เฉินมู่หยางที่กำลังทำปลาอยู่ก็หันมาทางนางและเด็กๆ เฉินโม่หวายกระดกแก้วไม้ไผ่ทีเดียวเพื่อเอาน้ำข้าวลงท้อง นี่เป็นเงินที่ท่านพ่อหามาอย่างลำบากเพื่อซื้อข้าวสารให้เขา ต้องกินสิเขาไม่ได้กินเพราะนางสั่งให้กินเสียหน่อย กินเพราะเห็นแก่ท่านพ่อต่างหาก เฉินโม่หวายดื่มเร็วไปจึงสำลักออกมา
"แค่กๆๆ แค่กๆๆ " มือผอมแห้งทุบหน้าอกตนเอง จ้าวเฟยเฟยเดินไปลูบหลังให้ เขาผงะในใจยังระแวงนางอยู่ จ้าวเฟยเฟยกลอกตามองบนก่อนจะเอ่ย
"การเกิดเป็นคนนั้นยากยิ่ง หากเจ้าจะกินมื้อนี้เพื่อสั่งลาข้าก็ไม่ว่า แต่คนเราน่ะนะถ้าอยากตายอย่างน้อยก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรีหน่อย ไม่ใช่ตายเพราะตะกละ"
เฉินโม่หวายมองหน้านางน้ำตาคลอ สตรีคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก เขาสะบัดหน้าวิ่งเข้าเรือนแพไปนั่งร้องไห้ เฉินมู่หยางเดินมาพอดีก่อนจะส่งปลาที่ทำเรียบร้อยให้กับนาง เขาเอ่ยตำหนิคนตรงหน้า
"โม่หวายยังเด็ก แต่ละคำพูดของเจ้าล้วนทำร้ายจิตใจ"
"แล้วอย่างไร จะกระโดดน้ำตายหรือ หึยายแกนั่นทั้งตบทั้งตี กระทั่งด่าว่าลูกโสเภณียังไม่เห็นตายเลย แต่พอข้าพูดกลับรับไม่ได้หรือ เขาเป็นเด็กผู้ชายอนาคตต้องรับผิดชอบครอบครัวเป็นที่พึ่งให้น้องสาว นิสัยหยุมหยิมอย่างนี้โตไปจะมีประโยชน์อะไร"
จ้าวเฟยเฟยรับเอาปลามาก่อนจะไปเพิ่มไฟ นางทอดปลาจนเป็นสีเหลืองทองจากนั้นก็ใส่ขิงที่หั่นแว่นลงไปตามด้วยต้นหอมป่า ใส่เกลือเล็กน้อย เติมน้ำแล้วเคี่ยว เกือบจะยามเฉินแล้วในที่สุดอาหารก็พร้อมสำหรับสี่คน จ้าวเฟยเฟยยกอาหารเข้าไปในเรือน จานชามไม่พอนางจะเป็นต้องใช้กระบอกไม้ไผ่มาเป็นที่ใส่อาหารแทน
น้ำแกงปลาสีขาวน้ำนมช่วยให้มีความอยากอาหารมากขึ้น เฉินโม่หวายที่ยังงอนจากการที่ถูกนางว่าก็ไม่ยอมลุกมากินข้าว จ้าวเฟยเฟยเห็นว่าเขาเอาแต่ใจเพื่อเรียกร้องบิดาก็ไม่สนใจก่อนจะเอ่ยกับเฉินมู่หยาง
"ข้าจะไปชายป่าสักหน่อยน่ะ"
"ไปชายป่า?....ที่นั่นมีอะไร"
"บ้านแม่หม้ายหลิน นางป่วยอยู่กับบุตรชายแค่สองคน ข้าจะเอาข้าวไปให้นางสักมื้อ อย่าห่วงเลยเงินข้าคืนท่านแน่"
เฉินมู่หยางไม่เคยรู้เลยว่านางรู้จักใส่ใจคนอื่นด้วย จากนั้นจ้าวเฟยเฟยก็ตักอาหารบางส่วนใส่กระบอกไม้ไผ่ก่อนจะใส่ตะกร้าแล้วเดินออกไปชายป่า นางไม่ลืมที่จะเอาน้ำดื่มที่นางแช่จี้หยกลงไปด้วย ส่วนเฉินมู่หยางรู้ดีว่านางต้องการให้บุตรชายของเขากินข้าวก่อน มิเช่นนั้นนางคงไม่รีบออกไปจึงเอ่ยกับบุตรชายเมื่อนางไปแล้ว
