“ทำไม ไม่อยากไปตายแล้ว ฉันก็พาเธอไปอยู่นี่ไง “
กายของทั้งสองเปียก น้ำฝนไหลเข้าตา มือน้อยยกขึ้นลูบใบหน้า ดวงตาแสบหยิบไปทั้งดวง และใช่ เธอจะด่าเขาอีกรอบแน่ ถ้าไม่ติดว่าหันไปมองน้ำที่กำลังไหลทะลักเข้าใส่ต้นกล้าของเธอ น้ำเชี่ยวกรากพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างไปกับหน้ากับตา
“ไม่จริง” นาราไม่อยากเชื่อ “ไม่จริงใช่มั้ย” หญิงสาวจะเดินเข้าไปใกล้ให้เห็นกับตาตัวเอง แล้วในตอนนั้นเองที่สิงหราชกระชากแขนเธอไว้
“ยัยโง่ อยากตายรึไง”
นาราตะโกนแข่งกับสายฝน
“คุณไม่เข้าใจหรอก กล้าฉันกำลังจะตาย มันพัดไปกับน้ำ ปล่อยฉัน ฉันจะไปดูมัน!”
“ไปดูให้หายไปกับน้ำเหรอ” มือใหญ่กระชากคนตัวเล็กเข้าไปในอ้อมกอด รวบลำแขนกอดเอวบางไว้ เขาไม่ได้พูดเล่น เข้าไปตอนนี้นาราคงได้ตายจริง ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายไม่เชื่อกันเลย เธอยังดื้อดึง ทุบตีเขา
“ปล่อยฉัน ฉันจะเข้าไปดู”
“เข้าไปทำไม! มันหายไปแล้ว มีแต่มันจะพัดเธอไปด้วย”
“แต่นั่นเป็นต้นไม้ที่ฉันปลูกเองนะ ถ้ามันตาย ฉันก็เหมือนตายไปด้วย ปล่อย ฉันจะไปดูมัน” อยากดูอีกสักครั้ง อยากรู้ว่าตนยังพอมีหวังอยู่มั้ย รอยยิ้มที่ผ่านมาของเธอ เฝ้ารอต้นกล้าเติบโต บัดนี้มันกลับหายไปต่อหน้าต่อตา ทำลายย่อยยับไม่มีชิ้นดี
ทั้งสองยื้อแย่งกันอยู่แบบนั้น นารากรีดร้องออกมาระหว่างทาง เธอพยายามผลักไสสิงหราช ทว่าชายหนุ่มกอดไว้ไม่ปล่อย
“ปล่อยฉัน ปล่อย!” และคงเพราะทนความเหนื่อยล้าและสายฝนเย็นเฉียบไม่ไหว ร่างเล็กที่กำลังดิ้นๆอยู่ถึงได้หยุดชะงักหมดสติไป
“นาค!” สิงหราชเขย่าคนในอ้อมแขน แล้วต้องพบว่านาราสลบไปแล้ว ใจด้านซ้ายเต้นรัวแรง ร่างสูงรีบย่อตัวเอาหญิงสาวขึ้นมาบนบ่า สาวเท้ายาวไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว
ความร้อนระอุและปวดหนึบแผ่กระจายไปทั่วศีรษะส่งผลให้คนที่เพิ่งตื่นขึ้นมานิ่วหน้า มือน้อยลูบคลำขยับตัวเอง มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแสงสว่างของพระอาทิตย์สาดเข้ามา เช้านี้ดูสดใสต่างจากในยามค่ำคืนที่มืดมิดและน่าหดหู่และใช่ เพียงเธอตื่นขึ้นมาภาพเมื่อคืนย้อนเข้ามาในหัว ความเจ็บปวดกัดกลืนนาราอีกครั้งจนหยาดน้ำใสไหลออกจากตาสายหนึ่ง
“ตื่นแล้วเหรอคะ” นงรักเดินเข้ามาในมือถือกะละมังและผ้ามาด้วย เธอยิ้มให้หญิงสาวบนเตียงอย่างเอ็นดูแฝงไปด้วยความสงสารเมื่อรู้ว่าเด็กสาวกำลังเผชิญหน้ากับอะไร
