“ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ทำให้เจ้ากังวล ข้าคิดน้อยไป”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ หลังจากนี้พวกเราก็พยายามพูดคุยกันให้เยอะขึ้นเถอะนะ”ไป่จวิ้นยิ้มให้นางแล้วพยักหน้า เรื่องหนักอกหนักใจตลอดหลายวันมานี้คลี่คลายแล้ว ตอนเย็นพวกเขาแวะไปที่โรงหมอใกล้บ้านอีกครั้ง หากเขาไม่อยู่จริง ๆ ก็คงต้องเดินทางไปเขตอื่นที่อยู่ติดกันถึงเป็นเมืองใหญ่ก็ยังหาผู้ที่ร่ำเรียนวิชาแพทย์ได้น้อยนัก เทียบกับแว่นแคว้นใกล้เคียง แคว้นเล่อไม่มีเรื่องใดโดดเด่นเป็นพิเศษเลย พวกเขาแค่เอาชีวิตรอดไปในแต่ละวันก็เต็มกลืนแล้ว“ช่วงนี้อากาศเย็นจัดคนเลยป่วยไข้กันมาก แต่ข้าแจ้งท่านอาจารย์ไว้แล้ว ถ้าเขาไปดูคนไข้ของวันนี้หมดแล้วอาจจะพอมีเวลาแวะไปสกุลไป่ขอรับ”พวกเขามาอีกครั้งท่านหมอก็ยังไม่ว่าง ดีที่ฝากเรื่องไว้ตั้งแต่คราวก่อน ไป่จวิ้นขอบคุณลูกศิษย์คนนั้นและซื้อยาบำรุงกลับไปนิดหน่อย ออกจากหน้าร้านไปได้สามก้าวก็เดินย้อนกลับไปใหม่เพื่อซื้อยาลดไข้อีกจำนวนหนึ่ง ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย มียาติดบ้านไว้มากหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายทำไมแค่จะมาหาหมอถึงได้ยา
“ใครจะไล่นาง อย่ามาพูดจาซี้ซั้วนะ เจ้าไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน”หงเสวียนซู่ชักมีน้ำโห นางไม่อยู่ไม่กี่วันมีคนเอาบ้านนางไปพูดลับหลังอีกแล้วหรือไง“ไม่ใช่ว่าท่านแม่ตกลงกับนางไว้แบบนี้หรือขอรับ?” จากท่าทางของมารดาแล้วอาจเป็นเขาเองที่เข้าใจผิด“ไม่เคยพูดว่าจะไล่นางออกไปสักหน่อย นี่เจ้ากังวลไปเองหรอกหรือ ทำหน้าตาเคร่งเครียดเสียขนาดนั้นรอคุยกับแม่ก็นึกว่ามีเรื่องอะไรเสียอีก”ข้อตกลงที่เคยพูดไว้นั้นคือหากนางไม่มีบุตรในปีแรกหลังแต่งงาน จะไม่ได้เงินส่วนที่สาม หงเสวียนซู่ไม่เคยพูดเลยว่าจะไล่นางออกไป จางอวี๋จิงเป็นสะใภ้ที่ดีมากสำหรับนาง ต่อให้ต้องจ่ายมากกว่านี้ จางอวี๋จิงก็คงทำให้งอกเงยขึ้นได้ใหม่ กลับกันหากคนที่แต่งเข้ามาทำตัวไม่ดี ถึงมีเงื่อนไขแบบเดียวกับจางอวี๋จิง นางก็จะหาทางไล่ตะเพิดออกไปอยู่ดี“ตกลงเรื่องที่จะปรึกษาแม่คืออะไรกันแน่” เห็นบุตรชายเงียบไปนานนางจึงถามย้ำ“ข้าสงสัยว่านางอาจมีครรภ์ แต่นางไม่มีสัญญาณบอกเลย ถ้าข้าเข้าใจผิดไปเองกลัวจะทำให้นางกังวล” ไป่จว
