พอของเหลวเข้าไปในร่างกายมากๆเข้าก็เกิดปฏิกิริยาน้ำเต็มกระเพาะ นาราไม่ใช่พวกชอบกลั้นฉี่ จึงหันไปหาพี่ชายคนสนิทของตนที่ตอนนี้กำลังเมาแล้ว ชายหนุ่มพูดคุยกับเพื่อนไม่หยุดปาก
“พี่ภู นาคไปเข้าห้องน้ำนะ” นาราสะกิดไหล่หนา ภูริหันมา ท่ามกลางเสียงเพลงดังกระหน่ำเขาก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูเธอ
“ไปคนเดียวได้เหรอให้ใบแตงไปด้วยมั้ย” เสียงปลัดหนุ่มอ้อแอ้เมาเต็มทน นาราหันไปมองรุ่นพี่ที่ชื่อว่าใบแตง เห็นหญิงสาวโยกตัวไปกับเพลงอย่างเมามัน นาราจึงไม่อยากขัด
“ไม่ เดี๋ยวนาคไปคนเดียว แค่นี้เอง” เธอตบบ่าพี่ชาย ลุกขึ้นเดินไปทางห้องน้ำ
ร่างสูงเมื่อเห็นคนตัวเล็กลุกออกไปเขาก็กระดกยิ้มขึ้นมา อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ ทว่าภีมรพัฒน์แอบรักนารามานานแล้ว เขาเห็นนาราจากเฟสบุ๊คของภูริบ่อยๆ ซึ่งหญิงสาวมักมาคอมเมนท์กดไลค์หัวใจให้ชายหนุ่มเป็นประจำ จากตอนแรกก็คิดเพียงว่านาราเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักธรรมดา ซึ่งใบหน้าแบบนี้เขาหาผู้หญิงแบบเธอได้เป็นสิบคน ทว่าพอได้สังเกตพฤติกรรมของหญิงสาวจริงๆ ดูรูปที่มาจากเฟสบุ๊คของภูริบ้าง เขากลับรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา รู้ตัวอีกทีก็ชอบเธอไปแล้ว
“มองตาไม่กะพริบเลยนะมึง” สิงหากระทุ้งไหล่เพื่อน เขารู้มานานแล้วว่าภีมรพัตน์แอบหลงรักน้องของภูริ แต่ก่อนได้เห็นแค่รูปในโซเชียลมีเดียของนารา ทว่าพอมาเจอตัวจริงเธอกลับสวยกว่าในรูปหลายเท่า แบบนั้นเขาเลยคิดว่าการมาเห็นตัวเป็นๆแบบนี้ เพื่อนของเขาคงตกหลุมรักหญิงสาวมากกว่าเดิม เพราะเขายังตะลึงไปเลยเมื่อเห็นนาราตัวจริงๆ
“สวยว่ะ ตัวจริงแม่งสวยกว่าในรูป” ภีมรพัตน์กล่าวอย่างที่เห็น ความรู้สึกภายในยิ่งเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายเท่า จากตอนแรกคิดว่าจะแอบมองอยู่แบบนี้ ทว่าตอนนี้เขากลับอยากได้นารามาเป็นของตัวเอง ความโลภในใจและความต้องการได้รับการเติมเต็มกว่าทุกครั้ง ปลุกเร้าเลือดลมชายหนุ่ม และใช่ เขาไม่ใช่คนดีเลย และวิถีของคนไม่ดีที่ทำเวลาอยากได้ของที่อยากได้มานั้น ย่อมไม่ใสสะอาดเช่นเดียวกัน
ภีมรพัตน์เอ่ยกับสิงหาให้ได้ยินกันแค่สองคน
“คืนนี้กูเอายามา กูจะใช้ มึงช่วยกูหน่อย”
ดวงตาของสิงหาขยายกว้าง ปัจจุบันนับว่าภีมรพัตน์เป็นเพื่อนสนิทของเขา เราไปไหนมาไหนด้วยกัน และทุกรอบที่ไปผับมีคนที่อยากได้ ชายหนุ่มจะใช้วิธีมอมเมาหญิงสาวกระทั่งเมามาย ก่อนตะล่อมเข้าห้องได้สำเร็จ และใช่ ถ้าคนไหนไม่ยอมภีมรพัตน์จะใช้ยาพิเศษอันหนึ่ง ทำให้ผู้หญิงพวกนั้นจำยอมเขาจนได้
