ชาวบ้านต่างซุบซิบนินทากันไปต่างๆนานา เมื่อตามไปดูก็เห็นพี่ชายของคุณหนูหลิวแบกน้องสาวที่สวมชุดเจ้าสาวมีผ้าคลุมหน้าออกมาจากจวน ส่งนางขึ้นเกี้ยว มโหรีบรรเลงขบวนรับตัวเจ้าสาวหันกลับไปยังทิศเหนือของเมืองเพื่อมุ่งสูู่ตระกูลจ้าวเพื่อทำพิธี
ทางด้านตระกูลเซียวที่ตอนนี้เซียวอี้เซียนนั่งบีบมือจนนิ้วขาวซีด นี่เลยเวลามามากแล้ว เหตุใดพี่เฉิงยังไม่มาอีก เขาเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เสี่ยวฮวาที่ตอนนี้วิ่งกระหืดกระหอบมาด้วยความเป็นห่วงคุณหนูของตน บวกกับเรื่องที่เพิ่งได้ยินทำเอานายท่านถึงกับกระอักเลือด ตอนนี้หมอประจำจวนกำลังช่วยเขาอยู่
เมื่อมาถึงเรือนแม่สื่อที่มาอยู่กับนางก็มองหน้าทันที คนแก่คนเฒ่าเองก็สงสัยว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น เสี่ยวฮวาเดินเข้ามาหาคุณหนูของตนก่อนจะเอ่ยทั้งน้ำตา
"คุณหนูเจ้าขา เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ฮือๆๆๆ"
"เกิดเรื่องอะไรเสี่ยวฮวา หรือว่าท่านพี่เฉิงเกิดเรื่องอันใดขึ้น"
"คุณหนูเจ้าขา คุณชายเฉิงเขาๆ คือว่าเขา"
"เสี่ยวฮวาเกิดอะไรขึ้นบอกข้ามาเถอะ"
ตุบ!!เสี่ยวฮวาคุกเข่าลงตรงหน้า เซียวอี้เซียนแปลกใจที่สาวใช้ตัวน้อยของนางมีกิริยาเช่นนี้จึงเลิกผ้าคลุมหน้าออกก่อนจะเอ่ยถามเรื่องราว
"มีเรื่องอะไรกันแน่เสี่ยวฮวา เจ้าเป็นอะไรไปบอกข้าสิ อย่าทำแบบนี้ข้าทำตัวไม่ถูกนะ"
"คุณหนูเจ้าคะ คุณชายเฉิงไปยังทิศตะวันตก รับคุณหนูหลิวเป็นเจ้าสาวตอนนี้ทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินอยู่ที่จวนจ้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ พวกเขาเหลือแค่ส่งตัวเข้าหอเท่านั้น"
"อะไรนะ? ไม่ ไม่ๆๆ ไม่จริง ท่านพี่เฉิงไม่มีวันทำกับข้าแบบนี้ ไม่จริงเสี่ยวฮวาเจ้าโกหก ฮือๆๆๆไม่จริง ไม่จริง"
เซียวอี้เซียนลุกขึ้นวิ่งออกไปข้างนอก แต่กลับถูกบ่าวไพร่จับเอาไว้ คนของสกุลจ้าวที่ถูกส่งมาก็เดินมาหานาง แม้คนจวนเซียวจะห้ามแต่กลับต้านไม่ได้
"คุณหนูเซียว คุณชายของเราบอกว่าเรื่องแต่งงานกับท่านเป็นไปไม่ได้ คุณขายของเรามีใจต่อคุณหนูหลิว แต่ว่าเพื่อไม่ให้ท่านเสียหน้าสินสอดไม่เอาคืน เพราะอย่างไรจวนเซียวก็ตกต่ำจำเป็นต้องใช้จ่าย อีกเรื่องหากคุณหนูยินดียอมเป็นอนุ คุณชายก็จะส่งเกี้ยวมารับท่าน"
