Godwell โรงเรียนแห่งการศึกษาของระบบพระเจ้าผู้ครองโลก เป็นสถานที่ของผู้ท้าชิงทั้งหลายจากทั่วทุกมุมโลกซึ่งจะต้องมาลงทะเบียนกันที่นี่ เพื่อที่จะได้รับการฝึกอบรมจากพระเจ้าผู้ซึ่งสร้างสรรค์ผลงานเอาไว้มากมายในโลกต่างๆ ศาสตร์ของการเป็นพระเจ้านั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 สายด้วยกัน นั่นก็คือ สายของทำลาย สายของการสร้าง สายของรักษา และสายของควบคุม โดยนักเรียนส่วนใหญ่ของที่นี่จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท นั่นก็คือ ฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายโจมตี โดยทุกๆ ปี Godwell จะคัดเลือกตัวแทนฝ่ายพระเจ้าออกไป 3คน เพื่อทำสงครามกับโลกปีศาจ และรักษาอำนาจการปกครองในโลกมนุษย์เอาไว้ สรุปง่ายๆ ก็คือหากปีไหนแพ้ เท่ากับว่าปีนั้นโลกมนุษย์ก็จะตกอยู่ในการปกครองของพวกปีศาจต่อไป เพราะเหตุนี้จึงเป็นสาเหตุให้โลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
“แล้วเธอคือคนสุดท้ายของปีนี้สินะ”
น้ำเสียงขี้รำคาญออกมาจากปากของผู้ชายผมสีน้ำเงินเข้มซึ่งกำลังจดบันทึกรายชื่อผู้มีสิทธิลงทะเบียนเรียนที่นี่ ชุดสีขาวผูกไทสีดำของเขาค่อยๆ พลิ้วไหวไปตามแรงลมท่ามกลางดอกซากุระบานสะพรั่ง หล่อชะมัด.....
จริงสิ เมื่อกี้ไอริสบอกว่าจะพาไปโรงเรียนของพระเจ้า ถ้าอย่างนั้นที่นี่ ก็คือ Godwell สินะโรงเรียนที่ตั้งดูเหมือนปราสาททรายสีขาวแห่งนี้
“ใช่ ที่นี่คือ Godwell ว่าแต่ ทูตสรรค์ของเธอไปไหนซะล่ะ ทำไมมีแค่เธอที่วาร์ปมา”
“นี่คุณก็อ่านใจฉันได้หรอคะ! แล้วทูตสรรค์ที่ว่านี่หมายถึงใครหรอคะ”
เขาทำหน้าแปลกใจหนักกว่าเดิม ก่อนจะโบกมือให้ใบรายชื่อหายไปต่อหน้าต่อตาเด็กสาว
‘ทูตสรรค์ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรไว้เลยรึไง อายุ 14 ปีงั้นหรอ เฮ้อ หรือว่า หมอนั่นจะชอบเด็กกันนะ’
“การอ่านใจได้มันเป็นความสามารถพื้นฐานของพระเจ้าอยู่แล้ว เดี๋ยวอีกหน่อยเธอก็ทำได้เอง ว่าแต่ทูตสรรค์ของเธอ”
“ดิฉันเองค่ะ ทูตสรรค์รับใช้ของท่านยูมะแต่บัดนี้ได้รับหน้าที่ให้ดูแลผู้สืบทอดคนต่อไปอย่างท่าน ยูโร ชิยูอิน แล้วค่ะ”
รู้สึกตัวอีกทีคนร่างสวยก็มาปรากฎกายต่อหน้าฉันด้วยชุดนักเรียนสีขาวสลับดำดวงตาแดงฉาน พร้อมกับรอยยิ้มเย็นยะเยือกทำเอาฉันขนลุกซู่นิดๆ แหะ ปีกสีดำงั้นหรอ....
“เธอนี่เอง ทูตสรรค์นอกรีตที่ ยูมะ เลือกมา”
เขากระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะดีดนิ้วดังเปาะให้ปีกสีดำของไอริสหายไป และหันมาโฟกัสกับตัวของฉันแทน
“นี่ยัยหนู รู้รึเปล่าเธอสามารถเปลี่ยนทูตสรรค์ของตัวเองได้ทุกเมื่อนะ ถ้าหากว่า ไม่อยากรับยัยครึ่งเทพครึ่งปีศาจมาเป็นทูตสรรค์ของเธอน่ะ”
คนร่างสูงถือวิสาสะลูบหัวฉันไปมาก่อนที่จะถูกฉันปัดออกอย่างไม่ชอบใจ
“จะเป็นอะไรก็ช่าง ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยนี่ แล้วก็ช่วยอย่ามาเล่นหัวกันจะได้ไหม”
“อ้าวๆ โกรธซะแล้ว เข้าใจเลือกเด็กดีนี่ เจ้ายูมะนั่น”
ชายหนุ่มแสยะยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะเผยรอยยิ้มที่สดใสกว่าเดิม
“ฉันไม่ใช่เด็กนะ เห็นแบบนี้ก็25 แล้ว ฉันแก่กว่านายซะอีก!”
