Share

บทที่ 11 ลำดวน

Author: Just W.
last update Last Updated: 2025-07-02 12:24:21

รถสองแถวค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากท่ารถที่ตลาดช้า ๆ ทิ้งความจอแจไว้เบื้องหลัง รุจน์นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ท่าทางของเขาดูครุ่นคิดและเงียบผิดปกติ สายเมฆที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สังเกตเห็นแววตาของรุจน์แล้ว ก็พอจะคาดเดาได้ว่าระหว่างรุจน์กับลำดวนคงมีเรื่องราวบางอย่างที่ลึกซึ้งเกินกว่าคนรู้จักทั่วไป

‘แล้วเราควรจะบอกข้าวหอมเรื่องนี้ดีไหมนะ? จะเป็นการยุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่นเกินไปรึเปล่า? หากมันไม่มีอะไรจริง ๆ จะกลายเป็นการทำให้น้าศจีต้องระแวงเปล่า ๆ รึเปล่า?’ สายเมฆคิดวนไปมาในหัวอย่างหนักใจ เขาพยายามพิจารณาถึงผลกระทบที่จะตามมา ก่อนจะตัดสินใจว่าเขายังจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตอนนี้ อย่างไรเสีย เขาก็ยังเป็นคนนอก แต่ถ้าหากมีอะไรไม่น่าไว้วางใจเกิดขึ้นจริง ๆ เขาค่อยบอกข้าวหอมทีหลัง

‘ช่วยไม่ได้นี่นา ถ้าครอบครัวนี้ไม่กลับไปร่ำรวย เขาก็คงอดกลับสวรรค์น่ะสิ’ ความคิดเรื่องภารกิจกลับสวรรค์ผุดขึ้นมาในใจ ทำให้เขารู้สึกว่ามีความชอบธรรมที่จะสอดส่องและดูแลครอบครัวนี้ต่อไป

เมื่อรถสองแถวมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน รุจน์กับสายเมฆก็ช่วยกันแบกข้าวของที่ซื้อมามากมายเดินกลับบ้าน แม้ของจะหนักและทางเดินจะค่อนข้างไกล แต่ทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะไม่เหน็ดเหนื่อย อาจเป็นเพราะการได้ตกลงจะทำการค้ากับเจ๊จวงทำให้ทั้งคู่ลืมความเหนื่อย

พอมาถึงบ้าน ข้าวหอมและแม่ที่วันนี้ไม่ได้ออกไปทำนา ได้จัดเตรียม และแตงโมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำสีแดงสดไว้รอรับทั้งคู่แล้ว

“พ่อขา เหนื่อยไหมคะ?” ข้าวหอมรีบถามด้วยความเป็นห่วง เธอเตรียมจะเข้าไปกอดพ่อด้วยความคิดถึง

รุจน์เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยอย่างสุภาพ “ข้าวหอม ตัวพ่อมีแต่ฝุ่นเต็มไปหมดเลยลูก เดี๋ยวพ่อไปอาบน้ำก่อนนะ”

ข้าวหอมทำหน้ายู่เล็กน้อยอย่างไม่ค่อยพอใจที่ไม่ได้กอดพ่อ แต่ก็ยอมยกเหยือกน้ำเย็นมาให้พ่อดื่มแทน ศจีมองภาพสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุขในหัวใจ

หลังจากรุจน์และสายเมฆอาบน้ำชำระร่างกายจนสดชื่นแล้ว ก็ออกมานั่งเล่าเรื่องราวที่ไปตลาดในเมืองมาให้ข้าวหอมกับศจีฟังอย่างออกรส

พวกเขาเล่าถึงการได้พบกับเจ๊จวงเจ้าของร้านในตลาด และการตกลงที่จะทำการค้าขายที่ตากเนื้อแห้งกับเจ๊จวง ข้าวหอมและศจีได้ฟังก็ดีใจกันยกใหญ่ ที่จะได้มีช่องทางหารายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง

ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนทนาอย่างมีความสุขอยู่นั้น เสียงเครื่องยนต์ของรถเก๋งคันหนึ่งก็ดังขึ้น และมีรถเก๋งคันหรูมาจอดเทียบอยู่ตรงหน้าบ้าน รถยนต์เป็นของหายากในหมู่บ้านนี้ การมาของมันจึงดึงดูดสายตาของทุกคนให้หันไปมอง พร้อมกับมีผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อยืดรัดรูป กางเกงขาม้าที่ดูทันสมัยเกินกว่าจะเป็นชุดของสาวบ้านนอกทั่วไป ก็ได้เดินลงมาจากรถคันนั้นด้วยท่วงท่ามั่นใจ

‘โอ้โห! สาวชนบทยุค’ 70 นี่แต่งตัวดีขนาดนี้เชียวเรอะเนี่ย?’ ข้าวหอมมองการแต่งตัวของผู้หญิงคนนั้น แล้วพลันนึกถึงตอนที่เธอจัดงานปาร์ตี้ย้อนยุค’ 70 กับเพื่อน ๆ เสื้อผ้าแบบนี้มันล้ำเกินไปสำหรับคนชนบทรึเปล่านะ ‘ผู้หญิงคนนี้แต่งตัวดีจริง อะไรจริง ว่าแต่... เธอมาบ้านเราทำไมกันนะ?’

ผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านหน้าข้าวหอมและศจีตรงไปหารุจน์ทันที สายเมฆที่กำลังกินแตงโมอยู่พยายามทำตัวไร้ตัวตนคอยสังเกตุเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

“พี่รุจน์... ลำดวนเอาของมาฝากค่ะ” น้ำเสียงหวานหยดย้อยชวนฟังของผู้หญิงคนนั้นเอ่ยทักทายรุจน์ พร้อมทั้งยื่นถุงของฝากที่ดูดีมีราคาให้เขา “ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้บอกก่อนว่าจะมา”

ข้าวหอมมองภาพนั้นด้วยความแปลกใจ ‘เสียงก็เพราะ แต่ทำไมฉันรู้สึกว่ายัยนี่ไม่ธรรมดาเลยนะ ถ้าเป็นยุคของฉัน ยัยนี่คงเป็นตัวอิจฉาขั้นเทพแน่ ๆ’

‘แกล้งทำเป็นไม่เห็นฉันกับแม่เหรอ? รู้จักข้าวหอมตัวแสบน้อยเกินไปแล้ว!’ ข้าวหอมคิดในใจ พลางเดินเข้าไปเบียดแทรกตัวระหว่างลำดวนกับรุจน์อย่างจงใจ

“สวัสดีค่ะคุณป้า” ข้าวหอมกล่าวทักทายลำดวนด้วยน้ำเสียงสุภาพกึ่งยียวน พร้อมเน้นคำว่า “ป้า” อย่างชัดเจน “หนูชื่อข้าวหอม เป็นลูกพ่อรุจน์นะคะ”

ลำดวนหันมามองข้าวหอมด้วยแววตาไม่พอใจนักที่อยู่ ๆ ก็เดินมาเบียดเธอออกจากรุจน์ แถมยังเรียกเธอว่าป้าอีก แต่ถึงแม้จะรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน เธอก็ต้องฝืนยิ้มและทักทายข้าวหอมไป เพราะไม่อยากให้รุจน์รู้สึกไม่ดี

“สวัสดีจ้ะ หนูข้าวหอม” ลำดวนตอบกลับ พร้อมเน้นคำว่า “น้า” เพื่อแก้ลำข้าวหอม “น้า ชื่อลำดวนจ้ะ เป็นคนสนิทของพ่อหนูไง” เธอจงใจเน้นคำว่า 'คนสนิท' เพื่อประกาศสถานะของตัวเองกับรุจน์

ข้าวหอมได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจอย่างรุนแรง เธอหันไปหารุจน์ทันทีด้วยสีหน้าบึ้งตึง “พ่อคะ ทำไมหนูไม่เคยได้ยินชื่อของ ป้า คนนี้เลยคะ? แล้วพ่อไปสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