“เช็ดตัวสักหน่อยค่ะ ไข้จะได้ลด”
“เมื่อคืน” นาราพยายามเค้นเสียงแหบแห้งออกมา รู้ว่าการพูดถึงเรื่องเลวร้ายน่าปวดใจไม่น้อย ทว่าการไม่พูดถึงยิ่งเป็นการกดทับความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นที่กำลังปะทุอยู่แตกสลายภายใน
“ต้นไม้ของหนูเป็นยังไงบ้างคะ”
มันแย่อย่างเมื่อคืนมั้ย
นงรักลอบถอนหายใจแต่การกระทำของเธอไม่ทำให้นาราเห็น หญิงวัยป้ายิ้มสดใสอีกครั้ง
“คุณนาคไปดูเองเถอะค่ะ แต่ตอนนี้ต้องกินยากับเช็ดตัวก่อน เมื่อคืนคุณสิงเช็ดให้แล้ว ดีขึ้นมั้ยคะ”
คนตัวเล็กนิ่งไป อะไรนะ สิงหราช เขาเนี่ยนะเช็ดตัวให้เธอ
“นายสิงน่ะเหรอคะ” นาราถามย้ำเพื่อความมั่นใจ นงรักยังคงระบายยิ้ม พยักหน้าให้
“ใช่ค่ะ หลังจากที่คุณสลบ นายหัวก็เช็ดตัวให้คุณ เขาดูตกใจมาก มือนี่สั่นเลยละค่ะ”
นารายังคงเงียบ พิจารณาสิ่งที่ได้ยิน เมื่อคืนเธอไม่น่ารักกับเขาเลย ด่าเขา ตีเขา และถ้าเขาไม่ห้ามเธอไว้ ป่านนี้นาราอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าไม่ควรขาดสติเลยจริงๆ
ถ้าเขาเป็นคนทำให้เธอ เธอก็ขอบใจ ทว่าให้เขากลับมาแตะต้องตัวกันเหมือนเดิมนั้น นารานึกไปถึงรูปภาพเขากับผู้หญิงอีกคน
เธอคงทำแบบนั้นไม่ได้อีก ตอนนี้คนอย่างเธอเป็นแค่ลูกหนี้ หาเงินใช้เขา ไม่มีสิทธิ์คิดอะไรกับใครแม้แต่นิดเดียว
ดวงตาฝ้าฟางมองเด็กสาวนิ่งไป ก็ถอนหายใจออกมา คิดไปว่าทำไมระหว่างคู่นี้มันยากนักนะ มีแต่จะแย่ลงๆ เธอไม่เข้าใจว่านายหัวคิดอะไรอยู่ แต่ถ้ามีความรู้สึกต่อกันจริงๆทำไมไม่สารภาพเลยล่ะ มัวแต่ง้องอนกันทำไม แต่ช่างเถอะ นงรักคิดอย่างปลงตก เธอมันแก่แล้ว อาจไม่เข้าใจความรักระหว่างหนุ่มสาว
“เช็ดตัวก่อนนะคะ แล้วกินข้าวกันค่ะ” นงรักทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด โดยการดูแลทุกคนในบ้าน เธอประคองนาราขึ้นมา ก่อนจะบรรจงเช็ดตัวให้เธอ มือลากผ่านผิวเนื้อสาวไปก็ได้แต่สงสารในใจไป ชีวิตเด็กคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ ใช้หนี้แทนครอบครัว พอจะทำอะไรดีๆก็เจอมรสุมนัก ได้แต่ขอให้เด็กสาวผ่านมันไปไวๆ
ไม่เหลืออะไรเลย
นารากวาดมองที่กว้างซึ่งบัดนี้มีเพียงซากกิ่งไม้ ดิน โคลน ปาดเปื้อนไปทั่วบริเวณ ก่อนหน้านั้นที่มีต้นไม้แบ่งเป็นหลุมๆอย่างสวยงาม ตอนนี้ราวกับเป็นผืนดินพังๆ ถูกกัดเซาะจนความสวยงามหายไปหมด
ตอนนี้อยากร้องไห้ ทว่าร้องไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำตาสักหยาดหยดบนกายเธอ นาราได้หลั่งมันไปแล้ว
