ความเย็นที่สัมผัสกลางกระหม่อม กับเสียงที่คล้ายว่าเหมือนอาวุธปืนในยามลั่นไก พลันให้ชายหนุ่มเงียบลง ภีมรพัฒน์ตัวแข็งทื่อ ใจเต้นรัวเร็วราวกองโดนตีกระหน่ำ สองขาของเขาขยับไปด้านหลัง และวินาทีนั้นเองที่แผ่นหลังก็ปะทะเข้ากับอกของใครสักคน
“กูมาแล้ว”
เสียงเหยียบเย็นเอ่ยขึ้น เขาไม่รู้ว่าเสียงใครถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ ชายหนุ่มขนลุกไปทั้งกาย ไม่แน่ใจว่านี่เป็นจี้ปล้นหรือเปล่า หรือว่ามันต้องการอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆเขากลัว
“มึงต้องการอะไรว่ามา” แต่ถึงจะกลัวทว่าเขาไม่ใช่พวกยอมจำนนต่อเหตุการณ์ง่ายๆ แม้ไอ้โม่งด้านหลังทำเขาเกือบฉี่ราดก็เถอะ
“ผู้หญิงบนรถมึง” เสียงไอ้ด้านหลังเอ่ยอย่างธรรมดาราบเรียบแต่ภีมรพัฒน์ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน วันนี้เขาอุตส่าห์วางแผนอย่างยากลำบากให้ได้นารามา กลับต้องมาเสียให้ไอ้โจรหน้าด้านชุบมือเปิบนี่เหรอ
บอกตามตรงว่ารู้สึกโกรธไม่น้อย และความขุ่นเคืองราวกับเปลวเพลิงนั้นลุกไหม้ขึ้นไปอีก เมื่อคิดว่าคนที่เขาแอบชอบมาตลอดกำลังจะตกไปถึงไอ้โม่งนี่ แต่ไม่เอาน่า เราคุยกันได้นี่ เพราะแบบนั้นเขาจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ที่จะได้รับมาอย่างแน่นอน
“ผู้หญิงข้างในโคตรสวย ขาวจั๊วะเลย กูว่าเรามาตกลงกันดีกว่า รถกูมีกล้องนะ มันถ่ายนะว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ามึงอยากได้ผู้หญิงในรถจริงๆ แบ่งกับกูมั้ย กูจะไม่เอาเรื่องอะไรมึง แถมให้เงินมึงด้วย”
เขาต่อรองและโกหกเรื่องกล้องไป แต่ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าว่าปลายกระบอกปืนจี้เข้าที่ศีรษะมากขึ้น ภีมรพัตน์กลืนน้ำลายลงคอ ความกลัวผุดทั่วไขสันหลัง หัวใจของเขาตอนนี้เต้นราวกับมันจะหลุดออกมา และเขาเฝ้าภาวนาให้มัน...
“ตกลง”
ร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อแห่งความกลัวและความเหนื่อยล้ากระตุกยิ้มด้วยความดีใจ ราวกับยกภูเขาออกจากอก หายใจได้ทั่วท้องยามที่ไอ้โม่งด้านหลังปล่อยตัวเขาและจับแขนข้างหนึ่งให้เดินไป เวลานั้นภีมรพัตน์ไม่เอาอะไรอีกแล้ว ขอแค่ชีวิตเขาปลอดภัยกับมีอะไรกับนาราก็พอ
สองเท้าก้าวไปด้านหน้าอย่างลำพองใจเมื่อนึกถึงคนตัวเล็กทว่าซ่อนรูปในความรู้สึกเปลือยเปล่าล่อนจ้อน เผยให้เห็นเนื้อนมไข่ที่ถูกปิดซ่อนไว้ ทว่า...