“นายงั้นหรอ? อุ๊บ! นี่คิดว่าตัวเองโตพอจะอวดอ้างอายุกับฉันที่เกินหนึ่งพันปีไปได้แล้วสิเนี่ย ยัยหนูน้อย~ ยังเร็วไปอีกหนึ่งพันปีแสง”
ใบหน้าหวานจ้องมองชายหนุ่มร่างสูงอย่างเอาเรื่อง ทำให้อีกฝ่ายยอมเบนสายตาไปทางอื่นแทน
“เอาเถอะ ฉันก็ไม่ว่างพอมาทะเลาะกับเด็กอ่อนต่อโลกแบบเธอหรอกนะ ยูโร ชิยูอิน เอาเป็นว่าไว้เจอกันใหม่ในคาบเรียนหน้า เธอโดนฉันหมายหัวไว้แล้วล่ะ ยัยหนูน้อย~”
พูดจบเขาก็หายตัวไปทันทีหลังจากนั้นก็มีผู้ชายรูปร่างผอมเพรียวสวมชุดอย่างกับพ่อบ้านฝรั่งเศสจ้องมายังฉันอย่างสำรวจก่อนที่จะนำทางไปยังห้องพัก โดยที่เขาก็เอาแต่พร่ำเรื่องกฎของโลกนี้ให้ฟังอย่างละเอียด
“กระผม ชื่อมีเฟีย รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลจัดหาที่พักให้นักเรียนของที่นี่และสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่พวกคุณต้องการ มีอะไรอยากจะสอบถามอีกหรือไม่ครับ”
พอสังเกตดีๆ ผมสีน้ำตาลเข้มของเขามีเขาสีขาวบริสุทธิ์ติดอยู่ด้วยแหะ....
“ท่านชิยูอิน”
จริงสิ เมื่อกี้เขาพูดถึงไหนแล้วนะ.... ไม่ได้ฟังเลยสักนิด แต่ก็ช่างเถอะ เพราะว่าวิวทิวทัศน์ของที่นี่มันสวยงามมากน่ะสิ....มากซะจน..แสบตาไปหมด
ภาพของตึกสูงหลายชั้นล่องลอยอยู่บนอากาศ ไหนจะภาพของผู้คนที่สัญจรกันไปมาท่ามกลางสิ่งมีชีวิตหลากหลายบนโลกใบนี้ เพียงแค่ยกนิ้วชี้โบกไปโบกมาก็สามารถยกต้นไม้ใหญ่ขนาดนั้นออกจากพื้นดินได้แล้วหรอ....ไหนจะสุนัขจิ้งจอกช่างจ้ออีกล่่ะ...นั่นมัน...สเก็ตบอร์ดพลังน้ำใช่ไหม!? จะมหัศจรรย์เกินไปแล้ว!!!
ซ่าาา!!!!
“อ่ะ โทษที พอดีกำลังรีบน่ะ ขอตัวก่อนนะ!”
ในระหว่างที่ฉันกำลังตกตะลึงกับสิ่งมีชีวิตลึกลับในขวดโหลสีใสอยู่ก็ถูกแรงดันน้ำที่เคลื่อนที่ผ่านสเก็ตบอร์ดนั่นกระเด็นเข้าใส่หน้าเต็มๆ และจะขอบคุณมากถ้าเด็กผู้ชายคนนั้นไม่ขยับหมวกแก๊ปของตัวเองให้เข้าที่ก่อนจะเริ่มออกตัวอีกครั้งทิ้งให้ฉันต้องยืนเปียกโชกท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของเด็กประถมวัยข้างๆ ขำอะไรนักหนาย่ะ ไม่เคยเห็นคนสวยตกน้ำรึไง!
จะว่าไปแล้วแค่เด็กประถมแบบนี้ก็สามารถอยู่เมืองแห่งนี้ได้แล้วสิเนี่ย???
“งี่เง่าจังนะพี่สาว กับอีแค่สเก็ตบัสเตอร์ยังหลบไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไรกินล่ะฮ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
หนอยแน่ะ...ไอ้เด็กบ้าพวกนี้! ฉันยืนกำหมัดแน่นแล้วนะ คิดพลางมองค้อนเจ้าเด็กแสบทั้งหลายที่ยังหัวเราะเยาะเย้ยไม่หยุดไม่หย่อน เดี๋ยวแม่ก็จับขังคุกใต้ดินซะเลยนี่!
แยกเขี้ยวใส่.....