"ท่านแม่ของเจ้านางอาจจะพูดจารุนแรงไปบ้าง โม่หวายแต่นางก็หวังดี"
"ขอรับ ท่านพ่อ แต่ว่าต่อไปท่านห้ามกอดนางอีกข้าไม่อยากให้ท่านชอบนาง"
เฉินมู่หยางถอนหายใจก่อนเอ่ย
"วันหลังห้ามแอบดูผู้ใหญ่ อีกอย่างพ่อไม่ได้กอดนาง เราอยู่บนแพบางทีก็มีคลื่นทำให้แพแกว่งโคลงไปมาไม่ยืนมั่นคง พ่อแค่รับนางไว้กันไม่ให้นางล้มก็เท่านั้น กินข้าวได้แล้ว"
เฉินผิงผิงไม่เห็นด้วยกับพี่ชายเสียงเล็กๆเอ่ยกับบิดา
"ท่านพ่อ ท่านแม่เปลี่ยนไปแล้ว นางใจดีกับผิงผิงมากนักท่านพ่อต้องรักท่านแม่นะเจ้าคะ ผิงผิงอยากมีท่านแม่"
นี่เป็นครั้งแรกที่น้องสาวเห็นต่างกับเขา เฉินโม่หวายใบหน้าหงิกงอกว่าเดิม แต่เด็กน้อยอีกคนไม่สนใจนางไม่ยอมกินจะท่านแม่กลับมา ซึ่งทำให้พี่ชายต้องรอไปด้วย ทั้งสามจึงนั่งรอจ้าวเฟยเฟยกลับมากินข้าวพร้อมกัน
ชายป่าห่างจากกระท่อมเฉินมู่หยางสิบจ้างจ้าวเฟยเฟยเดินมาหยุดที่กระท่อมโทรมหลังหนึ่งที่บัดนี้กลับแทบจะไม่ใช่ที่อยู่ของคน เมื่อคืนลมแรงหลัะงคาไม่เหลือแล้ว สองแม่ลูกไปนั่งซุกอยู่ใต้เตียงไม้เนื้อตัวเปียกปอน จ้าวเฟยเฟยร้องเรียกทั้งคู่
"พี่สาวหลิน เฉินอี้พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง"
เด็กหนุ่มวัยสิบสองปีกับสตรีวัยสามสิบเศษๆคนหนึ่งคลานออกมาจากใต้เตียงเมื่อเห็นคนที่มาแววตาดีใจก็เผยรอยยิ้มทั้งที่เขาหนาวสั่นจนปากเริ่มม่วง
"พี่เฟยเฟยท่านมาแล้ว ได้ยินว่าท่านถูกป้าหวังตีเป็นอย่างไรบ้างขอรับ"
"พี่หายดีแล้ว เปียกทั้งคืนเลยหรือ"
"ขอรับ ท่านแม่เองก็ไม่ไหว ข้าไม่รู้จะทำเช่นไร นางไข้ขึ้นตัวร้อนนัก"
"เอาเช่นนี้ พามารดาเจ้าไปบ้านข้าก่อน นี่เป็นน้ำแร่พอดีเมื่อวานข้าขึ้นเขาสำรวจเลยเจอมันให้นางดื่มอาจมีแรงขึ้นมาบ้าง"
เฉินอี้รับน้ำมาจากนางก่อนจะค่อยๆกรอกปากมารดา ไม่นานจากที่อ่อนแรงก็เริ่มหายใจสม่ำเสมอ เปลือกตานางขยับเล็กน้อยก่อนจะลืมตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
"อี้เอ๋อร์ อาซ้อเฉินท่านมาแล้วหรือ"
"พี่หลินท่านอย่าเอ่ยอะไรเลย เดิมเอาอาหารมาให้ท่าแต่ดูเหมือนบ้านท่านจะอยู่ไม่ได้แล้ว ไปพักบ้านข้าก่อนค่อยหาทาง"
จ้าวเฟยเฟยเอ่ยขึ้น ในความทรงจำร่างเดิมแต่งมาที่นี่ได้สามวันก็มาเจอกับสองแม่ลูกที่ลำบากยิ่งกว่านางเสียอีก วันนั้นนางเจอเข้ากับไข่ไก่ป่า เดิมจะแอบไว้กินเองแต่เมื่อเห็นแม่หม้ายคนหนึ่งกับเด็กที่กำลังช่วยกันขุดรากไม้นางจึงยกไข่ป่าให้พวกเขา