ราวกับขึ้นสวรรค์ได้ไม่นาน หลังของเขาถูกยันจนตัวพุ่งไปด้านหน้า มิหนำซ้ำตัวยังถูกกดลงกับพื้น ใบหน้าแนบกับปูนซีเมนต์
“เชี่ย ไรวะเนี่ย!” ภีมรพัฒน์คำรามด้วยความโกรธจัด ไม่คิดว่าไอ้โม่งมันจะตลบหลังเขาอย่างนี้ กล้ามากนะ รู้มั้ยว่าเขาเป็นใคร! แล้วนี่ เขาจะตายมั้ยเนี่ย
“โทษทีกูเปลี่ยนใจแล้ว” เสียงทุ้มจากคนด้านบนเอ่ย ภีมรพัฒน์นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดเพราะมันเล่นกดหน้าเขาลงบนพื้นปูนแข็งๆจนโหนกแก้มชายิบไปทั้งแถบ คนเป็นรองก่นด่าในใจ ไอ้เหี้ยนี่มึงเป็นอะไรของมึง!
“เปลี่ยนใจเหี้ยไรวะ เดี๋ยวกูแถมเงินให้ก็ได้ บอกมาว่ามึงต้องการอะไร!” ตอนนี้ไม่ได้เอาคนที่อยู่บนรถก็ขอให้เอาชีวิตรอดพอ ส่วนนารามันอยากเอาจนพรุนก็เรื่องของมัน เขาไม่สนอะไรอีกแล้ว
“ปล่อยกูเว๊ย เจ็บ! ไอ้เหี้ย เจ็บ” ภีมรพัฒน์ร้องลั่นเพราะอยู่ๆไอ้โจรนี่มันก็เอาเท้ามาเหยียบหัวเขา ไม่เพียงเท่านั้นยังนั่งหลังกูอีกต่างหาก ตอนนี้เขาอยากถามมันนักว่ากูทำอะไรให้มึง ถึงได้เล่นงานกันแบบนี้ แล้วภีมรพัฒน์ก็ต้องขนลุกเมื่อมันเอ่ยว่า
“กูเปลี่ยนใจแล้วว่ะ จะว่าไปมึงก็ขาวน่ารักดีนี่หว่า” ชายหนุ่มใต้ร่างขนลุกซู่ มือที่เต็มไปด้วยเหงื่อใคร่ลากไล่บนแผ่นหลังเขาจนตัวสั่นไปหมด มันพูดอะไรของมัน
“เปลี่ยนเป้าหมายจากผู้หญิงคนนั้น...เป็นมึงท่าจะดี”
“ปล่อยกูนะเว้ย!” ภีมรพัฒน์รู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเมื่อกางเกงของเขาถูกถลกจากด้านหลัง ชายหนุ่มโวยวายลั่น ใจเต้นร้องอย่างบ้าคลั่ง กูไม่ได้ชอบผู้ชาย ไม่อยากให้ใครเอาด้วย
ภีมรพัฒน์ร้องไห้ออกมายามที่ปืนจิ้มเข้าที่รูตูดเขา ยิ่งอยากตายเมื่อมันพูดอะไรบ้าๆ
“เป็นไง มึงชอบไม่ใช่เหรอตอนที่โดนทำแบบนี้ ไม่งั้นมึงคงไม่จับผู้หญิงหลังรถมาทำเมียหรอก อย่างมึงก็ไม่เลวนี่หว่า ลองเปลี่ยนใจดูมั้ย เผื่อจะชอบก็ได้”
“ไม่! ปล่อยกู กูขอร้อง ปล่อยกูไป กูขอร้องนะมึง อย่าทำอะไรกูเลย กูกลัวแล้ว กลัวแล้ว ไอ้เหี้ย” ภีมรพัฒน์ร้องไห้ทั้งน้ำตา ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อถูกกระชากขึ้นมา ริมฝีปากกำลังจะร่ำร้องอีกครั้ง ทว่ากลับโดนชายชุดดำพรางใบหน้าชกเข้ามาที่ตา
ร่างสูงล้มไปนอนกับพื้น ไม่มีเวลาได้หายใจทั่วท้อง ลำตัวของเขาก็ถูกเท้าอันแข็งแรงเตะเข้าที่ท้อง ภีมรพัฒน์รู้สึกจุก จุกจนพูดไม่ออก ทว่าไม่ทันได้ทำอะไรเท้าของไอ้โม่งก็กระหน่ำลงมาไม่ยั้ง