“กระผมว่า พอเท่านี้จะดีกว่านะครับ ท่านไอริส รบกวนพาท่านชิยูอินไปตามแผนที่นี้ด้วยนะขอรับ”
มีเฟียดีดนิ้วพลางยื่นผ้าขนหนูสีขาวซึ่งโผล่มากลางอากาศให้เนื่องจากคนหน้าหวานที่ยืนเปียกโชกไปทั้งตัวเริ่มเกิดอาหารหนาวสั่นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่นั่นก็ไม่แปลกอะไรสำหรับที่นี่ เพราะร่างกายของผู้ท้าชิงที่ยังติดความเป็นมนุษย์มาอยู่นั้นจำเป็นต้องได้รับการปรับสภาพร่างกายซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร คิดได้ดังนั้นมีเฟียจึงหันไปมองเหล่าเด็กแสบทั้งหลายด้วยสายตาพิฆาตทำให้พวกเขาต้องรีบวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง
“รับทราบแล้วล่ะค่ะ ถ้างั้นก็แยกกันไปนะคะ มีเฟีย”
“ขอรับ ทางกระผมจะไปจัดการเรื่องสายพลังของท่านชิยูอินให้ ถ้าเช่นนั้น ขอตัวก่อนนะขอรับ ระหว่างนี้ก็ช่วยอธิบายต่อจากกระผมด้วยนะขอรับ ดูเหมือนว่าที่กระผมพูดไปเมื่อกี้ ท่านชิยูอินจะไม่ได้ฟังเลย”
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเองค่ะ”
คนร่างสูงพยักหน้ารับก็จะหายตัวไปเหลือเพียงแต่คนร่างเล็กที่ยังคงเกาะโหลแก้วแน่น เจ้าแมงกะพรุนบ้า เพราะแกแท้ๆ เลย ฉันเลยต้องมาเปียกน้ำป๋อมแป๋มแบบนี้
“ดวงของคุณวันนี้ ระวังจะประสบอุบัติเหตุทางน้ำ ดวงของคุณวันนี้ ระวังจะประสบอุบัติเหตุทางน้ำ”
เสียงร้องเตือนดังออกมาเรื่อยๆ พร้อมกับตัวหนังสือสีฟ้าซึ่งฉายขึ้นชัดเจนเมื่อมือบางของคนตัวเล็กเผลอไปแตะเข้ากับโหลแก้วสีใสซึ่งบรรจุแมงกะพรุนสีรุ้งอยู่ตรงหน้า
“ช้าไปแล้วย่ะ!”
จะว่าไปแล้วมันคงเป็นเรื่องจริงสินะ ที่ว่าฉันตายไปแล้วจากโลกใบเดิมที่รู้จักเพียงแค่ ไลท์ โนเวล แค่แฟนก็ยังไม่มีเลยแท้ๆ อายุสั้นจริงๆเลยนะตัวฉัน แต่จะพูดว่าตายไปแล้วเลยเนี่ยก็ไม่เชิง
ก็ไอริสดันบอกว่าอัญเชิญฉันมานี่น่า สรุปแล้วตอนนี้ฉันเป็นตัวอะไรกันแน่นะ....แต่ว่าเรื่องนั้น....
“ฮัดชิ้ว! (>_<) ”
“ดูเหมือนจะไข้จะขึ้นนะคะ งั้นขออนุญาตพาวาร์ปไปเลยแล้วกันค่ะสภาพแบบนี้คงไม่ไหว”
ไอริสทำหน้าลำบากใจเล็กน้อยก่อนจะจับไหล่ฉันจากนั้นก็พาวาร์ปมาอยู่อีกจุดหนึ่งซึ่งเป็นหน้าบ้านของใครซักคน มันเต็มไปด้วยหมู่มวลดอกไม้และฝูงผีเสื้อหลากสีจนกระทั่งดวงตาสีฟ้าครามไล่สายตาไปสบเข้ากับเจ้าของผ้ากันเปื้อนสีเขียวขจี รอยยิ้มที่ดูไม่มีพิษมีภัยถูกส่งกลับมาทำให้เด็กสาวชะงักค้างไปชั่วขณะจนคนร่างบางต้องดันหลังเจ้านายของเธอเอาไว้ไม่ให้ล้มพับลงไป
“คุณเองสินะ ยูโร ชิยูอิน คนที่ท่านยูมะเลือก ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อ อิจิโร่ ชินจิ จะเรียกผมว่าชินจิก็ได้ ผมเป็นคนดูแลที่นี่ และตอนนี้คุณก็เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แล้ว คุณผู้มีสิทธิท้าชิงตำแหน่งพระเจ้า ยูโร ชิยูอิน”
เขาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้ม ผมสีดำสนิทของเขาปลิวตามลมเล็กน้อยส่วนดวงตาสีชมพูอ่อนก็จับจ้องไปที่ไอริสเช่นกัน
“ยินดีต้อนรับกลับมานะ ไอจัง”
“อื้ม กลับมาแล้ว ชินจิ”
สองคนนี้รู้จักกันสินะ มีเรียกชื่อเล่นกันด้วย.....จ้องกันมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว พวกเขาเป็นแฟนกันรึเปล่านะ แล้วทำไมฉันถึงต้องก็รู้สึกเหงาด้วยเนี่ย...
“ฮัดชิ้ว!”
“จริงสิ ท่านยูโร ดูเหมือนจะเป็นไข้ อาจเป็นเพราะยังปรับสภาพกับที่นี่ไม่ได้น่ะ ยังไงก็รบกวนชินจิ เตรียมชุดอุ่นๆ กับยารักษาของมนุษย์มาด้วยนะคะ”
“ได้เลย”
คนร่างเพรียวพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปที่สวนกระจกอีกทาง ในขณะที่ไอริสก็เดินพยุงฉันเข้าไปในบ้าน ถ้าไม่ติดว่ามีผีเสื้อพวกนั้นบินตามเข้ามาด้วย
“ไม่ได้นะ ห้ามเข้ามา ท่านยูโรต้องพักผ่อน”
ฉันคิ้วขมวดขึ้นทันที เมื่อไอริสหันไปห้ามพวกผีเสื้อตัวน้อยที่พยายามบินตามเข้ามาด้วยถ้าไม่ติดว่าไอริสร้องห้ามขึ้นมาเสียก่อน
“ดะ เดี๋ยว ไอริส ผีเสื้อมันจะไปฟังเธอ-”
พูดไม่ทันจบฉันก็ต้องช๊อกค้างกว่าเดิมเพราะผีเสื้อพวกนั้นแปลงร่างเป็นคนได้แถมยังใส่แต่ผ้าคลุมอีก
“เอ๋ แต่ว่ามิกะๆ ยังไม่ได้แนะนำตัวเลยง่า..../ ผมด้วย พวกเรารอมาตั้งห้าร้อยปีเลยนะ!”
เด็กผู้หญิงผมทวินเทลสีชมพูกับเด็กผู้ชายผมสีเขียวเข้ม...ฝาแฝดงั้นหรอ แล้วที่ว่ารอมาห้าร้อยปีคืออะไรกัน
“รอมาห้าร้อยปี?”
“อื้ม! รอมาตลอด มีชีวิตอยู่ก็เพื่อเป็นโล่และทาสรับใช้ของคุณ พวกเรามีเหตุผลแค่นั้น ถ้าไม่มีคนมาสืบทอดเป็นตัวแทนพระเจ้าแล้วล่ะก็พวกเราก็คง!”
เด็กชายร่างผอมสวมชุดคลุมสีเขียวเข้มเช่นเดียวกับสีผมของเขาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงหดหู่ ก่อนจะถูกไอริสตะคอกใส่ทำให้ต้องเงียบปากลง
“พอได้แล้ว!”
“ไอริส...”
ฉันเห็นไอริสมีสีหน้าไม่ดีแต่ยังไม่ทันจะทำอะไร ทั้งสองคนก็รีบขอโทษแล้วกลายร่างเป็นผีเสื้อตัวน้อยบินออกไป ทิ้งไว้ก็แต่ฉันที่ยืนหน้าแดงระเรื่อด้วยพิษไข้จางๆ
“ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ ท่านยูโร ทำให้ได้ยินเรื่องไม่เป็นเรื่องจนได้”
เธอปรับสีหน้าให้ดีขึ้นก่อนที่จะใช้มืออังหน้าผากมนของคนร่างบางที่เริ่มเห็นภาพเธอเลือนลางขึ้นทุกที
“ไอริส ทำไมเธอมีสองคนได้ล่ะ อะ มือเธอเย็นจัง”
“ฉันลดอุณหภูมิในร่างกายท่านยูโรให้แล้วค่ะ ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรเลยนะคะ ช่วยหลับพักผ่อนไปก่อนนะคะ”
หลังจากทำให้เด็กสาวเรือนผมสีฟ้าอ่อนหลับลงไปแล้วไอริสก็ก้าวลงมาจากบันไดที่ซึ่งมีชินจิยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“ผมให้มิกะกับซากิคุงไปสำนึกผิดที่เผลอหลุดคำพูดพวกนั้นออกมาแล้วล่ะ ไอจังไม่เป็นอะไรใช่ไหม อะ เอ่อ จริงสิ ผมทำน้ำผึ้งผสมมะนาวกับเค้กบลูเบอรี่ไว้ให้ ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ มาทานด้วยกันไหมครับ”
ชินจิพูดขึ้นอย่างกระตื้อรื้อร้นทำให้ไอริสหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับท่าทีเก้ๆ กังๆ ของเขา
“ขอบคุณนะ ชินจิ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี”
คนร่างเพรียวยิ้มรับก่อนจะจัดแจงนำเค้กและน้ำผึ้งมาให้คนหน้าสวยที่นั่งเก้าอี้สีน้ำตาลเข้มอยู่ตรงกันข้าม
“ท่านยูโร หลับไปแล้วสินะครับ”
“ค่ะ หลับไม่รู้เรื่องเลยล่ะ”
ไอริสยิ้มรับคนร่างเพรียวก่อนจะจิบน้ำผึ้งผสมมะนาวเล็กน้อยในขณะที่ชินจิก็ตักเค้กบลูเบอรี่ให้กับไอริส
“ตอนนี้ท่านยูมะก็กลายเป็นคณะกรรมการโลกไปแล้วสินะครับ”
ชินจิส่งยิ้มให้กับไอริสที่พยักหน้ารับพลางจิบน้ำผึ้งผสมมะนาวต่อ
“ค่ะ”
“ไอจัง คิดว่าท่านยูโรจะเป็นพระเจ้าคนต่อไปได้ไหมครับ”
“นั่นสินะคะ ถ้าเป็นเธออาจจะทำได้ก็ได้ค่ะ”
คนผมขาวตอบกลับไปทันทีเมื่อนึกย้อนไปถึงคำพูดของยูมะ
‘ตัวแทนของฉัน ขอเลือกเป็นเด็กคนนั้นก็แล้วกัน เด็กที่ต่อให้ไม่รู้ว่าตัวเองมีพลังพิเศษอะไร ก็ยังเลือกจะช่วยคนอื่นอยู่ดี เพราะงั้นฝากด้วยนะ ไอริส ช่วยทำให้เด็กคนนั้นได้เป็นผู้ท้าชิงพระเจ้าต่อจากฉันที’
รอยยิ้มที่เจื่อนจางถูกส่งออกมาจากผู้ชายผมสีขาวไม่ต่างจากเธอนัก
‘ขอโทษนะ ไอริส ถ้าฉันมีพลังมากกว่านี้พวกเธอคงไม่ต้องมาเป็นทาสรับใช้ของฉัน แค่ทำให้พวกเธอเป็นอิสระฉันก็ยังทำไม่ได้เลย’
‘ไม่ใช่เลยค่ะ ท่านยูมะทำเต็มที่แล้ว เพราะท่านยูมะ ฉันถึงไม่ต้องถูกขาย เพราะท่านยูมะ ฉันถึงกลายเป็นทูตสรรค์ และเพราะท่านยูมะ พวกเราถึงมีที่ให้กลับ’
‘ฉันจะลองไปแก้ไขกฎบ้าๆ นั่นดู ต่อให้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ’
“ไอจัง”
‘ต่อไปนี้ช่วยดูแลเด็กคนนั้นด้วยนะ เพราะว่า เด็กคนนั้นจะเป็นคนแก้ไขให้เอง สิ่งที่ฉันทำผิดพลาดไป สิ่งที่ฉันฝืนไม่ได้ ถ้าเป็นพลังที่หลับใหลในตัวของเธอคนนั้น ต้องทำได้แน่ ผู้ที่ได้รับพลังต้นแบบของพระเจ้า อันดับที่ 5 ยูโร ชิยูอิน’
“ไอจัง ได้ยินผมไหมครับ”
ดวงตาสีชมพูอ่อนจ้องคนร่างบางที่เริ่มรู้สึกตัวหลักจากที่ตัวเขาพยายามเรียกชื่อเธอหลายต่อหลายครั้ง
“อื้ม ตอนนี้ได้ยินชินจิชัดเจนเลยล่ะ”
“ค่อยยังชั่ว นึกว่าไอจัง จะเป็นอะไรไปซะแล้ว เฮ้อ”
ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางมองหาอีเดนเด็กชายผมทองที่คอยไปซื้อของใช้ในเมืองให้ก่อนจะพบว่าเขากลับมาแล้วในร่างของนกฮูกสีขาวดวงตาสีทองอร่าม
“เหนื่อยหน่อยนะได้ของมารึเปล่า”
“อื้ม ว่าแต่ทำไมวันนี้รู้สึกถึงพลังเวทที่แข็งแกร่งจัง แถมที่บ้านก็ดู สดใสขึ้นเยอะเลย ดอกไม้ก็บานด้วย หรือว่า”
“ใช่แล้วล่ะ อีเดนวันนี้เป็นวันที่ เจ้านายคนใหม่ของนายมาอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ!”
