ไอน้ำลอยฟุ้งกระจายอยู่เต็มห้องอาบน้ำ ที่กลางห้องมีหนึ่งบุรุษนั่งแช่เอื่อยเฉื่อยอยู่ในน้ำ ที่เวลานี้เริ่มคลายความร้อนลงไปบ้างแล้ว เส้นผมสีดำขลับถูกปล่อยยาวสยาย ดวงตาสีดำเข้มหล่อเหลา แบบชายชาติทหาร บนร่างกายแข็งแกร่งกำยำเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลจากสนามรบ ทั้งเก่าและใหม่ปะปนกันไป เป็นอันบ่งบอกว่าเขานั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ใด
แต่ในหัวสมองเวลานี้เอาแต่คิดวนเวียนไปมาถึงสตรีนางหนึ่ง เหตุใดจึงต้องเป็นนาง สตรีโง่เง่า ที่วัน ๆ เอาแต่คิดหาหนทางยกระดับสถานะของตนเอง เป็นเพียงบุตรสาวที่อยู่ในเรือนหลังแท้ ๆ ไร้คนหนุนหลัง ไร้คนสนใจ เอาแต่เพ้อฝันถึงเรื่องมักใหญ่ใฝ่สูง กระทำแต่เรื่องน่าอับอาย
เหตุใดจึงต้องเป็นนาง
วีรกรรมน่าอับอายของนางในเมืองหลวงมีใครไม่รู้ ตามติดจิ้นอ๋องทุกย่างก้าว เมื่อเขาไปซ้ายนางก็ไปซ้าย เมื่อเขาไปขวานางก็ไปขวา มีอยู่ครั้งหนึ่งในขณะที่ท่านอ๋องกำลังเดินอยู่กลางตลาด นางก็กระโดดออกมาร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนขอความรักจากเขา เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็วิ่งเข้าไปโอบกอด ซึ่งเขารู้ดีว่าท่านอ๋องเองก็ไม่มีวัน ที่จะชายตามองมาที่นาง
การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น บุรุษอย่างจิ้นอ๋องน่ะหรือจะสนใจนาง ถ้าให้เป็นนางบำเรอแค่ชั่วครั้งชั่วคราวก็คงได้กระมัง ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลา เปี่ยมความเมตตา ภาพลักษณ์สุภาพบุรุษทรงคุณธรรม ใครจะรู้ว่าตัวจริงของคนผู้นั้นร้ายกาจประดุจอสรพิษ สตรีที่คู่ควรกับเขา ต้องเป็นบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกอยู่ในครอบครัวขุนนางชั้นสูง ไม่ก็เป็นเชื้อพระวงศ์ต่างแคว้นระดับสถานะต้องเหมาะสมทัดเทียมกัน
หากสตรีที่จะมาอยู่เคียงข้างเขาไม่มีครอบครัวหนุนหลัง มีกำลังทรัพย์หรือใด ๆ ก็แล้วแต่ที่จะช่วยส่งเสริมเขา เขาย่อมไม่มีวันชายตามอง ต่อให้งดงามล่มเมืองก็ตาม ซึ่งอันเนี่ยนฉีก็เป็นตัวอย่างที่ดี เขาไม่เคยให้สถานะและความหวังใด ๆ กับนาง ซ้ำยังประกาศต่อหน้าทุกคนอย่างสุภาพว่า นางเป็นเพียงสตรีที่เขารู้จักไม่ได้สนิทสนมกัน
นับตั้งแต่เมื่อคืนมีอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้หนานกงหว่านเฉียนรู้สึกวุ่นวายใจอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือ เขาพบรอยโลหิตบนที่นอนของตน สำรวจร่างกายของตนเองดูแล้วพบว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ นั่นเท่ากับว่าโลหิตสีแดงที่ปรากฏอยู่นั้นจะเป็นของใครไปได้ถ้าไม่ใช่อันเนี่ยนฉี ก่อนหน้านั้นนางยังเป็นสตรีบริสุทธิ์ จนกระทั่ง...