นาราพยายามอย่างยิ่งที่จะเปิดประตูรถออกไป ทว่ามือและเท้าของเธอนั่นถูกมัดจนแน่นสนิท หญิงสาวพยายามกระตุกเชือก ทว่าทำยังไงความแน่นของปมไม่สามารถคลายออกไปได้เลย
มัดแน่นอะไรแบบนี้นะ หญิงสาวโกรธจนน้ำตาไหล
ความกลัวหลั่งไหลเข้ามาในหัว เธอเห็น เห็นว่าโจรร้ายคลุมตัว เอาปืนจ่อหัวภีมรพัฒน์ราวกับจะทำอะไรบางอย่าง ทว่าตอนนี้หมอนั่นกลับหายไปแล้ว
“อื้อ” แล้วร่างสวยก็สะดุ้งเฮือกตอนประตูรถถูกกระชากออก ใจเธอสั่นระรัว ร่างกำยำใหญ่สันทัดอยู่ตรงประตู เพียงชั่วอึดใจเขาก็กระชากเธอเข้าไปใกล้
“อื้อ อ้วย อ้วย (ช่วยด้วย)” หญิงสาวเบิกตาโพลง ตะเบ็งสุดเสียง ร่างกายกลัวราวกับถูกกระชากวิญญาณออกไป เธอพยายามดิ้นเมื่อถูกรวบเข้าไปบนบ่าคนตัวสูง วินาทีนั้นความกลัวพุ่งเข้าแทรกในร่างกายอย่างจับจิต และทนทานความรู้สึกนั้นไม่ไหว บวกกับร่างกายอ่อนล้าจึงทำให้นาราสลบไป ทิ้งความกลัวไว้ราวกับเงาตามตัว
“คุณ” คนตัวเล็กเดินขึ้นมาบนบ้าน เห็นสิงหราชเปิดอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะไม้ริมระเบียงพอดี เธอเรียกเขาไว้ ในอกยังคงหนักใจไม่หาย “ถ้าจะมาพูดให้ไอ้พวกนั้นก็ออกไป” เสียงแข็งกร้าวตอบกลับมาราวกับรู้อยู่แล้ว ร่างบางถอนหายใจเฮือก เธอตัดสินใจเดินไปนั่งตรงหน้าเขา “ใช่ ฉันจะมาพูดเรื่องพวกเขา คุณไม่คิดว่าเกินไปหน่อยเหรอที่ไล่พวกเขาออกไปแบบนั้น นั่นไม่ต่างจากการทำให้พวกเขาไม่มีงานทำ พวกพี่เขาผิดฉันรู้ แต่พี่เขารู้ตัวจะให้อภัยกันไม่ได้เลยเหรอ” งานหายากมากนะ แล้วเธออยากให้เขาไตร่ตรองถึงความผิดคนงานให้ดีก่อนโดนไล่ออก ทว่าเขาคงไม่คิดแบบนั้น “คนผิดก็ต้องได้รับผิด ผิดครั้งแรกก็อาจมีครั้งที่สองได้ ฉันไม่ชอบให้ใครทำผิด โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้หน้าที่ตัวเอง” สิงหราชตอบอย่างไม่ใส่ใจ มือหนาพลิกเอกสารการเงินของไร่ไปเรื่อยๆ “แต่มันก็ผิดพลาดกันได้ ไล่เขาออกแบบนั้นเกินไปหรือเปล่า” นารายังไม่ยอมแพ้ เธออยากให้เขาเปิดใจคุยกับเธอ เธอสงสารคนพวกนั้นจริงๆ “หรือเธอจะให้ฉันให้พวกมันรับผิดชอบพันธุ์กล้าทั้งหมด” สิงหราชเงยหน้าขึ้นมา เอ่ยอย่างดูแคลน “ทั้งหมดหลายแส