รุจน์เห็นสถานการณ์กำลังจะตึงเครียดขึ้น เขาจึงเดินเข้ามาแตะบ่าข้าวหอมเบา ๆ เพื่อปลอบใจ “อืม... เคยสนิทกันนานมาแล้วลูก ตั้งแต่ก่อนที่พ่อจะเจอแม่หนูอีก” รุจน์พยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ก็แฝงความหนักแน่น “ที่หนูไม่เคยได้ยินก็ไม่แปลกหรอกลูก เพราะตอนนี้ไม่ได้สนิทกันแล้วไง”

คำพูดของรุจน์ทำให้ข้าวหอมที่กำลังอารมณ์เสียรู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อยและอารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็น สายเมฆที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เขาสังเกตเห็นแววตาของลำดวนที่เต็มไปด้วยความโมโห และท่าทางของรุจน์ที่พยายามตัดบทอย่างชัดเจน ‘ผู้หญิงคนนี้คือคนที่ลุงรุจน์พยายามเลี่ยงจริง ๆ ด้วย... แต่ดูท่าทางแล้วคงไม่จบง่าย ๆ’ สายเมฆคิดในใจพลางเหลือบมองข้าวหอมที่อารมณ์ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

รุจน์หันไปพูดกับลำดวนด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน “ลำดวน พี่ขอบใจมากสำหรับของฝากนะ แต่พอดีตอนนี้พี่มีธุระที่ต้องคุยกันในครอบครัว ไม่สะดวกต้อนรับแขกเท่าไหร่ ต้องขอโทษด้วยนะ”

ลำดวนหน้าเสียทันทีเมื่อถูกรุจน์ปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า เธอฝืนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่ก่อนจะขึ้นรถ เธอก็หันกลับมามองรุจน์อีกครั้งแล้วบอกว่า “เดี๋ยวลำดวนจะกลับมาเยี่ยมอีกนะคะ”

‘โอ้โห! พ่อเราช่างพูดไม่ไว้หน้ายัยลำดวนเลยแฮะ!’ ข้าวหอมเห็นรุจน์ปฏิเสธลำดวนอย่างเด็ดขาดก็พลันนึกถึงชาติก่อน ที่พ่อของเธอถูกสาว ๆ สวย ๆ มากมายยื่นใบสมัครขอเป็น "เด็กในสังกัด" แต่ก็มักจะโดนพ่อปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน เมื่อนึกได้แบบนี้ เธอก็รู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่งว่าพ่อในชาตินี้ของเธอก็คงจะไม่นอกใจแม่อย่างแน่นอน

เมื่อลำดวนขับรถจากไปแล้ว ข้าวหอมทำท่าจะเอ่ยปากถามพ่อถึงเรื่องผู้หญิงคนนั้น แต่สายเมฆเห็นเข้าเสียก่อน เขาจึงรีบดึงแขนข้าวหอมเบี่ยงออกมาจากตรงนั้นทันที โดยอ้างว่าจะให้ไปช่วยดูอุปกรณ์สำหรับทำที่ตากเนื้อแห้งที่เพิ่งซื้อมาจากในเมือง

“พี่สายเมฆจะดึงแขนข้าวหอมออกมาทำไมเนี่ย!” ข้าวหอมพูดกับสายเมฆด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อยที่ถูกขัดจังหวะ “ข้าวหอมกำลังจะถามพ่อเรื่องผู้หญิงคนนั้นพอดีเลยนะ!”

