หลินลู่เหลียนเดินมาด้วยสีหน้าถมึงทึง หวังกุ้ยเฟยถึงกับหน้าถอดสี วรยุทธของนางสูงส่งเพียงนี้เชียวหรือ ก่อนจะเอ่ยตำหนิออกไป"หลินลู่เหลียน หมายความว่าอย่างไรกล้าดีอย่างไรถึงมาทำร้ายคนของข้า"หลินลู่เหลียนเดินมาช้าๆจนถึงที่เซียวอี้เซียนยืนอยู่ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม"หวังเจียเอ๋อร์ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้ากล้ายื่นมือสอดจมูกมาวุ่นวายตำหนักหย่งฉือของข้า เอาสิทธิ์อันใดมาสั่งสอนสะใภ้ของข้า รวมถึงพวกเจ้าด้วย ...หากว่างมากมิเอาเวลาไปสั่งสอนบุตรชายของเจ้าให้รู้ว่าสิ่งใดควรทำมิควรทำดีกว่าหรือ""พระชายาชินอ๋อง พวกเราๆมิกล้าหรอกเพคะ""สนมลิ่น เมื่อสักครู่คนที่ต่อว่าสะใภ้ข้าเป็นปี่เป็นขลุ่ยมิใช่เจ้าหรอกหรือ"เหล่าสนมตัวสั่น แม้ว่าหวังกุ้ยเฟยจะเป็นคนโปรดของฝ่าบาท แต่พระชายาชินอ๋องนั้นคือคนที่ฝ่าบาทให้ความสำคัญ นางเป็นบุตรสาวอดีตราชครูอราจารย์ของฮ่องเต้ เดิมเกือบได้แต่งเข้าวัง แต่นางกับพระอนุชาฮ่องเต้มีใจรักใคร แล้วฮ่องเต้ก็รักน้องชายจึงมีราชโองการให้ทั้งสองได้สมหวังทุกคนตัวสั่น หลินลู่เหลียนเดินไปหาเซียวอี้เซียนที่ยืนพิงเสี่ยวฮวาอย่างอ่อนแรง หวังกุ้ยเฟยเชิดหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ว่านางจะรู้
ชาวบ้านต่างซุบซิบนินทากันไปต่างๆนานา เมื่อตามไปดูก็เห็นพี่ชายของคุณหนูหลิวแบกน้องสาวที่สวมชุดเจ้าสาวมีผ้าคลุมหน้าออกมาจากจวน ส่งนางขึ้นเกี้ยว มโหรีบรรเลงขบวนรับตัวเจ้าสาวหันกลับไปยังทิศเหนือของเมืองเพื่อมุ่งสูู่ตระกูลจ้าวเพื่อทำพิธีทางด้านตระกูลเซียวที่ตอนนี้เซียวอี้เซียนนั่งบีบมือจนนิ้วขาวซีด นี่เลยเวลามามากแล้ว เหตุใดพี่เฉิงยังไม่มาอีก เขาเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เสี่ยวฮวาที่ตอนนี้วิ่งกระหืดกระหอบมาด้วยความเป็นห่วงคุณหนูของตน บวกกับเรื่องที่เพิ่งได้ยินทำเอานายท่านถึงกับกระอักเลือด ตอนนี้หมอประจำจวนกำลังช่วยเขาอยู่ เมื่อมาถึงเรือนแม่สื่อที่มาอยู่กับนางก็มองหน้าทันที คนแก่คนเฒ่าเองก็สงสัยว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น เสี่ยวฮวาเดินเข้ามาหาคุณหนูของตนก่อนจะเอ่ยทั้งน้ำตา"คุณหนูเจ้าขา เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ฮือๆๆๆ""เกิดเรื่องอะไรเสี่ยวฮวา หรือว่าท่านพี่เฉิงเกิดเรื่องอันใดขึ้น""คุณหนูเจ้าขา คุณชายเฉิงเขาๆ คือว่าเขา""เสี่ยวฮวาเกิดอะไรขึ้นบอกข้ามาเถอะ"ตุบ!!เสี่ยวฮวาคุกเข่าลงตรงหน้า เซียวอี้เซียนแปลกใจที่สาวใช้ตัวน้อยของนางมีกิริยาเช่นนี้จึงเลิกผ้าคลุมหน้าออกก่อนจะเอ่ยถามเรื่