ภาพจำของนาง คนกำลังจะเป็นแม่ถ้าไม่มีอาการอ่อนเพลีย แพ้ท้อง ก็ควรมีความเปลี่ยนแปลงที่รู้สึกได้ชัดเจนบ้าง ถ้านางตั้งครรภ์จริงทำไมทุกสัดส่วนถึงได้มีเนื้อหนังเพิ่มขึ้นมาไม่ใช่แค่ช่วงท้องเล่า แต่เรื่องนี้ก็เป็นแค่ความคิดความเข้าใจของนางคนเดียว ชีวิตนี้นางไม่เคยมีเด็กอยู่ในท้องมาก่อน ท่านแม่ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้นางฟังมาก เรื่องตอนท่านแม่ท้องน้องชาย นางก็จำไม่ได้แล้วตอนนี้ข้าร่างกายแข็งแรงดีทุกอย่างจนนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าตนจะท้องอยู่“ถ้าท่านพี่ว่าอย่างนั้นเราลองตรวจดูก็ได้เจ้าค่ะ”“อื้ม ๆ ถึงไม่ใช่ เจ้าก็ไม่ต้องคิดมากล่ะ”“เข้าใจแล้ว ท่านพี่ใจเย็นก่อนเถอะ ตื่นเต้นกว่าข้าเสียอีก ย้ำประโยคนี้มาสิบรอบได้แล้วกระมัง”“ขอโทษที ข้า…ข้าจะพยายามควบคุม” ไป่จวิ้นเหงื่อแตกพลั่ก อยากตีตัวเองจริง ๆทั้งที่ปากบอกนางว่าอย่ากดดัน แต่ตัวเขาแสดงออกอย่างคาดหวัง แล้วมันจะไม่กระทบกับความรู้สึกของนางได้อย่างไร“เอาละ ๆ ข้าเข้าใจเจตนาของท่านพี่แล้ว เช่นนั้นเราก็ให้ท่านหมอตรวจเถอะ แล้วอย่างไรดี จะรอ
แล้วฝันร้ายของจางอวี๋จิงก็เริ่มจากตรงนั้นน้ำกลายเป็นของที่ต้องแก่งแย่งกัน สวนของชาวบ้านเสียหาย ไร่นาไม่มีข้าว ผลผลิตทางการเกษตรขาดแคลนนำไปสู่ความอดอยาก เวลานั้นเมืองหลวงยังไม่ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของมัน กว่าจะลงมาจัดการก็ส่งผลกระทบไปมากแล้ว ใช้เวลาฟื้นตัวยาวนานกว่าช่วงโรคระบาดเสียอีกชาวบ้านที่ไร้หนทางปล้นฆ่ากันดิบเถื่อนยิ่งกว่าชุมโจร ดีที่จางอวี๋จิงได้ครอบครัวช่วยประคับประคอง ไม่ออกนอกลู่นอกทางไปไหน ไม่อย่างนั้นมือของนางคงไม่ได้ขาวสะอาดอย่างในตอนนี้ไป่จวิ้นจำได้ว่า ช่วงนั้นตนกับครอบครัวก็ลำบากเรื่องอาหารการกินอยู่หลายเดือน แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับเรื่องที่เกิดขึ้นบริเวณเมืองรอบนอกติดชายแดน“ที่ผ่านมาเจ้าลำบากมากจริง ๆ ““ถือว่าเป็นประสบการณ์เจ้าค่ะ” นางยิ้มตอบเรื่องเหล่านั้นคือประสบการณ์ที่หนักอึ้ง แต่เมื่อผ่านกาลเวลาแล้วมองย้อนกลับไปก็กลายเป็นความทรงจำที่มีคุณค่า“หลังจากนี้จะไม่มีเรื่องให้เจ้าต้องลำบากอดมื้อกินมื้ออีก วางใจเถอะ สกุลไป่จะดูแลเจ้าอย่างดี”ระหว่างที่กำลังแส
