Share

ใช้วิธีเดียวกันง่ายกว่า

last update Last Updated: 2025-08-08 09:36:51

ส่วนเสี่ยวขุยที่เดินตามหาเสี่ยวฮัวในที่สุดก็เจอตัว จึงพากลับมาพบเมิ่งฟางเอินเพื่อรับภารกิจตามที่รับปากไว้ โดยที่แขกในงานคิดว่าเป็นการตามสาวใช้ มาช่วยเหลือเรื่องอาหารหรือน้ำชาที่พร่องไป มิได้คิดว่าจะมีแผนการสร้างความวุ่นวายแต่อย่างใด

“คารวะคุณหนูทั้งสอง ท่านต้องการให้บ่าวทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

เมิ่งฟางเอินไม่รอช้ารีบสั่งการกับเสี่ยวฮัว ตามแผนการที่นางได้เตรียมเอาไว้ เพื่อสร้างเหตุการณ์ให้แขกเหรื่อในงานทั้งหลาย ได้รับรู้ว่าหยางเฟิ่งเซียนมิใช่สตรีที่ดีงามอันใด

“เจ้านำกำยานไร้กลิ่นนี้ไปจุดไว้ในเรือนรับรองหลังใดก็ได้ แล้วไปตามบ่าวที่ดูแลม้าของจวนให้เข้าไปอยู่รอด้านใน จากนั้นเจ้าจงกลับมาในงานถือถาดกาน้ำชา แสร้งสะดุดไปทางหยางเฟิ่งเซียน เมื่อชุดของนางเปียกชื้นเจ้ารีบอาสาพานางไปเปลี่ยนชุดยังห้องรับรอง พอผ่านไปสักหนึ่งเค่อก็ส่งเสียงร้องดัง ๆ ข้ากับสหายจะรีบตามไปที่นั่น”

เมื่อรู้ว่าเป็นภารกิจที่ไม่ยากเกินความสามารถ เสี่ยวฮัวยกยิ้มอย่างมั่นใจว่าตนเองทำสำเร็จได้แน่ จึงลองเอ่ยถึงเรื่องค่าจ้างที่เหลือกับเซิ่งฟางเอิน “คุณหนูรอฟังสัญญาณจากบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ ว่าแต่ค่าจ้างที่เหลือของบ่าว...”

“พรุ่งนี้เช้ามืดที่ตลาดเสี่ยวขุยจะไปรอเจ้าอยู่ที่นั่น”

“ขอบคุณหนูมากเจ้าค่ะ บ่าวจะลงมือทำตามคำสั่งเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”

เสี่ยวฮัวที่ได้รับคำตอบที่แน่ชัดเกี่ยวกับค่าจ้างของตน จึงกลับออกไปจากศาลากลางน้ำพร้อมแท่งกำยานในมือ และเริ่มทำภารกิจตามคำสั่งของเซิ่งฟางเอินทันที

สายลับที่ได้ยินทุกถ้อยคำในบทสนทนาของสตรีทั้งสี่คน จึงรีบกดรายงานให้เจ้านายที่ยังรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อ [นายหญิงได้ความมาแล้วเจ้าค่ะ สตรีพวกนี้จิตใจไร้ความเมตตาจริง ๆ]

‘นางต้องการทำอันใดกับเซียนเอ๋อร์ของข้า รีบพูดมาให้หมดจีจี้’

‘จีจี้รีบบอกทุกอย่างที่เจ้ารู้มาเร็วเข้า ข้ากับพวกพี่ชายจะได้วางแผนรับมือนางในตอนนี้เสียเลย’

[นางสั่งให้สาวใช้ผู้นั้นนำกำยานปลุกกำหนัด ซึ่งเป็นกำยานที่ไร้กลิ่นไปจุดไว้ในเรือนรับรอง จากนั้น...ฯลฯ...แผนการที่ได้ยินก็เป็นเช่นนี้ นางคงเกลียดชังคุณหนูเข้ากระดูกดำแล้วกระมังเจ้าคะ]

‘เซิ่งฟางเอินนางคงคิดว่าแผนการตื้น ๆ แค่นี้ จะทำให้ข้ากลายเป็นสตรีงามเมืองได้งั้นรึ ช่างไร้ปัญญาในการกลั่นแกล้งคนเสียจริง’

