หลังจากที่ชัชชญาเสร็จธุระที่โรงแรมช่วงเช้า เธอก็ไปจัดการเช่ารถเพื่อใช้เดินทางในการสำรวจโลเคชั่นในจังหวัดหนองคาย เธอตั้งใจว่าเธอจะอยู่เที่ยวต่ออีกซักสองสามวัน ถึงกลับไปลุยงานต่อที่กรุงเทพเพื่อเคลียร์คิวงานและเริ่มแพลนทำคอนเทนต์ให้กับผู้ว่าจ้างรายใหม่
ชัชชญาก้มมองดูนาฬิกาข้อมือสายสแตนเลสสีทอง ก็เห็นว่าตอนนี้เวลาเกือบบ่ายโมงแล้วเธอค้นข้อมูลมาว่าที่หนองคายมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสานเสมือนโลกจำลองใต้บาดาลถูกยกขึ้นมาไว้ตรงหน้าแถมยังมีอุโมงค์ใต้น้ำความยาวกว่าสามสิบเมตร อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียงแปดกิโลเมตรเท่านั้นเอง เห็นว่าภายในมีการจัดแสดงสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ มากมาย จำนวนกว่าร้อยชนิด ทั้งปลาน้ำเค็มที่จัดแสดงอยู่บริเวณชั้นสองและ ปลาน้ำจืด, ปลาโบราณพื้นบ้าน และปลาลุ่มน้ำโขงที่จัดแสดงอยู่ทางชั้นล่างอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีการแสดงโชว์ดำน้ำให้อาหารปลาอีกด้วย เธอแพลนว่าถ้าเสร็จจากตรงนี้จะไปเดินเล่นถ่ายรูปที่สะพานมิตรภาพไทยลาวเพื่อเก็บภาพตะวันตกดิน แล้วจึงแวะมาเดินเที่ยวถนนคนเดินริมโขงรอบเย็นหาของอร่อยพื้นเมืองชิมสักหน่อยละกันแล้วค่อยกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม พรุ่งนี้ค่อยลุยไหว้วัดดังประจำจังหวัดอีกทีให้เต็มวัน ชัชชญากำลังคิดเพลินๆแค่นี้เธอก็ได้คอนเทนต์เที่ยวหนองคายฉบับมาคนเดียวแล้วหนึ่งคลิป เธอมันสุดยอดจริงๆ
@พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
ชัชชญาวนจอดรถบริเวณใกล้ๆพิพิธภัณฑ์เพื่อจะได้ไม่เดินไกลนักเพราะขณะนี้เวลาบ่ายโมงกว่าๆแดดกำลังแรงเลยทีเดียว เธอรีบเดินบึ่งขึ้นไปเพื่อทำการซื้อตั๋วเข้าชมในราคาห้าสิบบาท
วันนี้ที่พิพิธภัณฑ์คนค่อนข้างเยอะเต็มไปด้วยผู้ปกครองที่พาเด็กๆมาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์และยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวมากมายหลายเชื้อชาติมีทั้งแบบมาเที่ยวกันเองและมาเป็นกลุ่มทัวร์ ไม่น่าเชื่อว่าหนองคายที่เป็นจังหวัดเล็กๆจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขนาดนี้ เธอจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม อัศวนันท์กรุ๊ปถึงกล้าลงทุนสร้างโรงแรมใหม่ เพื่อรองรับลูกค้าที่พร้อมใจกันอยากมาเที่ยวพักผ่อนกับเมืองธรรมชาติอย่างหนองคายนี้เอง