“ข้าวหอมไม่เห็นสีหน้าของพ่อข้าวหอมรึไง” สายเมฆหันมามองข้าวหอมด้วยสายตาจริงจัง “ข้าวหอมไม่คิดว่าเวลานี้ควรเป็นเวลาที่พ่อกับแม่ต้องปรับความเข้าใจกันเองรึยังไง? เราออกมาแหละดีที่สุดแล้ว”

ข้าวหอมได้ฟังเหตุผลของสายเมฆก็อารมณ์เย็นลงทันที เธอพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะนั่งเหม่อมองไปข้างหน้าพักหนึ่ง ความสงสัยยังคงกัดกินในใจ เธอหันกลับมาถามสายเมฆด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ “พี่สายเมฆ... พี่ว่าพ่อกับผู้หญิงคนนั้นรู้จักกันได้ยังไงคะ? ทั้งสองคนดูแตกต่างกันมากเลยนะ”

“เขาเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กน่ะ” สายเมฆตอบอย่างใจเย็น “แล้วก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต ตอนนี้คุณลำดวนเขากลับมาเยี่ยมบ้านน่ะ”

“อ๋อ...” ข้าวหอมพยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่ความคิดบางอย่างจะแล่นเข้ามาในหัว เธอจ้องหน้าสายเมฆอย่างจับผิด “แต่เดี๋ยวนะพี่สายเมฆ! พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนในหมู่บ้าน!?” ข้าวหอมคาดคั้นเสียงสูง เมื่อถูกจับได้ สายเมฆจึงได้เล่าเรื่องที่เขาเจอลำดวนที่ตลาด และได้ยินชื่อเธอจากเพื่อนของลำดวนให้ข้าวหอมฟังตั้งแต่ต้นจนจบ

“งั้นก็อาจเป็นคนรักเก่าพ่อก็ได้เนอะ” ข้าวหอมพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เธอไม่รู้ว่าในยุคนี้ความสัมพันธ์ของผู้ชายกับผู้หญิงมันเปิดกว้างแค่ไหน และเรื่องราวความรักในอดีตของผู้ใหญ่เป็นอย่างไร แต่ถ้าจากยุคที่เธอจากมา การที่คนรักเก่ากลับมาเจอกันแล้วสปาร์คกันอีกครั้งจนถึงขั้นต้องไปหย่ากับคู่ของตัวเองนั้นมีให้เห็นเกลื่อนกลาด บางทีก็มีทะเลาะกันจนได้ออกรายการข่าวก็ยังมี ถึงแม้เธอจะเชื่อมั่นในตัวพ่อของเธอว่าจะไม่วอกแวก แต่บางทีถ้าบรรยากาศและสถานการณ์เป็นใจ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เธอเริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่สายเมฆ... พี่เคยมีแฟนไหม?” ข้าวหอมถามขึ้นมาทันที เพราะเธออยากรู้ความรู้สึกของผู้ชายในสถานการณ์แบบนี้ เธอกลัวว่าพ่อของเธอจะยังรักลำดวนอยู่ลึก ๆ “แล้วถ้าพี่กับแฟนห่างกันไปนาน ๆ แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้ง พี่จะยังรู้สึกกับเขาอยู่ไหมคะ?”

‘เหอะ... มีความรักเหรอ?’ สายเมฆพึมพำในใจอย่างขมขื่น ‘ชั้นจะไปมีได้ยังไงล่ะ? ชั้นเล่นซนหน่อยเดียวก็โดนขังในกรอบรูปนั้นตั้งหลายสิบปี พอให้พรแม่ของเธอเสร็จก็โดนถอดพลังวิเศษ ส่งมาอยู่โลกมนุษย์กับเธอนี่ไง’ เขาคิดในใจอย่างอดโมโหไม่ได้ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติและตอบข้าวหอมไปว่า “พี่ไม่เคยมีความรักน่ะ”

ข้าวหอมมองหน้าสายเมฆอย่างไม่เชื่อคำพูด “ไม่เชื่อหรอก! อย่างพี่เนี่ยนะไม่เคยมีแฟน? ก่อนย้อนเวลามาก็ไม่มีเหรอ?”

“ไม่มี” สายเมฆตอบสั้น ๆ

“โห! พี่นี่ใช้ความหล่อไม่คุ้มเอาซะมาก ๆ เลยนะ” ข้าวหอมแซวเสียงสูง ดวงตาเป็นประกายด้วยความอยากแกล้ง “พี่รู้ปะ หน้าตาแบบพี่ หุ่นแบบพี่นะ ถ้าเจอเพื่อนในแก๊งข้าวหอมนี่แทบจะแย่งกันจีบพี่เลยน้า ข้าวหอมเสียดายความหล่อพี่จริง ๆ!”