‘เช่นนั้นพวกเราก็ใช้แผนของนางคืนสนองกลับไปดีหรือไม่’

‘อาหรงคิดว่าจะซ้อนแผนทำเช่นเดียวกับนางงั้นหรือ ถ้าพวกเจ้าคิดใช้แผนนี้แม่จะรอดูเรื่องสนุกของพวกเจ้าก็แล้วกัน จีจี้หากำยานปลุกกำหนัดที่รุนแรงที่สุดให้กับลูก ๆ ของข้าด้วยล่ะ’

[รับทราบเจ้าค่ะนายหญิง จีจี้ยินดีจัดหาให้เดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ คุณชายกับคุณหนูรอรับของที่จีจี้จะส่งไปยังแหวนมิตินะเจ้าคะ]

‘ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะได้ดูเรื่องงามหน้าของพวกนางแล้วจีจี้’

สองพี่น้องตระกูลฟงยืนฟังเงียบ ๆ จนกระทั้งเห็นว่าการโต้ตอบนั้นจบลง แค่เพียงอ้าปากจะถามเอาความ พวกเขาก็ต้องรีบหุบปากอย่างรวดเร็ว เมื่อหยางซิวหรงบอกถึงแผนการร้ายของเซิ่งฟางเอิน

ฟงเสวี่ยหลินแทบจะเดินไปหาสตรีทั้งสอง เพื่อทำการสั่งสอนพวกนางเสียเข็ด ไม่คิดว่าพวกนางจะจิตใจคับแคบถึงเพียงนี้ “หนอยยย พวกนางคิดใช้แผนสกปรกทำลายน้องสาวของข้าเชียวรึ ข้าล่ะอยากตบพวกนางให้หน้าเสียโฉมจริง ๆ ความสามารถสู้เซียนเอ๋อร์ไม่ได้ก็แค่ยอมรับความจริง แต่กับพวกนางคงคิดเรื่องนี้ไม่ได้กระมัง”

“ข้าเห็นด้วยกับเจ้าอาหลิน ในเมื่อนางอยากให้เซียนเอ๋อร์เสื่อมเสียชื่อเสียง หากกลายเป็นนางกับสหายแทนเซียนเอ๋อร์ล่ะ ข้าว่าบิดาของนางสองคนคงรีบส่งตัวออกนอกเมืองทันที เพื่อให้ข่าวลือในเมืองหลวงมีเพียงชั่วคราวเป็นแน่”

พี่น้องทั้งสี่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มร้าย เมื่ออีกไม่นานจะมีเรื่องน่าสนุกให้ได้ชม ซึ่งในฐานะเจ้าของจวนฟงเสวี่ยหลินจึงเรียกคนสนิท เข้ามารับภารกิจและเตรียมการทุกอย่างโดยเร็วที่สุด

“โม่หาน...”

“คุณชายต้องการให้บ่าวทำอันใดโปรดมีคำสั่งขอรับ”

“เจ้ากับโม่เหยาย่อมได้ยินสิ่งที่พวกข้าพูดคุยกันทั้งหมด ดังนั้นพวกเจ้าสองคนจงไปเตรียมห้องหอให้คุณหนูทั้งสอง อ้อ ข้าเกรงว่าพวกนางจะไม่พอใจหากมีสามีแค่สองสามคน หาสามีมาเพิ่มให้พวกนางด้วย”

“ขอรับคุณชายใหญ่”

[คุณหนูยาปลุกกำหนัดชนิดรุนแรง จีจี้วางไว้ในแหวนมิติให้ท่านแล้วนะเจ้าคะ ขอให้สนุกกับการเอาคืนคนนิสัยไม่ดีเจ้าค่ะ]

‘ขอบใจมากนะจีจี้’

“ประเดี๋ยวเจ้าค่ะ รบกวนพวกเจ้าสองคนนำแท่งกำยานนี้ เข้าไปจุดยังเรือนรับรองของคุณหนูทั้งสองให้ข้าด้วย ที่สำคัญอย่าลืมทำสัญลักษณ์ไว้ให้ชัดเจน ว่าห้องไหนที่ไม่ใช่ห้องของข้า”