“แต่นาคอยากไป” ทุกวันนี้เธอรับรู้ความเป็นไปในไร่แทบทุกเรื่องราว ความรู้เยอะมากๆแทบเป็นเจ้าของไร่ได้เลยประมาณนั้น เพราะแบบนี้นาราจึงซึมซับไม่รู้ตัว เธอห่วงต้นกล้าทุกต้นในไร่ไม่ต่างจากเขาเลย “ใส่ไว้” แล้วเขาก็จำยอม เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหัว ทำหญิงสาวชะงัก มองหมวกที่ถูกสวมทับลงมาบนหัวตัวเอง “มันร้อน” เขากล่าวเพียงเท่านั้น “ขอบคุณค่ะ” นาราได้เพียงเอ่ยคำนั้นเหมือนกัน ใบหน้าสวยพยายามซ่อนความเขินอายไว้ด้วยการก้มหน้าลง โดยไม่ให้ใครเห็น ใครจะคิดว่าเขาจะห่วงเธอถึงขั้นเอาหมวกให้ใส่ สิงหราชวันนี้ช่างน่ารักจริงๆ “เป็นอย่างนี้ได้ยังไง” เขาคำนวณความเสียหายมาแล้วว่าจะประมาณไหน ทว่าพอมาดูของจริงกลับพบว่ามูลค่าที่เสียหายไปนั้นมีมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พันธุ์กล้าที่ถูกเพาะและนำเข้าจากต่างประเทศ คำนวณเป็นเงินหลายแสนบาทที่เสียหายไป เหลือไว้เพียงต้นดาวเรืองเล็กๆให้ดูต่างหน้า กล้า กล้ามากจริงๆที่ทำแบบนี้ “เมื่อคืนใครเฝ้ายาม” เสียงเข้มเอ่ยถามด้วยความเยือกเย็น นัยน์ตาคมกร้าวกราดมองทุกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเพียงได้ยินเส
“พี่คิดถึงเรานะ ไปเยี่ยมยายบ้างสิ ยายก็คิดถึงเรา” เอ่ยกับนาราทว่าตามองไปทางอื่น “ค่ะ” คนน้องพยักหน้า เธอมองที่เหมียวก่อนมองที่สิงหราช ตอนนี้ชายหนุ่มหน้านิ่งเหมือนเบื่อหน่ายเต็มทน ซึ่งเธอก็เบื่อเหมือนกัน “งั้นนาคไปทำธุระก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ” เพราะแบบนั้นจึงไม่รอช้าที่จะผละออกไป เหมียวยังคงยิ้มแย้ม เธอมองสิงหราชไม่วางตา “แล้วเจอกันค่ะคุณสิง” นาราได้แต่มองบนทั้งๆที่เธอเป็นคนพูดกลับเอ่ยกับใครอีกคน ด้วยความหงุดหงิดใจเธอจึงเดินนำไปที่รถ มาถึงหญิงสาวก็บ่นปากขมุบขมิบทันที คนตอแหล ถ้าเจอเธอเมื่อก่อนนะ ลูกป้าธัญญาไม่มีวันทักเธอหรอก เพราะเธออายที่มีญาติแบบนารา คนที่ตกงานทำงานสวนงกๆ แถมยังมีข่าวลือเป็นนางบำเรอของคนอื่น “นี่คุณ” หลังจากหงุดหงิดใจไม่นาน นารากลับต้องแปลกใจไม่อยากเชื่อว่าสิงหราชจะพาเธอมาวัด ชายหนุ่มดูไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ ไม่มีร่องรอยความเชื่อเรื่องศาสนาในตัวเขา ราวกับว่าสิงหราชเอาตนเป็นที่ตั้งเพียงอย่างเดียว แต่เขากลับพาเธอมา วัดเจดีย์หลวงแห่งนี้เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้