“ไม่แรงไปเหรอวะ น้องไอ้ภูนะ” สิงหาไม่อยากจะแตกหักกับภูริ ทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว เขาไม่อยากเสียเพื่อน
“ทำไม หรือมึงกลัวกูพลาด?” ภีมรพัตน์เลิกคิ้วขึ้นเอ่ยอย่างมั่นใจ เขาไม่คิดว่าจะชวดนาราอยู่แล้ว เพราะหน้าแบบเขามีผู้หญิงมากมายอยากเข้าหา หรือกระทั่งยอมพลีกายให้ฟรีๆมีอะไรต้องกังวลกัน ไม่แน่ถ้าเขาบอกความต้องการกับนาราตรงๆ เผลอๆคนตัวเล็กจะอ้าขาให้เอา
“ไม่ใช่ แต่กูอยากให้มึงลองคิดดีๆ นี่น้องไอ้ภูนะเว้ย ถ้าน้องเขาไม่ยอมจะเกิดอะไรขึ้น” สิงหายังไม่เห็นด้วย
“กูไม่กลัว” ภีมรพัตน์มองด้วยความแน่วแน่ คนอย่างเขาไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว “มึงจะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ทำเอาเงินที่มึงติดหนี้กูคืนมาเลย” คิดถึงเรื่องหนี้ สิงหาก็มีสีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด เงินเดือนที่เขาใช้ทุกเดือนมันไม่พอใช้ สิงหาเป็นคนชอบใช้ของแบรนด์เนม เพราะแบบนั้นเขาจึงหยิบยืมเงินจากภีมรพัตน์เสมอๆ เพราะเพื่อนคนนี้รวย ครอบครัวทำอสังหาริมทรัพย์“ก็ได้” สุดท้ายสิงหาก็ยอม เขาไม่มีทางเลือก ชายหนุ่มเดินไปกอดคอภูริ ชนแก้ว หลอกล่อทุกวิถีทางให้ภีมรพัตน์เอายานรกนั่นใส่แก้วนาราให้ได้
นารากลับออกมาจากห้องน้ำอย่างสบายตัว หญิงสาวยกนาฬิกาบนข้อมือขึ้นดูพบว่าเป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว อีกไม่ถึงชั่วโมงเธอจะขอขับรถภูริกลับ ให้ชายหนุ่มกลับกับเพื่อนของเขาแทน
หญิงสาวเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ ภูริยิ้มตาเยิ้มให้เธอ บอกกับเขาว่าอาจจะอยู่ถึงเที่ยงคืนรอเค้กวันเกิดที่ทางร้านจะนำมาแสดงความยินดีให้แล้วก็กลับ ซึ่งภูริก็ยอมตอบตกลง เขาไม่ว่าอะไรนาราทั้งนั้น เพราะแค่น้องสาวมาฉลองวันเกิดเขา ชายหนุ่มก็รู้สึกตื้นตันใจจนห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่
ในตอนนี้เองที่นาราสังเกตว่าข้างที่นั่งของเธอถูกสับเปลี่ยนมาเป็นคนที่เธอไม่สนิทด้วยอย่างภีมรพัฒน์แทน ชายหนุ่มเหลือบตามองเธอ ทว่ายังไม่พูดอะไร
“กินเยอะไปหรือเปล่าพี่” ซึ่งนาราไม่ได้สนใจเช่นกัน ถึงเขาจะหน้าตาหล่อเหลามากแค่ไหนก็ตาม เธอหันไปถามพี่ชาย ที่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าจะดื่มหนักไปหน่อย และคนที่ทำให้ภูริดื่มเยอะคือสิงหาเพื่อนสนิทของปลัดหนุ่มนั่นเอง
“เยอะอาราย ไม่มาว ไม่มาวเลย”
นาราขมวดคิ้วยุ่ง ไม่เมาอะไรตาเยิ้มขนาดนี้ หนำซ้ำเสียงยังอ้อแอ้ไม่ไหว เธอรู้ว่าภูริเป็นคนสุดเหวี่ยงมากทว่าครั้งนี้มันเกินไป เธอกลัวเขาจะน็อกลงไปซะก่อน
“มันไม่เป็นอะไรหรอก” ภูริไม่สนใจเธอ แต่คนที่ตอบคำถามแทนเป็นคนที่เธอไม่คุ้นชินอย่างภีมรพัฒน์ เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดกับเธอ เพราะนั่งนิ่งมาโดยตลอด
นาราถอนหายใจ เธอเอ่ยตอบ ยกโค๊กขึ้นดื่มผ่อนคลายความอึดอัดใจ
“แต่มันเยอะเกินไปค่ะ ฉันกลัวว่าพี่ภูจะกลับไม่ไหว” เธอไม่อยากเห็นพี่ชายนอนอยู่แถวนี้
“ไม่ต้องห่วงไอ้นี่มันอึดจะตาย” ภีมรพัฒน์ยกแก้วขึ้นดื่มบ้าง ระดับแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นในร่างกายกระตุ้นอารมณ์บางอย่างให้รุนแรงมากขึ้น เขากราดตามองที่นารา ซึ่งหญิงสาวรู้สึกแปลกๆจึงได้เบี่ยงตัวหลบ
เธอไม่ชอบสายตาแบบนี้เลย สายตาที่ราวกับว่าจะกลืนกินนาราทั้งตัว
แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง แสงไฟทั้งผับถูกเปิดสว่างขึ้น เสียงดนตรีประจำวันเกิดบรรเลงขึ้นมา มีพนักงานสาวสวยเดินมาที่โต๊ะของเธอพร้อมกับเค้กและป้ายอวยพร
ภูริยิ้มร่าเป่าเค้ก เอาเงินสดใส่มือprสาวสวยคนละหนึ่งพันบาท พวกเธอดีใจใหญ่ก้มกราบบนอกชายหนุ่ม ภาพเหล่านั้นสร้างความหัวเราะให้แก่ทุกคน คงมีแต่นาราที่รู้สึกทรมานเหลือเกิน
“คุณ” คนตัวเล็กเดินขึ้นมาบนบ้าน เห็นสิงหราชเปิดอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะไม้ริมระเบียงพอดี เธอเรียกเขาไว้ ในอกยังคงหนักใจไม่หาย “ถ้าจะมาพูดให้ไอ้พวกนั้นก็ออกไป” เสียงแข็งกร้าวตอบกลับมาราวกับรู้อยู่แล้ว ร่างบางถอนหายใจเฮือก เธอตัดสินใจเดินไปนั่งตรงหน้าเขา “ใช่ ฉันจะมาพูดเรื่องพวกเขา คุณไม่คิดว่าเกินไปหน่อยเหรอที่ไล่พวกเขาออกไปแบบนั้น นั่นไม่ต่างจากการทำให้พวกเขาไม่มีงานทำ พวกพี่เขาผิดฉันรู้ แต่พี่เขารู้ตัวจะให้อภัยกันไม่ได้เลยเหรอ” งานหายากมากนะ แล้วเธออยากให้เขาไตร่ตรองถึงความผิดคนงานให้ดีก่อนโดนไล่ออก ทว่าเขาคงไม่คิดแบบนั้น “คนผิดก็ต้องได้รับผิด ผิดครั้งแรกก็อาจมีครั้งที่สองได้ ฉันไม่ชอบให้ใครทำผิด โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้หน้าที่ตัวเอง” สิงหราชตอบอย่างไม่ใส่ใจ มือหนาพลิกเอกสารการเงินของไร่ไปเรื่อยๆ “แต่มันก็ผิดพลาดกันได้ ไล่เขาออกแบบนั้นเกินไปหรือเปล่า” นารายังไม่ยอมแพ้ เธออยากให้เขาเปิดใจคุยกับเธอ เธอสงสารคนพวกนั้นจริงๆ “หรือเธอจะให้ฉันให้พวกมันรับผิดชอบพันธุ์กล้าทั้งหมด” สิงหราชเงยหน้าขึ้นมา เอ่ยอย่างดูแคลน “ทั้งหมดหลายแส