และจากนั้นนางก็แอบเอาอาหารมาให้บ่อยๆเท่าที่จะแอบเอามาได้ สองแม่ลูกที่ได้ยินนางเอ่ยชวนพยักหน้า จากนั้นหลินเฉินอี้ก็พยุงมารดาเดินตามจ้าวเฟยเฟยไป เมื่อมาถึงก็ประหลาดใจ บ้านดินนั้นอยู่ไม่ได้แล้วแต่พวกเขาสร้างแพบ้านและอยู่ในนั้น
"บ้านอยู่ไม่ได้ข้าเลยสร้างเรือนแพ พวกท่านแม่ลูกอยู่ไปก่อน ที่จริงวันนี้ข้าจะเข้าเมือง ที่ข้าไปหาก็อยากให้อาอี้มาช่วยเฝ้าบ้าน งั้นวันนี้พวกท่านพักที่นี่ก่อน ข้าเข้าเมืองแล้วกลับมาจะหาทางออกให้อีกที"
จ้าวเฟยเฟยเอ่ยกับคนทั้งคู่ จากนั้นก็มาถึงเรือนแพก่อนจะเรียกหาเฉินมู่หยาง
"ท่านพี่ ท่านออกมาหน่อยเจ้าค่ะ"
เฉินมู่หยางนิ่งเงียบ เมียเรียกเขาท่านพี่ไม่ใช่คำว่าตาเฒ่า เขาหูเพี้ยนหรือก่อนจะลุกออกมาก็เห็นว่านางพาคนกลับมาสองคนจึงรีบเดินข้ามสะพานมาหา
"พวกเขาคือ...."
"นี่พี่หลิน ส่วนนี่บุตรชายของนางชื่อเฉินอี้บ้านพวกเขาพังเพราะพายุเมื่อคืน อาศัยอยู่กับเราก่อนพอดีเราจะเข้าเมืองต้องมีคนเฝ้าบ้าน คนบ้านใหญ่ท่านมิใช่ท่านไม่รู้"
เฉินมู่หยางพยักหน้าก่อนจะเอ่ย
"อาซ้อ บ้านข้าคับแคบท่านคงจะไม่ถือสานะ"
"ไม่เป็นไร แค่มีที่หลบฝนก็พอแล้ว"
"ข้าจะไปดูที่นอนให้ท่านพักก่อน เฉินอี้เจ้าพามารดาเจ้าข้ามสะพานดีๆล่ะ"
เด็กหนุ่มพยักหน้า สองสามีภรรยาเดินข้ามไปก่อน หลินเหมยเซียงเกาะแขนบุตรชายค่อยๆเดิน เมื่อพวกเขาเข้าบ้านไปแล้วหลินเฉินอี้จึงเอ่ยแก่มารดา
"เสด็จแม่ ทรงไหวหรือไม่"
"อี้เอ๋อร์ อาซ้อเฉินนางเป็นคนดีต่อไปลูกอย่าลืมบุญคุณนาง"
"เสด็จแม่ทรงวางพระทัย ลูกจะต้องล้างมลทินให้ตระกูลท่านตาและทวงความเป็นธรรมให้ท่านแน่ๆ"
"วังหลวงเป็นสถานที่กินคน พวกเราใช้ชีวิตที่นี่เถอะอย่าไปยุ่งเกี่ยวอีกเลย เข้าไปกันเถอะพวกเขารอแล้ว"
หลินเฉินอี้ปฏิญาณในใจ หลี่กุ้ยเฟยข้าสัญญาว่าจะให้พวกเจ้าสกุลหลี่ชดใช้สามร้อยชีวิตให้กับสกุลหลิน จากนั้นก็พามารดาของตนเข้ามาบังเรือนแพในที่สุด
สองแม่ลูกเอ่ยจนจ้าวคังก็เริ่มลังเล ใช่นางแต่งออกไปแล้วมีสิทธิ์อันใดมาวุ่นวาย แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยต่อคนที่ไปตามเฉินหยวนก็มาถึง เขาได้ยินแล้วว่านางปีศาจนั่นกอดกับบุรุษอื่นที่ไม่ใช่เฉินมู่หยาง วันนี้เขาจะเอานางให้ตาย"ไหนๆๆ นางตัวดีจ้าวเฟยเฟยอยู่ที่ใด กล้าคบชู้สู่ชายหรือ แม้ว่าหลานชายข้าจะอัปลักษณ์แต่เจ้าก็แต่งมาแล้ว เห็นสกุลเฉินของข้าเป็นอะไร"เฉินหยวนเดินกร่างเข้ามาในศาล จ้าวเฟยเฟยคุกเข่าอยู่ก็หัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปหาเฉินหยวน "อาสามของสามีท่านมาแล้วหรือ""หึ เจ้าถึงกับพาบุรุษมาเดินโอบกอดกันที่ตำบลยังมีหลานชายข้าในสายตาหรือไม่"เฉินมู่หยางหันมาเผชิญหน้ากับเฉินหยวนช้าๆก่อนจะเอ่ย"อาสาม ข้าพาภรรยามาเดินเล่นซื้อของเหตุใดถึงไม่ได้ นางมิได้คบชู้กับผู้ใดทั้งนั้น"เฉินอี้เห็นหลานชายโกนหนวดเคราแล้วก็ยิ่งให้โมโห ไอ้เด็กนี่หน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก แล้วอย่างไรเล่าคนอื่นไม่เคยเห็นใบหน้านี้ถ้าเขาไม่ยอมรับ มันก็ไม่ใช่คนสกุลเฉิน จึงกล่าวออกไป"หลานชายข้า เจ้าหรือช่างน่าขันเจ้าเป็นใครกันแน่ มาหลอกลวงหลานสะใภ้ของข้า"ซุนเต๋อฉายเดินมากลางโถงก่อนจะเอ่ยกับเขา"เฉินหยวน หลี่อี้ และพวกเจ้า
นางจางนั่งลงร้องไห้เงินเยอะเพียงนั้นจะเอามาจากที่ใดกัน กระทั่งจ้าวเฟยเฟยค่อยๆลุกขึ้น เฉินมู่หยางเข้ามาประคอง นางเดินไปหาจ้าวอี้หรูพร้อมกระซิบข้างหูเช่นกัน"ว่าที่สามีเจ้าต้องจ่ายเงินให้ข้า น้องหญิงเจ้าบอกว่าจะดูแลเขาอย่างดี ตอนนี้ได้เวลาแสดงความจริงใจของเจ้าแล้ว""จ้าวเฟยเฟยนางสตรีชั่วช้า คอยดูเถอะข้าไม่จบแน่ๆ หึสามีเฒ่าเจ้าไม่มาเจ้ากลับมาโอบกอดกับบุรุษนอกบ้าน ข้าจะทำให้เจ้าถูกใส่กรงถ่วงน้ำ""ไอ้โย่ว ข้ากลัวจัง ไม่ต้องห่วงยังมีอีกคนที่ข้ายื่นคำร้อง จ้าวคังบิดาแสนดีของเจ้าไง"นางจางทรุดลงปิดหน้าร่ำไห้ราวกับถูกใครเข่นฆ่า เงินจำนวนห้าสิบตำลึงหรือนางจะไปเอามาจากที่ใด บุตรชายกำลังรอหนังสือรับรองอยู่ แต่ใต้เท้าให้จ่ายวันนี้ ที่สำคัญไอ้ลูกเนรคุณนี่ไปยืมเงินนั่นมาตอนไหนกัน"อาอี้ เจ้าไปยืมเงินนางมาเมื่อไหร่กัน""ท่านแม่ ข้า ข้ายืมมาเมื่อสองเดือนก่อนขอรับ""แล้วที่นางแพศยานี่พูดหมายความว่าอย่างไร ข้าจะตายเจ้าไม่มีเงินมาซื้อโลงศพน่ะห๊ะ""คือว่า คือ โอ๊ย ท่านแม่ท่านทำอะไรน่ะ"นางจางลุกมาได้ก็ทุบตีบุตรชายไม่ยั้ง ปากก็ด่าเขาไม่หยุด"ไอ้สารเลว ไอ้คนอกตัญญู เจ้ากล้าแช่งข้
เสียงสะอื้นขาดช่วงราวกับอัดอั้นจนไม่อาจกล่าวออกมาได้ ชาวบ้านที่มาดูการไต่สวนสงสารนางอย่างจับใจ "พ่อแบบไหนกัน ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูก เสือร้ายยังไม่กินลูกตัวเอง แต่บิดาของสตรีคนนี้เลวเหลือเกิน""ใช่ๆ ดูเหมือนจะเป็นคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านข้าง ที่ถูกนางฟ้องร้องอีกคน"ปึงๆๆๆ ฮั่วเทียนฉีเคาะโต๊ะให้ชาวบ้านเงียบจากนั้นก็เอ่ยถาม"แล้วอย่างไรต่อ จากนั้นเจ้าเอาเงินที่ไหนให้เขายืม""นางไม่มีเงินแต่อ้างว่าให้บุตรชายข้ายืมเงิน เพ้ยนางแพศยานี่โกหกกระทั่งท่านขุนนาง"นางจางเอ่ยทะลุกลางปล้อง จ้าวเฟยเฟยซ่อนยิ้มก่อนจะเงยหน้า น้ำตาที่เปื้อนแก้มนวลเรียกความสงสารจากคนน้อยใหญ่ที่มาดูการพิพากษาไม่น้อย เสียงพูดปนเสียงสะอื้นเอ่ยแก่คนด้านบน"ใต้เท้า ข้าขออนุญาตท่านพูดคุยกับนางได้ไหมเจ้าคะ"ฮั่วเที่ยนฉีมองไปยังนางจางก่อนจะเอ่ย" เด็กๆตบปากนางสิบทีโทษฐานที่เอ่ยแทรกกลางขณะที่ข้าไต่สวน ส่วนเจ้าจ้าวเฟยเฟยมีเรื่องอันใดจะคุยกับนางก็รอให้ลงโทษนางเสร็จก่อน"เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! เพียะ!! นางจากเลือดกบปาก หลี่อี้เห็นมารดาถูกตบกลับไม่ยื่นมือมาขอร้องเพื่อช่วยเหลือ น้ำหนักของเขาในใจอาจารย์สำนักศึกษาที่ตามซุน
จ้าวเฟยเฟยเรียกคนที่มามุงดู หนึ่งในนั้นคือซุนเต๋อชิวน้องชายซุนเต๋อฉายจากสำนักศึกษาเต๋อถัง จ้าวเฟยเฟยล้วงอกเสื้อก่อนจะหยิบกระดาษออกมาคลี่ สองมือบางจับมุมกระดาษด้านบนสะบัดเบาๆราวกับกำลังสลัดผ้าเช็ดหน้าก่อนจะยื่นไปด้านหน้าแล้วกวาดแขนไปด้านซ้ายจากนั้นก็กลับมาด้านขวาช้าๆ น้ำเสียงกังวานของนางเอ่ยขึ้น"ทุกท่าน ได้อ่านแล้วใช่หรือไม่ ตอบข้าหน่อยเจ้าค่ะว่านี่เขียนสิ่งใด"ชาวบ้านคนหนึ่งแต่ตัวคล้ายบัณฑิตแต่เป็นอีกสำนักก้าวออกมาแล้วเอ่ยตอบนาง"เป็นสัญญากู้ยืมเงินจากคนที่ชื่อหลี่อี้ เขียนว่าข้าหลี่อี้ ขอยืมเงินจ้าวเฟยเฟยเป็นจำนวนยี่สิบตำลึง ภายในสองเดือนนับจากวันนี้จะคืนนางสามสิบตำลึงพร้อมดอกเบี้ย""ใช่ๆ ข้าก็อ่านได้เช่นนั้นเช่นกัน พ่อหนุ่มเจ้าชื่อหลี่อี้หรือเปล่า"หลี่อี้หน้าดำเป็นก้นหม้อ ก่อนจะขาวซีดราวกับกระดาษ เขาเขียนมันเอง นางเอากำไลกับปิ่นและจี้หยกไปจำนำเอาเงินให้เขา แต่ไอ้คนรับจำนำบอกว่าเงินทองควรชัดเจน เขากลัวนางจะเปลี่ยนใจจึงเขียนสัญญานั่นและลงนาม แต่นางนี่อ่านหนังสือไม่ออกเขาจึงไม่กังวล เหตุใดวันนี้นางกลับรู้จักเอาสัญญานี่ออกมา หลี่อี้ไม่ยอมเขาจึงเอ่ยกลับไป"เจ้ารู้ไหม