นาราหันกลับมามองแม่ม่องที่รอคอยเธออย่างใจจดใจจ่อราวกับอยากมอบชุดนี้ให้เต็มที เพราะแบบนั้นหญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนสิงหราชเดินไปที่ห้องข้างๆ “ไม่ต่างจากชุดคู่เลย” นาราเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับสิงหราชที่ออกมาจากห้องหนึ่ง เราทั้งสองสบตากัน “ปาด สมกันขนาด งามแต๊ งามว่าตึงคู่เจ้า (โห เหมาะกันมากเลย สวยทั้งคู่ค่ะ)” สาวสวยหนุ่มหล่อในชุดชาวเขาช่างเหมาะกันเหลือเกิน เจ้าของร้านของฝากปรบมือด้วยความปลื้มปริ่ม “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ” นารายังคงปฏิเสธหลีกเลี่ยงจากเรื่องพวกนี้ให้ได้ เพราะเธอไม่ได้คิดแบบนั้น สาวที่เหมาะกับสิงหราชคงเป็นเจ้าของบริษัทจัดเลี้ยงนู้นไม่ใช่เธอหรอก แต่อย่างที่บอก ไม่ว่าจะพูดอะไรไป แม่ม่องก็ยังไม่สนใจคำพูดเธออยู่ดี หญิงเจ้าของร้านหันไปเรียกพนักงานของตน “จิ้ม มาถ่ายรูปให้นายหัว ยื่นข้างกันเลยเจ้า” จากนั้นก็จัดแจงให้เธอยืนข้างนายหัวสิง นาราถอนหายใจออกมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเขาโอบรอบเอวเธอให้เข้าไปชิด พอเธอจะหันไปโวยวาย ใบหน้าของเขาก็ขยับให้เธอมองไปทางกล้อง นาราเงียบไป ยืนนิ่งแต่โดยดี เธอโดนบังคับหรอก
“ทำไมฉันจะไม่อยากนั่ง ฉันไม่ได้รังเกียจอะไรแบบนี้หรอก แต่ฉันไม่อยากไปกับคุณ” เมื่อไหร่เขาจะรู้ตัวสักทีว่าเธอรังเกียจเขานั่นแหละ คนใจร้ายใจดำ! “เหรองั้นค่อยโล่งใจหน่อย” สิงหราชยักไหล่ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาจับกุญแจสตาร์ทรถ ก่อนจะขับออกไปด้วยจังหวะกระชากกระชั้นเพื่ออยากแกล้งคนตัวเล็ก “นี่ ขับเบาๆหน่อยสิ” นาราคุกรุ่นในใจ เธอแทบอยากกรีดร้องออกมา มือรีบกำสายเข็มขัดนิรภัยไว้ อยากจะหันไปด่า แต่เมื่อเห็นใบหน้าอารมณ์ดีของนายหัวของไร่แล้ว เธอก็ได้แต่เก็บอารมณ์ แช่งให้ตายในใจพอ ใช่ มีแต่เขานะที่ตาย ส่วนเธอจะรอดแล้วรอไปงานศพเขาทีเดียว! “นายหัวสะหวัดดีเจ้า เชิญเจ้า (นายหัวสวัสดีค่ะ เชิญค่ะ)” ในตัวเมืองเชียงใหม่ สิงหราชจอดรถยังหน้าร้าน ‘อิ่มใจ’ ซึ่งเป็นร้านขายของฝากที่มีสินค้าจากไร่ของเขา ความจริงสินค้าจากของธรภูมิกระจายไปทั่วทุกจังหวัด และมักเป็นอันดับต้นๆที่คนเลือกซื้อ ซึ่งเขาจะมาตรวจร้านค้าพวกนี้ทุกๆหนึ่งเดือน นาราเงยหน้ามองตึกอิฐแดงสองชั้นที่ด้านล่างเปิดเป็นร้านขายของฝาก ด้านบนเป็นร้านกาแฟ มาเป็นครั้งแรก แต่หญิงสาวก็รู้สึกชอบร้านนี้เข้า