“แต่นาคอยากไป” ทุกวันนี้เธอรับรู้ความเป็นไปในไร่แทบทุกเรื่องราว ความรู้เยอะมากๆแทบเป็นเจ้าของไร่ได้เลยประมาณนั้น เพราะแบบนี้นาราจึงซึมซับไม่รู้ตัว เธอห่วงต้นกล้าทุกต้นในไร่ไม่ต่างจากเขาเลย “ใส่ไว้” แล้วเขาก็จำยอม เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหัว ทำหญิงสาวชะงัก มองหมวกที่ถูกสวมทับลงมาบนหัวตัวเอง “มันร้อน” เขากล่าวเพียงเท่านั้น “ขอบคุณค่ะ” นาราได้เพียงเอ่ยคำนั้นเหมือนกัน ใบหน้าสวยพยายามซ่อนความเขินอายไว้ด้วยการก้มหน้าลง โดยไม่ให้ใครเห็น ใครจะคิดว่าเขาจะห่วงเธอถึงขั้นเอาหมวกให้ใส่ สิงหราชวันนี้ช่างน่ารักจริงๆ “เป็นอย่างนี้ได้ยังไง” เขาคำนวณความเสียหายมาแล้วว่าจะประมาณไหน ทว่าพอมาดูของจริงกลับพบว่ามูลค่าที่เสียหายไปนั้นมีมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พันธุ์กล้าที่ถูกเพาะและนำเข้าจากต่างประเทศ คำนวณเป็นเงินหลายแสนบาทที่เสียหายไป เหลือไว้เพียงต้นดาวเรืองเล็กๆให้ดูต่างหน้า กล้า กล้ามากจริงๆที่ทำแบบนี้ “เมื่อคืนใครเฝ้ายาม” เสียงเข้มเอ่ยถามด้วยความเยือกเย็น นัยน์ตาคมกร้าวกราดมองทุกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเพียงได้ยินเส
“พี่คิดถึงเรานะ ไปเยี่ยมยายบ้างสิ ยายก็คิดถึงเรา” เอ่ยกับนาราทว่าตามองไปทางอื่น “ค่ะ” คนน้องพยักหน้า เธอมองที่เหมียวก่อนมองที่สิงหราช ตอนนี้ชายหนุ่มหน้านิ่งเหมือนเบื่อหน่ายเต็มทน ซึ่งเธอก็เบื่อเหมือนกัน “งั้นนาคไปทำธุระก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ” เพราะแบบนั้นจึงไม่รอช้าที่จะผละออกไป เหมียวยังคงยิ้มแย้ม เธอมองสิงหราชไม่วางตา “แล้วเจอกันค่ะคุณสิง” นาราได้แต่มองบนทั้งๆที่เธอเป็นคนพูดกลับเอ่ยกับใครอีกคน ด้วยความหงุดหงิดใจเธอจึงเดินนำไปที่รถ มาถึงหญิงสาวก็บ่นปากขมุบขมิบทันที คนตอแหล ถ้าเจอเธอเมื่อก่อนนะ ลูกป้าธัญญาไม่มีวันทักเธอหรอก เพราะเธออายที่มีญาติแบบนารา คนที่ตกงานทำงานสวนงกๆ แถมยังมีข่าวลือเป็นนางบำเรอของคนอื่น “นี่คุณ” หลังจากหงุดหงิดใจไม่นาน นารากลับต้องแปลกใจไม่อยากเชื่อว่าสิงหราชจะพาเธอมาวัด ชายหนุ่มดูไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ ไม่มีร่องรอยความเชื่อเรื่องศาสนาในตัวเขา ราวกับว่าสิงหราชเอาตนเป็นที่ตั้งเพียงอย่างเดียว แต่เขากลับพาเธอมา วัดเจดีย์หลวงแห่งนี้เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้