“บ่าวทราบแล้วขอรับ จะไม่เกิดความผิดพลาดอย่างแน่นอน บ่าวขอเอาชีวิตเป็นประกันขอรับ”

ฟงเหยาเหวินเห็นว่าการซ้อนแผนจัดการเสร็จแล้ว จึงได้เอ่ยชักชวนพี่น้องกลับไปนั่งสนทนาเช่นเดิม ทำให้คล้ายกับว่าไม่รับรู้ถึงแผนการสกปรกของสตรีสองตระกูลมาก่อน

ซึ่งเหตุการณ์ตามแผนที่สี่พี่น้องได้รับรู้ ในที่สุดก็เกิดขึ้นโดยหยางเฟิ่งเซียนก็เล่นตามน้ำไปอย่างลื่นไหล

อ๊ะ! ซ่า “พี่ใหญ่ชุดของข้าเป็นผ้าไหมราคาแพง และยังเป็นท่านตาท่านยายที่ลงมือปักด้วยตนเองเลอะไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”

“เจ้าเดินอย่างไร! เหตุใดถึงไม่ระวังจนทำให้ชุดของน้องสาวข้าเลอะเทอะเช่นนี้ รู้หรือไม่ชุดของนางเป็นผ้าไหมชั้นเลิศ ราคาสูงถึงพับละหนึ่งร้อยตำลึงทองเชียวนะ เซียนเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้างน้องพี่” หยางซิวหรงลุกขึ้นโวยวายเสียงดังอย่างสมจริง

ตุบ “บ่าวมิได้ตั้งใจเจ้าค่ะคุณชายหยาง คุณหนูหยางโปรดอภัยให้บ่าวด้วยเถิด บ่าวเดินสะดุดพื้นทำให้เสื้อผ้าของท่านเปรอะเปื้อนไปหมดเช่นนี้”

แต่กลายเป็นฟงเสวี่ยหลินที่ใช้เสียงดัง ดุบ่าวรับใช้ในจวนของตนด้วยความโมโห “เจ้าเป็นสาวใช้ประสาอะไร คนอื่น ๆ ที่เดินเข้าออกยังไม่เห็นเดินสะดุดเช่นเจ้าสักคน นี่เจ้าคิดจะทำให้อาเหวินขายหน้าแขกเหรื่อในงานเลี้ยงเช่นนั้นรึ!”

“คุณชายใหญ่บ่าวไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เจ้าค่ะ บ่าวเพิ่งถูกเรียกให้มาช่วยงานในเรือนหน้าครั้งแรก ได้โปรดเมตตาบ่าวสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ”

ฟงเหยาเหวินกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุม อย่างที่คนเป็นบัณฑิตชอบทำถามสาวใช้ตรงหน้า “แล้วเจ้าทำงานอยู่ส่วนไหนของจวนหรือ ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อนเป็นสาวใช้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ใช่หรือไม่”

“เอ่อ ชะ ชะ ใช่เจ้าค่ะคุณชายเล็ก บ่าวเพิ่งมาทำงานที่จวนแห่งนี้ได้หนึ่งเดือนเศษเจ้าค่ะ”

ขณะที่เสี่ยวฮัวถูกบุตรหลานเจ้าของจวนดุด่า ด้านศาลากลางน้ำก็เกิดเหตุการณ์คล้าย ๆ กันขึ้น ซึ่งเซิ่งฟางเอินกับหลีเยียนหรานไม่พอใจ ที่เกิดเรื่องเช่นนี้กับพวกตนถึงกับลงมือตบตีสาวใช้นางหนึ่ง

แต่จะลงมือจนเกินงามก็ไม่อาจทำได้ สุดท้ายจึงสั่งให้พาไปที่เรือนรับรอง เพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตระกูลฟงจัดเตรียมไว้ให้แขกทุกคน โดยสตรีทั้งสองไม่รู้เลยว่าเวรกรรมกำลังสนองกลับมาหาตน

กลุ่มคนอีกด้านหนึ่งเมื่อเห็นว่าคนที่คิดร้ายกับตน ลุกออกไปทางเรือนรับรองถึงได้หยุดต่อว่าเสี่ยวฮัว เพื่อให้นางพาหยางเฟิ่งเซียนไปยังเรือนรับรองตามแผน “ช่างเถิดเจ้าค่ะพี่เหยาเหวิน ไหน ๆ เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้วอีกอย่างนางคงมิได้ตั้งใจ เช่นนั้นเจ้าพาข้าไปเปลี่ยนชุดใหม่ที่เรือนรับรองก็แล้วกัน”