ดูเหมือนนาราจะป่วยตายจริงๆ เธอนอนไปสามชั่วโมงติดก่อนจะตื่นขึ้นมาตอนบ่าย ด้วยความมึนหัวอย่างหนักหญิงสาวจึงจะลงจากเตียงเพื่อไปยังห้องน้ำ จะได้ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย ทว่าร่างกายเธอต้องแข็งทื่อเมื่อเห็นอีกคนเปิดประตูเข้ามา “เข้ามาทำไม ออกไป” ความโกรธปะทุอย่างรุนแรง เธอยังไม่ลืมว่าเขาทำอะไรไว้ เมื่อคืนเธอร้องไห้ แทบขาดใจตรงหน้าเขา แต่เขาเห็นใจกันบ้างมั้ย “ปล่อยนะ ไม่ต้องมาแตะตัวฉัน” ปัดมือใหญ่ออกยามสิงหราชทำท่าจะเข้ามาจับมือกัน เธอถอยไปด้านหลังทำหน้ารังเกียจเต็มทน “อยู่ที่นี่ห้ามไปไหน อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอออกไปเพ่นพ่านข้างนอก ไม่อย่างนั้น ฉันจะลงโทษเธอ” สิงหราชยังทำหน้าเรียบเย็น เขาใช้โอกาสตอนที่เธอเผลออังหลังมือกับหน้าผาก นาราเบิกตากว้าง พร้อมกลับถอยร่นไปหัวเตียง “คุณไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวฉัน” เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ทว่าชายหนุ่มไม่สนใจกันเลย เขาส่ายหัวน้อยๆเหมือนเธอเป็นเด็ก ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ตุบ นาราไม่ปล่อยให้โอกาสแก้แค้นสูญเปล่า เธอคว้าของบางอย่างบนหัวเตียงปาใส่เขา โคมไฟหัวเ
หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วเบา หมดแรง ราวกับอยากหายไปจากโลกนี้ “ฉันจะไปจากคุณแน่... จะไม่ปล่อยให้คุณทำร้ายฉันแบบนี้หรอก” เธอสัญญาถ้ามีโอกาสหนี จะหนีสุดชีวิต “ได้ยินมั้ย นาคจะไปจากคุณ” “จะไปจากฉันงั้นเหรอ” ราวกับสิงหราชถูกทุบด้วยค้อนปอนด์หนักๆ เขาหยุดการกระทำทุกอย่างลง มองไปที่คนตัวเล็กราวมัจจุราชตนหนึ่งกำลังปลิวชีวิตเหยื่อของตน เอ่ยถามซ้ำ “เธอว่ายังไงนะ” นาราแสยะยิ้มเยือกเย็นไม่ต่างกัน “ฉันบอกว่าจะไปจากคุณ จะไม่อยู่ที่นี่แล้ว จะหนีออกนอกประเทศไปเลย จะไม่ให้คุณเห็นหน้าอีก จะไม่ยอมคุยกับคุณ จะเห็นคุณเป็นอากาศธาตุ เป็นสิ่งไร้ค่าในชีวิตฉัน” เก่งขนาดนั้นเลย สิงหาราชเหยียดยิ้มเย็น ก้มหน้าลงไปชิดกับใบหน้าสวย ปลายจมูกชนกัน แต่ถ้าเก่งแบบนั้น “ก็ลองดู” ตับ ตับ ตับ ชายหนุ่มปลดกางเกงตัวเองออก สอดตัวตนเข้าไปด้านในคนตัวเล็กอย่างไม่กลัวว่าอีกคนจะรู้สึกเจ็บ สติของเขาตอนนี้ได้หายไปแล้ว เพียงได้ยินนาราบอกว่าจะไปจากกัน ชายหนุ่มรู้สึกราวกับเป็นหมาบ้า กลายร่าง และกำลังฉุดกระชากเธอลงนรกด้วยกัน