(ป.ล. ข้อควรรู้ : ผู้ท้าชิงที่ได้รับสิทธิมาแล้ว ต่อให้เริ่มต้นด้วยการไม่สามารถใช้พลังอะไรได้เลยแต่ก็มีพลังในตัวเองสูงกว่าคนในโลกนี้ที่ไม่มีสิทธิไปท้าชิงตำแหน่งพระเจ้า จึงเป็นสาเหตุให้ทุกอย่างที่อยู่ในบ้านได้รับพลังงานนี้ไปด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งปีศาจ แน่นอนว่า คนที่สามารถควบคุมพลังงานได้แล้วจะสามารถแบ่งพลังให้ ทาสหรือคนรับใช้ของตนเมื่อไรก็ได้ หรือจะไม่ให้เลยก็ได้เช่นกัน)
“ก็อย่างที่ว่ามา คุณยูโร ชิยูอิน คือคุณอย่างนั้นสินะครับ”หลังจากนั้นประมาณสามสัปดาห์ผ่านมาได้ก็เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้นมากับฉัน อย่าว่าแต่ฉันจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยพวกเขาก็ด้วย ร่างกายของฉันมันเกิดร่วนจนกลายเป็นภาวะเข้าขั้นวิกฤต เดี๋ยวก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นเด็กสาว เดี๋ยวก็กลายเป็นร่างผู้ใหญ่แล้วไหนจะล่าสุดฉันก็ดันถูกเปลี่ยนกลายมาเป็นเด็กทารกอีกด้วย แค่คิดภาพก็อยากจะบ้าตายแล้วแต่ฉันก็ยังถือว่าโชคยังดีอยู่บ้างที่พวกเอริคพอจะอ่านความคิดของฉันได้ ไม่งั้นเราคงลำบากกันมากกว่านี้“ไอ!”“ยูจังบอกว่าใช่แล้วครับ”เอริคอุ้มฉันขึ้นมาถือไว้บนตักอย่างถนุถนอมในขณะเดียวกันเฮร่าเองก็ดูจะมีความสุขกับร่างเด็กของฉันมากจนเกินไปโดยไม่วายหยิบของเล่นขึ้นมาถือไว้พลางโยนไปโยนมาประหนึ่งว่าฉันอยากจะเล่นมันยังไงอย่างนั้นเอ่อ..นี่เฮร่า...ฉันยังสมองปกติดีอยู่นะใครมันจะอยากไปเล่นของแบบนั้นกัน...หมับ...และก็ใช่สั
อวดดี? เธอเป็นใครถึงกล้าพูดคำนั้นกับฉันกันนะ ดูๆไปแล้วก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ไม่แน่ว่าเธออาจจะตำแหน่งสูงกว่าฉันก็เป็นได้“จะรังแกล้งคนที่ตำแหน่งต่ำกว่าเหรอคะ หึ ฉันว่าแล้วว่าพวกคุณมันนิสัยเสียจริงๆด้วย”“กลับมาพูดภาษาเดิมได้แล้วสิเนี่ย ฉันแค่กระตุ้นนิดๆหน่อยๆ ก็เริ่มจะจำได้แล้วเหรอ นี่ก็หมายความว่าฉันสำคัญกับเธอมากเลยสิ ยูโร”“ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร แต่ฉันขอเดาว่าคุณกับฉันคงสนิทกันมากพอดูถึงได้กล้าถึงเนื้อถึงตัวฉันขนาดนี้ แต่ว่าฉันก็ยังฟื้นความจำไม่ได้อยู่ดีเพราะงั้น เราควรจะมาเริ่มต้นกันใหม่ตั้งแต่ตอนนี้ คุณควรปล่อยมือฉันซะ แล้วพวกเราจะไปคุยกันที่ห้องรับแขก”“คุยที่นี่ก็ได้ คุยไปด้วยอาบน้ำไปด้วย ออกจะผ่อนคลาย”“แต่ฉันไม่สนิทใจกับคุณ”“ก็ไม่ต้องสนิท อันที่จริงฉันไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากเธอด้วยซ้ำ มิว”“คะ? ท่านยูแอล” 