เมื่อเธอเดินผ่านประตูเข้ามาในพิพิธภัณฑ์ บรรยากาศที่ตกแต่งเสมือนภายในโลกใต้น้ำทำให้เธอหายใจแทบไม่ออก ดังนั้นเธอจึงค่อยๆหลับตาลงแล้วปรับลมหายใจให้เป็นปกติที่สุด เมื่อปรับร่างกายได้แล้วเธอก็เริ่มการบันทึกวีดีโอและถ่ายรูปสลับกันไปมา ระหว่างนั้นเธอก็เดินตามผู้บรรยายที่มาอธิบายถึงที่มาที่ไปและแหล่งกำเนิดของสัตว์น้ำแต่ละชนิดอย่างเพลิดเพลิน เธอเดินตามผู้บรรยายมาเรื่อยๆจนถึงอุโมงค์ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลาตัวเล็กตัวน้อยแหวกว่ายกันอย่างสนุกสนานเธอบอกไม่ถูกว่าควรจะรู้สึกอย่างไรเพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอมาเดินพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และเป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับโลกใต้น้ำที่เธอไม่เคยกล้าเปิดใจแม้แต่ครั้งเดียว
“ว้าวว..คุงแม่คะ ปลาตัวหย่าย ว่ายมาหาหนู” สาวน้อยวัยสาม ขวบที่กำลังฝึกพูด คุยกับคุณแม่อย่างตื่นเต้น
“สวัสดีพี่ปลาสิคะลูก นี้คือพี่ปลาบึกนะคะ “
“ซาหวัดดีค่ะ พี่ปาหยึก มาหาหนูแย้ว งั่มงั่ม งั่ม ” น้ำเสียงและท่าทางของสาวน้อยมีความสุขมากจนชัชชญายิ้มตามไปด้วย
“นี้คือราชินีแห่งลุ่มแม่น้ำโขงนะคะ หรือเราจะรู้จักกันในชื่อปลาบึกซึ่งเค้าจะเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ถึงแม้ว่าจะมีขนาดใหญ่แต่ปลาบึกกลับกินแค่พืชหรือสาหร่ายเท่านั้น คนโบราณจึงมีความเชื่อว่า ปลาบึกนั้นคือปลาบริสุทธิ์ เป็น
“ปลาเจ้า” และยังเป็นบริวารของพญานาคด้วยอีกเช่นกัน คนโบราณมักว่าไว้คนดีผีคุ้ม ฉะนั้นเจ้าปลาบึกก็มีพญานาค คอยคุ้มครองปกปักรักษาเช่นกัน” ผู้บรรยายอธิบายถึงปลาบึกได้อย่างลึกซึ้งมากจนนักท่องเที่ยวต่างพากันปรบมือด้วยความตื่นเต้นที่ได้ความรู้ใหม่ๆ
“และแล้วเราก็เดินทางมาถึงไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์แล้วนะคะทุกท่าน” ผู้บรรยายพากลุ่มนักท่องเที่ยวเดินมาตามทางอุโมงค์ยาวที่ค่อนข้างมืดจะมีเพียงแค่แสงไฟสลัวจากใต้น้ำเท่านั้นชัญญ่าก็รู้สึกวังเวงใจไม่น้อยแต่ต้องทำใจฮึดสู้ พอสายตาเริ่มปรับสภาพการมองเห็น เพ่งมองลงลึก ก็เห็นว่าข้างล่างมีรูปปั้นพญานาคและเจดีย์ด้านหลัง ชัญญ่าแทบจะเป็นลม! ทำไมน่ากลัวจัง
ถัดจากชัญญ่าจะเป็นน้องสาววัยสามขวบที่คุณแม่กำลังอุ้มอยู่ก็เดินตามเข้ามาในอุโมงค์
"แม่ กลัว กลัว หนูกลัว" ชัญญ่าคิดในใจพี่ก็กลัวนะคะลูก ใจนี่อยากจะเข้าไปช่วยปลอบแม่สาวน้อยคนนี้เหลือเกิน กว่าจะเดินจบอุโมงค์ก็ใช้เวลาเกือบห้านาที สายตาชัญญ่าก็มองเห็นเจดีย์กับพญานาคชัดขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งดูขลัง ยิ่งเข้าใกล้ร่างกายยิ่งอึดอัด แต่พอภาพตรงหน้าชัดขึ้นเรื่อยๆ ชัญญ่ากลับยืนตัวตรงตกใจกับภาพที่เห็น รูปปั้นองค์ปู่พญานาคที่ใหญ่ตระการตาบวกกับฝูงปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายรอบๆ มองลึกเข้าไปในเจดีย์ด้านหลังปู่นั้นกลับรู้สึกว่า
“เหมือนมาก ........ เหมือนภาพในฝันเลย” ชัญญ่าพูดกับตัวเองเสียงแผ่วเบาเธอยังคงงุนงวยมึนงงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้