ถ้าหาก...ถ้าหากว่าความจริงแล้วคืนนั้นเป้าหมายของนางไม่ใช่เขา แต่เป็นผู้อื่นล่ะ ค่ำคืนงานเลี้ยงผู้คนวุ่นวายมากหน้าหลายตา จิ้นอ๋องเองก็เสด็จร่วมงานเลี้ยงฉลองชนะศึกกับเขาด้วย นางสวมชุดของคุณหนูใหญ่ ใส่กำไลพระราชทาน
หรือว่า...เป้าหมายที่แท้จริงของนางจะเป็นจิ้นอ๋องไม่ใช่เขา เรื่องระหว่างเขาและนางก็เป็นแค่เรื่องผิดพลาด
เมื่อคิดถึงใบหน้างดงามเมื่อตอนเช้า ก็พาลให้คิดถึงเอวเล็กแบบบางราวกับกิ่งหลิว ผิวกายขาวประดุจไข่มุก แม้จะไม่เนียนนุ่มเท่าใดนัก แต่ก็ชวนให้หลงใหล น้ำเสียงของนางร้องครวญครางยามที่เขากดเอวสอดแทรกเข้าไปในตัวนาง ความนุ่มหยุ่นหวานละมุนชวนให้คิดถึง
“แม่มเอ๊ย!!” เมื่อคิดถึงนางร่างกายก็พลันร้อนรุ่นควบคุมตนเองไม่ได้
“เอาน้ำเย็นเข้ามาที” เขาตะโกนส่งเสียงดังให้เด็กรับใช้นำน้ำเย็นเข้ามาเติม
และเมื่อสุดท้ายแล้ว ความเย็นของน้ำก็ไม่สามารถยุติความรุ่มร้อนในกายได้ หนานกงหว่านเฉียนจึงจำเป็นต้องช่วยเหลือตนเอง และคิดถึงอีกสามวันต่อจากนี้ที่จะได้พบกับนาง อยากรู้เหลือเกินว่าอันเนี่ยนฉีนั้นต้องการอะไร ถึงได้นัดเขาไปในสถานที่ลับตาคน
วิถีชีวิตของนางเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นางได้รับการเอาใจใส่จากคนในจวนมากขึ้นโดยเฉพาะพวกหญิงรับใช้และบ่าวไพร่จากที่เคยดูแคลนว่านางเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกทอดทิ้ง ซึ่งเพิ่งจะมีช่วงเวลานี้นี่แหละ ที่นางได้รับรู้ความรู้สึกของการเป็นคุณหนูจริง ๆ เสื้อผ้าหน้าผม ที่แต่เดิมนางต้องดูแลตนเอง และอาศัยสอบถามวิธีการเอาจากป้าแม่ครัวประจำจวน จัดการดูแลตนเองตามมีตามเกิด ตอนนี้ก็มีผู้มาคอยปรนนิบัติ
นางไม่ชินนักกับการมีหญิงรับใช้นั่งรอในตอนเช้า บาดแผลที่แต่เดิมหากได้รับบาดเจ็บจากการถูกลงโทษ ก็จะเป็นท่านป้าแม่ครัวที่ใส่ยาให้กับนาง ไม่ก็เป็นนางที่ต้องดูแลตนเอง ตอนนี้มีคนดูและเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน อันเนี่ยนฉีได้แต่หัวเราะให้กับโชคชะตา แค่เพียงนางกล้าพูด กล้าลงมือ กล้าขอร้องอันจิ้งหยาง ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือ เหตุใดตอนนั้นจึงโง่เขลาเช่นนั้นนัก
เข้าสู่วันที่สามของการรักษาตัวและใกล้ถึงเวลาที่นางนัดกับหนานกงหว่านเฉียน ดวงตะวันคล้อยต่ำ ท้องฟ้าด้านนอกล่วงเข้าสู่ยามราตรี
“วันนี้พวกเจ้าก็กลับไปเถอะ ข้าอยากอยู่ตามลำพัง” อันเนี่ยนฉีออกคำสั่ง เพราะได้รับการกำชับมาจากคุณชายใหญ่ พวกหญิงรับใช้จึงเชื่อฟังอันเนี่ยนฉีเป็นอย่างดี ไม่ว่านางจะออกคำสั่งใด ก็ให้ปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแม้หรือคำถาม
