนได้จริง ๆ ไม่แน่นังหนูนั่นอาจจะเป็นทายาท ของร่างทรงสักคนก็เป็นได้ คุณชายน้อย”

          “ท่านพอเถอะ ข้าสวมแล้วก็ได้” เขาตัดบทอย่างรำคาญใจ

          ทว่าภายหลังคุณชายน้อยก็ต้องตกตะลึง กับเหตุการณ์ลอบฆ่าระหว่างทาง ก่อนที่จะถึงเมืองหลวงเพียงสิบลี้ ลูกธนูพุ่งตรงเข้ากลางอกของเขาตรง ๆ ลุงหวังถูกฟันขาซ้ายล่างเข้าอย่างจัง หากไม่มีเกราะป้องกันคงได้ขาซ้ายขาดอย่างแน่นอน ผู้เป็นนายกับลูกน้องถึงกับมองตากันปริบ ๆ ไม่มีใครกล้าเอื้อนเอ่ยคำพูดใดออกมา

          ในใจของลุงหวังได้คิดว่า เหตุใดข้าไม่นำตัวร่างทรงน้อยผู้นั้นกลับมาด้วย น่าเสียดายจริง ๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 252 : ฮูหยินลูกแย่งที่นอนข้า  (จบ)

    บทที่ 252 : ฮูหยินลูกแย่งที่นอนข้า หวงชางพยักหน้าลงเล็กน้อย “ได้ต่อไปข้ากับอาอี้จะเรียกเจ้าว่าอี้หาน เจ้ากลับบ้านเดิมภรรยาทั้งที เหตุใดต้องหอบของขวัญมามากมายถึงเพียงนี้” “แค่ของขวัญเล็กน้อยเท่านั้น” หลินลู่ฉีรีบฟ้อง “ดีที่ข้าห้ามเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นสามีข้าคงขนมาทั้งคลังเป็นแน่” “เจ้าเด็กนี่เรียกสามีข้าเต็มปากเต็มคำ หน้าไม่อายจริง ๆ” ฉินซื่ออดเย้านางไม่ได้ “ท่านป้าท่านล้อข้า” “แต่งงานกันแล้วย่อมเป็นเรื่องธรรมดา อี้หานต่อไปก็รักและดูแลฉีฉีของพวกข้าให้ดี ๆ อย่าทำให้นางต้องเสียใจรู้ไหม” “ขอรับท่านป้าข้ารับปากท่าน ข้าซุนอี้หาน

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 251 : ข้าอายุสิบแปดปีเองนะ จะรีบร้อนมีลูกไปทำไม   

    บทที่ 251 : ข้าอายุสิบแปดปีเองนะ จะรีบร้อนมีลูกไปทำไม หลังจากกินมื้อกลางวันอิ่มกันแล้ว พ่อบ้านได้นำกล่องของขวัญ กับจดหมายมามอบให้หลินลู่ฉี บอกว่าเป็นของท่านอาจารย์ของนางมอบให้ในวันแต่งงาน “อาจารย์ปู่อย่างนั้นรึ” หลินลู่ฉีรีบเปิดซองจดหมายอ่านก่อนเป็นอันดับแรก เนื้อหาในนั้นเป็นการขอโทษ ที่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานแต่งของนางได้ เพราะระยะทางอยู่ไกลนับพันลี้ แม้เดินทางด้วยม้าเร็วก็คงมาไม่ทันอยู่ดี จึงได้ส่งของขวัญกับจดหมายมาให้แทน นอกจากคำอวยพรแล้ว อาจารย์ปู่ยังมอบป้ายไม้แกะสลักให้นางอีกด้วย ซุนอี้หาน “นี่ป้ายอะไรกัน” “อาจารย์ปู่เขียนบอกว่า เป็นป้ายประจำตัวเจ้าของตำหนักยา” “ตำหนักยา ? นั่นไม่ใช

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 250 : เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าทำกันไปแล้วหรือ

    บทที่ 250 : เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าทำกันไปแล้วหรือ ภายในห้องหอซุนอี้หานกำลังเงี่ยหูฟังเสียงจากนอกประตู เมื่อรู้ว่าคนเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว จึงได้หันไปทางเจ้าสาวที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียงนอน เจ้าไปนั่งบนเตียงตั้งเมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านั่งอยู่บนเก้าอี้รึ ซุนอี้หานทั้งขำทั้งเอ็นดูนาง หลินลู่ฉีกำลังนั่งด้วยความรู้สึกประหม่าแกมตื่นเต้น นางมองผ่านชายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดง เห็นเพียงหัวรองเท้าเจ้าบ่าวที่เดินมาหยุดอยู่ เขาเอื้อมจับชายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ค่อย ๆ ยกขึ้นตลบไปไว้ด้านหลัง เจ้าสาวผู้มีใบหน้าอันงดงาม ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเขินอาย ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเข้าออก คล้ายคนไม่รู้จะเอ่ยคำพูดใดออกมา “ฉีฉีเจ้างามมาก” ดวงตาปรือเยิ้มมองเจ้าสาวอย่างลุ่มหลง

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 249 : ใครจะหย่ากับข้า !