สายเมฆก้มหน้างุด ใบหูแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ข้าวหอมเห็นแล้วก็หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางพูดกับตัวเองเบา ๆ ‘เชื่อแล้วว่าไม่เคยมีแฟน โดนแซวแค่นี้แก้มแดงเป็นลูกตำลึงสุกเชียว’

“แล้วพี่สายเมฆว่า... ยัยป้าลำดวนนั่นจะทำให้พ่อกับแม่ผิดใจกันไหมคะ? เห้อ... เทพเทวดาก็เหลือเกินเชียว ชีวิตฉันกำลังจะดี ดันส่งยัยป้านั่นมาอีก!”

สายเมฆสะดุ้งเล็กน้อย ‘ยัยบ้า! เธอกำลังด่าชั้นอยู่นะ!’ เขานึกในใจ ก่อนจะปรับสีหน้าให้จริงจังและตอบข้าวหอมไปว่า “ถ้าพ่อกับแม่เธอรักและเข้าใจกันดี กี่สิบลำดวนก็ไม่สามารถทำอะไรให้ผิดใจกันได้หรอก แต่ถ้าเขาไม่ได้รักกันแล้ว ไม่ต้องมีลำดวนก็มีปัญหาอยู่ดี”

ข้าวหอมได้ยินคำตอบที่ตรงไปตรงมาของสายเมฆก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะมันคือความจริงที่เธอเองก็รู้ดี

ทางด้านรุจน์กับศจี หลังจากสายเมฆพาข้าวหอมเดินเลี่ยงออกไปแล้ว รุจน์ก็เดินเข้าไปกุมมือศจีอย่างอ่อนโยน เขารู้ดีว่าภรรยาต้องได้ยินทุกคำพูดที่ลำดวนกล่าว และคงมีความรู้สึกบางอย่างในใจ

“ลำดวนกับผมเคยคบกันน่ะศจี” รุจน์เริ่มต้นอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและจริงใจ “แต่ต่อมาที่บ้านเขาอยากให้แต่งงานกับเถ้าแก่ในเมือง เราก็เลยเลิกกันไป วันนี้ผมไปตลาด เจอเขาที่แวะซื้อขแงกลับมาดยี่ยมบ้านพอดี” และรุจน์ก็เล่า้หตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ศจียิ้มบาง ๆ แล้วบีบมือรุจน์เบา ๆ เป็นเชิงปลอบโยน “คุณ... จริง ๆ คุณไม่ต้องอธิบายเรื่องนี้กับฉันก็ได้” เธอมองเข้าไปในดวงตาของสามีด้วยความรักและความเข้าใจ “เราอยู่กันมาจนลูกโตแล้ว คุณคิดยังไงทำไมฉันจะดูไม่ออก อย่าห่วงเลย เรื่องคุณลำดวนฉันไม่คิดอะไรเลยจริง ๆ ค่ะ” รุจน์โล่งใจเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ทำให้ศจีต้องรู้สึกไม่สบายใจหรือเข้าใจผิดในเรื่องนี้ ความรักและความเชื่อใจที่ภรรยามีให้ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขาสัญญากับตัวเแงว่าจะไม่มีวันทำลายความเชื่อใจของภรรยาลงเด็ดขาด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 20 ย้ายเข้าบ้านใหม่