ร่างเล็กสวมเสื้อผ้าสะอาดเป็นชุดใหม่ที่เพิ่งจะได้รับจากอันจิ้งหยาง แต่ก็ไม่ใช่ของชั้นดีอะไร อย่างไรก็นับว่าดีกว่าเมื่อก่อนมาก เมื่อนอกห้องไร้การเคลื่อนไหว นางจึงแบกสังขารของตนลักลอบออกมา เดินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงช่องสุนัขรอด อันเป็นช่องทางที่นางใช้หลบหนีออกไปจากจวนอัครเสนาบดีเป็นประจำ เมื่อสำรวจซ้ายขวาพบว่าไม่มีใครจึงคลานออกไปเงียบ ๆ
หากรู้ว่านางจะถูกทำร้ายหนักและป่วยเช่นนี้ คงนัดหมายเขาใกล้ ๆ แถวนี้ ไม่บอกให้เขาออกไปไกลถึงเชิงเขานอกเมือง นางเดินเตาะแตะไปเรื่อย ๆ ความเร็วในการเดินลดน้อยลงกว่าตอนที่นางไม่ได้รับบาดเจ็บมากโข แต่ก็พยายามกัดฟันทน เดินไปให้ถึงจุดที่นางนัดหมายเขาเอาไว้
หนานกงหว่านเฉียนถอดเสื้อผ้าของตนออก หูพลันได้ยินเสียงนางสะอึกสะอื้นเบา ๆ จึงก้มลงฟังให้ชัด ๆ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นอันเนี่ยนฉี เห็นหน้าเขาก็ปาดน้ำตาป้อย ผินหน้าไปทางอื่น คนชั่วช้าทำให้นางอับอาย นางเกลียดนัก“คุณหนูเก้า เจ้าเป็นอะไร” เขาเชยคางนางกลับมา จุมพิตแก้มนุ่มของนางเบา ๆ“...” นางเบะปากไม่พูดสิ่งใด เขาทำเหมือนกับเมื่อครู่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทั้งที่ทำให้นางอับอายงั้นหรือ“อ้อ...นึกออกแล้ว เจ้าไม่ได้ทำเรื่องสกปรกหรอกนะ มันคือ...ธรรมชาติของร่างกายสตรีต่างหาก” หนานกงหว่านเฉียนจูบซับน้ำตา “ครั้งแรกที่เจ้ากับข้ามีสัมพันธ์กันเจ้าก็ทำเรื่องเช่นนี้มาแล้ว”อันเนี่ยนฉีอ้าปากค้าง หัวสมองเล็ก ๆ ของนางตื้อไปหมด หมายความว่ายังไงกัน อันที่จริง ประสบการณ์ที่นางมีในครั้งก่อน...มัน...ไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก นางถูกวางยากระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความคิดของนางในเวลานั้นได้แต่ภาวนาให้ผ่านเรื่องเลวร้ายไปเสียที และไม่คิดจะจดจำประสบการณ์พวกนั้นเสี
เมื่อครบสามวัน ตั้งใจทดสอบอาการดูสักหน่อย ก็พบว่าร่างกายของหนานกงหว่านเฉียนก็มีอาการแปลกไปอย่างที่นางว่าเอาไว้จริง ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดเพิ่มขึ้นทีละน้อยอย่างเชื่องช้า แม้จะใช้พลังปราณในการสกัดกั้นเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล เห็นทีว่าถ้าหากไม่ได้สนองก็คงจะทรมานอยู่เช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นี่แค่เพียงขั้นต้น ก็แย่แล้ว แล้วนางล่ะ เป็นเพียงสตรีธรรมดาเท่านั้น มีหรือจะทนความเจ็บปวดนี้ได้รั้งรออยู่จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินค่อนไปจนเกือบดึก หนานกงหว่านเฉียนจึงลักลอบไปที่จวนอัครเสนาบดีในทันที