“ได้เวลาแล้วนะคะทุกคน นักท่องเที่ยวเชิญรวมตัวกันตรงนี้นะคะ ต่อไปจะเป็นให้อาหารปลาและการแสดงเล็กๆน้อยๆจากนักประดาน้ำอาสาของเรานะคะ” ผู้ปกครองเริ่มพาเด็กๆไปเกาะตามตู้กระจกขนาดใหญ่สูงประมาณเกือบห้าเมตรได้ หญิงสาวจึงรีบเตรียมกล้องไว้เพื่อบันทึกภาพ
“วู้ๆๆ มาแล้ว พี่เค้ามาแล้ว ว้าวๆๆ ปลาเยอะมากเลย” เสียงเด็กๆตะโกนอย่างตื่นเต้นดีใจที่เห็นฝูงปลาแหวกว่ายมากมายเป็นภาพที่สวยมากจนชัญญ่ากดชัตเตอร์รัวไม่หยุด
ภาพของนักประดาน้ำหนุ่มนั้นช่างตรึงตาตรึงใจเธอ และนักท่องเที่ยวแทบทุกคน ทุกจังหวะในการเคลื่นไหวนั้นสวยงามราวกับเขาเกิดมาเพื่อทำสิ่งนี้ เขาคนนั้นช่างดูเป็นธรรมชาติดูเป็นอันนึงอันเดียวกันกับฝูงปลาที่แหวกว่ายรอบกายเขา สรีระที่สูงเกินกว่ามาตราฐานชายไทยทำให้เขาดูเท่มีเสน่ห์น่ามอง กล้ามขาแกร่งเป็นมัดๆอาจจะเป็นเพราะฝึกร่างกายมาอย่างหนัก จังหวะหายใจจากถังออกซิเจนก็มีลีลา เขาหยอกล้อเด็กๆด้วยการเป่าออกซิเจนออกมาเป็นวงกลมบ้าง รูปหัวใจบ้าง เมื่อเด็กๆขอถ่ายรูป เขาก็ว่ายมาใกล้ๆเพื่อให้เด็กๆได้ขอบคุณและเขาเองก็ทำท่าซารางเฮโยหรือท่าการบอกรักแบบเกาหลีให้เด็กๆ ผู้ปกครองและเด็กๆต่างตะโกนบอกเขาว่าขอบคุณมากๆที่มอบความสุขในวันนี้ให้กับพวกเขาและพร้อมใจกันปรบมือด้วยความประทับใจ ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับก่อนจะแหวกว่ายวนไปให้อาหารปลาจนหมด ชัชชญาเองก็รู้สึกขอบคุณเขาเช่นกันที่ทำให้บรรยากาศใต้น้ำที่เธอกลัวดูผ่อนคลายลงมาก เธอจึงตัดสินใจพิมพ์ข้อความในมือถือ
“ขอบคุณค่ะ วันนี้มีความสุขมากๆ ^_^ ” นักประดาหนุ่มเห็นข้อความนั้นจากแสงไฟมือถือของชัญญ่าจึงรีบว่ายน้ำเข้ามาอ่านแล้วลอยตัวขึ้นสูง เธอยิ้มให้และกำลังจะหันหน้าออกจากระจกทันใดนั้นนักประดาน้ำหนุ่มลอยตัวโดยเอาศีรษะลงมาอย่างกับ สไปเดอร์แมน ทันทีที่ได้สบตากัน..เธอก็รู้ทันทีว่านักประดาน้ำคนนั้นคือ
“เอ๊ะ...คุณทีหนิ.......” ชัญญ่าอึ้งจนสติเกือบออกจากร่าง กันต์นทีลอยตัวขึ้นโดยเอาศีรษะมาแนบกับกระจกเพื่อสบตากับหญิงสาวแล้วหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเธอ ทั้งคู่สบตากันนานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าหัวใจดวงน้อยของชัชชญาเต้นแรงแทบไม่เป็นจังหวะ ถ้าไม่มีกระจกใสกั้นอยู่นั้นกันต์นทีคงฝากรอยจุมพิตไว้ที่ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไปแล้ว
หลังจากที่ชัชชญาเดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์เธอก็แวะถ่าย รูปบริเวณรอบๆและแวะดูของที่ระลึกเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปที่รถเพื่อที่จะไปยังจุดหมายใหม่นั่นก็คือสะพานมิตรภาพไทยลาว
กันต์นทีที่เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จหลังจากแสดงภารกิจมอบความสุขให้นักท่องเที่ยวก็รีบเดินตามเธอมาที่ลานจอดรถอย่างไว ด้วยความเร็วดุจเท่าปีศาจเลยก็ว่าได้ ชัชชญาที่มัวแต่ถือถุงของฝากกดรีโมทรถยนต์เพื่อที่จะเอาของเข้าไปเก็บที่เบาะหลังไม่ทันสังเกตุว่าใครบางคนได้แอบขึ้นรถมานั่งฝั่งข้างคนขับพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว
“เห้ยยย นี้คุณจะบ้าหรือไงคะ ขึ้นมาได้ไง ลงจากรถฉันไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“เราจะไปไหนกันต่อดีครับ คุณพรหมลิขิต” กันต์นทีเอ่ยถามอย่างเหนือกว่า
“ไม่ต้องมายุ่งเลย และฉันชื่อชัชชญา ค่ะ ไม่ได้ชื่อพรหมลิขิต กรุณาลงจากรถดิฉันด้วยค่ะ”
“โห่!! อะไรกันคุณ เมื่อวานผมช่วยคุณไว้นะลืมแล้วเหรอ เห้อ ทีเอ้ยทำคุณบูชาโทษแท้ๆ”
“ฉันก็เลี้ยงข้าวตอบแทนคุณไปแล้วไงคะ คุณยังจะต้องการอะไรกับฉันอีก”
“ต้องการเบอร์มือถือ เมื่อวานคุณคงลืมคำพูดตัวเองแล้วซินะ ว่าถ้าเราเจอกันอีกแปลว่าพรหมลิขิตไว้ ขอมือถือหน่อย” กันต์นทีพูดกดเสียงต่ำลงอย่างคาดโทษหญิงสาว
“ไม่ให้ คุณจะเอามือถือฉันไปทำไม”
“จะให้ดีๆหรือจะต้องให้ผมบังคับ หรือจะให้ผม....จูบคุณจริงๆดี” ไม่แค่พูดอย่างเดียวนทีแกล้งเอาใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้และกระซิบข้างหูจนขนแขนของเธอแทบลุก
“อ่ะ เอาไปเลยย ขยับตัวออกไปด้วย” เธอจำใจยื่นโทรศัพท์ให้เขาคนอะไรรุกหนักเป็นบ้า
“ปลดล็อครหัสด้วยครับ” เขาเอ่ยสั่งหญิงสาวก่อนที่จะรับโทรศัพท์มา ทันทีที่ได้โทรศัพท์เขาก็จัดการบันทึกเบอร์ของเธอไว้ในเครื่องของเขาและจัดการแลกไอดีไลน์เรียบร้อยโดยไม่ได้ถามความเห็นจากใครเลยเอาแต่ใจชะมัด
“เรียบร้อย อย่าให้รู้ว่าบล็อกผมนะ เดี๋ยวผมต้องไปเคลียร์งานต่อนิดหน่อย อีกสองชม. ไปรอผมที่โรงแรม เดี๋ยวผมไปรับ ห้ามดื้อ นะครับ ชัญญ่า ยูทูปเบอร์สาวดาวรุ่งแห่งปี”
“คุณรู้จักฉันได้ไง”
“เห็นแบบนี้ผมก็มีเงิน เติมเน็ต ดูยูทูปนะครับคุณ ” พอเขาพูดจบแล้วก็ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยแล้วก้าวลงจากรถอย่างไว
“หึ ทำไมฉันต้องเชื่อฟังคนแปลกหน้าที่เอาแต่ใจอย่างคุณด้วย น่าหงุดหงิดชะมัด คิดเหรอว่าจะได้เจอกับฉันอีก ... ไม่ตอบไลน์ ไม่รับโทรศัพท์ก็จบละ ” ว่าละหญิงสาวก็ขับรถออกจากพิพิธภัณฑ์แวะคาเฟ่หาอะไรเย็นๆกินดับร้อนดีกว่า รออากาศเย็นกว่านี้ค่อยไปเดินถ่ายภาพสวยๆที่สะพานมิตรภาพไทยลาว
กันต์นทีขับรถยุโรปสุดหรูมุ่งตรงสู่บริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่ประจำตระกูลที่อยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคายเกือบสิบกิโล ใช่แล้ว เขาคือกันต์นที อัศวนันท์ ลูกชายคนเล็กของคุณหญิงกานตา และเจ้าสัวอาชา อัศวนันท์ ครอบครัวของเขาเป็นตระกูลเก่าแก่ของเมืองหนองคาย มีธุรกิจมากมาย ที่ครอบคลุมทั่วภาคอีสานและกำลังขยายไปทั่วประเทศ ซึ่งเขาเองก็ได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูแลธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ททั้งหมดของครอบครัว
