นับตั้งแต่อายุครบ 35 ปีบริบูรณ์ โจวซิ่วหลัน ก็มักจะฝันเห็นหญิงสาวที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับเธอและมีชื่อแซ่เดียวกันกับเธออยู่เสมอ
เพียงแต่โจวซิ่วหลันคนนั้นดูอ่อนเยาว์กว่า เป็นเด็กสาวอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปีเท่านั้น เธอสวมใส่เสื้อผ้าล้าสมัย การแต่งกายบ่งบอกว่าหญิงสาวนั้นอยู่ในยุคอดีตของจีนที่ยังมีความเป็นอยู่ยากลำบาก
ครั้งแรกที่ฝันเช่นนั้น ซิ่วหลันยังอดที่จะรู้สึกขำไม่ได้ คิดไปว่าเพราะช่วงนี้เธออ่านนิยายที่เกี่ยวกับยุค70 80 และอินกับมันมากเกินไป จึงได้เก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะ
เธอเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่นชอบการอ่านนิยายเป็นชีวิตจิตใจ แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานในแต่ละวันมากแค่ไหน แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอเป็นต้องเปิดเข้าไปอ่านนิยายที่กดติดตามเอาไว้ก่อนเสมอ เพราะการได้อ่านนิยายที่ชื่นชอบช่วยเยียวยาชีวิตอันเงียบเหงาของเธอได้ดีที่สุด
แต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวน่าอัศจรรย์ที่มีอยู่เพียงในนิยายจะเกิดขึ้นกับตัวเธอ
หลังจากความฝันครั้งนั้น เธอก็พบว่า ทุกครั้งที่หลับตาลงเรื่องราวของโจวซิ่วหลันคนนั้นก็จะปรากฏขึ้นในฝันเสมอ แม้ภายในฝันจะดูลางเลือน สับสนวุ่นวายจนแทบจะจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่มันกลับชัดเจนในความรู้สึก นั่นทำให้เธอรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล แม้เธอจะไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ก็ไม่อาจคิดหาเหตุผลมาหักล้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้
นานวันเข้าเธอก็รู้สึกได้ว่า เธอและโจวซิ่วหลันคนนั้นคือคนคนเดียวกัน แต่ในความฝัน เธอตอนนั้นกับเธอในตอนนี้นิสัยใจคอและการใช้ชีวิตช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
โจวซิ่วหลันในตอนนี้มีชีวิตที่เรียกได้ว่าเรียบง่าย เวลาทั้งหมดของเธอทุ่มเทไปกับการทำงานและการอ่านนิยายที่ชื่นชอบ
เพราะชีวิตของเธอไร้ครอบครัวให้กลับไปหา ไร้พ่อแม่และคนที่รักให้ใช้เวลาด้วยกัน
เธอสูญเสียทุกคนในครอบครัวไปตั้งแต่ที่เธอมีอายุได้ 12 ขวบ พ่อแม่ น้องชายและน้องสาว ทุกคนจากเธอไปพร้อมกันเพราะอุบัติเหตุ เธอกลายเป็นคนที่สูญเสียทุกอย่างไปเพียงชั่วข้ามคืน กลายเป็นเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรต้องใช้ชีวิตในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าอย่างเดียวดาย
ชีวิตของเธอคล้ายจะจบสิ้นลงตั้งแต่ตอนนั้น แต่เพราะเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดีในระดับหนึ่งจึงกลายเป็นหนึ่งในเด็กที่โชคดีได้รับความเมตตาจากเศรษฐีหม้ายตระกูลเฉิน หญิงวัยกลางคนผู้ใจดีแต่กลับไร้ซึ่งทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล
เศรษฐีหม้ายผู้นั้นอยากจะสร้างบุญกุศลกับเด็กด้อยโอกาส จึงได้มอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กกำพร้าหลายสิบชีวิตให้ได้เล่าเรียนหนังสือจนจบการศึกษาระดับปริญญา
เมื่อเธอได้รับโอกาสจึงตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หลังจากเรียนจบก็ได้เข้าทำงานเป็นนักสาธารณสุขในสถานพยาบาลที่ห่างไกลความเจริญ อุทิศตัวเองทำงานเพื่อสังคม ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ยากไร้ตลอดมา
โจวซิ่วหลัน คุณหมออนามัยคนสวย ผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีและอุทิศตนทำเพื่อส่วนรวม แม้ตอนนี้จะมีอายุ 35 ปีแล้ว แต่หญิงสาวกลับยังไร้คู่ครอง
ภาพที่เพื่อนร่วมงานและเหล่าชาวบ้านเห็นจนชินตา คือภาพคุณหมออนามัยคนสวยที่ขับรถจักรยานยนต์คันเก่งคู่ใจ ข้ามแม่น้ำ ขึ้นเขา ลงห้วย ทำทุกอย่างเพื่อคนไข้ด้วยความตั้งใจ
มองจากรูปลักษณ์ภายนอกคุณหมออนามัยสาวสวยผู้นี้เป็นหญิงสาวที่บอบบางน่าทะนุถนอมยิ่งนัก แต่ใครจะรู้ว่าเธอเป็นหญิงสาวที่มีใจนักสู้ จิตใจของเธอทั้งสูงส่งและแข็งแกร่ง ทุ่มเทให้กับหน้าที่ของตนอย่างที่สุด
หน้าฝนช่วงอุทกภัยเธอถึงกับใช้โซ่พันล้อรถจักรยานยนต์ ลุยโคลนออกพื้นที่ ไม่ว่าจะมีความเสี่ยงในด้านสภาพภูมิประเทศแบบใด โคลนตม หุบเหว แม่น้ำ หรือโรคระบาดต่างๆ เธอก็ไม่เคยถอย เพื่อสุขภาพและความสุขของชาวบ้าน ความลำบากเสี่ยงอันตรายเหล่านี้จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ
ภายนอกอาจจะดูเหมือนชีวิตของเธอนั้นดูมีความสุขและสนุกกับงานที่ทำ แต่ไม่ใช่เลย ภายในใจของเธอนั้นมีแผลเป็นขนาดใหญ่และเป็นความทุกข์ที่ตามหลอกหลอนเธอตลอดมา
เธอประสบความสำเร็จในชีวิตทุกอย่างแต่กลับไร้ซึ่งคนที่รัก ความสูญเสียในอดีตยังคงเจ็บปวด คิดอยากมีคนเคียงข้างชดเชยความว่างเปล่าเธอกลับอาภัพเรื่องความรัก
หญิงสาวเคยมีความรักถึงสามครั้ง แต่ทุกครั้งที่เธอมีความรัก คนรักของเธอเป็นอันต้องมีอันเป็นไป ชีวิตของเธอคล้ายดังต้องคำสาป นั่นจึงทำให้เธอไม่กล้าที่จะรักใครอีก จึงทุ่มเทเวลาชีวิตไปกับการทำงาน อุทิศตนทำเพื่อส่วนรวม
แต่สำหรับ โจวซิ่วหลัน ที่อยู่ในความฝันนั้นช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
หากโจวซิ่วหลันในชีวิตจริงคือสีขาว โจวซิ่วหลันในโลกแห่งความฝันก็เปรียบดังสีดำ
หญิงสาวผู้นั้นคือคนที่ร้ายกาจและเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด จิตใจนั้นมืดดำ อยากได้อยากมี ทำได้ทุกอย่างเพื่อความสุขสบายของตัวเอง
โจวซิ่วหลัน หญิงสาวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านหวงหลิง มณฑลเจ้อเจียง แม่ดอกบัวขาวจอมเสแสร้งผู้มีความทะเยอทะยานและไร้ยางอายอย่างที่สุด