ไม่ง้อ...ไม่ตามมาง้อเลยด้วย...เธอเกลียดฉันแล้วจริงๆใช่ไหม...ใช่สิ ฉันมันกลายเป็นคนที่เธอไม่สนใจแล้วนิ เป็นแค่สามีในนามแค่นั้นใช่ไหม...คนร่างบางยังคงยืนมองประตูหน้าห้องของโรงแรมอย่างตัดพ้อ โดยไม่วายเปิดเข้าไปในนั้นด้วยคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนใบหน้าไปจนถึงปกเสื้อ“ไม่อยู่หรอกค่ะ พี่จีน่ะ”“มิว”“หนูว่าแล้วเชียวว่าพี่สาวต้องกลับมาที่นี่ แล้วก็ใช่จริงๆด้วย”“ทำไมเค้าถึงไม่อยู่ล่ะ เค้าไม่ได้ออกไปตามหาพี่เลยนี่น่า..ฮึก...”คนหน้าหวานมองไปรอบๆ ห้องนอนแต่ก็พบแต่คนตัวเล็กซึ่งนั่งรอเธออยู่ก่อนแล้วพลางยื่นจดหมายฉบับหนึ่งมาให้พร้อมกับเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลออกมาจากครอบตาของเธออย่างแผ่วเบา“อย่าร้องสิคะ มิวเจ็บปวดไปด้วยนะ”“นี่มันอะไร...”“จดหมายน่ะค่ะ พี่จีฝากเอาไว้ให้พี่สาว หนูรู้ว่าพี่สาวคงไม่ชอบใจหากหนูอยู่ตรงนี้ด้วย เพ
คนร่างเล็กยืนส่งยิ้มร่าให้กับฉันที่ขยับถอยห่างจากเธอออกไปเล็กน้อยก่อนจะทันสังเกตเห็นว่าคนร่างบางไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับการมาปรากฎตัวของเด็กสาวตรงหน้าคนนี้เลยสักนิด จะมีก็แต่ฉันเนี่ยล่ะที่ดูตกใจจนเป็นกังวลมากเกินไปหน่อยไม่เจอกันแค่แปปเดียวเธอตัวสูงขึ้นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย...หมับ!“คิดถึงพี่จีจังเลยค่า พี่สาวคิดถึงหนูไหมคะ”คนตัวเล็กยังคงไล่กอดอีกคนไปทั่วในขณะที่ฉันไล่สายตามองหาอีกคนแต่ก็ไม่พบร่องรอยใดๆ“พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกันค่ะ แล้วนี่มาคนเดียวเหรอคะ”“ค่า หนูมาคนเดียว ท่านแม่บอกว่าวัยนี้หนูสามารถเจริญพันธุ์ได้แล้ว”เจริญพันธุ์? นี่ชาเทียสอนอะไรให้เด็กกันล่ะเนี่ย...“มิว หาพวกพี่เจอได้ไงคะ”และเพราะจีที่ยืนให้คนตัวเล็กกอดอยู่นานพูดขึ้นมาทำให้ฉันละความสนใจจากเด็กสาวตรงหน้าแล้วหันมาโฟกัสกับคำพูดของเธอแทนนั่นสิเธอหาเ
เป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่ฉันได้พบรันเวย์อีกครั้งในโรงอาหารของบริษัทพักนี้เขามักจะมาวนเวียนรอบๆตัวของฉันเสมอ ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นรินคุแน่ๆที่สั่งให้เขามาจับตามองอะไรแบบนี้“เป็นไงครับ ปรับตัวได้บ้างรึยัง”“ฉันแค่ไม่มีพลังไม่ได้เป็นง่อยนะ ต้องปรับตัวได้อยู่แล้วสิ”“งั้นก็ดีแล้วล่ะครับ ผมเป็นห่วงมากเลยนะถึงได้ตามมาเฝ้าน่ะ อันที่จริงไม่ใช่คำสั่งของหมอนั่นหรอกนะครับ เป็นความต้องการของผมเองต่างหาก เผื่ออะไรจะทำให้คุณคิดแบบนั้น”“พวกจิ้งจอกมีพลังอ่านจิตใจของฉันได้ด้วยเหรอ ไม่น่าล่ะฉันคิดอะไรอยู่นายก็รู้หมดเลย”“พลังอะไรนั่นผมไม่มีหรอกครับ แค่เดาทางเอาน่ะ และก็เดาถูกด้วย ดีใจจัง”“ว่างเหรอ”“ก็ไม่ว่างหรอกครับ แต่เพื่อคุณผมก็มีเวลา”&
“ถึงกับยอมสละตำแหน่ง คิดอะไรอยู่กันแน่ และก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่ ว่าไม่ได้”ทันทีที่ฉันมาถึงสถานที่นัดพบยูแอลในร่างหญิงสาวแสนสวยเรือนผมสีม่วงเข้มก็ขยับแว่นตากันแดดเล็กน้อยก่อนจะปลายตาสั่งให้ฉันนั่งลงอย่างเป็นมารยาท“ถึงกับต้องลงมาด้วยตัวเองเลยเหรอคะ”“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องใครใช้ให้เธอยื่นจดหมายส่งสภาแบบนั้น ถ้ายูมะไม่ได้บังเอิญเจอมันซะก่อนมันจะเป็นยังไง”“ฉันก็คงถูกสนองคำขอเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นรุ่นพี่ก็ขึ้นแทน”“นี่อย่ามาปัดปัญหานะ”“ถ้าฉันจำไม่ผิดคนที่ปัดปัญหาก่อนคือรุ่นพี่นะคะ ทำไมคนที่ได้ขึ้นก่อนถึงเป็นฉันทำไมรุ่นพี่ที่เป็นร่างจำแลงของพระเจ้าคนก่อนถึงไม่ยอมขึ้นกันล่ะ”“ใครบอกเธอ”“ไม่สำคัญหรอกค่ะ รุ่นพี่เคยเห็นอนาคตของฉันไหมล่ะคะ”“ก็พอรู้ แต่มันเปลี่ยนไปตลอด แน่นอนว่าอ