“อ้าวตาที ทำไมกลับบ้านได้ละลูก แม่นึกว่าลูกจะหลงสาวใต้จนลืมทางกลับบ้านแล้วนะเนี่ย”คุณหญิงกานตาเอ่ยแซวลูกชายตัวดี เพราะช่วงนี้ลูกชายคนเล็กแทบจะสิงอยู่ที่โรงแรมนานๆทีถึงจะแวะมาทานข้าวกับครอบครัว
“โถว แม่อย่าแซวแรงสิครับ ผมก็กลับมาให้แม่หอมแล้วนี้ไงครับ”กันต์นทีสวมกอดและหอมแก้มคนผู้เป็นแม่
“แล้วนี่..จะมาอ้อนอะไรแม่อีก ถ้าไม่หาลูกสะใภ้มาให้แม่ แม่ไม่คุยด้วยละนะ แม่เห็นลูกใช้ชีวิตสันโดษ วันๆทำแต่งาน หัวใจแห้งเหี่ยวเกินไปไหมลูก ไม่รู้ล่ะถ้าสิ้นปีนี้ ยังหาลูกสะใภ้มาไหว้แม่ไม่ได้แม่จะจัดการกับทีขั้นเด็ดขาด ถึงเวลานั้นอย่าหาว่าแม่ใจร้ายล่ะกัน” คุณหญิงกานตาเอ่ยคาดโทษลูกชายตัวแสบที่ไม่ยอมจริงจังกับใครซักทีปีนี้ก็อายุปาไปจะสามสิบเอ็ดปีเข้าแล้ว ถึงแม้ว่ากานตาและเจ้าสัวอาชาจะอยากเห็นกันต์นทีเป็นฝั่งเป็นฝาเหมือนกับลูกๆคนที่เหลือแต่เขาถือคติว่าความสุขของลุกๆทุกคนสำคัญที่สุดพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์บังคับใจลูกๆ
“ไม่ได้มาอ้อนครับแม่ จะเข้ามาเปลี่ยนรถยนต์ครับ”
“อ้าวรถเป็นอะไรอ่ะที ปกติพี่ก็เห็นทีใช้ BMW สีดำ ประจำหนิ พี่เพิ่งให้คนไปเช็ครถมาให้ทุกคันในบ้านเลยนะ” กันต์นภัทร พี่ชายคนโตเอ่ยถามขณะที่เดินจูงมือลูกสาววัยอนุบาลกลับมาจากโรงเรียน
“อาที อุ้ม อุ้ม น้องพลอยอยากอุ้มๆ อาที”
“สวัสดีค่ะสาวน้อยมาให้อาทีหอมแก้มซักทีสิมา”
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับพี่ภัทร วันนี้แค่อยากขับรถชิวๆ เดี๋ยวหาสาวไม่ได้”
“เอ้ย สาวทั้งประเทศเขาชอบผู้ชายกับรถหรูๆทั้งนั้นแหละที” กันต์นภัทรเอ่ยขึ้นนึกประหลาดใจ จะมีผู้หญิงซักกี่คนที่จะไม่สนใจในรูปและทรัพย์ของพวกเขา
“แต่กับคนนี้อาจจะไม่ใช่ ” นทีตอบพี่ชายเสียงเบาพร้อมกับขยิบตาให้เพื่อเป็นสัญญาณว่าตอนนี้เขาเจอสาวที่ใช่แล้ว ก่อนที่จะเดินไปที่โรงจอดรถแล้วขับรถญี่ปุ่นสีขาวคู่ใจออกไป
“ภัทรว่าแม่ใจเย็นๆ ไม่แน่ปีนี้แม่อาจจะได้ลูกสะใภ้คนเล็กสมใจก็ได้นะครับ”
“ให้มันจริงเถอะเจ้าภัทร แม่ละห่วงน้องจริงๆ กลัวจะมีเมียเป็นปลาก่อนนะสิ วันๆอยู่แต่กับน้ำ แม่ไปดูหนูชัญญ่ากับป๊าแกดีกว่า หาที่เที่ยวอีกดีกว่าเบื่ออยู่บ้านแล้ว”
KNT : ส่งสติกเกอร์ อีกยี่สิบนาทีถึงโรงแรม
Chanya : ไม่ตอบ
KNT : ส่งสติ๊กเกอร์
ส่งสติ๊กเกอร์
ส่งสติ๊กเกอร์
ส่งสติ๊กเกอร์
Chanya : เสียงไลน์เด้ง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ชัญญ่าที่กำลังนั่งอารมณ์ดีที่คาเฟ่แถวสะพานมิตรภาพมองดูสติ้กเกอร์ไลน์ที่เด้งรัวๆนึกอยากแกล้งคนเอาแต่ใจคืนมั้ง สะใจดีจริงๆ
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr
“คุณอยู่ไหน”