    วันนี้เป็นวันสำคัญที่ทุกคนในครอบครัวของรุจน์ และผู้ติดตาม จะย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในตัวเมืองอย่างเป็นทางการลุงเพิ่ม มารอส่งแก้วที่บ้านของข้าวหอมตั้งแต่เช้าตรู่ ใบหน้าของลุงดูเศร้าสร้อย ดวงตาแดงก่ำด้วยความอาลัยอาวรณ์ เมื่อถึงเวลาที่ต้องกล่าวลา “ไปอยู่นู่นก็อย่าดื้อกับน้าเขานะลูก” ลุงเพิ่มกล่าวกับแก้วด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พลางลูบผมของลูกสาวเบา ๆ “ตั้งใจเรียนนะ ทำตัวดี ๆ” เขากล่าวพร้อมกับฝากฝังแก้วไว้กับครอบครัวรุจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แก้วรับปากพ่ออย่างหนักแน่น ก่อนจะก้าวขึ้นรถไป ลุงเพิ่มยืนมองรถที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปจนลับตา ก่อนจะหันหลังกลับ พร้อมสัญญาว่าจะไปเยี่ยมแก้วทุกเดือนอย่างแน่นอนเมื่อมาถึงบ้านหลังใหม่ในตัวเมืองซึ่งตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมจนอยู่ในสภาพที่ดีขึ้นมากแล้ว ทุกคนต่างช่วยกันขนของเข้าบ้านอย่างขะมักเขม้น“แก้วกับข้าวหอมอยู่ห้องข้างบนกันนะลูก เลือกเอาเลยว่าจะอยู่ห้องไหน” ศจี ผู้เป็นแม่บอกกับลูกสาวและแก้วด้วยรอยยิ้ม “ส่วนพ่อกับแม่ปวดหัวเข่า ขออยู่ห้องข้างล่างละกันนะจ๊ะ จะได้ทำอะไรสะดวก ๆ”“แม่คะ แก้วเขาเดินลำบาก” ข้าวหอม รีบเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ เล็กน้อย “ให้พี่สายเมฆ

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 19 วางแผนอนาคต

    เมื่อเดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่เพิ่งได้รับการปรับปรุง ลุงเพิ่มก็พาคณะทั้งหมดเดินสำรวจดูข้างในอย่างละเอียด ในตัวบ้านมีห้าห้องนอนกับสองห้องน้ำ ซึ่งกว้างขวางเกินความคาดหมายของทุกคน ลุงเพิ่มเสนอแผนการต่อ “เดี๋ยวลุงจะสร้างเรือนพักเล็ก ๆ ขนาดสามห้องนอนไว้ข้าง ๆ เรือนหลักนี้เลยนะ เผื่อแซมและธง ตัดสินใจมาเรียนหนังสือ จะได้แยกมาอยู่เป็นส่วนตัว จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดกันเกินไป สาลี่ก็จะได้แยกมาอยู่กับแซมด้วย”“โธ่ ลุงครับ! ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ครับ เดี๋ยวพวกผมช่วยกันทำเองก็ยังได้เลยครับ” แซม รีบเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจ“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า” ลุงเพิ่มกล่าวตัดบทด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “แค่เห็นหนูแก้วกลับมามีความสุขอีกครั้ง ลุงก็ทำให้ได้หมดแหละ อีกอย่างนะ ถ้าพวกแกไม่อยู่บ้านมันก็จะทรุดโทรมเปล่า ๆ หากมีคนอยู่มันก็ยังดูมีชีวิตชีวา เผื่อวันข้างหน้าลุงจะขาย ก็จะได้ขายออกง่าย ๆ ถือซะว่ามาเป็นค่าจ้างเฝ้าบ้านให้ลุงละกันนะ” ลุงเพิ่มตัดบท เพื่อไม่ให้ผู้ใดคัดค้านอีกเมื่อเดินสำรวจบ้านพร้อมบอกรายละเอียดการปรับปรุงเพิ่มเติมแก่ช่างเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็มานั่งรวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับแผนงานในอนาคต“ผมว่าตอนนี้