หน้าต่างห้องนอนของนางไม่ได้ลงกลอนเอาไว้ เขาเปิดเข้าไปอย่างง่ายดาย มุ่งตรงไปที่เตียงนอนที่อยู่ด้านในสุด อย่างเชื่องช้าและคิดไม่ถึงว่านางจะรอเขาอยู่แล้ว“ท่านมาแล้ว” น้ำเสียงของอันเนี่ยนฉีสั่นเครือเจือความออดอ้อน ร่างเล็กหย่อนขาลงข้างเตียง“ไปกันเถอะ” เขาส่งมือให้แก่นาง แต่นางทำหน้าเศร้าไม่ยอมสบตา ซ้ำยังไม่ส่งมือออกมา ทำเอาเขาประหลาดใจ “คุณหนูเก้าหรือท่านจะเปลี่ยนใจ”&ldqu
แม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปราวกับผีเสื้อขยับปีก แต่ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนเรื่องที่นางถูกลงโทษได้ เมื่อการลงทัณฑ์ของนางจบสิ้น อันรั่วหลันได้รู้สึกว่าตนเองระบายอารมณ์แล้วก็หมุนตัวเดินจากไป บ่าวรับใช้ที่เป็นคนของพี่ชาย ก็อยู่ในสภาพไม่แตกต่างจากผู้เป็นนาย แต่กระนั้นก็ยังประคองตนเองมาอยู่เคียงข้างคุณหนูเก้าพวกนางได้รับการสั่งสอนมาจากในวังหลวง ให้รู้จักขนบธรรมเนียมอันดีงาม ตอนแรกที่ได้ยินว่าจะได้ออกมาดูแลคุณหนูจวนเสนาบดี ก็ยังคิดว่าสบายแล้ว เพราะเรื่องความเคร่งครัดอาจจะด้อยไปกว่าตอนอยู่ในวังหลวง แต่ก็มีบางเรื่องที่พวกนางคิดไม่ถึงคุณหนูเก้าผู้นี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก มือของสตรี ร่างกายของสตรี ยิ่งเป็นชนชั้นสูงจะให้มีบาดแผลได้อย่างไรกัน แม้จะใช้เวลาร่วมกันไม่นาน แต่พวกนางก็ผูกใจเอาไว้กับเจ้านายคนใหม่ผู้นี้แล้ว“คุณหนู” พวกนางประคองเจ้านายของตนให้กลับขึ้นไปบนที่นอน“พวกเขากระทำเช่นนี้กับคุณหนูตลอดเลยหรือเจ้าคะ”อันเนี่ยนฉีพยักหน้า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนิ่งเฉยคาดเดาไม่ได้ว่านางกำลังค
พอหลุดออกมาจากอ้อมแขนของหนานกงหว่านเฉียนนางก็กระโดดถอยออกมาไกล ๆ ครั้นมั่นใจว่าปลอดภัยจึงรู้สึกโล่งใจ ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามือที่ปกติใช้จับดาบฆ่าฟันศัตรู จะซุกซนไม่เข้าเรื่องเช่นนั้น นางส่งสายตาค้อนขวับให้เขาหนึ่งที แล้วไอ้การทำหน้าตาชั่วร้าย แถมยิ้มกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์เหมือนกับสุนัขจิ้งจอกจะให้นางคิดอย่างไรกันอีกสามวัน กว่าจะถึงวันนั้นเขาอาจจะขาดใจตายไปแล้วก็ได้ ในตอนแรกออกจะรังเกียจนางอยู่สักหน่อย แต่เมื่อพบว่าคืนนั้นเป็นครั้งแรกของเขาและนาง อีกทั้งนางทำไปก็เพราะถูกพิษที่ตอนนี้ยังหาตัวผู้กระทำไม่ได้ อันเนี่ยนฉีเองก็นับว่าเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ ยาพิษหนอนไหมคู่รักอะไรนั่นเขาเองก็เพิ่งจะเคยเห็นกับตาของตนเองและรับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งสิ่งนั้น ให้คนของเขาที่อยู่ในสำนักตรวจการตรวจสอบแล้วอีกไม่นานก็คงได้รู้“แล้วถ้าเกิดถึงวันนั้นแล้ว เราจะพบกันที่ไหน”นางเองก็คิดไม่ตก “ที่จวนท่านดีหรือไม่ ที่นั่นน่าจะปลอดภัยที่สุด” นางตอบซื่อ ๆ เพราะคิดไม่ออกว่าเรื่องแบบนั้นอยู่ที่ใ
นางไม่รู้ว่าพี่ชายของนางไปเจรจาสิ่งใดกับหนานกงหว่านเฉียน แต่เมื่อพบว่าตนกลับมาอยู่ที่จวนอัครเสนาบดีได้อย่างราบรื่นปลอดภัย ก็เลยคิดเอาเองว่าสุดท้ายแล้วก็คงตกลงกันด้วยดีกระมัง รักษาตัวอยู่เป็นสัปดาห์ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ครบกำหนดสิบสี่วัน แม้จะเคยร่วมสัมพันธ์กับเขามาครั้งหนึ่งแล้วแต่นางก็ยังรู้สึกกังวลใจอยู่ดีหลังจากอาการไข้ของนางดีขึ้น อันเนี่ยนฉีจึงหมั่นออกมาเดินเล่นในสวน สวนที่แต่ก่อนนางไม่มีสิทธิ์ออกมาเดินเตร็ดเตร่โดยเด็ดขาด คิดไม่ถึงว่าการขอร้องอันจิ้งหยางแค่เพียงครั้งเดียว จะสามารถพลิกชีวิตของนางได้ถึงเพียงนี้ ถ้าหากเมื่อชีวิตที่แล้ว นางกล้าอ้อนวอนเขา ชีวิตก็คง...ไม่ลำบากถึงขั้นนั้นอีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนดสิบสี่วันอย่างตามที่นางบอกเอาไว้ตั้งแต่ครานั้น ข่าวจากจวนอัครเสนาบดีก็ไม่มีส่งมาที่เขา ด้วยความกังวลใจ จึงเกิดความคิดอะไรดี ๆ ก็ในเมื่อพี่ชายของนางเป็นคนพูดเอาเองว่าในเวลาปกติสามารถไปพบนางได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ไม่รอช้ามุ่งหน้าไปที่จวนอัครเสนาบดีในทันที
เสียงคนกลุ่มหนึ่งเดินป้วนเปี้ยนอยู่นอกห้อง เดาจากฝีเท้าผู้หนึ่งเป็นผู้ไม่เป็นยุทธ์ ส่วนคนข้าง ๆ กันเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง คงเป็นคุณชายใหญ่พี่ชายของนางกระมัง เมื่อห่มผ้าให้นางเรียบร้อยแล้ว เขาจึงโผล่หน้าออกไปนอกห้องเมื่อออกมานอกห้องก็พบกับบุรุษสวมชุดสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน มีบางส่วนคล้ายคลึงกับสตรีที่นอนอยู่ในห้อง บางมุมก็คล้ายกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ดวงตาล้ำลึก เป็นผู้มีความรู้ ดูก็รู้ว่าต้องเป็นคุณชายใหญ่อัน ที่อันเนี่ยนฉีขอร้องให้เขาไปตามตัวสายตาของคุณชายใหญ่อันผู้นี้ชัดเจนว่ากำลังสงสัยเรื่องของและผู้เป็นน้องสาว ส่วนข้าง ๆ กันเป็นองครักษ์ผู้หนึ่งสวมชุดสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ ถือกระบี่เคียงข้างเขา ใบหน้านิ่งเฉย ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดผิดกับผู้เป็นเจ้านาย ที่ร้อนรนจนแสดงอาการวิตกกังวล“ด้านในมีเพียงท่านกับนางงั้นหรือ” อันจิ้งหยางยืนรอสักพัก รอว่าอาจจะมีหญิงรับใช้หรือใครอื่นนอกจากเขาเดินตามออกมา“ช่างเป็นคำทักทายที่แปลกใหม่ดีจริง ๆ คุณชายใหญ่” เดาจากท่าทางร้อนรนคงเป