“ไม่บอก แค่นี้นะกำลังจะไปถ่ายรูปโลเคชั่นต่อ บั้ยยยย”
“โถว่ โว้ยย .......” กันต์นทีบึ่งรถด้วยความเร็วสูงเพื่อขับรถไปยังสถานที่ที่คิดว่าชัญญ่าน่าจะกำลังจะไปถ่ายภาพ
เช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวายในเมืองหลวง วันนี้ทีมงานของชัญญ่าไลฟ์ก็กำลังวุ่นวายเตรียมตัวพรีเซนต์เสนอแผนสตอรี่บอร์ดและไทม์ไลน์ในการโปรโมทโรงแรมในเครืออัศวนันท์ที่เหลืออีกห้าแห่ง เมธัสหัวหน้าการตลาดของโรงแรมนัดหมายสถานที่เป็น โรงแรมธารธารา โรงแรมสุดหรูระดับห้าดาว โลเคชั่นติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ออกแบบสะท้อนถึงความเรียบง่ายแต่หรูหราตกแต่งสไตล์ไทยร่วมสมัยดูแล้วเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในยุครัตนโกสินธุ์ตอนปลายเลยก็ว่าได้ ซึ่งโรงแรมนี้คือหนึ่งในสองของโรงแรมในเครือบริษัทที่มีในกรุงเทพ อีกที่จะเป็นโลเคชั่นใจกลางทองหล่อที่เจ้านายหนุ่มสุดหล่อใช้เปิดผับข้างล่างไปด้วย“สวัสดีครับคุณชัญญ่า นี้คงเป็นคุณมินนี่ใช่มั้ยครับ คุยงานผ่านโทรศัพท์มาตลอดวันนี้เพิ่งได้เห็นตัวจริง ยินดีที่ได้พบกันนะครับ” เมธัสกล่าวตอนรับทีมงานชัญญ่าไลฟ์อย่างเป็นกันเอง“สวัสดีค่ะคุณเมธัส ยินดีที่ได้พบเช่นกันค่ะ” มินนี่เอ่ยทักทายกลับอย่างเป็นทางการเพราะดูแล้วเขาน่าจะมีอายุมากกว่าเธอราวห้าหกปีเห็นจะได้“เรียกผมว่า เมธ เฉยๆก็ได้ครับมินนี่” เมธัสยิ้มส่งให้หญิงสาวตัวเล็กข้างหน้า“เดี๋ยวเชิญทีมงานคุณชัญญ่าขึ้นไปเตรียมตัวที่ห้องประชุม
ความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศตกกระทบลงสู่ผิวบอบบางจนทำให้เธอรู้สึกตัว“อื้อ...หนาวจัง”เธอหลับตาพริ้มขณะที่มือเล็กพยายามควานคว้าหาผ้าห่มอย่างที่เธอชอบทำเป็นประจำ มือเล็กสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากวัตถุประหลาดที่พาดผ่านกลางลำตัว“อ๊ะ!!!..” เปลือกตาที่ปิดสนิทไปก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมงก่อน ค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ ภาพตรงหน้าที่ได้เห็นมันเป็นหลักฐานชั้นดีตอกย้ำว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่แค่ฝันแต่มันดันเป็นความจริง......“คุณที......ทำไมถึง...” เธอถามตัวเองในใจไม่กล้าแม้จะปริปากมือเล็กยกขึ้นมาปิดเสียงกลั้น ก่อนจะย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา เมื่อเธอดันเผลอไปมีสัมพันธ์สวาทกับผู้ชายที่เธอบังเอิญเจอที่สนามบินวันนั้นและเมื่อคืนก็...บังเอิญมีอะไรกับเขา เธอมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆแกะแขนของเขาที่กอดรัดเธอไว้แน่นทั้งคืน ร่างเล็กค่อยๆลุกออกจากเตียงนอนแล้วค่อยๆย่องเบาๆ ไล่เก็บเสื้อผ้าของเธอที่ตกกระจายตามพื้นขึ้นทีละชิ้นๆ ก่อนจะวิ่งหายไปในห้องน้ำเพื่อรีบจัดการตัวเองทันที ไม่นานเธอก็ออกมาในสภาพพร้อมเดินทาง ก่อนไปเธอหยิบเอาเสื้อสูทที่เขาสวมใส่เมื่อวานมาคลุมทับเพื่อปกปิดร