“อาอวี๋!” ไป่จวิ้นตกใจจนตาแทบถลนเมื่อหันไปอีกครั้งแล้วพบว่านางห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ภาพนี้คิดว่าหากคบหากับคนอื่นคงไม่มีทางได้เห็นตลอดชีวิต ทักษะการใช้ชีวิตของนางสูงล้ำเกินไปแล้ว ไป่จวิ้นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เอาเป็นว่าเขาตกใจก่อนแล้วกัน“อาอวี๋ เจ้าขึ้นไปทำอะไรบนนั้น”จางอวี๋จิงก้มมอง ตอบกลับอย่างภาคภูมิใจ “เจอลูกพลับเจ้าค่ะ”ก็ไม่เห็นต้องลงทุนปีนขึ้นไปเก็บเลยนี่“เจ้าลงมาก่อน ข้ากลัวเจ้าตก หัวใจข้าจะหยุดเต้นเอานะ”สามีร้องขอถึงขนาดนั้นหากนางไม่ทำให้ก็ไม่ใช่จางอวี๋จิงแล้ว หญิงสาวค่อย ๆ ปีนลงมาอย่างระมัดระวัง ไป่จวิ้นอ้าแขนรอรับอยู่ด้านล่าง หากนางพลัดตกลงมาเขาจะได้รับทัน ถึงยืนได้ไม่มั่นคง แต่ภรรยาของเขาจะไม่กระแทกโดนพื้นข้างล่างนี้แน่นอน“ท่านพี่ตื่นตระหนกเกินไปแล้ว ข้าทำอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ แต่เห็นท่านเป็นห่วงมากขนาดนี้ข้าก็ไม่กล้าทำแล้วละ”“หากจะเก็บก็เก็บพวกต้นเตี้ยเถอะนะ”หล
“ประมาณนั้น”ไป่จวิ้นไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมากกับผู้หญิงทุกคน ถึงเขาจะไม่มองว่ามันเป็นปัญหาที่ตรงไหน แต่นางต้องยอมรับไม่ได้แน่ ๆ บางทีนางอาจไม่รู้ตัว เขาก็แค่หาผ้าใหม่เปลี่ยนให้นาง จนกระทั่งเสื้อผ้าที่เริ่มคับแน่นเหล่านั้นหายไปจากตู้จนหมด เท่านี้นางก็ไม่ผิดสังเกตแล้ว จะใช่หรือไม่ใช่หลังจากนี้ก็ได้รู้กัน แต่ถ้าไม่ใช่นางจะเป็นกังวลเสียเปล่า ๆ“ข้าอยากตัดชุดใหม่ให้เจ้า ที่มีอยู่ตอนนี้ก็ดูเรียบเกินไป เจ้าเองก็อยากใส่ชุดสวย ๆ ใช่ไหม ข้าเป็นสามีก็ต้องสนับสนุนภรรยาสิ ถือว่าเป็นของขวัญให้เจ้าด้วย…นะ”ทำสายตาออดอ้อนขนาดนั้นแล้วจางอวี๋จิงจะปฏิเสธลงได้อย่างไร นางไม่เคยคัดค้านอะไรสามีอยู่แล้วด้วยจึงยอมพยักหน้า แถมนี่ยังเป็นของขวัญให้นาง เจอแบบนี้ใครบ้างไม่ดีใจนางดูมีน้ำมีนวลขึ้น…หงเสวียนซู่มองบุตรชายกับลูกสะใภ้ที่กำลังหยอกล้อกันอยู่ในครัวจากด้านหลัง วันนี้พวกเขาซื้อผ้าใหม่กลับมาหลายผืน มีส่วนของนางด้วยเพราะกลัวคนเป็นแม่จะน้อยใจ เรื่องแค่นี้หงเสวียนซู่ดูออกอยู่แล้ว