“ขอบคุณคุณหนูหยาง บ่าวจะพาท่านไปเปลี่ยนชุดใหม่นะเจ้าคะ”

เมื่อหยางเฟิ่งเซียนตามเสี่ยวฮัวไป ผู้ติดตามข้างกายอย่างหลี่เจินย่อมเดินตามไปดูแลห่าง ๆ ยามที่หยางเฟิ่งเซียนมาถึงเรือนรับรอง เป็นเวลาไล่เลี่ยกับเซิ่งฟางเอินและหลีเยียนหราน กำลังถูกสาวใช้เปิดประตูเรือนรับรองที่ใกล้กันเข้าไป

เพียงเท่านี้รอยยิ้มร้าย ๆ จากดวงตาและมุมปากของหยางเฟิ่งเซียน ก็ทำให้หลี่เจินรู้ได้ทันทีว่าแผนการของเจ้านายสำเร็จแล้ว ส่วนเสี่ยวฮัวที่ยื่นมือออกไปเพื่อเปิดประตูเรือน กลับสะดุ้งสุดตัวเมื่อคอของตนกระทบกับความเย็นที่คมกริบ

เฮือก! “คะ คะ คุณหนูจะทำอะไรเจ้าคะ”

“เจ้าคือคนที่เซิ่งฟางเอินซื้อตัว เพื่อพาข้ามาให้ถูกบ่าวไพร่ทำมิดีมิร้ายใช่ไหม เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวในการตอบ หากโกหกคนของข้าจะเชือดคอเจ้าทิ้งทันที” หยางเฟิ่งเซียนข่มขู่ด้ายท่าทางสงบนิ่ง แต่น้ำเสียงและสายตาที่แสดงออกมาบอกได้ว่ามิได้ล้อเล่น

เสี่ยวฮัวถึงกับขนลุกขนชันเนื้อตัวสั่นสะท้าน เพราะชื่อเสียงของบุตรหลานสองตระกูลล้วนเป็นที่กล่าวขาน ตุบ “คุณหนูหยางโปรดไว้ชีวิตบ่าวด้วยเจ้าค่ะ บ่าวหน้ามืดตามัวเห็นแก่ค่าจ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ จนเกือบทำให้คุณหนูหยางเสื่อมเสียชื่อเสียง”

แม้หยางเฟิ่งเซียนอยากจัดการเสี่ยวฮัวเพียงใด แต่นี่เป็นจวนตระกูลฟงเช่นนั้นควรให้เจ้าของจวนลงโทษนางเอง “ได้ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ยามนี้เจ้าได้ยินเสียงร้องอันสุขสมในเรือนตรงข้ามหรือไม่ หากเจ้าฉลาดมากพอคงรู้นะว่าควรทำอย่างไรต่อไป”

“บะ บะ บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวฮัวเข้าใจสิ่งที่หยางเฟิ่งเซียนต้องการ นางจึงลุกขึ้นและวิ่งกลับเข้าไปในงานเลี้ยงอีกครั้ง พร้อมกับท่าทางที่แสดงออกอย่างมีพิรุธ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   บทส่งท้าย