โจวซิ่วหลันคนนั้นมีคู่หมั้นคู่หมายที่แสนดีอยู่แล้วและอีกฝ่ายก็รักเธอมาก แต่เพราะอีกฝ่ายอยู่ในครอบครัวที่ยากจน เธอจึงไม่ปรารถนาจะแต่งให้เขา เธออยากเป็นคุณนายนายทหารเหมือนเช่นดังลูกพี่ลูกน้องที่มักจะมาโอ้อวดและพูดจาทับถมเธอเสมอ ดังนั้นเธอจึงใช้เล่ห์กล วางอุบายฉวยโอกาสแย่งชิงคนรักของผู้อื่น จนได้แต่งเป็นภรรยาของนายทหารสมใจ
เฉินห่าวซวน นายทหารหนุ่มอนาคตไกลที่อาศัยอยู่หมู่บ้านอู้หยวน หมู่บ้านข้างเคียง เขาคือชายหนุ่มผู้โชคร้ายคนนั้น
เฉินห่าวซวน ชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนที่มีความสามารถและสู้ชีวิตมาก แต่ชะตาชีวิตของเขานั้นกลับพบเจอแต่ความยากลำบาก เขาเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉิน เสียสละตนเองเข้ากองทัพตั้งแต่อายุสิบแปด เพื่อให้บ้านเฉินมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อยากให้ผู้เป็นมารดาและน้องสาวที่สุขภาพไม่ค่อยจะดี น้องชายที่อายุยังน้อยได้อยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องทนกับความหิวโหยเช่นในอดีต
ครอบครัวเฉินสูญเสียหัวหน้าครอบครัวไปเพราะอุบัติตั้งแต่ที่เฉินห่าวซวนมีอายุได้เพียงสิบสองปี นับจากนั้นเขาซึ่งเป็นบุตรชายคนโตจึงต้องรับหน้าที่ทำงานหาเลี้ยงมารดาที่มีร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรงหลังจากที่ให้กำเนิดน้องสาวคนเล็กก่อนกำหนด เมื่อผู้เป็นพ่อเสียชีวิตลงก็ดูเหมือนว่าอาการเจ็บป่วยของมารดานั้นจะทรุดลงด้วย ยังมีน้องชาย เฉินสือฮัน ที่ในตอนนั้นอายุ 2 ขวบและน้องสาวคนเล็ก เฉินซินยี่ ที่ร่างกายไม่แข็งแรงเช่นกันเนื่องจากคลอดก่อนกำหนด ซึ่งมีอายุเพียงแค่ 1 ขวบ ทั้งสองยังเด็กเกินกว่าที่จะทำงานได้ เขาจึงเป็นผู้เดียวที่ต้องแบกรับภาระทั้งหมดหาเลี้ยงทั้งสี่ชีวิต
บ้านเฉินใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบาก จนกระทั่งเขาอายุครบ 18 ปีก็ตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพ ส่งเงินกลับมาให้ครอบครัว ภายในเวลาเพียงสองปีบ้านเฉินก็มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เด็กหนุ่มในวันนั้น ตอนนี้กลายเป็นนายทหารหนุ่มรูปร่างกำยำและหล่อเหลา เขาเป็นชายในฝันของหญิงสาวหลายคน แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นเฉินห่าวซวนก็ไม่ได้ให้ความสนใจหญิงสาวคนใด เพราะเขานั้นมีคู่หมายอยู่แล้ว เธอเป็นบุตรสาวของสหายสนิทของบิดา และเขาตกลงที่จะแต่งงานกับอีกฝ่ายในปีหน้า เพราะอยากที่จะสร้างฐานะและเลี้ยงดูทุกคนให้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ก่อน
แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นในตอนที่เขากลับมาเยี่ยมบ้านในปีที่สองของการเป็นทหาร ทำให้ชายหนุ่มจำต้องแต่งภรรยาอย่างกะทันหัน
แม้ว่าเฉินห่าวซวนจะรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจกับการแต่งงานในครั้งนี้ เพราะเขาต้องทำผิดต่อคู่หมายที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก และยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตของใคร แต่ก็ไม่อาจปัดความรับผิดชอบที่ได้ล่วงเกินหญิงสาวผู้นั้นได้
เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดจากการที่เขาวิ่งไล่ตามจับโจรขโมยกระเป๋าที่วิ่งหนีขึ้นไปยังท่าเรือ เพียงแค่อึดใจเดียวเขาก็จะสามารถจับโจรผู้นั้นได้แล้ว จู่ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งทะเล่อทะล่าเดินออกมาขวางทางเขา เขาที่วิ่งมาด้วยความเร็วสุดฝีเท้าคิดว่าคงไม่อาจยั้งตัวได้ทันอย่างแน่นอน หากชนเข้ากับเจ้าของเรือนร่างบอบบางนั้น แน่นอนว่าหล่อนคงจะได้รับบาดเจ็บ เขาจึงตัดสินใจในวินาทีนั้นเบี่ยงกายหลบการปะทะที่รุนแรง ใช้ลำแขนแข็งแรงตวัดร่างที่ซวนเซเข้ามาแนบอกก่อนทั้งสองจะพลัดตกลงไปในแม่น้ำด้วยกัน
ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเป็นเพราะอุบัติเหตุและเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะล่วงเกินอีกฝ่าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์นั้นทำให้ชื่อเสียงของหญิงสาวเสียหาย เพราะทั้งสองกอดก่ายกันอยู่ในน้ำ เรือนร่างของทั้งสองแนบชิดกันท่ามกลางสายตาผู้คนที่เข้ามามุงดูเหตุการณ์ นั่นจึงเป็นเหตุให้ทุกอย่างลงเอยด้วยการแต่งงาน
และนั่นคือการตัดสินใจที่ผิดอย่างมหันต์ของเฉินห่าวซวน เพราะการแต่งงานกับสตรีผู้นั้นคือหายนะสำหรับบ้านเฉินอย่างแท้จริง
โจวซิ่วหลันแต่งให้เฉินห่าวซวนในตอนที่เธออายุได้ 17 ปี ซึ่งอายุของเธอห่างจากอีกฝ่าย 3 ปี
หลังจากที่แต่งเข้ามาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีกลับไม่ยอมแตะต้องเธอ นั่นสร้างความไม่พอใจให้เธอเป็นอย่างมาก แต่ใบหน้าเย็นชา กลิ่นอายกดดันรอบกายของเขา สายตาที่จ้องมองมาอย่างจับผิด รู้ทัน ทำให้เธอไม่กล้าเข้าใกล้ กลัวว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะถูกจับได้ ได้แต่กดข่มความไม่พอใจเอาไว้ แสร้งทำตัวเป็นสตรีหัวอ่อนแสนดี ดูแลแม่สามีและน้องๆ ของสามี เพื่อให้อีกฝ่ายวางใจได้ว่าจะมีคนช่วยดูแลครอบครัวของเขายามที่เขานั้นต้องกลับไปปฏิบัติหน้าที่ยังกองทัพ
แต่หลังจากที่เฉินห่าวซวนกลับไปยังกองทัพ ท่าทางที่ดูหัวอ่อนเรียบร้อยอ่อนหวาน แสนดีมาตลอดก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
นิสัยที่แท้จริงของโจวซิ่วหลันเริ่มปรากฏ เธอกลายเป็นตัวเกียจคร้านที่ไม่หยิบจับสิ่งใด มักจะมีข้ออ้างหลีกเลี่ยงการทำงานอยู่เสมอ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายราวกับเจ้านาย ปล่อยให้แม่สามีที่มีร่างกายอ่อนแอและน้องสามีวัย 11 ขวบและ 9 ขวบทำงานทุกอย่างภายในบ้าน ส่วนตัวเธอนั้นใช้เงินที่สามีส่งกลับมาปรนเปรอตัวเองอย่างสุขสำราญ และหากเกิดไม่พอใจสิ่งใดก็จะลุกขึ้นมาด่าทอต่อว่าด้วยความเกรี้ยวกราด
จนกระทั่งแม่เฉินที่ร่างกายอ่อนแอเกิดเป็นลมล้มลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรงทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถลุกเดินได้ ทั้งยังได้รับการรักษาล่าช้าเพราะลูกสะใภ้ของนางไม่อยากสูญเสียเงินหยวนจ่ายค่ารักษา ทั้งโจวซิ่วหลันยังไม่คิดส่งข่าวบอกผู้เป็นสามี นั่นจึงทำให้แม่เฉินกลายเป็นคนพิการไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ งานหนักทุกอย่างจึงตกอยู่ที่น้องชายหญิงทั้งสองของเฉินห่าวซวน
เด็กชายหญิงทั้งสองต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากทั้งยังถูกพี่สะใภ้ทุบตี
ภายหลังโจวซิ่วหลันยังส่งเด็กทั้งสองไปทำงานรับจ้างในแปลงนาของชาวบ้าน ด้วยเหตุผลที่ว่ามีอาหารไม่เพียงพอ หากไม่ทำงานแม่ที่พิการก็จะไม่มีอาหารกิน ส่วนอาหารที่พวกเขาได้รับก็มีเพียงข้าวต้มที่มีเมล็ดข้าวนับเม็ดได้กับผักป่าที่พวกเขาเก็บมาเท่านั้น
ชาวบ้านที่รู้เห็นก็ไม่อาจที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ได้แต่ภาวนาให้เฉินห่าวซวนรีบกลับมาก่อนที่แม่และน้องจะต้องทุกทรมานไปมากกว่านี้
แล้ววันหนึ่งก็มีจดหมายส่งมายังบ้านเฉินพร้อมด้วยเงินก้อนใหญ่ ในจดหมายแจ้งข่าวการบาดเจ็บของเฉินห่าวซวน เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในขณะปฏิบัติหน้าที่และไม่สามารถลุกเดินได้ ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ จึงส่งเงินชดเชยก้อนใหญ่ที่ได้รับมาให้ครอบครัวซ่อมแซมบ้านและใช้จ่ายในช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน
โจวซิ่วหลันที่คิดว่าสามีคงต้องกลายเป็นคนพิการและคงต้องออกจากการเป็นทหารอย่างแน่นอน เธอจึงไม่คิดที่จะรอให้อีกฝ่ายกลับมา และตอนนี้เธอก็ตกหลุมรักชายหนุ่มหน้าตาดีในเมือง เขาคนนั้นพูดจาดีเอาอกเอาใจเธอทุกอย่าง และเธอได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอีกฝ่ายไปแล้ว จึงตัดสินใจหอบเอาเงินทั้งหมดหนีไปกับชายชู้ ปล่อยให้แม่สามีพิการและน้องทั้งสองของสามีเผชิญกับความอดอยากและฤดูหนาวที่แสนโหดร้าย
เมื่อเฉินห่าวซวนกลับมาทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว มารดาและน้องๆ ของเขาต้องตายอย่างอนาถ มีสภาพที่น่าเวทนา จบชีวิตลงในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา
และหลังจากที่เขาได้ฟังเรื่องราวความเป็นอยู่ของครอบครัวและการกระทำของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาจากคนในหมู่บ้าน ชายหนุ่มก็โกรธแค้นหญิงสาวเป็นอย่างมาก และเขาก็ตามไปแก้แค้นอดีตภรรยา
โจวซิ่วหลันถูกชายหนุ่มทรมานอย่างทารุณ ก่อนที่จะสังหารเธออย่างโหดเหี้ยมโดยการกรีดเนื้อเถือหนังจนเธอค่อยๆ หมดลมหายใจไปช้าๆ ตายตกตามคนในครอบครัวของเขาไปอย่างทรมาน ทั้งยังสาปแช่งเธอให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานกับการสูญเสียคนที่รักอย่างที่เขาต้องเผชิญ อยู่อย่างโดดเดี่ยวไปทุกชาติ
reviews