“คุณว่าไงนะ นี่ผิดหวังมากขนาดแกล้งจำกันไม่ได้เลยเหรอชัญญ่า” กันต์นทีตอบเธอเสียงเรียบต่ำ เขาจ้องมองใบหน้าสวยแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดวงตากลมโตสีดำหยาดเยิ้ม ริมฝีบางอวบอิ่มสีแดงสั่นระเรื่อ มันทำให้เขาอดทนต่อไปอีกไม่ไหว เขาเอียงใบหน้าหล่อเหลาปรับองศาแล้วก้มลงประกบปากหยักได้รูปของเขาบนริมฝีปากอวบอิ่มนุ่มนิ่มที่สั่นระริกของเธอทันที ริมฝีปากหนาบดเบียดเคล้าคลึงกลีบปากอวบของเธออย่างเชื่องช้าเนิบนาบ จนคนตัวบางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หัวใจของเธอเต้นกระหน่ำรุนแรงจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ กันต์นทียกยิ้มสายตาเฉียบมองสาวน้อยที่ตัวกำลังสั่นเทาอย่างผู้ชนะ ลิ้นสากไล้เลียริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะค่อยๆสอดแทรกลิ้นหนาเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปากของเธอ เขาค่อยๆไล้เลียลิ้นน้อยๆของเธอจนมันค่อยๆแลบออกมาทีละน้อยให้เขาได้เกี่ยวกระหวัดดูดดึงอย่างเอาแต่ใจ“อื้อ คุณ พะ พอ ก่อน ฉันร้อน ช่วยฉัน..” หญิงสาวเผลอส่งเสียงครางหวานหูก่อนจะเอ่ยห้ามชายหนุ่ยเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอนั้นร้อนลุ่มดังไฟแผดเผาแบบที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน เขาค่อยๆถอนริมฝีปากออกมามามองใบหน้าหวานที่แดงซ่านของเธออย่างเสียดาย เขารู้ดีว่าต้องจัดการกับเธออย่างไรเพื่อท
@the crystal Club พับหรูย่านทองหล่อ“วู้ๆๆๆๆๆๆๆ เจ๊ของเรามาแล้วว โหหหห เจ๊เราวันนี้อย่างสุด แซ่บมากจนจำแทบไม่ได้เลยนะเนี่ย” เมื่อชัญญ่าเดินมาถึงโต๊ะที่จองไว้เธอก็โดนน้องๆในออฟฟิศโห่แซว เธอส่ายศีรษะเบาๆ อย่างเขินอาย ถึงแม้ว่าชีวิตส่วนใหญ่เธอจะเที่ยวแต่ป่าเขาลำเนาไพร แต่อายุขนาดนี้เธอก็ผ่านการเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนฝูงอยู่หลายครั้ง วันนี้เธอเลือกใส่ชุดเดรสสายเดี่ยวสั้นสีเงินเมทัลลิค เนื้อผ้าซาตินแนบตัวจนเผยให้เห็นแทบทุกสัดส่วน เธอมัดผมห้างม้าสูงเผยให้เห็นช่วงไหล่และเนินอกอวบ ที่มีกลิสเตอร์ระยิบระยับสีทองขับกับผิวสวยของเธอดูแล้วเซ็กซี่ไปทางสายฝ. วันนี้เธอแต่งหน้าจัดทาปากด้วยลิปสติกสีแดงกระเป๋าถือสีดำที่แมตซ์เข้ากันกับร้องเท้าส้นสูงสีดำยี่ห้อแพง“อ๊ะ...วันนี้ก็ให้เจ๊นิดนึงโน๊ะ....นี่ใครเจ๊เอง เจ้าภาพก็ต้องเลิศสุดสิ วันนี้เต็มที่เลยนะทุกคน งบบริษัทจ้า เดี๋ยวมินนี่ช่วยจัดการค่าใช้จ่ายวันนี้ให้ด้วยนะ”“รับทราบค่ะบอสส” มินนี่ผู้เป็นทุกอย่างของออฟฟิศรับนโยบายทันที เวลาล่วงเลยผ่านไปทุกคนต่างกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะเพลง EDM อย่างสนุกสนาน ชัชชญาเองก็เริ่มมึนกับแอลกอฮอล์แล้วบ้าง แต่ก็ก
เมื่อใกล้ถึงเวลานัด ชัชชญาก็ตรวจเช็คสิ่งของให้เรียบร้อยเพื่อรอเดินทางไปสนามบินอุดรโดยที่มีกันต์นทีอาสาไปส่ง เธอเองก็ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจจากเขา แต่กลับกลายเป็นอุ่นใจมากด้วยซ้ำที่มีคนรู้จักเดินทางไปด้วย แต่แล้วเมื่อเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลานัด ก็มีเสียงข้อความทักเข้ามาKNT : วันนี้ผมไปส่งคุณไม่ได้แล้วนะ พอดีมีธุระด่วน แต่ผมโทรนัดรถของโรงแรมให้คุณแล้วสบายใจได้ ค่าใช้จ่ายผมจัดการไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เดินทางปลอดภัยครับ ไว้ผมจะติดต่อกลับไป...Chanya : ขอบคุณค่ะ เธอตอบกลับชายหนุ่มสั้นๆและไม่ได้มีคำถามต่อว่าเขาติดธุระอะไรจึงมาส่งเธอไม่ได้ ในเมื่อทั้งเธอและเขาเป็นเพียงแค่คนบังเอิญรู้จักเธอก็ไม่จำเป็นต้องเร้าหรือเขา เธอรู้สึกขอบคุณเขาอย่างใจจริง จากนั้นเธอก็เตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพ แต่พอเมื่อนึกถึงคำว่า ไว้ผมจะติดต่อกลับไป ทำไมจู่ๆเธอก็รู้สึกกำลังชาวาบที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก หรือเธอเองกำลังหวังอะไรจากเขากันแน่ แต่ช่างมันเถอะ เธอได้แต่บอกตัวเองว่าให้คิดถึงงานที่รออยู่ข้างหน้า เธอก็บอกกับตัวเองให้ฮึดสู้ในใจ เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการให้สำเร็จเพราะเรื่องปากท้องสำคัญกว่าหัวใจ @ชัญญ
เช้าวันรุ่งขึ้นกันต์นทีก็รีบตื่นนอนเพื่อที่จะไปรับหญิงสาวที่หน้าโรงแรมKNT : ตื่นยังคุณ อีกยี่สิบนาทีถึงนะChanya : ………..ไม่ตอบ..................ตื้ดดด ตื้ดดดด ตื้ดดดดดดดด“ฮัลโหล!!! ตื่นรึยัง นี้มันเก้าโมงกว่าแล้วนะคุณ”ชัญญ่าสะดุ้งตื่นจากเสียงโทรศัพท์ เธอลืมตั้งนาฬิกาปลุก แย่แล้วววว“ตะ ตะ ตื่นแล้วค่ะ ขอเวลาสิบนาทีนะคะ คุณนั่งรอข้างล่างเลยนะ แค่นี้นะคะฉันรีบ” ชัญญ่ารีบกระโดดออกจากเตียงถอดเสื้อผ้าแล้ววิ่งเข้าไปอาบน้ำไวอย่างกะเดอะฟาสก๊อก ก๊อก ก๊อก“นี้มันเลย สิบนาทีมานานมากแล้วนะคุณ เปิดประตูหน่อย” ไม่รู้ว่าเขารีบอยากจะเห็นใบหน้าสวยๆของเธอหรือนึกอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ขึ้นมาเคาะประตูห้องของเธออย่างวิสาสะ“โอ้ยคุณ! จะรีบไปไหนฉันแต่งตัวอยู่ยังไม่เรียบร้อย” เสียงหวานตะโกนตอบโต้เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอยู่หลายทีจนนึกรำคาญ“คนอะไร...ไม่รู้จักเกรงใจคนอื่นเอาซะเลย” ถึงปากจะบ่นแต่ก็รีบเปิดประตูห้องน้ำออกมาปัง ปัง ปัง กันต์นทีเคาะประตูเสียงดัง“จะเปิดประตูให้ผมเข้าไปดีๆมั้ยครับ”“ไม่เปิด ถ้าคุณอยากเข้ามา ก็ไปหาคีย์การ์ดเข้ามาเองแล้วกัน ฉันแต่งตัวอยู่ แล้วก็จะไม่รีบด้วย ไม่ต้องมาเร่ง!!!!”