    ผ่านมาแล้วหลายเดือนในที่สุดขบวนสินสอดของตระกูลซ่างกวน ก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางไปเยือนแคว้นเป่ยชาง เพื่อจะสู่ขอบุตรสาวตระกูลหยางมาเป็นลูกสะใภ้ ขบวนเดินทางของซ่างกวนเซียวจิ้งใช้เวลาเกือบยี่สิบวัน สุดท้ายก็มาถึงเมืองหลวงแคว้นเป่ยชาง ด้วยหีบไม้ผูกผ้าสีแดงมากมายนับร้อยหีบ ยามทั้งหมดเดินผ่านประตูเมืองจึงกลายเป็นจุดสนใจทันทียิ่งไปกว่านั้นยังมีบุรุษรูปงามนั่งบนหลังม้า เป็นผู้นำขบวนดังกล่าวไปเยือนจวนตระกูลหยาง ซึ่งได้สอบถามเส้นทางไว้ล่วงหน้าแล้ว และขบวนสินสอดนี้ยังเป็นที่สนใจ ท่ามกลางความอยากรู้อยากเห็นของคนในเมืองหลวงยามนี้ในห้องโถงรับแขกของจวนตระกูลหยาง มีเจ้าของจวนและครอบครัวของซ่างกวนเซียวจิ้งนั่งอยู่อย่างพร้อมหน้า เนื่องจากเป็นการเดินทางมาเพื่อเจรจาสู่ขอหยางเฟิ่งเซียนอย่างเป็นทางการซ่างกวนเจิ้งไห่เอ่ยขึ้นอย่างสุภาพกับหยางไท่หมิงและซูอัน “วันนี้ข้ามารบกวนถึงจวนเพราะต้องการสู่ขอบุตรสาวของน้องหยางกับฮูหยิน ไปเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลซ่างกวน เนื่องจากบุตรของพวกเราผูกสมัครรักใคร่กันทั้งสองฝ่าย พวกท่านมีความเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรหรือ”หยางไท่หมิงและซูอันยิ้มรับอย่างเป็นกันเอง เนื่องจากเรื่องนี้พวกเข

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   ต่างคนต่างทำหน้าที่

    นับตั้งแต่หยางเฟิ่งเซียนและหยางซิวหรงเดินทางกลับแคว้น ซ่างกวนเซียวจิ้งจึงเข้ามามีบทบาทในฐานะผู้สืบทอดการค้าของมารดา ซึ่งมีน้องสาวที่มีประสบการณ์คอยช่วยเหลือ เนื่องจากการค้าที่มารดาของเขาทำนั้น มีความแตกต่างกับการค้าของตระกูลซือหม่าอยู่มากก่อนนั้นแม้เขาจะรับราชการคล้ายไม่ค่อยมีเวลา แต่ความเป็นจริงเรื่องการค้าเขาจะคอยช่วยดูแลอยู่ห่าง ๆ เมื่อได้ลงมือทำเต็มตัวจึงใช้เวลาไม่นานก็ทำได้อย่างคล่องแคล่ว โดยให้น้องสาวคอยดูแลจัดการอยู่ที่ร้านค้า ส่วนการติดต่อกับคู่ค้าในต่างเมืองตนจะรับผิดชอบทั้งหมดระหว่างที่ซ่างกวนเซียวจิ้งกำลังทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ก็มักจะปลีกตัวมาพูดคุยกับหยางเฟิ่งเซียนผ่านป้ายหยกอยู่เสมอ นางไม่เคยเอ่ยเร่งรัดเรื่องการแต่งงานกับซ่างกวนเซียวจิ้ง เพราะเข้าใจดีกับการเริ่มต้นใหม่ของครอบครัวนี้‘ท่านอย่าได้เร่งรีบจนเกินไปนักรู้หรือไม่ หากทำให้เกิดช่องโหว่คู่ค้าอาจเอาเปรียบท่านได้นะเจ้าคะ’“พี่เข้าใจแล้ว ขอบใจเซียนเอ๋อร์ที่คอยเตือนและให้คำแนะนำดี ๆ แก่พี่เสมอนะ”‘ขอบใจอันใดมากมายเจ้าคะ ข้าย่อมเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายกับท่านเท่าใดนัก หากข้าสามารถช่วยได้จะไม่ช่วยท่านได้อย่างไรกัน

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   พี่สัญญาจะเอาเกี้ยวเจ้าสาวไปรับเจ้าโดยเร็ว