เพราะฉันปฏิเสธไม่ได้...และก็ทำใจยอมรับมันไม่ได้ด้วย...ก็เพราะฉัน...ทำอะไรไม่ได้เลย คิดจะปกป้องอะไรงั้นเหรอ คิดจะแก้ไขอะไรกัน ที่พูดทั้งหมดนั่นไม่มีสิ่งที่ฉันทำได้เลยนี่ เพราะแบบนี้...ฉันถึงได้ถูกลงโทษอยู่สินะ...‘ร้านน้ำชาวอนมี’กรุ๊งกริ๊ง...“ยินดีต้อนรับค่ะ คุณลูกค้า อะ อ้าวคุณคนสวยนี่น่า”คนร่างสวยรีบวิ่งมารับออเดอร์ของฉันเป็นการเร่งด่วนโดยที่พนักงานของเธอได้แต่ยืนอ้ำอึ้งเพราะเจ้านายของตัวเองดันเข้ามารับหน้าที่เองซะงั้นแล้วแบบนี้พวกเขาจะทำอะไรได้ล่ะ“วันนี้เมลไม่มาด้วยเหรอคะ”“คุณคงเข้าใจผิดอะไรแล้วล่ะคะ ฉันไม่รู้จักคนที่คุณพูดถึง ฉันมาที่นี่ก็เพราะอยากดื่มชา เพราะงั้น”“จะจำผิดไปได้ยังไงล่ะคะ คนก็คือคนเดียวกับเมื่อตอนนั้นนี่น่า สีผมของคุณมันเตะตาจะตาย”“คุณเห็น? ”“ฉันเห็นทุกอย่างนั่นล่ะค่ะ”
ไม่กี่อาทิตย์ต่อมาภาพของหญิงสาวชุดนักกีฬาอีสปอร์ตก็ถูกปรากฎขึ้นตรงหน้าของชายหนุ่มร่างสูงซึ่งนั่งจิบชาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ทำงานของคนหน้าสวยมากนัก“จากรายงานที่ว่าไป ผมคิดว่าเธอก็คือท่านยูโรซึ่งกำลังไล่ตามหาตัวของท่านอยู่ครับ ท่านอาเทมิส”“อ่า ไม่ได้ยินชื่อนี้นานแล้วเหมือนกันแหะ รู้สึกว่าเด็กคนนี้จะเป็นผู้สืบทอดพลังของฉันด้วยสินะ”“ครับ ถูกต้องตามที่ท่านทราบทุกประการ”“งั้นชาเทียก็คงอยู่ที่นี่ เด็กนั่นคงทำข้อตกลงเรื่องฉันอีกล่ะสิ”“ครับ ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น”“ไม่ไหวเลยน้า ทั้งที่ฉันอุตส่าห์ให้พลังกับเธอไปแล้วแท้ๆเชียว”อาเทมิสในคราบชายหนุ่มร่างบางมองชายวัยกลางคนด้วยท่าทางครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่เขาจะคลี่ยิ้มออกมาเบาๆ“ดีล่ะ งั้นช่วยเธอหน่อยเป็นไง”“ช่วย? ช่วยเรื่องอะไรเหรอครับท่าน
พาร์ท อีเมลเป็นฉันไม่ได้จริงๆ ...ไม่ว่าจะพยายามยังไงเค้าก็ไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตาเลยท้ายที่สุดแล้วเป็นฉันเองต่างหากล่ะ ที่ไล่ตามหาความรักนั้นจนถลอกปอกเปิกไปหมด โง่เง่าสิ้นดี การไปรักคนที่ไม่มีทางรักได้ก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว แต่นี่เค้ายังมีคนรักเป็นตัวเป็นตนอีก เธอคิดอะไรอยู่กันแน่ อีเมล“งานเลี้ยงวันนี้ราบรื่นดีนะครับ”“ค่ะ”ฉันควรปล่อยความรู้สึกนี้ไปสักที พอได้แล้ว...“คุณเมลคิดจะไปต่อที่ไหนอีกรึเปล่าครับ”“ไม่มีนี่คะ”“ถ้างั้นผม...”เขายิ้มบางๆให้กับฉันก่อนจะยกแชมเปญขึ้นมาดื่มอย่างวางมาดเล็กน้อย“ขออนุญาตพาคุณไปต่อที่อื่นสักหน่อยจะเป็นไรไหมครับ”