พ่อบ้านจวนจ้าวไปแล้ว เซียวหงพยุงร่างกายที่เจ็บช้ำเดินมาหาบุตรสาว แต่นางไม่รับรู้สิ่งใดเสียแล้ว ม่านน้ำตาทำให้ดวงตาพร่ามัว เซียวอี้เซียนเห็นสายตาเวทนาของเหล่าท่านป้าที่มาหวีผมและอยู่อวยพรให้นาง ไม่จริงเรื่องนี้โกหกทั้งนั้น ร่างบางระหง วิ่งจะไปหาเขาที่จวนจ้าวเพื่อถามให้รู้เรื่อง บิดาทนไม่ไหวที่บุตรสาวเป็นเช่นนี้จึงตบหน้านางเรียกสติเพียะ!!! "ดูเจ้าสิเหมือนตัวอะไร คนเขาไม่ต้องการยังจะวิ่งแร่ไปให้เขาดูหมิ่นถึงที่ สกุลเซียวของข้าแม้ไม่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ใช่ใครจะมาดูหมิ่นได้ หากเจ้าก้าวขาออกไปก็อย่าใช้แซ่เซียวของข้าอีก""ท่านพ่อ ฮือๆๆๆ"เซียวอี้เซียนจำต้องเดินกลับเข้าห้อง นางขังตนเองเอาไว้ไม่ไปไหน คนที่ถูกสั่งให้มาจับตาดูกลับไปรายงานแล้ว จ้าวเฉิงกำลังดื่มสุรามงคลกับเจ้าสาว ทันทีที่ได้ยินว่านางคร่ำครวญราวกับสตรีไร้ค่าก็อุ้มหลิวเย่วขึ้นทันทีก่อนจะหัวเราะเบิกบาน ผู้หญิงโง่งม ไร้ราคาเช่นเจ้าคู่ควรกับบุรุษเช่นข้าหรือช่างไม่เจียมตัว หึ ก่อนจะเอาใจหลิวเย่ว"นางช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย ในใต้หล้าจะมีสตรีใดงามเท่าเจ้าอีกฮูหยินของข้า""ท่านพี่ก็ปากหวาน ว้าย คิกๆๆ" สองคนเริ่มบทรั
หวังเสี่ยวเซียนที่ตอนนี้เกิดอาการเซ็งสุดขีด เธอกำลังถ่ายวิดีโอของตัวเองอัพลงโซเชี่ยล หวังเสี่ยวเซียนทำวิดีโอจากการใช้ชีวิตแบบวิถีชนบทดั้งเดิม เธอเรียนจบปริญญาตรีสาขาพฤกษศาสตร์เพื่อมาปรับปรุงไร่ของเธอที่มีอยู่เพียงสามไร่ ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว คุณย่าเพิ่งจะเสียไปไม่นานรายได้จากการทำวิดีโอเดือนหนึ่งหลายแสนหยวน หากถามว่าเธอมีเงินไหมแน่นอนว่ามี แต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหรือ เธอน่าจะถูกคนจ้างวานฆ่ามากกว่า เพราะจะมีโรงแรมขนาดใหญ่มาเปิดที่ชนบทบ้านของเธอหวังเสี่ยวเซียนเป็นผู้นำฝูงชนไปต่อต้านการก่อสร้าง จนกระทั่งถูกขู่มาหลายรอบ "เฮ้อ ไอ้แสงเขียวๆที่ส่องฉันคงเป็นไรเฟิลสินะ แหม่จะฆ่าทั้งทีลงทุนขนาดนี้นับว่าชีวิตเจ๊นี่ราคาแพงใช่ย่อยเลยนะเนี่ย""คุณหนูเจ้าขา...ท่านไม่เป็นไรนะเจ้าคะ คงไม่ได้เสียใจจนเสียสติหรอกนะ"เสียวฮวาบ่นอุบอิบเพราะกลัวคุณหนูของตนเองได้ยิน หวังเสี่ยวเซียนที่ตอนนี้ก็คือเซียวอี้เซียนได้แต่เดินมาหาสาวใช้ของร่างเดิมก่อนจะจับนางให้มองหน้า"เสี่ยวฮวาน้อย...ข้าไม่ได้เสียใจแล้ว อีกอย่างไม่แต่งก็ดีเหมือนกัน จ้าวเฉิงเป็นบุรุษที่ไม่รู้จักพอ ทุกครั้งที่พาข้าไปอารามก็เ