นาราหันกลับมามองแม่ม่องที่รอคอยเธออย่างใจจดใจจ่อราวกับอยากมอบชุดนี้ให้เต็มที เพราะแบบนั้นหญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนสิงหราชเดินไปที่ห้องข้างๆ “ไม่ต่างจากชุดคู่เลย” นาราเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับสิงหราชที่ออกมาจากห้องหนึ่ง เราทั้งสองสบตากัน “ปาด สมกันขนาด งามแต๊ งามว่าตึงคู่เจ้า (โห เหมาะกันมากเลย สวยทั้งคู่ค่ะ)” สาวสวยหนุ่มหล่อในชุดชาวเขาช่างเหมาะกันเหลือเกิน เจ้าของร้านของฝากปรบมือด้วยความปลื้มปริ่ม “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ” นารายังคงปฏิเสธหลีกเลี่ยงจากเรื่องพวกนี้ให้ได้ เพราะเธอไม่ได้คิดแบบนั้น สาวที่เหมาะกับสิงหราชคงเป็นเจ้าของบริษัทจัดเลี้ยงนู้นไม่ใช่เธอหรอก แต่อย่างที่บอก ไม่ว่าจะพูดอะไรไป แม่ม่องก็ยังไม่สนใจคำพูดเธออยู่ดี หญิงเจ้าของร้านหันไปเรียกพนักงานของตน “จิ้ม มาถ่ายรูปให้นายหัว ยื่นข้างกันเลยเจ้า” จากนั้นก็จัดแจงให้เธอยืนข้างนายหัวสิง นาราถอนหายใจออกมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเขาโอบรอบเอวเธอให้เข้าไปชิด พอเธอจะหันไปโวยวาย ใบหน้าของเขาก็ขยับให้เธอมองไปทางกล้อง นาราเงียบไป ยืนนิ่งแต่โดยดี เธอโดนบังคับหรอก
“ทำไมฉันจะไม่อยากนั่ง ฉันไม่ได้รังเกียจอะไรแบบนี้หรอก แต่ฉันไม่อยากไปกับคุณ” เมื่อไหร่เขาจะรู้ตัวสักทีว่าเธอรังเกียจเขานั่นแหละ คนใจร้ายใจดำ! “เหรองั้นค่อยโล่งใจหน่อย” สิงหราชยักไหล่ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาจับกุญแจสตาร์ทรถ ก่อนจะขับออกไปด้วยจังหวะกระชากกระชั้นเพื่ออยากแกล้งคนตัวเล็ก “นี่ ขับเบาๆหน่อยสิ” นาราคุกรุ่นในใจ เธอแทบอยากกรีดร้องออกมา มือรีบกำสายเข็มขัดนิรภัยไว้ อยากจะหันไปด่า แต่เมื่อเห็นใบหน้าอารมณ์ดีของนายหัวของไร่แล้ว เธอก็ได้แต่เก็บอารมณ์ แช่งให้ตายในใจพอ ใช่ มีแต่เขานะที่ตาย ส่วนเธอจะรอดแล้วรอไปงานศพเขาทีเดียว! “นายหัวสะหวัดดีเจ้า เชิญเจ้า (นายหัวสวัสดีค่ะ เชิญค่ะ)” ในตัวเมืองเชียงใหม่ สิงหราชจอดรถยังหน้าร้าน ‘อิ่มใจ’ ซึ่งเป็นร้านขายของฝากที่มีสินค้าจากไร่ของเขา ความจริงสินค้าจากของธรภูมิกระจายไปทั่วทุกจังหวัด และมักเป็นอันดับต้นๆที่คนเลือกซื้อ ซึ่งเขาจะมาตรวจร้านค้าพวกนี้ทุกๆหนึ่งเดือน นาราเงยหน้ามองตึกอิฐแดงสองชั้นที่ด้านล่างเปิดเป็นร้านขายของฝาก ด้านบนเป็นร้านกาแฟ มาเป็นครั้งแรก แต่หญิงสาวก็รู้สึกชอบร้านนี้เข้า