    เรื่องราวที่เย่จินลู่คิดกระทำกับซ่างกวนเซียวจิ้ง ไม่มีเสียงอึกทึกครึกโครมไปยังเรือนรับรองอีกสองหลัง แม้แต่บ่าวไพร่ที่นำร่างของนางกลับไป ยามได้ยินคำพูดจากโจวหลี่ก็แทบจะกลายเป็นใบ้ เพราะคำเตือนที่มาจากหยางเฟิ่งเซียน สร้างความหวาดกลัวให้พวกเขาอยู่ไม่น้อยเมื่อร่วมรับมื้อเช้าพร้อมกันเสร็จเรียบร้อย ซ่างกวนเซียวจิ้งจึงเอ่ยขอตัวออกไปหาดูจวนหลังใหม่ เพราะครอบครัวของเขาไม่อยากรบกวนท่านตานานเกินไป ซึ่งการออกไปนออกจวนข้างกายของซ่างกวนเซียวจิ้ง ย่อมมีหยางเฟิ่งเซียนที่มีพี่ชายฝาแฝดติดตามไปด้วยเช่นกันทั้งสามคนมายังที่ว่าการของเมืองหลวง เพื่อสอบถามเรื่องจวนที่เจ้าของต้องการขายกับเจ้าหน้าที่ จากนั้นถึงจะไปดูจวนแต่ละหลังก่อนตัดสินใจซื้อ“ไม่ทราบว่าพวกท่านมาที่นี่ต้องการดูร้านค้า หรือหาซื้อจวนเพื่ออยู่อาศัยหรือขอรับ ข้าน้อยฟางเหวินหมิงเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ พวกท่านสามารถบอกรายละเอียดกับข้าน้อยได้เลยขอรับ”“ข้าต้องการซื้อจวนขนาดใหญ่เล็กน้อย ท่านเจ้าหน้าที่พอจะแนะนำได้หรือไม่ว่า จวนหลังใดน่าสนใจและน่าอยู่อาศัยบ้าง สิ่งที่สำคัญคือจวนหลังนี้ต้องไม่มีผู้คนพลุกพล่านจนเกินไป”“โอ้ว คุณชายท่านมาได้พอดี

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   เจ้าสมควรถูกคู่หมั้นของข้าสั่งสอน

    เมื่อครอบครัวซ่างกวนตอบรับคำเชิญที่จะพักอยู่ในจวน เรือนรับรองจึงถูกบ่าวไพร่ทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แขกคนสำคัญของตระกูลซือหม่าได้พักผ่อนจากการเดินทางไกล สิ่งของที่นำมาจากแคว้นหนานหยางด้านหน้าจวน ถูกยกเข้ามาเก็บไว้ที่เรือนรับรองเสียก่อน ด้วยความเหนื่อยล้าที่เดินทางมาสิบกว่าวัน สองสามีภรรยารวมถึงบุตรสาวจึงงีบหลับทันทีหลังจากชำระล้างร่างกายส่วนซ่างกวนเซียวจิ้งถูกหยางเฟิ่งเซียนรั้งไว้ด้านนอกเรือน เพราะนางต้องการพูดถึงเรื่องที่สังเกตเห็นยามที่มาถึงจวนแห่งนี้ โดยมีหยางซิวหรงนั่งฟังน้องสาวเล่าเรื่องด้วยเช่นกัน“เซียนเอ๋อร์มีเรื่องอันใดจะบอกพี่เช่นนั้นหรือ ดูสีหน้าของเจ้าคล้ายกำลังมีคนทำให้โกรธอยู่ใช่ไหม?”“นั่นน่ะสิน้องเล็ก พี่ใหญ่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครไม่ยินดีที่จะต้อนรับพวกเรา ยกเว้นป้าสะใภ้รองของพี่เซียวจิ้งคนนั้น”“หึ เพราะพวกท่านสองคนมิได้สนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นสตรี ถึงไม่เห็นว่ามีสาวใช้คนหนึ่งกำลังอยากปีนเตียงคู่หมั้นของข้าน่ะสิ”“หา!! /อะไรนะ!!”บุรุษทั้งสองอุทานอย่างตกใจออกมาพร้อมกัน เนื่องจากพวกเขาไม่ทันสังเกตอย่างที่หยางเฟิ่งเซียนพูดจริง ๆ เพราะคิดว่าที่นี่ย่อมรู้ว่าครอบค

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   มีดอกบัวขาวอยู่ในตระกูลซือหม่า