เสี่ยวฮวามาถึงก็ส่งกระดาษให้หลายแผ่น เงินตำลึงที่เป็นเงินสินสอดห้าพันตำลึงถูกจ่ายไปเพื่อจ้างช่างตีเหล็กสร้างเครื่องมือแกะสลัก พรุ่งนี้นางจะขายทอดตลาดสินสอดทั้งหมดรวมถึงสมบัติในจวน เพื่อไปเริ่มต้นใหม่ที่อื่นกับครอบครัว ร่างบางยืนร้องไห้อยู่ข้างๆเซียวอี้เซียน นางเงยหน้ามาก็เจอเจ้าของร่างเดิมที่เป็นเพียงวิญญาณอยู่ตอนนี้"ไปเถอะอย่าเสียใจ เจ้าเลือกทางนี้แล้วจงรับผลกรรม ครอบครัวของเจ้า ความแค้นของเจ้าข้าจะช่วยแบกรับเอง"เซียวอี้เซียนคนเก่าพยักหน้าให้ก่อนจะค่อยๆเลือนหายไป เซียวอี้เซียนสงสารชะตาร่างเดิมจริงๆ นางหัวอ่อนเชื่อใจคนถึงได้มีจุดจบเช่นนี้ อย่าบอกว่าสตรีโบราณอยู่ในจารีตต้องอ่อนแอ ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆหลิวเย่วสตรีอสรพิษจะทำเรื่องเลวทรามกับคนที่เรียกว่าสหายได้อย่างไร "ได้เวลาเอาคืนแล้วสินะ เจ้าไปอย่างหมดห่วงเถอะ"ตกค่ำขอทานที่เสี่ยวฮวาไปหามาก็รออยู่ประตูข้าง เซียวอี้เซียนที่สวมผ้าคลุมเดินออกมาก่อนจะเรียกเด็กๆเหล่านนั้นมาแล้วกระซิบบางอย่าง พร้อมกับเด็กอีกกลุ่มไปแจกใบปลิว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็เข้าบ้าน เซียวอี้เซียนมองไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ทอดกิ่งมาทางจวนของนาง ทำไมให้ค
ยามเหมาประตูจวนเซียวเปิดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันแต่งงาน นำโต๊ะมาวางต่อๆกันเรียงรายยาวอยู่หน้าเรือน บ่าวไพร่ในเรือนมีไม่ถึงยี่สิบคนเป็นบ่าวชายหกคน ทุกคนอยู่เพราะยังคิดถึงบุญคุณของผู้นำตระกูลคนเก่า เซียวอี้เซียนตื่นแต่เช้า ท่านย่าอาการไม่ค่อยดี นางนำเงินสินสอดที่ได้มาเพียงห้าพันตำลึงไปขอร้องอ้อนวอนหมอเทวดาซุนเจิ้นหนานมารักษานาง เจิ้นหนานยอมมาตรวจให้เมื่อคืนนี้เขามิได้เห็นแก่เงิน แต่เห็นแก่ความกตัญญูของนาง เซียวอี้เซียนที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าเรือนของเขากว่าสองชั่วยาม เจิ้นหนานยืนมองนางสั่งบ่าวไพร่ให้ขนหีบออกมา เซียวหงเดินมาหาบุตรสาว ยกมือลูบศีรษะนางเบาๆรั้งนางเข้ามากอดก่อนจะเอ่ยถามให้แน่ใจ"เซียนเอ๋อร์ ลูกตัดใจจากจ้าวเฉิงได้แล้วจริงๆเหตุใดยังต้องขายสินสอด ไปคืนไม่ดีกว่าหรือ""ท่านพ่อ เดิมทีเขาทำผิดต่อข้าและสกุลเซียว สินสอดนี้ควรขายทิ้งเอาเงินพวกเราคืนมาเจ้าค่ะ""เงินพวกเราหรือ""ท่านพ่อ เดิมทีค่ารักษาท่านย่าไม่ได้แพงมากนัก แต่เพราะหมอจ้าวหมอประจำจวนของเขามารักษาแล้วให้ลูกซื้อยาที่แสนแพงจนต้องจำนองจวนหลังนี้ ตอนนี้ข้ารู้ดีชั่วของพวกเขาหมดแล้ว สกุลหลิวของหลิวเว่ยท่า