“น้องนาค” วิกรเดินเข้ามา เขามองซากของมรสุมเมื่อคืน ก่อนจะหันมามองคนตัวเล็ก เห็นถึงความเสียใจบนหน้าสวยอย่างไม่ปิดบัง ใจเขาก็ปวดหนึบขึ้นมาไม่น้อย เขาเข้าใจว่าเธอกำลังรู้สึกอะไร
แหลกสลาย
ตอนนี้นาราคงรู้สึกแบบนั้น
“มันไปหมดเลยพี่กร” เสียงนาราราวกับจะขาดใจ เธอไม่มีเสียงจะเปล่งออกมาด้วยซ้ำ
“ต้นไม้ที่นาคปลูกมันไปหมดเลย ไม่มีเหลือเลย”
อาจเพราะความอ่อนแอนาราจึงอยากมีที่พักพึง เธอเข้าไปสวมกอดวิศวกรรมเกษตรหนุ่ม ความร้อนผ่าวที่ขอบตาปะทุออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายมันก็ไหลอย่างกลั้นไม่อยู่
“ไม่เป็นไรนะ” มือใหญ่ตบไหล่เล็ก ปลอบประโลมหญิงสาวในอ้อมกอด เขาหวังว่าตอนนี้นาราจะมีไฟสร้างมันขึ้นมาใหม่ ไม่ท้อแท้ไปก่อนก็พอ แล้วเขาจะช่วยเธอเอง ช่วยทุกอย่างที่เธออยากให้ช่วย
“ทำอะไร”
ตอนนั้นเองที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ไอ้สิง” วิกรครางในลำคอ
ผลัวะ!
กำปั้นหนักๆชกเข้าที่ใบหน้าหล่อเหลา ก่อนมือใหญ่จะกระชากเอาคนตัวเล็กออกมาจากชายหนุ่มตรงหน้า
“นี่คุณ!” นารามองวิกรที่กุมปากตัวเอง ก่อนดวงตาเบิกโพลงเมื่อเห็นคนข้างๆทำท่าจะเข้าไปทำร้ายวิกรใหม่
“นี่มันอะไรกัน! คุณชกพี่กรทำไม” นาราเอาตัวเขาไปขวางวิกรไว้ ทำให้กำปั้นใหญ่ลดมือลง เธอมองใบหน้าหล่อเหลาที่เวลานี้มีความเกรี้ยวกราดและไม่เป็นมิตรเสียเหลือเกิน แต่เธอไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาทำบ้าๆแบบนี้
“แล้วเธอทำอะไรกับมันล่ะ พลอดรักกันกลางไร่เนี่ยนะ ฉันไม่ฆ่ามันก็บุญ”
พลอดรัก? พูดพล่ามอะไรของเขา
“ฉันไม่ได้ทำอะไร คุณนั่นแหละ ทำร้ายพี่กรทำไม”
“มานี่” สิงหราชไม่ฟังอะไรอีกแล้ว เขาลากเธอออกไป แต่นาราไม่ยอมเธอขืนตัวไว้ เขามันบ้า เพราะแบบนั้นหญิงสาวเลยตบหน้าเขาไปทีหนึ่ง
ราวกับโลกหยุดหมุน แม้ใบไม้ยังไม่ติ่งไหว นารามองรอยมือของตนที่บัดนี้ปรากฏเป็นสีแดงปื้นบนใบหน้าของสิงหราช ตางามสั่นระริก ทว่าด้วยความรวดเร็วหญิงสาวพยายามเก็บซ่อนมันไว้
“ออกไปได้แล้วฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ” ออกปากไล่ พร้อมกับเดินเข้าไปเคียงข้างวิกร พยายามเก็บข่มความปวดหนึบไว้ในใจ นาราออกแรงเยอะมากจริงๆ เยอะจนมือของเธอชาไปหมด แล้วใบหน้าของเขาก็คงเจ็บมากเช่นเดียวกัน
นายหัวของไร่ไม่ทำอะไรอีก เป็นครั้งแรกที่เงียบขนาดนี้ ร่างสูงค่อยๆหันหลังกลับไป เดินจากไปเงียบๆ
ทว่า...