    ในการออกเดินทางของตระกูลซ่างกวน หย่างไท่หมิงอยากให้ซ่างกวนเซียวจิ้งกับครอบครัว ขึ้นไปนั่งอยู่ด้านในรถม้าเสียก่อน เมื่อพ้นเขตเมืองหลวงค่อยออกมาขี่ม้าเช่นที่เคยทำ เนื่องจากมีบ่าวไพร่ติดตามไม่มาก ขบวนเดินทางครั้งนี้จึงใช้ม้าทั้งหมด เพื่อการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว ซึ่งระยะทางจากเมืองหลวงแคว้นหนานหยาง ไปถึงแคว้นชางเหอใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนเท่านั้นเพียงแต่หยางไท่หมิงกับซูอันและสองพี่น้องตระกูลฟง ต้องแยกตัวกลับแคว้นเป่ยชางเมื่อมาถึงเขตชายแดน มีเพียงสองพี่น้องตระกูลหยางและผู้ติดตามอีกสิบคน ยังคงต้องไปกับซ่างกวนเซียวจิ้งตามความตั้งใจเดิมจากชายแดนแคว้นเป่ยชางมาถึงเมืองหลวงแคว้นชางเหอ ขบวนเดินทางของซ่างกวนเซียวจิ้งใช้เวลาอีกเจ็ดวัน ในที่สุดก็ผ่านประตูเมืองหลวงมาหยุดอยู่หน้าจวนขนาดใหญ่ ซึ่งที่นี่เป็นจวนของตระกูลซือหม่าคหบดีอันดับหนึ่งของแคว้นชางเหอเฉินเจ๋อลงจากหลังม้าทำหน้าที่ของตน โดยการบอกบ่าวด้านหน้าประตูให้ไปรายงานเจ้าของจวน “น้องชายรบกวนเจ้าไปรายงานนายท่านผู้เฒ่าว่า บุตรสาวเพียงคนเดียวมาขอพบ”“รอสักประเดี๋ยวข้าจะรีบไปรายงานท่านพ่อบ้านให้ขอรับ”“ขอบใจมาก”บ่าวคนที่พูดคุยกับเฉินเจ๋อเร่งกล

  • ข้าคือทายาทของโรงปักผ้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยชาง   ช่วยตระกูลซ่างกวนย้ายถิ่นฐาน

    ภายหลังกลับมาถึงจวนตระกูลซ่างกวน ผู้เป็นเจ้าของจวนรีบสั่งพ่อบ้านไปเรียกบ่าวไพร่ มาช่วยทำความสะอาดเรือนรับรอง เพื่อให้ครอบครัวของหยางเฟิ่งเซียนได้พักผ่อน ระหว่างที่นั่งรอบ่าวไพร่จัดการเรื่องเรือนรับรอง ภายในห้องโถงรับแขกจึงมีการสนทนาถึงสิ่งที่ซ่างกวนเจิ้งไห่คิดจะทำหลังจากนี้ เพราะหยางไท่หมิงกับซูอันต่างคิดคล้ายกันว่า ตระกูลซ่างกวนไม่อาจอยู่ที่แคว้นหนานหยางได้อีกแล้ว“นายท่านซ่างกวนกับฮูหยินคิดจะทำอย่างไรต่อหรือขอรับ ข้าว่าพวกท่านคงอยู่ใช้ชีวิตในแคว้นหนานหยางยากแล้วล่ะ แม้ฮ่องเต้จะรู้สึกผิดและเสียดายขุนนางดี ๆ แต่ขุนนางที่ฝักใฝ่ในอำนาจมักมีวิธีการชักจูงฮ่องเต้ได้เสมอนะ”“อืม ข้าเข้าใจสิ่งที่น้องหยางพูดมา ก่อนหน้าจะถึงงานเลี้ยงฉลอง ครอบครัวของเราได้หารือกันไว้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างที่คาดก็ไม่คิดจะอยู่ที่แคว้นหนานหยางอีก” ซ่างกวนเจิ้งไห่ตอบหยางไท่หมิงไปตามตรงซือหม่าฮูหยินกล่าวเสริมคำพูดของสามีอีกเล็กน้อย “พวกเราคุยกันไว้ว่าจะย้ายกลับไปตระกูลซือหม่าที่แคว้นชางเหอ เพื่อทำการค้าเนื่องจากบิดาของข้าเป็นวาณิชหลวงให้กับราชสำนักน่ะ”ซูอันได้ยินคำว่าวาณิชหลวงจากซือหม่าฮูหยินก็หูผึ่งทันที เพร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status