ชาวบ้านและขุนนางที่เดินผ่านจวนเซียวต่างเดินเข้ามาชมสินค้าล้วนมีแต่ของดี"โย่ว..ข้าซื้อๆ ข้าอยากทำบุญ""ข้าด้วยๆ"กล่องไม้หลากหลายขนาดถูกวางเรียงราย เครื่องประดับ ภาพวาด เครื่องเรือน แพรพรรณอย่างดีถูกนำมาจัดวาง"เสี่ยวฮวา วางป้ายราคาได้"สาวใช้ตัวน้อยรับคำก่อนจะวางป้ายราคาตามสินค้าชิ้นต่างๆ เหล่าคนที่มาดูเรื่องตลกทีแรกก็ตะลึง หยกเนื้อดีที่ราคาสามร้อยถึงหนึ่งพันตำลึงแต่คุณหนูคนนี้ขายเพียงแปดสิบตำลึง เครื่องลายครามราคาแปดร้อยตำลึงนางขายเพียงร้อยตำลึง ผ้าไหมอย่างดี ราคาพับละสามร้อยตำลึงนางขายเพียงสามสิบตำลึง ไม่นานสินค้ากว่าแปดร้อยรายการที่วางขายก็เริ่มทยอยขายจนหมด กระทั่งเหลือหยกสามชิ้นหนึ่งในนั้นมีบุรุษแต่งกายมอซอคนหนึ่ง ใครที่อยู่ใกล้ๆเขาต่างก็รังเกียจ เขาเดินเข้ามาคอตกทำท่าทางกล้าๆกลัวๆก่อนจะเอ่ย"คะ คุณหนู ขะ ขอรับ คือว่าขะข้าๆเอ่อข้า""พี่ชาย ท่านต้องการสิ่งใดว่ามาเถอะ หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงข้าย่อมให้ท่านได้""วะ วันเกิดมารดาข้า บิดาข้าจากไปนานแล้วนางเฝ้าหลุมศพท่านพ่อจนกระทั่งผมขาว ข้าน้อยทำงานหนักมานานจึงอยากให้ของขวัญนางสักชิ้น อยากได้ของขวัญ คะ คุณหนูมีที่ไม่แพงไหม""เ
ทันทีที่ของขายหมดจ้าวเฉิงก็มาถึงพอดี เขากำลังจะชี้หน้านางแต่ก็ต้องชะงัก ดูเหมือนนางจะแปลกไป ดูงดงามขึ้น เสื้อผ้าก็ไม่ซีดจนมีแต่สีขาว จ้าวเฉิงเดินไปหานางเอ่ยปากถามนาง"อี้เซียน..เหตุใดนำของหมั้นมาขายเสียเล่านี่เป็นสินสอดของเรานะ""คุณชายจ้าว สินสอดอันใดกันในเมื่อท่านแต่งงานไปแล้วข้าวของเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้อีก อ้ออีกเรื่องหนึ่งรบกวนท่านเรียกข้าว่าคุณหนูเซียวจะดีกว่า คำเรียกสนิทสนมแบบนั้นคราวหลังอย่าใช้อีก เสี่ยวฮวาเข้าบ้านกันเถอะ พี่ชายท่านนี้ขอให้มารดาท่านสุขภาพแข็งแรงนะเจ้าคะ""อี้เซียนเจ้าโกรธข้าเรื่องนั้นไม่ได้ แม้ว่าเราจะมีสัญญาหมั้นหมายกัน แต่ว่าด้วยความเหมาะสมข้าต้องแต่งเย่วเอ๋อร์ มิใช่บอกเจ้าแล้วหรือว่าข้าสามารถแต่งเจ้าเป็นฮูหยินรองได้""โอ้ว..คุณชายจ้าวท่านช่างเปี่ยมน้ำใจยิ่งนัก ทำเพื่อวงศ์ตระกูลเสียน่ายกย่อง เสียงที่ข้าได้ยินยามที่ไปอารามกับท่านเป็นเสียงที่ท่านบอกว่าอีกหน่อยข้าต้องยอมรับให้ได้ เพราะว่าข้าอีกหน่อยต้องเป็นฮูหยินที่ใจกว้าง มาบัดนี้กลับต้องไปเป็นฮูหยินรอง แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะคนที่ครวญคราง อ๊า ท่านพี่เฉิงท่านเร่าร้อนนัก อืม ใหญ่โตเช่น
หลินลู่เหลียนเดินมาด้วยสีหน้าถมึงทึง หวังกุ้ยเฟยถึงกับหน้าถอดสี วรยุทธของนางสูงส่งเพียงนี้เชียวหรือ ก่อนจะเอ่ยตำหนิออกไป"หลินลู่เหลียน หมายความว่าอย่างไรกล้าดีอย่างไรถึงมาทำร้ายคนของข้า"หลินลู่เหลียนเดินมาช้าๆจนถึงที่เซียวอี้เซียนยืนอยู่ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม"หวังเจียเอ๋อร์ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้ากล้ายื่นมือสอดจมูกมาวุ่นวายตำหนักหย่งฉือของข้า เอาสิทธิ์อันใดมาสั่งสอนสะใภ้ของข้า รวมถึงพวกเจ้าด้วย ...