"อนุหรือ หมายความว่าอย่างไร พวกเจ้าสกุลจ้าวคิดว่าจวนเซียวของข้ารังแกง่ายงั้นหรือ แค่กๆๆ เซียนเอ๋อร์ กลับไปเข้าห้อง ไม่แต่งก็ดีรู้เช่นเห็นชาติวันนี้ดีกว่าแต่งไปแล้วทุกข์ใจ แค่กๆๆ โอ๊ะ"
พ่อบ้านสกุลจ้าวผลักบิดาของเซียวอี้เซียนจนล้มลง ชายชรากระอักเลือดออกมา เซียวอี้เซียนรีบวิ่งไปประคองเขา อนุหรือ เขาทำอย่างนี้ได้อย่างไร เขาสัญญาว่าจะรักนางคนเดียว
"ข้าไม่เชื่อว่าพี่เฉิงจะเอ่ยเช่นนี้ ข้าไม่เชื่อ"
"คุณชายคิดไว้แล้วว่าท่านต้องเป็นเช่นนี้ นี่เป็นจดหมายจากคุณชาย เชิญคุณหนูเซียวอ่านเองเถอะ"
เซียวอี้เซียนรับจดหมายมา มือสั่นเทาก่อนจะเปิดอ่าน ลายมือของเขานางจำได้
("คุณหนูเซียว..ขออภัยที่ไม่สามารถแต่งงานกับเจ้าได้ ข้ากับเย่วเอ๋อร์มีใจตรงกัน อีกอย่างนางเป็นหน้าเป็นตาให้กับสามีเช่นข้าได้ เจ้าเองนอกจากท่าทีอ่อนแอจนน่ารำคาญก็จืดชืดจนไร้สีสัน ฝืนใจแต่งกับเจ้าชีวิตข้าคงต้องทนทุกข์ แต่หากเจ้ายอมเป็นอนุของเย่วเอ๋อร์ได้ข้าจะส่งเกี้ยวมารับ ส่วนจะเข้าหอกับเจ้าหรือไม่ต้องถามเย่วเอ๋อร์ว่านางยอมหรือเปล่า สินสอดไม่เอาคืน ตระกูลเซียวตกต่ำเพียงนี้เงินเหล่านี้เอาไว้พยุงฐานะพวกเจ้าก็แล้วกัน จ้าวเฉิง")
"ไม่จริง พี่เฉิงไม่ทำกับข้าแบบนี้ ไม่จริงจดหมายนี่โกหก ฮือๆๆ"
"เฮ้อ หมดหน้าที่ของข้าแล้วขอตัวก่อน หึ มีอะไรคู่ควรกับคุณชายของข้ากัน ไม่ประมาณตนเอาเสียเลย"
จ้าวอันป๋อออกจากคุกหลวงก็ตรงกลับจวนในทันที เขาต้องหาทางเร่งกระพือข่าวเรื่องที่เมืองหลวงกำลังจะจมน้ำ หากชาวบ้านแตกตื่นยิ่งเป็นผลดีต่อพวกเขา ใครจะรู้ว่าเมื่อมาถึงจวนกลับเจอเข้ากับภาพที่เขาไม่คาดฝัน คนในจวนถูกจับมารวมที่ลานหน้าบ้าน ทหารองครักษ์ใช้ดาบจ่อคอทุกคนเอาไว้ หนึ่งในนั้นสวมชุดเกราะสง่างาม เป็นจ้าวเหวินหลานชายคนรองของน้องชายเขานั่นเอง สายตาเหลือบไปมองก็เห็นจ้าวเฟิงหลายชายของเขากับจ้าวเฉิงที่นอนอยู่ไม้กระดาน ชายชรามองไปยังใบหน้าที่สวมชุดเกราะให้ความรู้สึกถึงใครบางคน หวงจิ้งไห่ หย่งอันโหวคนนั้น เหตุใดใบหน้าถึงได้ละม้ายคล้ายจ้าวเหวินยามสวมชุดทหารเช่นนี้ แต่ทว่านี่ไม่ใช่เวลามานึกถึงคนที่ตายไปแล้ว เขาอยากรู้ว่าทหารองครักษ์มาที่จวนสกุลจ้าวทำไมก่อนจะเอ่ยถามออกไป "เหวินเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนของฝ่าบาทหรือ แล้ววันนี้พาทหารมามากมายสกุลจ้าวทำสิ่งใดผิดกันบอกปู่ใหญ่ได้หรือไม่" จ้าวเฟิงพยายามที่จะลุกขึ้นแต่เขากลับถูกกระบี่ของทหารองครักษ์จ่อเอาไว้ ทหารผู้นั้นกดกระบี่ลึกลงมาจนมีเลือดซึมบริเวณปลายกระบี่ เยี่ยหรันเห็นดังนั้นจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น "ไอ้เนรคุณ สกุลจ้าวเลี้ยงดูหมาป่าตา
คุกราชสำนักจ้าวอันถูกจองจำอยู่ในกรงเหล็กกล้าอย่างดี แสงสลัวของคบเพลิงเพียงไม่กี่ดวงสะท้อนบนพื้นหินสีดำมนิทที่เย็นเยียบ เสียงโซ่ตรวนหนักพันธนาการข้อมือข้อเท้าเขาไว้แน่น“ให้ตาย...มารดามันเถอะ” จ้าวอันสบถเสียงต่ำ ฟันขบแน่นด้วยความคั่งแค้นเหตุใดไทเฮาจึงเสด็จไปที่นั่นได้กัน ทุกอย่างราวกับว่ามีผู้วางแผนล่อลวงให้เขาติดกับ ไป๋จินหวน...อีกเพียงนิดเดียว...นางจะเป็นของเขาแล้วเชียวแต่นางเด็กเลว เซียวอี้เซียนนั่น ช่างขัดหูขัดตายิ่งนัก!เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินสะท้อนก้องในโถงคุกเงียบสงัด จ้าวอันป๋อ ก้าวเข้ามาทางเดินซึ่งมีเพียงแสงคบเพลิงส่องสว่างตามทาง เขากวาดตามองกรงเหล็กตรงหน้า น้องชายผู้โง่งมของตนถูกใส่ตรวนหนัก นั่งอยู่กลางเงามืด มีเพียงเงาลูกกรงที่สะท้อนแสงไฟยาวเป็นทาง จ้าอันป๋อเอ่ยเรียกน้องชายด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย“เจ้ารอง” จ้าวอันเงยหน้ามองพี่ชาย สีหน้าขุ่นเคืองแต่ก็เอ่ยรับ“พี่ใหญ่...ท่านมาแล้ว”จ้าวอันป๋อมองน้องชายอย่างผิดหวังไอ้น้องโง่...เมื่อไรเจ้าจะมีสมองกับเขาบ้างนะ เขาเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงความเย็นชา“เจ้าทำอะไรลงไป เหตุใดไม่รอบคอบ ไป๋จินหวนนางงดงามก็จริง...แต่สตรีงามกว่านางใช่ว
หลังจากการประชุมจ้าวอันถูกส่งไปอยู่ยังคุกของราชสำนักซึ่งมีไว้สำหรับขุนนางที่ประพฤติผิดโดยเฉพาะ จ้าวอันป๋อเดินออกมาพร้อมกับขุนนางของตน หวังคุณซึ่งเป็นบิดาของหวังกุ้ยเฟยแม้ว่าจะเกษียณไปแล้วแต่ยังคงมาร่วมประชุม เขาเดินออกมาพร้อมจ้าวอันป๋อ เมื่อมาถึงหน้าประตูทางออกหลิวหย่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับคำนับหยางเทียนหลง เอ่ยเสียงดังกังวาน"ท่านอ๋อง..