ดูเหมือนนาราจะป่วยตายจริงๆ เธอนอนไปสามชั่วโมงติดก่อนจะตื่นขึ้นมาตอนบ่าย ด้วยความมึนหัวอย่างหนักหญิงสาวจึงจะลงจากเตียงเพื่อไปยังห้องน้ำ จะได้ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย ทว่าร่างกายเธอต้องแข็งทื่อเมื่อเห็นอีกคนเปิดประตูเข้ามา “เข้ามาทำไม ออกไป” ความโกรธปะทุอย่างรุนแรง เธอยังไม่ลืมว่าเขาทำอะไรไว้ เมื่อคืนเธอร้องไห้ แทบขาดใจตรงหน้าเขา แต่เขาเห็นใจกันบ้างมั้ย “ปล่อยนะ ไม่ต้องมาแตะตัวฉัน” ปัดมือใหญ่ออกยามสิงหราชทำท่าจะเข้ามาจับมือกัน เธอถอยไปด้านหลังทำหน้ารังเกียจเต็มทน “อยู่ที่นี่ห้ามไปไหน อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอออกไปเพ่นพ่านข้างนอก ไม่อย่างนั้น ฉันจะลงโทษเธอ” สิงหราชยังทำหน้าเรียบเย็น เขาใช้โอกาสตอนที่เธอเผลออังหลังมือกับหน้าผาก นาราเบิกตากว้าง พร้อมกลับถอยร่นไปหัวเตียง “คุณไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวฉัน” เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ทว่าชายหนุ่มไม่สนใจกันเลย เขาส่ายหัวน้อยๆเหมือนเธอเป็นเด็ก ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ตุบ นาราไม่ปล่อยให้โอกาสแก้แค้นสูญเปล่า เธอคว้าของบางอย่างบนหัวเตียงปาใส่เขา โคมไฟหัวเ
หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วเบา หมดแรง ราวกับอยากหายไปจากโลกนี้ “ฉันจะไปจากคุณแน่... จะไม่ปล่อยให้คุณทำร้ายฉันแบบนี้หรอก” เธอสัญญาถ้ามีโอกาสหนี จะหนีสุดชีวิต “ได้ยินมั้ย นาคจะไปจากคุณ” “จะไปจากฉันงั้นเหรอ” ราวกับสิงหราชถูกทุบด้วยค้อนปอนด์หนักๆ เขาหยุดการกระทำทุกอย่างลง มองไปที่คนตัวเล็กราวมัจจุราชตนหนึ่งกำลังปลิวชีวิตเหยื่อของตน เอ่ยถามซ้ำ “เธอว่ายังไงนะ” นาราแสยะยิ้มเยือกเย็นไม่ต่างกัน “ฉันบอกว่าจะไปจากคุณ จะไม่อยู่ที่นี่แล้ว จะหนีออกนอกประเทศไปเลย จะไม่ให้คุณเห็นหน้าอีก จะไม่ยอมคุยกับคุณ จะเห็นคุณเป็นอากาศธาตุ เป็นสิ่งไร้ค่าในชีวิตฉัน” เก่งขนาดนั้นเลย สิงหาราชเหยียดยิ้มเย็น ก้มหน้าลงไปชิดกับใบหน้าสวย ปลายจมูกชนกัน แต่ถ้าเก่งแบบนั้น “ก็ลองดู” ตับ ตับ ตับ ชายหนุ่มปลดกางเกงตัวเองออก สอดตัวตนเข้าไปด้านในคนตัวเล็กอย่างไม่กลัวว่าอีกคนจะรู้สึกเจ็บ สติของเขาตอนนี้ได้หายไปแล้ว เพียงได้ยินนาราบอกว่าจะไปจากกัน ชายหนุ่มรู้สึกราวกับเป็นหมาบ้า กลายร่าง และกำลังฉุดกระชากเธอลงนรกด้วยกัน