เฉินมู่หยางขับเกวียนเคลื่อนเข้ามาจนถึงประตูเมือง เขาควักเงินจ่ายค่าเข้าเมืองหกอีแปะ จ้าวเฟยเฟยพยายามจดจำรายละเอียดของผังเมือง กระทั่งเขาเอาเกวียนไปผูกยังบริเวณที่รับฝากก่อนจะอุ้มนางลงจาเกวียน จ้าวเฟยเฟยหน้าแดงเพราะตรงนั้นมีคนไม่น้อย หลายคนน่าจะเป็นคนรู้จักกันกับเขาจึงได้เอ่ยกระเซ้า"ไอ้หยา พวกเจ้าดูสิวันนี้พี่มู่หยางเช่าเกวียนมาเลยเชียว""แหม่ๆๆ...สตรีที่ทำให้พี่ใหญ่ของเราถึงกับทะนุถนอมได้คงเป็นอาซ้อของพวกเราใช่หรือไม่""ฮ่าๆๆๆ พี่มู่หยางแนะนำอาซ้อให้พวกเรารู้จักสักหน่อยเถอะขอรับ"ทั้งหมดเป็นนายพรานที่เคยร่วมกันล่าหมีป่าเมื่อครั้งที่อาละวาดจนทำร้ายชาวบ้านตายไปสามคนและบาดเจ็บอีกมากมาย คนที่ให้เฉินมู่หยางแนะนำจ้าวเฟยเฟยคือหลิวเยี่ยนฉาง เขามาจากหมู่บ้านชุยเจียงซึ่งต้องข้ามเขาไปครึ่งวันถึงจะสามารถถึงหมู่บ้านนี้ได้ เฉินมู่หยางจูงมือจ้าวเฟยเฟยเดินมาหาทั้งสามคนก่อนจะเอ่ยกับนางแนะนำให้รู้จักกัน"พวกเจ้านี่เสี่ยวเฟยภรรยาของข้า เสี่ยวเฟยคนนี้คือฟางฉายนายพรานหมู่บ้านเดียวกับเราแต่บ้านของเขาอยู่ชายป่าอีกด้าน""ส่วนนี่คือหลิวเยี่ยนฉางจากหมู่บ้านชุยเจียง ส่วนนั่นเจ้าปากมาก ถังจื่
เสียงนั้นลอยมาตามลมแผ่วเบา จ้าวเฟยเฟยยิ้มให้กับสายลม ทุกอย่างอยู่ในสายตาเฉินมู่หยางทั้งหมด นางมีเรื่องอันใดมากมายที่เขาต้องค้นหากันนะ เกวียนขับมาเรื่อยๆ บรรยากาศสองข้างทางเป็นสิ่งตื่นตาตื่นใจมากสำหรับจ้าวเฟยเฟย ชาติก่อนชอบตอนกลับไปหาคุณยายที่ชนบทที่สุด กระทั่งเห็นดอกเล็กๆสีเหลียงที่บานเต็มท้องทุ่งส่งกลิ่นหอมมากนัก จ้าวเฟยเฟยที่นั่งอยู่ก็หันไปหาเฉินมู่หยางก่อนจะเอ่ยกับเขา"ตาเฒ่า...ขากลับท่านแวะตรงนี้ให้ขาได้หรือไม่"".........""เฉินมู่หยางท่านหูหนวดหรือ""..........."เสียงล้อเกวียนบดกับถนนดินดังเอี๊ยดอ๊าดแต่ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนข้าง จ้าวเฟยเฟยนั่งกอดอกใบหน้างอง้ำไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด เหอะใครสนใจเจ้ากันตาทึ่ม กระทั่งเสียงล้อเกวียนเงียบบไป เฉินมู่หยางนำเกวียนเข้าข้างทางใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะใช้มือรวบเอวบางยกนางมานั่งที่ตักตนเอง จ้าวเฟยเฟยตกใจมือบางดันหน้าอกเขาเอาไว้ก่อนจะเอ่ย"ท่านทำอะไร นี่มันทางเข้าตำบลนะ ใครไปใครมาเห็นเข้าจะมองเช่นไร ตาเฒ่าปล่อยข้าลง"เฉินมู่หยางสูดลมหายใจยาวๆก่อนจะเอ่ยกับคนบนตัก"ต่อไปเรียกข้าท่านพี่ หากเรียกตาเฒ่าอีกรับรองข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่""นี่