กระหม่อมได้เสบียงเพียงพอตามที่แจ้งแล้วพ่ะย่ะค่ะ"หยางเทียนหลงพยักหน้าก่อนจะเอ่ยกับหลิวหลางและหลิวเว่ย"ใต้เท้าหลิวต้องขอบคุณสกุลหลิวยิ่งนักที่บริจาคเสบียงครั้งนี้ทำให้แก้วิกฤตได้ทัน ชาวบ้านพอได้อยู่รอดมิต้องอดอยาก""ท่านอ๋องเกรงใจไปแล้ว ขุนางราชสำนักยามเมื่อบ้านเมืองประสบภัยย่อมต้องช่วยเหลือ อย่างที่พระชายาของพระองค์กล่าวเอาไว้""หืม...น้องหญิงของข้ากล่าวอันใดกับพวกท่านหรือ""พระนางบอกว่า กษัตริย์และขุนนางนั้นอยู่ได้มิใช่เพราะตระกูลใหญ่โตหรือมีเงินทองมากมาย แต่อยู่ได้เพราะราษฎร ยามใดที่ราษฎรอยู่ดีมีสุข บ้านเมืองก็สงบ ในเมื่อเก็บภาษีก็เท่ากับว่าราษฎรเป็นคนจ่ายเบี้ยหวัดให้พวกเรา เช่นนั้นยามที่ทำหน้าที่ก็ควรให้คุ้มค่ากับที่พวกเขาจ่ายภาษีมาพ่
หยางเทียนหลงมองหน้าจ้าวอันป๋อ ชายชรากำมือแน่นคนของเขาส่งข่าวมาว่าไอ้น้องโง่นั่นไปลวนลามไป๋จินหวนฮูหยินของเซียวหง ที่สำคัญยังทำต่องหน้าพระพักตร์ไทเฮาอีก เรื่องนี้ไม่ใช่ล้อเล่น กฎหมายเป่ยฉินนั้นระบุชัด ห้ามผู้มีอำนาจข่มเหงภรรยาผู้อื่น ความคิดของจ้าวอันป๋อต้องหยุดไปชั่วขนะเมื่อเซียวหงเดินออกมาด้านหน้าก่อนจะคุกเข่ากราบทูลฮ่องเต้"ฝ่าบาท กระหม่อมเซียวหงรักษาการเจ้ากรมโยธามีเรื่องกราบทูลให้พระองค์ช่วยคืนความเป็นธรรมแก่กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ"ฮ่องเต้มองหน้าเขาก่อนจะพยักหน้า "ใต้เท้าเซียว...ลุกขึ้นแล้วค่อยพูดเถิด""ขอบพระทัย ฝ่าบาทกระหม่อมขอร้องเรียนจ้าวอัน อำมาตย์ซ้ายข้อหาประพฤติตนมิชอบ ลวนลามภรรยาขุนนาง อีกทั้งยังบังคับจิตใจนางพ่ะย่ะค่ะ"ทันทีที่เซียวหงพูดจบขุนนางทั้งสองฝั่งก็เริ่มวิจารย์ จ้าวอันป๋อเดินมาหาเขาก่อนจะเอ่ย"เซียวหง เจ้าบอกว่าน้องชายข้าลวนลามภรรยาผู้อื่นหมายความว่าอย่างไร ใส่ร้ายขุนนางผู้ใหญ่ความผิดนี้เจ้ารับไหวหรือ"เซียวหงมองหน้าจ้าวอันป๋องก่อนจะหันกลับมายืนหลังตรงศรีษะค้อมไปด้านหน้า สองมือประสานมั่นคงเอ่ยวาจากราบทูลต่อ"ฝ่าบาท ฮูหยินกระหม่อมกับท่านแม่ติด
ท้องพระโรงท้องพระโรงอันโอ่อ่ากว้างขวางตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ม่านแพรปักดิ้นทองอร่ามสะท้อนแสงจากโคมไฟระย้าที่ห้อยลงมาจากเพดานสูงตระหง่าน แสงสีทองอบอุ่นสาดส่องลงมาต้องพื้นหินอ่อนขัดมันวับ จนปรากฏเงาสะท้อนของเสามังกรที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงเบื้องบนบัลลังก์ที่ประดับประดาด้วยหยกและทองคำ ฮ่องเต้ทรงประทับในชุดฉลองพระองค์สีทองที่ปักลวดลายมังกรห้ากรงเล็บอย่างวิจิตรบรรจง เปล่งประกายรัศมีแห่งอำนาจ ดวงพระเนตรคมกริบกวาดมองไปทั่วท้องพระโรงเบื้องล่างบัลลังก์ ขุนนางแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ด้านซ้ายคือกลุ่มของจ้าวอันป๋อ อำมาตย์ซ้ายผู้ พร้อมด้วยคนของสกุลหวังและกลุ่มขุนนางเก่าแก่ ทุกคนสวมชุดขุนนางสีเข้ม ใบหน้าของพวกเขาบ่งบอกถึงความเคร่งขรึมส่วนทางด้านขวา ยืนตระหง่านด้วยท่าทีสงบนิ่งคือ หยางเทียนหลง เสนาขวาฮั่วอ้าวป๋าย เซียวหงรักษาการเจ้ากรมโยธา หลิวหลางและหลิวเว่ยสองพี่น้องตระกูลหลิว จ้าวอันป๋อในชุดอำมาตย์สีม่วงเข้ม เขาก้าวมาหยุดอยู่กลางท้องพระโรง ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่จับจ้องมา ก่อนจะคุกเข่าลงเบื้องหน้าบัลลังก์อย่างนอบน้อมพร้อมก้มศีรษะลงจรดพื้น"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมจ้าวอันป๋อมีเรื่องร้
จากนั้นหยางเทียนหลงก็เอ่ยถามความเห็นนางเกี่ยวกับเรื่องของจางลี่เฟยอีกครั้ง"น้องหญิง เจ้ารู้เรื่องของสนมจางแล้ว""เพคะ นางตั้งครรภ์ไม่ผิดแน่ เรื่องนี้ทางสำนักราชวงศ์ประกาศว่านางเป็นโรคติดต่อร้ายแรงจำต้องให้ออกจากวังมารักษาตัวเพคะ""เจ้าว่านางจะทำเช่นไรต่อไป""นางคงต้องหาทางเอาเด็กออกแน่นอนเพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้อารามศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มีมลทิน แต่หากนางอยู่ที่อื่นก็ไม่วางใจ""นางแอบมีใจให้กับรัชทายาท แต่เขากลับแต่งฉีฮุ่ยหมิ่นเข้ามา""นางชอบไท่จื่อแล้วอย่างไร นางแต่งให้ฝ่าบาทตั้งแต่อายุสิบสองแต่งเพราะจะได้ไม่ต้องถูกประหาร จะว่าหม่อมฉันใจร้ายก็ดีโหดเหี้ยมก็ช่าง นางอยู่ในวังเป็นสนมด้วยนิสัยของนางไม่รู้ว่าเอาชีวิตนางกำนัลกับขันทีไปเท่าไหร่แล้ว จางลี่เฟยคนนี้หาใช่คนดี"หยางเทียนหลงพยักหน้าก่อนจะถามเรื่องที่จูเหวินไปจัดการก่อนหน้าที่จะมาพบเขา"เรื่องที่ซื่อจื่อไปจัดการเป็นหลิวเย่วที่บอกเจ้าหรือ""เพคะ นางบอกว่าที่เรือนนั้น เป็นเรือนที่ทางสกุลจ้าวแนะนำให้คนพวกนั้นมาเช่าเอาไว้ เมื่อไปถึง คุณชายจู... เอ่อ... ซื่อจื่อ ก็พบว่าในเรือนนั้นมีอาวุธมากมายราวกับคลังแสงเลยเพคะ มีคนคอยเฝ้าอย่างแน่นหนา"หย