ตรงกันข้ามกับหัวใจของนาราเลย มันสั่นไหวราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยง
เธอทำแรงไปหรือเปล่านะ
นารามองตู้กระจกที่ในนั้นบรรจุด้วยเพชรนิลจินดา ลามไปถึงไข่มุก อัญมณีแห่งท้องทะเล หญิงสาวเลือกยืนอยู่ห่างๆเพราะนายหัวจะได้เลือกสะดวก ไม่เกะกะเธอ “มานี่” ทว่าร่างสูงใหญ่กับเรียกเธอเข้าไปใกล้ซะงั้น “เลือกมาอยากได้อันไหน” ใจของนาราเต้นไม่เป็นส่ำ หมายถึงยังไง เขาจะซื้อให้เธอเหรอ ตอนนี้หญิงสาวสมองเบลอไปหมดแล้ว เธอยังคงเงียบ เพื่อดูว่าสิ่งที่คนข้างๆพูดไม่ผิด “นาค ฉันบอกให้เลือก” เข้าใจแล้ว ตอนนี้เธอไม่ฟังผิดเลย ทว่าสิ่งที่ยังสงสัยคือเขาจะซื้อให้เธอทำไม แม้การกระทำจะสั่นไหวหัวใจดวงน้อยๆนี้ ทว่าคิดดูแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขามาทางไหน ดีหรือร้าย ในความสัมพันธ์เจ้าหนี้ลูกหนี้ของเราอาจจะแปลกประหลาดไปสักหน่อยหรือเปล่าที่เขาจะซื้อของให้เธอ วันนี้สิงหราชต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ “ชอบอันไหน” ยิ่งน้ำเสียงนุ่มนวลกว่าปกติที่เอ่ยออกมาแล้วด้วย นาราคงเข้าใจผิดไปใหญ่ หญิงสาวยืนนิ่งกระทั่งเขาเอ่ยกับพนักงาน ชี้แหวนที่อยู่ในตู้มาสวมที่นิ้วนางของเธอ ผิวเนื้อที่แตะต้องกันทำใบหน้าสวยร้อนผ่าว ใบหน้าเริ่มระอุขึ้นมาทีละน้อย
นาราไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆคนตัวโตถึงได้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ซ้ำยังทำราวกับว่าไม่ไปไหน นาราขมวดคิ้วยุ่ง หรือเธอยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นยักษ์หรือเปล่า ทำไมถึงนิ่งขนาดนั้น สูงด้วย แต่เพราะนึกว่ามีงานที่ต้องทำจึงเอ่ย “หลีกไปค่ะ” เธอต้องไปเก็บลูกเมล่อนที่มันเสีย อีกไม่นานจะได้ขายแล้ว ไม่มีเวลามาคุย “เอ๊ะคุณ” ทว่าพอเดินออกมา สิงหราชกลับบังทางออกไว้ นาราถอนหายใจ ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับเขา “จะเอายังไง” มีอะไรก็พูดมา ไม่ใช่ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่แถวนี้” ร่างบางเงยหน้ามองคนตัวโต ซึ่งเขาหลุบตามองโดยไม่หลบสายตาเช่นกัน หลังจากวันนั้นวันที่เขากลับมา เธอไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยกับเขาเลย เข้าไร่ทุกวัน กลับมานอนตาย ส่วนเขาก็เหมือนมีสิ่งที่ต้องให้จัดการมากมาย ตอนนี้ราวกับว่าตัวเธอและเขาได้เติบโตขึ้นแล้ว ไม่ใช่วันที่ต้องทะเลาะกันทุกวันอย่างไม่มีเหตุผล “ไปในเมืองกับฉัน” สุดท้ายสิงหราชก็ยอมปริปากออกมา นาราถอนหายใจเล็กๆ เพราะนึกว่าเขาจะยืนมองเธอถึงค่ำซะแล้ว “ไปทำไมคะ” หญิงสาวถามกลับ เพราะเธอยังมีงานที่ไร่ให้ทำต่อ แล้วเสียงทุ้มก็ตอบสั้
