คนในชุดดำถอนหายใจออกมา คนหลับไปแล้วคงไม่รู้ว่าตอนนี้มือใหญ่สั่นขนาดไหน ทว่าเจ้าของไร่ธรภูมิก็ยังประคองสติได้ดี สองขายาวพาคนหมดสติเดินไปที่รถกระทะเก่าๆที่ตอนนี้ยับเยินเพราะถูกชน มันยังคงใช้การได้ รถคันนี้เป็นรถที่สิงหราชรักมากที่สุด แต่ตอนนี้กลับพังซะแล้ว...
นาราสลบไปไม่ถึงชั่วโมงหญิงสาวก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาใหม่ เพียงจำได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอนั่นเลวร้ายขนาดไหนคนตัวเล็กก็ถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ก่อนที่จะร้องไห้ เธอสังเกตว่าห้องที่เธออยู่ตอนนี้คุ้นเคยเพียงหลับตาก็รู้ มันเป็นห้องของสิงหราช เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อยังรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ยังอยู่ภายใน ถึงจะลดน้อยลงไปบ้าง ทว่าฤทธิ์ยาเหล่านั้นก็ยังทรมานเธออยู่ดี นารารู้ว่าถ้าเธอยังอยู่ตรงนี้ สิงหราชจะตามมาลงโทษเธออย่างแน่นอน เพราะแบบนั้นคนตัวเล็กจึงขยับกายลงจากเตียง ดีที่ตอนนี้ร่างกายเธอไม่ได้ถูกพันธนาการไว้แล้ว
ทว่าลงมาได้เพียงก้าวเดียวนารากลับต้องตกใจและกลับขึ้นไปบนเตียงใหม่เมื่อประตูถูกเปิดออก ปรากฏร่างใหญ่ผู้เป็นที่เกรงขามของไร่แห่งนี้ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ความกลัวเทียบไม่ได้จากตอนที่โดนจับตัวไปเลย
“ไง คนเก่ง ไปเที่ยวสนุกมั้ย” สิงหราชมองมาด้วยสายตาว่างเปล่า พลันทำใจนาราเจ็บแปลบด้วยความเจ็บปวด เธอไม่รู้ว่ามาถึงที่นี่ได้ยังไง ทว่าตรงกลางกายนั้นยังรู้สึกปกติดี มันบอกว่าเธอไม่ได้ถูกขมขื่น และเขาอาจเป็นคนช่วยเธอกลับมา แต่มันจะบังเอิญขนาดนั้นเชียวหรือ อาจเป็นคนอื่นก็ได้ที่เขารู้จักเธอ
นาราไม่ตอบเดินไปที่ประตูแทน ทว่าเป็นอย่างที่เธอคิดเขาไม่ยอมปล่อยเธอไป
“เก่งขนาดเดินหนีฉันเลย แล้วตอนที่กำลังจะโดนไอ้นั่นข่มขืนไม่เห็นเก่งแบบนี้บ้าง”
“คุณสิง!” เขาจะพูดจาทำร้ายจิตใจเธอไปถึงเมื่อไหร่กัน เขารู้บ้างมั้ยว่าเธอไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น เธอไม่อยู่ดึกด้วยซ้ำ ทว่าโดนยาปลุกเซ็กเลยต้องมีสภาพแบบนี้ แต่ใช่สิ คนอย่างเขาจะรู้อะไรนอกจากทับถมเธอไปวันๆ
“ถ้าคุณจะพูดเรื่องนี้ ก็ให้มันเป็นเรื่องของนาคเถอะค่ะ นาคพลาดเอง และนาคก็เกือบโดนข่มขืนเอง” ประโยคสุดท้ายเสียงของนาราต่ำลง
“ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ปากดี” สิงหราชกระชากคนตัวเล็กเข้าไปใกล้ มองคนที่เตี้ยกว่า โกรธมากจริงๆ ที่ไปเที่ยวไม่ระวังตัว แถมยังพูดจาอวดดีใส่เขาอีก ถ้าไม่ไปช่วยปานนี้จะเป็นยังไง ผู้ชายมันไว้ใจไม่ได้ ไม่ว่าใครทั้งนั้น
“ถ้าเธอโดนมันข่มขืนก็ชอบใช่มั้ย” ดวงตาเรียวคมกดมองราวกับจะฉีกกระชากหญิงสาวออกเป็นชิ้นๆ คนตัวเล็กขนลุกวาบ ทว่าก็ยังปากดี
“ใช่ นาคชอบ” ปากดีทั้งที่ยังมีอารมณ์อยู่ อยากตีตัวเองนักที่ไม่รีบหนีออกไป แต่ยังต่อปากต่อคำกับเขา
“ดี” สิงหราชกระตุกยิ้ม “งั้นเธอลองนอนกับฉันดูมั้ย จะได้เปรียบเทียบกับมันว่าชอบใครมากกว่ากัน”
“คุณสิง ไม่เอา อื้อ”
เพียงสิ้นสุดคำนั้นร่างสูงลากเธอไปที่เตียง กดลงพร้อมกับคร่อมทับ นัยน์ตาสวยเบิกกว้าง พยายามผลักไหล่หนาออกไป ทว่าเขาไม่ยอมขยับเลย ใบหน้าสิงหราชเต็มไปด้วยความน่ากลัว
“ไงนาค บอกฉันสิว่าเธอชอบใครมากกว่ากัน” มือใหญ่เลื่อนลงไปยังกางเกงนอนที่เปลี่ยนจากชุดเดิมก่อนไปผับ มายังโหนกนูนที่มีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่แล้ว นาราสะดุ้งโหยง บิดกายเร่าไปมา
ความรู้เสียวสะท้านแล่นปลาบกลางกาย ยิ่งไม่ได้มาจากคนที่รังเกียจ นารายิ่งรู้สึกทรมานเจียนขาดใจ ร่างกายเธอยังเป็นเหมือนเดิม
ตอบสนองเขา...