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 18 ของไร้คุณภาพ

    วันนี้เป็นวันที่ต้องนำที่ตากเนื้อแห้งล็อตสุดท้ายไปส่งให้เจ๊จวง ทุกคนในครอบครัวรุจน์และเหล่าผู้ติดตามทั้งสาลี่ แซม แก้ว และธง รวมถึงลุงเพิ่ม ต่างนัดแนะกันว่าจะเข้าไปในตัวเมืองด้วยกันทั้งหมด เพื่อถือโอกาสไปดูความคืบหน้าของการซ่อมแซมบ้านหลังใหม่ที่ลุงเพิ่มจัดหาให้ และที่สำคัญคือไปหาลู่ทางทำมาหากินใหม่ ๆ ในเมืองด้วยที่ร้านของเจ๊จวง ขณะที่สายเมฆ รุจน์ ธง และแซม กำลังช่วยกันขนที่ตากเนื้อแห้งที่ผลิตอย่างประณีตเข้าร้านอย่างขะมักเขม้น ทันใดนั้นเอง ก็มีกลุ่มคนสามสี่คนเดินตรงเข้ามาในร้าน แต่ละคนหอบหิ้วที่ตากเนื้อแห้งที่โครงหลุดออกจากกันอยู่ในมือ“เจ๊! ของไม่มีคุณภาพแบบนี้ก็เอามาขายเหรอวะ!” ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นหัวโจกตะโกนเสียงดังลั่น สร้างความตกใจให้คนในร้าน พลางพูดจาหยาบคาย และโยนที่ตากเนื้อแห้งอันหนึ่งลงกระแทกพื้นหน้าร้านอย่างแรง จนโครงไม้พังทลาย ผู้คนที่กำลังเดินตลาดอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียงก็พากันเข้ามามุงดูเหตุการณ์จนเต็มหน้าร้าน“เจ๊จะรับผิดชอบยังไง! คืนเงินพวกเรามาเลยนะ!” ชายหัวโจกเอ่ยขึ้นมาอีกคน ด้วยน้ำเสียงข่มขู่และท่าทางที่ต้องการสร้างความวุ่นวายอย่างเห็นได้ชัดขณะที่เจ๊จวงยืนอึ้ง พูด

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 17 ที่พักพิง

    “นี่ธง... เธอจะเอายังไงต่อเหรอ? หลังจากของล็อตสุดท้ายนี่เสร็จหมดแล้วน่ะ” แก้ว เอ่ยถาม ธง ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะที่พวกเขานั่งทำงานตัดตาข่ายอยู่ข้าง ๆ กัน คำถามของแก้วกลับทำให้ธงชะงักไปชั่วครู่ธง นิ่งคิดไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาว่า “ไม่รู้สิแก้ว” คือเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะทำยังไงต่อดี ชีวิตเขามันยังไงก็ได้ จะทำที่ตากเนื้อแดดแห้งต่อในหมู่บ้านก็ดี หรือจะตามไปอยู่ในเมืองกับครอบครัวข้าวหอมก็น่าสนใจ เพราะการได้อยู่ใกล้ ๆ พวกเขาแล้วมันรู้สึกสบายใจ แถมยังได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา เพราะครอบครัวนี้ดูมีความรู้ มีความคิดที่จะทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่เคยหยุดนิ่งแก้วได้ฟังคำตอบแล้วก็หน้าเจื่อนลงไปทันที ในใจของเธอเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะให้ธงไปด้วยกัน เพราะถ้าธงไปอยู่เมืองเดียวกับเธอ เธอคงจะอุ่นใจมากขึ้นกว่านี้ ตั้งแต่ตอนเด็กไม่ว่าเธอจะโดนเพื่อนแกล้ง หรือเจอเรื่องอะไรไม่สบายใจ ธงก็คอยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังคงเป็นคนที่คอยช่วยนั่นนี่เธออยู่เสมอธงเห็นแก้วเงียบไป ใบหน้าดูหม่นหมอง เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง “แก้วอยากให้เราไปอยู่ในเมืองด้วยไหม? ถ้าแก้วอยากให้เ