    บทที่ 249 : ใครจะหย่ากับข้า ! บรรดาญาติสหายและคนรู้จัก ที่พากันมาส่งตัวเจ้าสาว ต่างยืนดูพิธีการตรงหน้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกันทุกคน “ตอนแรกข้าอยากเสนอตัวแบกเจ้าสาวด้วยตัวเอง แต่ว่าคิดไปคิดมาข้าเทียบหวงจื่อถงไม่ได้จริง ๆ เขามีความเป็นพี่ชายมากกว่าข้าเสียอีก” เซี่ยเฉินจิ่นเอ่ยเบา ๆ เซี่ยเฉินฟู่กอดอกมองภาพตรงหน้า แล้วพยักหน้าลงเบา ๆ “ท่านแบกพี่สาวไม่ไหวหรอก เกิดทำเจ้าสาวหกล้มขึ้นมา ทำฤกษ์มงคลเสียหายหมด ให้พี่จื่อถงแบกนั่นแหละดีแล้ว” เซี่ยเฉินจิ่น “...” เจ้ายังใช่น้องชายข้าอยู่ไหม ฉวีฮูหยิน “ต่อไปนางก็มีครอบครัวของตัวเอง มีสามีลูกมีหลานเต็มบ้าน ไม่เดือดร้อนพวกเจ้าให้เป็นห่วงนางหรอก” ครอบครัวตระกูลเซี่ยยืนมองเกี้ยวเจ้าสา

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 248 : ข้าซุนอี้หานขอสาบานด้วยชีวิต ข้าจะไม่มีวันทำให้นางเสียใจเด็ดขาด 

    บทที่ 248 : ข้าซุนอี้หานขอสาบานด้วยชีวิต ข้าจะไม่มีวันทำให้นางเสียใจเด็ดขาด “ฉีฉี” ฉินซื่อลูบศีรษะของนางอย่างอ่อนโยน น้ำตาพลันเอ่อคลอเบ้าตามนางไปด้วย ทั้งลูบทั้งกอดปลอบโยนนาง “เด็กน้อยในวันนั้น ได้นำพาครอบครัวของพวกเรา เดินทางผ่านร้อนผ่านหนาวมาไกลถึงเพียงนี้ รู้ไหมว่าป้าภูมิใจในตัวของเจ้ามากแค่ไหน” “ท่านป้า ฮะฮรึก...ฮือ ๆ ๆ” เป็นครั้งแรกที่ฉินซื่อได้เห็นหลินลู่ฉี ปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาเช่นนี้ เหมือนกำแพงความเข้มแข็งในใจของนาง ได้พังทลายลงแล้ว “เด็กดีไม่ร้อง ๆ เจ้าสาวจะตาบวมหมดงามเอาได้” “ขะข้า...ฮะฮรึก จะไม่ร้องแล้ว ฮะฮรึก !” คนพูดสะอื้นเป็นจังหวะ “เจ้

  • ข้าคือดาวมงคลน้อยหลินลู่ฉี   บทที่ 247 : หวีครั้งแรกขอให้ชีวิตคู่ยืนยาว    

    บทที่ 247 : หวีครั้งแรกขอให้ชีวิตคู่ยืนยาว หลินลู่ฉีไปหาฉินซื่อที่เรือน พบว่านางกำลังปักชุดเจ้าสาวให้ตัวเองอยู่ หวงจื่อเหยาที่ได้เวลาใกล้คลอดแล้ว นางมาหามารดาเพื่อดูว่ามีอะไรให้ช่วยบ้าง “ท้องโตขนาดนี้ยังขึ้นรถม้าไปโน่นมานี่อีก ชุดเจ้าสาวของฉีฉีข้าทำเองได้เจ้าไม่ต้องช่วย” เสียงของฉินซื่อเอ่ยบ่นบุตรสาว ดังออกมาจากเรือนของนาง “ท่านแม่ฉีฉีของพวกเราจะออกเรือนทั้งที นางไม่ยอมรับสินเดิมจากพวกเรา มีเพียงชุดแต่งงานนี่แหละ ที่พวกเราพอจะทำให้นางได้” หลินลู่ฉีกระแอมเบา ๆ สองแม่ลูกก็หันมามองนางในทันที “เจ้ามาแอบฟังข้ากับท่านแม่พูดคุยกันใช่ไหม” “พี่จื่อเหยาท่านใส่ร้ายข้า” นางออดอ้อนเป็นเด็กน้อยทันที &ld

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status