หากว่างมากมิเอาเวลาไปสั่งสอนบุตรชายของเจ้าให้รู้ว่าสิ่งใดควรทำมิควรทำดีกว่าหรือ""พระชายาชินอ๋อง พวกเราๆมิกล้าหรอกเพคะ""สนมลิ่น เมื่อสักครู่คนที่ต่อว่าสะใภ้ข้าเป็นปี่เป็นขลุ่ยมิใช่เจ้าหรอกหรือ"เหล่าสนมตัวสั่น แม้ว่าหวังกุ้ยเฟยจะเป็นคนโปรดของฝ่าบาท แต่พระชายาชินอ๋องนั้นคือคนที่ฝ่าบาทให้ความสำคัญ นางเป็นบุตรสาวอดีตราชครูอราจารย์ของฮ่องเต้ เดิมเกือบได้แต่งเข้าวัง แต่นางกับพระอนุชาฮ่องเต้มีใจรักใคร แล้วฮ่องเต้ก็รักน้องชายจึงมีราชโองการให้ทั้งสองได้สมหวังทุกคนตัวสั่น หลินลู่เหลียนเดินไปหาเซียวอี้เซียนที่ยืนพิงเสี่ยวฮวาอย่างอ่อนแรง หวังกุ้ยเฟยเชิดหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ว่านางจะรู้
จางลี่เฟยกลับไปแล้ว ทางด้านเซียวอี้เซียนนั่งกินขนมและจิบชาพูดคุยกับฉีฮุ่ยหมิ่นเรื่องทั่วไป แต่ในคำพูดกลับแฝงไปด้วยเรื่องงานที่ไม่อาจให้คนอื่นรู้ได้"พระชายา หลายวันก่อนเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ไปเที่ยวเมืองอู่โถง หม่อมฉันได้ยินว่าที่นั่นมีของกินขึ้นชื่อเลยฝากทั้งสองพระองค์ซื้อมาเพคะ""หืม เซี่ยนเซี่ยนเจ้านี่นะ ช่างชื่นชอบเรื่องกินเสียจริงๆ ไว้มีโอกาสพวกเราไปเดินเล่นตลาดด้วยกันดีไหม ข้าจะเหมาทั้งถนนเพื่อเติมท้องเจ้าเลย""ดีเพคะ"ทั้งสองคนส่งสัญญาณกันว่าพ่อสามีของนางอ้างเรื่องไปเที่ยว เพื่อหาแผนที่อีกครึ่งตอนนี้หาครบแล้ว รอเพียงลงมือก่อสร้างเท่านั้น เมื่อพวกนางกลับมาจากไหว้พระทางฝ่าบาทก็จะให้บิดาของนางเซียวหงขึ้นรับตำแหน่งท่านเจ้ากรม จากนั้นก็ออกพระราชโองการสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ทันทีที่ห่วงคือสกุลจ้าวอาจกระพือข่าวให้ประชาชนตกใจ ต้องหาทางแพร่ข่าวก่อนเพื่อให้ชาวบ้านรับมือ ทั้งสองคนพูดคุยสัพเพเหระ ไม่นานก็มีนางกำนัลของตำหนักหวังกุ้ยเฟยมาหาก่อนจะบอกเซียวอี้เซียน"ทูลพระชายาหนิงอ๋อง หวังกุ้ยเฟยมีรับสั่งให้พระชายาไปเข้าเฝ้าเพคะ อีกอย่างพระนางบอกว่าด้วยฐานะของพระนางนั้นเรียกพระชายาเข้าเฝ้าย่อมไม่ม
หลังจากที่องค์รัชทายาทเสด็จไปแล้วไม่นานสาวใช้ก็เข้ามารายงานว่าพระชายาหนิก็อ๋องเสด็จมาขอเข้าเฝ้า ฉีฮุ่ยหมิ่นที่เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์เรียบร้อยก็บอกให้คนไปเชิญเซียวอี้เซียนเข้ามาเซียวอี้เซียนเดินตามสาวใช้เข้ามาในตำหนัก ฉีฮุ่ยหมิ่นเดินออกมาจากด้านใน ลำคอระหงมีร่องรอยดอกเหมยอยู่จางๆ เซียวอี้เซียนส่งสายตาเห็นใจ แม้ว่าจะรู้เรื่องทุกอย่างดีแต่ว่าภายใต้สายตาคนมากนางมีเพียงแค่ต้องสงสารฉีฮุ่ยหมิ่นเท่านั้น ก่อนจะกุมมือบางของนางแล้วเอ่ยออกมา"ไท่จื่อเฟย ท่านถูกไท่จื่อข่มเหงหรือเพคะ""เขาไม่ใช่คน เขาไม่ให้เกียรติข้าสักนิด เซี่ยนเซี่ยน พรุ่งนี้ไปไหว้พระข้าจะอยู่ที่วัดศึกษาพระธรรม ไม่อยากกลับมาเจอเขาอีก ฮึกๆ"เสียงสะอื้นเบาๆ บวกกับท่าทางของพระชายารัชทายาทนั้นทำเอาบ่าวไพร่สงสารนางยิ่งนัก แต่มีขันทีบางคนที่ส่งสัญญาณให้กัน เซียวอี้เซียนสังเกตเห็นท่าทางคนเหล่านั้นแล้วจึงเอ่ยกับคนตรงหน้า"พระชายาอย่าเสียใจไปเลยเพคะ พวกเราเดินเล่นกันดีหรือไม่ ท่านอ๋องบอกว่าสระบัวทิศตะวันออกยามนี้ออกดอกมากนัก ชูช่อบานสะพรั่งงดงามไปทั่วทั้งสระ""ได้ ไปสิข้าเองก็อยากผ่อนคลายเช่นกัน ซีซีเจ้ายกขนมกับน้
เสียงในห้องเงียบไปแล้ว บนเตียงฉีฮุ่ยหมิ่นนอนหนุนแขนของหยางเฟยหยางอยู่ นางตะแคงกอดเขาเอาไว้ มือหนาลูบหลังนางปลอบโยน เอ่ยด้วยถ้อยคำรักใคร"หมิ่นเอ๋อร์ลำบากเจ้านัก หากพี่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาความรักของเราคงจะดีกว่านี้""ทรงแน่ใจหรือเพคะว่าจางลี่เฟยเป็นคนวางยาฮองเฮาพระองค์ก่อนจริงๆ นางทำได้อย่างไรกันนางเป็นเพียงสนมที่ฝ่าบาทไม่เคยพลิกป้ายด้วยซ้ำ""นางมีคนช่วย และคนๆนั้นก็มีอำนาจมากพอ เอาล่ะพี่ต้องไปแล้วอยากอยู่กับเจ้าทั้งคืนจริงๆไม่อยากห่างเลย เรื่องของหลานซิ่วเอ๋อร์เด็กดีเจ้าอดทนหน่อยนะ วันหน้าพี่จะชดเชยให้เจ้าเอง""เพคะ ขอแค่พระองค์ปลอดภัยหม่อมฉันยินดีอดทนทุกอย่าง"หยางเฟยหยางลุกขึ้นรั้งนางขึ้นมากอด เขาอยากรักนางมากกว่านี้แต่ทำไม่ได้ มีแค่ต้องเกลียดชังนางเพราะตระกูลของนางไร้บุรุษแล้วมีเพียงบ่าวไพร่และท่านย่าชราเท่านั้น นี่เป็นการปกป้องคนในครอบครัวนางด้วยฉีฮุ่ยหมิ่นลุกมาหยิบอาภรณ์แล้วส่งให้เขา หยางเฟยหยางเข้าใจจึงกระชากแล้วฉีกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาใช้ปิ่นปักผมกรีดฝ่ามือตนเองก่อนจะหยดเลือดลงบนที่นอนว่าเขากับนางได้เข้าหอกันครั้งแรก ฉีฮุ่ยหมิ่น
หยางเฟยหยางกลับมาถึงตำหนักบูรพาก็ตรงไปหาฉีฮุ่ยหมิ่นทันที ไม่ได้เขาต้องทำอะไรสักอย่างแล้วไม่เช่นนั้นแม่ตัวดีหลานซิ่วเอ๋อร์แทรกแซงแน่ๆ สตรีน่าตายนั่นหากไม่ใช่เพราะนางต้องสืบความลับให้กับเขาละก็เขาคงไม่เอาไว้แล้ว เมื่อเข้ามาถึงก็ถามหาพระชายาทันที แต่เงาดำพาดผ่านนอกตำหนักทำให้เขาไม่รีบร้อนจนเกินไป ดูท่าคนขององค์ชายใหญ่หรือสนมจางคงมาดูลาดเลาเพื่อไปรายงาน หยางเฟยหยางจึงออกอาการเกรี้ยวกราดเรียกคนด้านใน "ฉีฮุ่ยหมิ่นออกมานะข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้า"เสียงเรียกดังกังวาน น้ำเสียงฟังก็รู้ว่าเขากำลังโมโห ซีซีหน้างอง้ำ มาถึงก็โวยวายคนอะไรหาเรื่องได้ทุกวัน ไม่หาเรื่องคนจะตายหรือไงกันนะก่อนจะเอ่ยแก่นายสาวของตน"พระชายา รัชทายาทมาหาเรื่องอีกแล้วเพคะ""อืม เจ้าออกไปเถอะ เดี๋ยวจะถูกลูกหลงเอาได้""แต่ว่า...""ไปเถอะ ข้าจะออกไปรับเสด็จน่ะ"ซีซีสวมเสื้อคลุมให้กับนายของตน จากนั้นทั้งคู่ก็มายังห้องโถง หยางเฟยหยางส่งสายตามายังร่างบางด้วยความเสน่หา ก่อนจะปรับเป็นสายตาเกรี้ยวกราดเอ่ยปากต่อว่านาง เสียงดังจนเหล่าข้ารับใช้สะดุ้ง"ฉีฮุ่ยหมิ่น นับวันเจ้าช่างใจกล้านักนะ แค่ซิ่วเอ๋อร์นาง
หยางเทียนหลงเสร็จจากข่มขู่หรานซิ่วเอ๋อร์ก็รีบกลับมายังจวนเซียวเพื่อรับพระชายาของตน ร่างสูงมาถึงก็เห็นเซียวอี้เซียนกำลังแยกเมล็ดพันธุ์พืชอยู่ ใบหน้านวลมีรอยยิ้มทุกครั้งที่นางได้ทำงาน หยางเทียนหลงเดินมาหาคนตัวเล็กที่กำลังเขียนชื่อของพืชชนิดต่างๆ เซียวอี้เซียนกำกับว่าพืชชนิดใดเหมาะกับดินแบบใด ท่านย่าของนางช่างเก่งกล้าสามารถยิ่งนัก เมื่อนางเงยหน้าก็เห็นคนที่นางคิดถึงมายืนตรงหน้า"ท่านอ๋อง...ทรงมาแล้วหรือเพคะ ทรงรอหม่อมฉันรอสักครู่หม่อมฉันจะไปอุ่นอาหารให้นะเพคะ""อย่าเลย พี่ยังไม่หิว น้องหญิงเจ้าทำอะไรอยู่ เริ่มจะค่ำแล้วกลับจวนอ๋องก่อนเถอะ""หม่อมฉันแยกเมล็ดพันธุ์อยู่เพคะ จริงสิวันนี้ทรงไปจัดการเรื่องชิ้นส่วนเรียบร้อยดีหรือไม่เพคะ""อืม..วันพรุ่งนี้พร้อมที่จะติดตั้งแล้ว เสด็จลุงจะทรงเสด็จไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง แต่เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้""แล้ว เรื่องความปลอดภัยของฝ่าบาท""เรื่องนี้อย่ากังวลลู่เสวียนวางแผนการไว้หมดแล้ว อย่าเห็นว่าปกติลู่กงกงเป็นคนแก่ชรา ท่านลุงของลู่เสวียนคนนี้ฝีมือติดหนึ่งในสิบของยุทธภพเชียวนะน้องหญิง"เซียวอี้เซียนยิ้มให้เขา จากนั้นนางก็เก็บพันธุ์พืชเข้ากล่องที่แย
หรานซิ่วเอ๋อร์เดินมาถึงก็จับมือแล้วโอบเอวบางให้ลงมา ยามนี้เซียวอี้เซียนอยู่ในอ้อมกอดของนาง องครักษ์ต่างมองหน้ากัน เซียวอี้เซียนค่อยๆเอาตัวเองออกมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณหรานซิ่วเอ๋อร์เบาๆ"ขอบคุณมากคุณหนูรอง ท่านมิใช่มาพบไท่จื่อเฟยหรอกหรือ เข้าด้านในกันเถอะ เอ่ออีกเรื่องไท่ฮูหยินนางป่วยอยู่คุณหนูรองหวังว่าท่านจะรู้ว่าอะไรควรพูดมิควรพูด""พระชายาวางใจ หม่อมฉันรู้ดีว่างสิ่งใดควรกล่าวเพคะ ไปกันเถอะ หม่อมฉันช่วยประคองนะเพคะ"เซียวอี้เซียนโบกมือแล้วส่งสายตาให้เสี่ยวฮวา สาวใช้ตัวน้อยรีบเข้ามาประคอง หรานซิ่วเอ๋อร์มองหน้าเซียวอี้เซียนอย่างหลงใหล แม้แต่เสี่ยวฮวานางยังมองราวกับจะกลืนกิน เสี่ยวฮวาลูบต้นแขนตนเองรู้สึกขนลุกปลกๆยามที่คุณหนูรองสกุลหรานคนนี้มองมายังนางทั้งหมดเข้ามายังลานด้านใน พ่อบ้านไปบอกแล้วว่าพระชายาหนิงอ๋องมาหา ฉีฮุ่ยหมิ่นเดินออกมายิ้มแย้มกับเซียวอี้เซียน แต่เมื่อเห็นหน้าอีกคนรอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้างดงามทันที หรานซิ่วเอ๋อร์คนนี้คือคนของลี่เฟย นางมาจวนฉีทำไม่กัน กระทั่งเสียงอ่อนหวานดังมาจากหรานซิ่วเอ๋อร์"หม่อมฉันหรานซิ่วเอ๋อร์ ถวายพระพรไท่จื่อเฟยเพคะ""เฮ้อ..ตามส