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 16 บ้านร้าง

    “ได้ของมาแล้วใช่ไหม? คิดว่าจะทำตามได้ไหม?” ลำดวน ถาม เข้ม ลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงความไม่พอใจ หากคำตอบที่ได้ยินไม่เป็นไปตามที่เธออยากฟัง“ได้มาแล้วครับคุณลำดวน” เข้มตอบรับเสียงหงอย พลางก้มหน้าส่งที่ตากเนื้อแห้งที่ซื้อมาเป็นตัวอย่างให้ลำดวนดูอย่างระมัดระวัง “กำลังให้คนงานลองแกะดูอยู่ครับ ดูแล้วน่าจะทำตามได้ไม่ยากขอรับ”ลำดวนไม่ได้สนใจที่จะมองดูตัวอย่างสินค้านั้นเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องไปเบื้องหน้าอย่างไร้อารมณ์ เธอเพียงแต่กำชับด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ดี! ทำให้เร็วที่สุด และมากที่สุด! ฉันต้องการให้เสร็จภายในหนึ่งอาทิตย์” ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เข้มยืนงุนงงอยู่เพียงลำพังเข้มมองตามแผ่นหลังเจ้านายของเขาด้วยความงุนงง ในใจเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เดิมทีเขาเป็นคนดูแลกิจการให้กับนายใหญ่ผู้ล่วงลับ ซึ่งก็คือสามีของลำดวน แต่เมื่อนายใหญ่เสียชีวิต มรดกทุกอย่างก็ตกเป็นของลำดวนทั้งหมด เมื่อลำดวนกลับมาที่บ้านเกิดเขาก็ถูกลำดวนเรียกตัวมาใช้งานต่อทันทีครั้งนี้ลำดวนสั่งให้เขาไปสืบมาว่าที่บ้านของรุจน์กำลังจัดงานฉลองอะไร พอรู้ว่ารุจน์เริ่มทำสินค้าส่งให้เจ๊จวงที่ตลา

  • คุณแม่ขา...ขอพรเทวดาทำไม   บทที่ 15 กินเลี้ยงเล็ก ๆ

    วันนี้เป็นวันที่ห้าของการทำงาน เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะยังคงดังก้องอยู่ใต้ถุนบ้าน สินค้าที่ทุกคนช่วยกันทำอย่างขยันขันแข็งก็ใกล้จะครบจำนวนที่ต้องส่งในล็อตแรกแล้ว ข้าวหอมมองเห็นความสำเร็จอยู่รำไร จึงเอ่ยเสนอขึ้นมากลางวง “นี่! หลังจากที่เราส่งสินค้าล็อตแรกให้เจ๊จวงแล้ว พวกเราควรมีการฉลองเล็ก ๆ น้อย ๆ กันไหมคะ? ทำอะไรอร่อย ๆ กินกันตอนเย็น ให้ธงกับแก้วชวนป้าแจ่มกับลุงเพิ่มมาด้วยเลย!”ทุกคนต่างเห็นดีเห็นงามด้วยในทันที ใบหน้าของแต่ละคนเปื้อนยิ้มด้วยความยินดี พร้อมทั้งรับปากว่าจะนำอาหารมาร่วมฉลองด้วยอย่างแน่นอน บรรยากาศของการทำงานในวันนี้จึงเต็มไปด้วยความสุขและความกระตือรือร้น เพราะทุกคนต่างมีเป้าหมายร่วมกัน และอดใจรอช่วงเวลาแห่งการฉลองไม่ไหวเมื่อทำสินค้าชิ้นสุดท้ายจนครบตามจำนวน สายเมฆได้ขอให้ทุกคนช่วยทำเพิ่มอีกขนาดละสามอัน “กันไว้ดีกว่าแก้นะครับ” เขากล่าว “เผื่อมีเสียหายระหว่างขนส่ง หรือมีอันไหนไม่ได้มาตรฐาน จะได้ไม่ต้องกังวล” ทุกคนจึงพร้อมใจกันช่วยทำต่ออย่างไม่ปริปากบ่นเมื่อสินค้าสำรองเสร็จเรียบร้อย รุจน์ก็เล่าแผนการในวันพรุ่งนี้ว่า “พรุ่งนี้พ่อจะไปหาเหมารถสองแถว เพื่อเอาของไปส่งให้เจ๊จ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status