คนในชุดดำถอนหายใจออกมา คนหลับไปแล้วคงไม่รู้ว่าตอนนี้มือใหญ่สั่นขนาดไหน ทว่าเจ้าของไร่ธรภูมิก็ยังประคองสติได้ดี สองขายาวพาคนหมดสติเดินไปที่รถกระทะเก่าๆที่ตอนนี้ยับเยินเพราะถูกชน มันยังคงใช้การได้ รถคันนี้เป็นรถที่สิงหราชรักมากที่สุด แต่ตอนนี้กลับพังซะแล้ว... นาราสลบไปไม่ถึงชั่วโมงหญิงสาวก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาใหม่ เพียงจำได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอนั่นเลวร้ายขนาดไหนคนตัวเล็กก็ถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ก่อนที่จะร้องไห้ เธอสังเกตว่าห้องที่เธออยู่ตอนนี้คุ้นเคยเพียงหลับตาก็รู้ มันเป็นห้องของสิงหราช เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อยังรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ยังอยู่ภายใน ถึงจะลดน้อยลงไปบ้าง ทว่าฤทธิ์ยาเหล่านั้นก็ยังทรมานเธออยู่ดี นารารู้ว่าถ้าเธอยังอยู่ตรงนี้ สิงหราชจะตามมาลงโทษเธออย่างแน่นอน เพราะแบบนั้นคนตัวเล็กจึงขยับกายลงจากเตียง ดีที่ตอนนี้ร่างกายเธอไม่ได้ถูกพันธนาการไว้แล้ว ทว่าลงมาได้เพียงก้าวเดียวนารากลับต้องตกใจและกลับขึ้นไปบนเตียงใหม่เมื่อประตูถูกเปิดออก ปรากฏร่างใหญ่ผู้เป็นที่เกรงขามของไร่แห่งนี้ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ความกลัวเ
ความเย็นที่สัมผัสกลางกระหม่อม กับเสียงที่คล้ายว่าเหมือนอาวุธปืนในยามลั่นไก พลันให้ชายหนุ่มเงียบลง ภีมรพัฒน์ตัวแข็งทื่อ ใจเต้นรัวเร็วราวกองโดนตีกระหน่ำ สองขาของเขาขยับไปด้านหลัง และวินาทีนั้นเองที่แผ่นหลังก็ปะทะเข้ากับอกของใครสักคน “กูมาแล้ว” เสียงเหยียบเย็นเอ่ยขึ้น เขาไม่รู้ว่าเสียงใครถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ ชายหนุ่มขนลุกไปทั้งกาย ไม่แน่ใจว่านี่เป็นจี้ปล้นหรือเปล่า หรือว่ามันต้องการอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆเขากลัว “มึงต้องการอะไรว่ามา” แต่ถึงจะกลัวทว่าเขาไม่ใช่พวกยอมจำนนต่อเหตุการณ์ง่ายๆ แม้ไอ้โม่งด้านหลังทำเขาเกือบฉี่ราดก็เถอะ “ผู้หญิงบนรถมึง” เสียงไอ้ด้านหลังเอ่ยอย่างธรรมดาราบเรียบแต่ภีมรพัฒน์ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน วันนี้เขาอุตส่าห์วางแผนอย่างยากลำบากให้ได้นารามา กลับต้องมาเสียให้ไอ้โจรหน้าด้านชุบมือเปิบนี่เหรอ บอกตามตรงว่ารู้สึกโกรธไม่น้อย และความขุ่นเคืองราวกับเปลวเพลิงนั้นลุกไหม้ขึ้นไปอีก เมื่อคิดว่าคนที่เขาแอบชอบมาตลอดกำลังจะตกไปถึงไอ้โม่งนี่ แต่ไม่เอาน่า เราคุยกันได้นี่ เพราะแบบนั้นเขาจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ที่จะได้รับมาอย่างแน่