หลังจากที่เซียวอี้เซียนจากไปแล้ว หลิวต่งก็ไปหาน้องสาวที่เรือน เขาเห็นร่างที่เริ่มอุ้ยอ้ายของหลิวเย่วที่กำลังจะลุกมาหาก็โบกมือห้ามปราม ก่อนจะเดินไปนั่งตรงกันข้าม พรชายาพูดถูกจวนเขามิได้มีแต่คนภักดี"เสี่ยวชุ่ย ไปเฝ้าด้านนอกอย่าให้ใครเข้ามากวน บอกไปว่าคุณหนูเพลียอยากนอนต้องการความสงบ บ่าวไพร่เหล่านั้นไม่ต้องมากวาดลานบามนี้""เจ้าค่ะคุณชายใหญ่"สาวใช้เสี่ยวชุ่ยออกไปแล้ว หลิวต่งจึงเอ่ยปากพูดคุยกับน้องสาว หลิวเย่วรู้ดีว่าพี่ชายรักและเป็นห่วงนางจึงนั่งฟังเขาไม่ขัดคอ"เย่วเอ๋อร์ เจ้าลืมไอ้คนสาระเลวจ้าวเฉิงได้หรือยัง""ข้าไม่อาวรณ์แล้วเจ้าค่ะพี่ใหญ่ จะว่าไปก็อิจฉาพระชายาที่นางสามารถหลุดพ้นคนอย่างจ้าวเฉิงไปได้ อนาคตนางมีแต่หนทางสว่าง""พระชายาจะไปไหว้พระในอีกสามวัน นางให้ข้ามาบอกว่าหากเจ้าอยากไปด้วยนางก็ยินดี""พี่ใหญ่ บอกตามตรงข้าไม่กล้าสู้หน้านาง ที่ผ่านมาข้าวกับจ้าวเฉิงเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนาง ทำให้นางกลายเป็นตัวตลก สกุลเซียวต้องเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนทั่วเมืองหลวง พี่ใหญ่ นางดีกับข้าเพียงนี้ ข้ารู้สึกละอายใจ""เฮ้อ...พระชายาทายไม่ผิด เจ้าต้องเอ่ยเช่นนี้ เย่วเ
สองชายชรามองหน้ากันทันที บ้านก็ไขายไม่ออก คนเช่าก็ไม่มีมานับแต่เกิดเรื่อง มาวันนี้นางยังจะเอาแต่ใจให้คนมาอาศัยในบ้านที่พวกเขาลงทุนอีก เซียวอี้เซียนคนนี้เหตุใดถึงได้กล่าวเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้กัน หลิวเว่ยกล่าวกับนางด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์นิดหน่อย"พระชายา บ้านเหล่านั้นตอนมาจำนองทรุดโทรมอย่างมาก เมื่อเจ้าของไถ่คืนไม่ไหวพวกเราก็ต้องซ่อมแซมเพื่อขายต่อหรือปล่อยเช่า ค่าซ่อมแซมแน่นอนว่าใช้เงินตำลึงไม่น้อยนะพ่ะย่ะค่ะ""จริงของหลิวเว่ย พระชายาสกุลหลิวมีรายได้มาจากการให้เช่าบ้านและปล่อยกู้ ยามนี้หากไม่มีบ้านให้เช่าลำพังเงินเดือนเจ้ากรมกับอดีตเจ้ากรมคงไม่พอเลี้ยงคนกว่าร้อยชีวิตนะพ่ะย่ะค่ะ"สองพี่น้องสกุลหลิวเอ่ยออกมา หลิวต่งเองก็ให้ไม่พอใจเท่าไหร่ นางบอกว่าจะมาเจรจานี่มันเป็นการเจรจาที่ไหนกันนางตั้งใจมาแล้วชัดๆ กระทั่งเซียวอี้เซียนยกยิ้มมุมปากก่อนจะส่งสัญญาณ แม่นมจางและชุ่ยเหยียนรู้ว่าพระชายาต้องการสิ่งใดจึงเดินมาส่งม้วนกระดาษให้กับหลิวหลางเมื่อชายชรารับมาอ่านก็ตาเบิกโพลง นี่มันค่าตอบแทนมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ที่สำคัญตำแหน่งที่นางมอบให้เขานั้นนับว่าสูงกว่าตำแหน่งอำมาตย์ฝ่า