คนในชุดดำถอนหายใจออกมา คนหลับไปแล้วคงไม่รู้ว่าตอนนี้มือใหญ่สั่นขนาดไหน ทว่าเจ้าของไร่ธรภูมิก็ยังประคองสติได้ดี สองขายาวพาคนหมดสติเดินไปที่รถกระทะเก่าๆที่ตอนนี้ยับเยินเพราะถูกชน มันยังคงใช้การได้ รถคันนี้เป็นรถที่สิงหราชรักมากที่สุด แต่ตอนนี้กลับพังซะแล้ว... นาราสลบไปไม่ถึงชั่วโมงหญิงสาวก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาใหม่ เพียงจำได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอนั่นเลวร้ายขนาดไหนคนตัวเล็กก็ถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ก่อนที่จะร้องไห้ เธอสังเกตว่าห้องที่เธออยู่ตอนนี้คุ้นเคยเพียงหลับตาก็รู้ มันเป็นห้องของสิงหราช เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อยังรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ยังอยู่ภายใน ถึงจะลดน้อยลงไปบ้าง ทว่าฤทธิ์ยาเหล่านั้นก็ยังทรมานเธออยู่ดี นารารู้ว่าถ้าเธอยังอยู่ตรงนี้ สิงหราชจะตามมาลงโทษเธออย่างแน่นอน เพราะแบบนั้นคนตัวเล็กจึงขยับกายลงจากเตียง ดีที่ตอนนี้ร่างกายเธอไม่ได้ถูกพันธนาการไว้แล้ว ทว่าลงมาได้เพียงก้าวเดียวนารากลับต้องตกใจและกลับขึ้นไปบนเตียงใหม่เมื่อประตูถูกเปิดออก ปรากฏร่างใหญ่ผู้เป็นที่เกรงขามของไร่แห่งนี้ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ความกลัวเ
ความเย็นที่สัมผัสกลางกระหม่อม กับเสียงที่คล้ายว่าเหมือนอาวุธปืนในยามลั่นไก พลันให้ชายหนุ่มเงียบลง ภีมรพัฒน์ตัวแข็งทื่อ ใจเต้นรัวเร็วราวกองโดนตีกระหน่ำ สองขาของเขาขยับไปด้านหลัง และวินาทีนั้นเองที่แผ่นหลังก็ปะทะเข้ากับอกของใครสักคน “กูมาแล้ว” เสียงเหยียบเย็นเอ่ยขึ้น เขาไม่รู้ว่าเสียงใครถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ ชายหนุ่มขนลุกไปทั้งกาย ไม่แน่ใจว่านี่เป็นจี้ปล้นหรือเปล่า หรือว่ามันต้องการอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆเขากลัว “มึงต้องการอะไรว่ามา” แต่ถึงจะกลัวทว่าเขาไม่ใช่พวกยอมจำนนต่อเหตุการณ์ง่ายๆ แม้ไอ้โม่งด้านหลังทำเขาเกือบฉี่ราดก็เถอะ “ผู้หญิงบนรถมึง” เสียงไอ้ด้านหลังเอ่ยอย่างธรรมดาราบเรียบแต่ภีมรพัฒน์ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน วันนี้เขาอุตส่าห์วางแผนอย่างยากลำบากให้ได้นารามา กลับต้องมาเสียให้ไอ้โจรหน้าด้านชุบมือเปิบนี่เหรอ บอกตามตรงว่ารู้สึกโกรธไม่น้อย และความขุ่นเคืองราวกับเปลวเพลิงนั้นลุกไหม้ขึ้นไปอีก เมื่อคิดว่าคนที่เขาแอบชอบมาตลอดกำลังจะตกไปถึงไอ้โม่งนี่ แต่ไม่เอาน่า เราคุยกันได้นี่ เพราะแบบนั้นเขาจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ที่จะได้รับมาอย่างแน่