แสงอาทิตย์ส่องยามเช้า วันนี้ตำรวจมาที่ไร่กันเต็มไปหมด พี่น้องของสิงหราชตามลงมาพูดคุย ทุกคนให้ปากคำรวมถึงคนงานในวันเกิดเหตุ ร้อนรนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมดไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของสิงหราช ต้องมีคนกลั่นแกล้งนายหัวสิงอย่างแน่นอน และใช่ ตอนนี้ไกรพบกำลังสืบสวนส่วนตัวอยู่ หลังจากที่ชายในเครื่องแบบออกไปจากไร่แล้ว ไกรพบก็พูดคุยกับเพื่อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทันที “วันที่มึงโดนจับ สองอาทิตย์ก่อนหน้านั้นนายเชาวริตกับลูกชายเดินทางไปต่างประเทศ ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา มึงคิดว่าไง” สิงหราชคิดไว้แล้วว่าใครที่น่าจะเข้าข่ายใส่ร้ายเขาได้บ้าง แน่นอนการที่ยืนตรงนี้อาจมีศัตรูและคู่แข่งที่พร้อมจะหักหลังเอาดีเข้าตัวตลอดเวลา ทว่าคนอื่นเขาชั่งตวงดูแล้วไม่น่ามีใครอยากเห็นเขาเข้าคุกเข้าตาราง นอกเหนือจากคนที่มันต้องการผลประโยชน์หลังจากไร่ไม่มีเขาแล้วต่างหาก ซึ่งคนคนนั้นที่เข้าข่ายที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าของไร่ส้มที่อยู่ข้างๆ คนที่เขายิงกรงนกราคาหลายแสนจนมันบินหนีไปต่อหน้าต่อหน้า คงโกรธแค้นกันไม่น้อย “สองพ่อลูกนั่นอยากไ
นาราขับมอเตอร์ไซค์กลับมาที่บ้านหลังใหญ่ของไร่ ก่อนมองไปที่ชายชุดสีกากีที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวยิ้มเอ่ยกับชายในเครื่องแบบ “ได้หลักฐานสำคัญแล้วค่ะ” สุดท้ายศาลก็ให้ประกันตัวสิงหราชเพื่อออกมาสู้คดี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะเขาไม่เคยมีมูลเรื่องแบบนี้มาก่อน ทั้งยังตรวจสอบรายได้กับการส่งออกเพื่อดูว่าสามารถเป็นไปได้มั้ยที่นายหัวหนุ่มจะจำหน่ายสารเสพติดได้ แถมการตรวจสารเสพติดในร่างกายยังเป็นศูนย์อีกด้วย เมื่อสิงหราชกลับมาพร้อมกับผู้กำกับหนุ่ม ทุกคนในไร่ก็ต่างเฮกัน ไม่เหมือนครั้งก่อนที่ก่นด่านายหัวเสียๆหายๆ ยังยินดีเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อเห็นพี่น้องของสิงหราชเดินทางมาด้วย นาราได้แต่มองชายหนุ่มจากที่ไกลๆ เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัยดี ไม่รู้สิ เธอคงไม่มีหน้าไปเจอเขา วันนั้นเธอตบหน้าเขาไปฉาดใหญ่ แถมความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงคนนั้นยัง... “ทำไมมายืนตรงนี้ล่ะครับน้องนาค” วิกรเดินเข้ามา เขากำลังจะมาหาสิงหราชพอดี ทว่าเห็นหญิงสาวมองอยู่ จึงเดินเข้ามาถาม “ไม่เข้าไปหามันเหรอครับ” ถ้าเข้าไปหา นายหัวของไร่คงดีใจไม่น้อย วิกรคิดแบบนั
ตกเย็นนาราเดินทางไปในที่ที่หนึ่ง และใช่เพียงเข้ามาในบริเวณบ้านอันเป็นสถานที่ที่คุ้นเคย เธอก็ตรงดิ่งเข้าไปในตัวบ้านทันที บ้านหลังนี้ดูโอ่อ่า สวยงามเสียจริง “ป้าธัญญาสวัสดีค่ะ” ธัญญามองหญิงสาวตัวเล็กที่เดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่เกรงใจ เธอมองหลานสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้เรื่องแล้วว่าตอนนี้เจ้าของไร่ที่หลานใช้ร่างกายแลกหนี้อยู่โดนจับเข้าคุกไปแล้ว สมน้ำหน้ามัน “หนูเอาผักมาฝากค่ะ” นาราเอาตะกร้าผลไม้และผักหลากหลายชนิดวางไว้ตรงหน้าธัญญา เอ่ยน้ำเสียงหวาน “คุณยายไปไหนเหรอคะ” “ไปตลาด ยัยนีพาไป” ‘ณรี’ หรือ ‘นี’ คือผู้ช่วยที่คอยดูแลยายของเธอ ส่วนมากจะมาช่วยผู้เป็นยายในเวลากลางวันแล้วกลับ และใช่ นารารู้อยู่แล้วว่ายายของเธอไปไหน ใครพาไป และใครอยู่ที่บ้าน...” “วันนี้น้าธัญไม่ได้เข้าเวรเหรอคะ” นาราถามด้วยใบหน้าอารมณ์ดี ต่างจากใจที่มีบางอย่างปะทุขึ้นมา ธัญญามองหลานสาวของตนที่วันนี้ดูอ่อนน้อมแปลกๆ แต่ก็คิดว่านาราคงคิดได้ว่าเธอเป็นญาติผู้ใหญ่ของตัวเอง ที่ต้องให้เกียรติและเคารพ หรือก็เพราะกลัวที่จะไม่
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะเนี่ย” นงรักมองหญิงสาวตัวเล็กที่ขี่จักรยานเข้ามาในบ้าน หลายวันมานี้นาราไม่ขึ้นมาบนบ้านใหญ่เลย จึงแปลกใจที่อยู่ๆวันนี้ขี่รถเข้ามา “ของมาทำอาหารน่ะค่ะ หนูขอใช้ครัวได้มั้ยคะ” นาราถือถุงมากมายเดินมา นงรักรีบเข้าไปช่วย “ได้สิคะ ไม่มีใครขึ้นมาบนบ้านเลยป้าเหงาเหง๊าๆ นี่ว่าแต่ติดต่อคุณสิงได้มั้ยคะ” นาราส่ายหัว “ไม่ได้ค่ะ” ไม่ใช่ว่าติดต่อไม่ได้ แต่เธอไม่ได้โทรไปหาเขาต่างหาก ทั้งไลน์หรือช่องทางอื่นๆที่สามารถติดต่อสิงหราชได้นาราไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะกลัว กลัวว่าถ้าทักเขาไปก่อน เขาจะไม่ตอบกลับมา “เฮ้อ ไปไหนก็ไม่รู้ไม่บอกใครเลย ป้าโทรไปก็ไม่รับ พรุ่งนี้ป้ากะว่าถ้าคุณสิงยังไม่มาจะส่งไอ้น้อยไปตามหาแล้ว เล่นทิ้งไร่ไปแบบนี้ ไม่ดีเลยค่ะ” ขาดผู้ปกครองที่ทุกคนเกรงขามแล้ว พวกจิ๊บจ๊อยมันจะเกรงกลัวได้ยังไง เธอละหนักใจจริงๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายหัวของไร่กันแน่ นารายืนฟังนิ่ง ไม่อยากคิดว่าที่สิงหราชหายไปเป็นเพราะเธอ ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะมาสนใจกับเรื่องแค่นี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกผิด แต่ในสายตาเธอสิงหรา