“อ๊ะ อึก” พยายามกัดปาก สะกดกลั้นเสียงน่าอาย จะปล่อยให้เขาแตะต้องกายตอนนี้ไม่ได้ สิงหราชกำลังดูถูกเธอ “อึก ปล่อย ปล่อย” คนตัวเล็กดิ้น
“ปล่อยทำไม เมื่อกี้ยังปากเก่งอยู่เลยไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มกดทับลงมามากกว่าเดิม มวลกายเขาทำเธอขยับไม่ออก
“อื้อ ไม่เกี่ยวกับคุณ ปล่อยนาคไป” ไม่อยากเป็นของเล่นเขาอีกแล้ว ไม่อยากให้เขาคิดว่าเพียงแตะต้องร่างกายเธอก็จะยอมพลีกายไปเสียทุกครั้ง เธอไม่อยากเป็นผู้หญิงแบบนั้น ทว่าเมื่อโดนกระตุ้นตรงจุดกลางเสียว นาราก็ถึงกับตัวงอ ครวญครางอย่างไม่อยากเป็น“อ๊า อึก ปล่อย” เธอถอยร่างกายหนี ทว่าโดนลากมาที่เดิม ตอนนี้นิ้วของสิงหราชสอดเข้ามาด้านในแล้ว มันทั้งเจ็บทั้งเสียวในเวลาเดียวกัน
“เป็นไงดีใช่มั้ย” ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมาสบตาเธอ ก่อนจะเร่งจังหวะการเข้าออกตรงกลางใจร่างช้าๆ เนิบนาบก่อนถึงจังหวะถี่เร็ว
“อะ ไม่ อื้อ” ร่างนาราสั่นไปทั้งกาย เธอกัดปากตัวเอง มองมือได้แต่ขยุ้มที่นอนไว้ ความเสียวแล่นพล่านตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับจะปัสสาวะออกมา
“ทำไม ไม่ดีเหรอ แต่ทำไมเธอครางดัง” ใบหน้าสิงหราชเต็มไปด้วยความยั่วเย้า เขาเอ่ยเสียงเยือกเย็นทว่าใบหน้ายังคงยิ้ม ไม่ได้ยิ้มเพราะความยินดี ทว่ายิ้มไปด้วยความโกรธ
“ไม่ได้ครางปล่อยนะ อื้อ” นาราสะบัดหัว เธอต้องกรีดร้องเสียงดังกว่าเดิม เมื่อสิงหราชเลิกเสื้อยืดของเธอไปกองไว้ที่เนินอก เลิกเสื้อชั้นในลง ก่อนจะฝั่งใบหน้าลงมา ดูดเลียเม็ดเต่งตึงเข้าปากด้วยความหิวกระหาย“หวาน...” ซุกไซ้กระทั่งพอใจใบหน้าดูดีจึงผละออก เลียริมฝีปากตัวเอง มองไปที่คนใต้ร่างที่สั่นสะท้านจากน้ำมือของเขา ก่อนที่ใบหน้าคมคายจะก้มลงไปชิมดอกเกสรใหม่
“ทำไมถึงหวานขนาดนี้” ครางเสียงต่ำในลำคอ
“ปล่อย” วินาทีนั้นนาราแทบร้องไห้ เขาเห็นเธอเป็นอะไร นางบำเรอบนเตียงงั้นเหรอ อีตัวเหรอ ไม่ว่าโกรธเธอเมื่อไหร่เขาจะลากขึ้นเตียงเมื่อนั้น พอเธอโกรธ ได้นอนด้วยกันก็ทำเป็นหายกัน เธอคงเป็นได้แค่นั้น นารามองคนตรงหน้าทั้งน้ำตา แม้ร่างกายเธอจะตอบสนองเขาด้วยอะไรบางอย่าง อาจเป็นความผูกพันหรือความคุ้นชิน ทว่าตอนนี้เธอไม่ยอมอีกแล้ว
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง