ความเย็นที่สัมผัสกลางกระหม่อม กับเสียงที่คล้ายว่าเหมือนอาวุธปืนในยามลั่นไก พลันให้ชายหนุ่มเงียบลง ภีมรพัฒน์ตัวแข็งทื่อ ใจเต้นรัวเร็วราวกองโดนตีกระหน่ำ สองขาของเขาขยับไปด้านหลัง และวินาทีนั้นเองที่แผ่นหลังก็ปะทะเข้ากับอกของใครสักคน
“กูมาแล้ว”
เสียงเหยียบเย็นเอ่ยขึ้น เขาไม่รู้ว่าเสียงใครถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ ชายหนุ่มขนลุกไปทั้งกาย ไม่แน่ใจว่านี่เป็นจี้ปล้นหรือเปล่า หรือว่ามันต้องการอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆเขากลัว
“มึงต้องการอะไรว่ามา” แต่ถึงจะกลัวทว่าเขาไม่ใช่พวกยอมจำนนต่อเหตุการณ์ง่ายๆ แม้ไอ้โม่งด้านหลังทำเขาเกือบฉี่ราดก็เถอะ
“ผู้หญิงบนรถมึง” เสียงไอ้ด้านหลังเอ่ยอย่างธรรมดาราบเรียบแต่ภีมรพัฒน์ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน วันนี้เขาอุตส่าห์วางแผนอย่างยากลำบากให้ได้นารามา กลับต้องมาเสียให้ไอ้โจรหน้าด้านชุบมือเปิบนี่เหรอ
บอกตามตรงว่ารู้สึกโกรธไม่น้อย และความขุ่นเคืองราวกับเปลวเพลิงนั้นลุกไหม้ขึ้นไปอีก เมื่อคิดว่าคนที่เขาแอบชอบมาตลอดกำลังจะตกไปถึงไอ้โม่งนี่ แต่ไม่เอาน่า เราคุยกันได้นี่ เพราะแบบนั้นเขาจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ที่จะได้รับมาอย่างแน่นอน
“ผู้หญิงข้างในโคตรสวย ขาวจั๊วะเลย กูว่าเรามาตกลงกันดีกว่า รถกูมีกล้องนะ มันถ่ายนะว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ามึงอยากได้ผู้หญิงในรถจริงๆ แบ่งกับกูมั้ย กูจะไม่เอาเรื่องอะไรมึง แถมให้เงินมึงด้วย”
เขาต่อรองและโกหกเรื่องกล้องไป แต่ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าว่าปลายกระบอกปืนจี้เข้าที่ศีรษะมากขึ้น ภีมรพัตน์กลืนน้ำลายลงคอ ความกลัวผุดทั่วไขสันหลัง หัวใจของเขาตอนนี้เต้นราวกับมันจะหลุดออกมา และเขาเฝ้าภาวนาให้มัน...
“ตกลง”
ร่างที่เต็มไปด้วยเหงื่อแห่งความกลัวและความเหนื่อยล้ากระตุกยิ้มด้วยความดีใจ ราวกับยกภูเขาออกจากอก หายใจได้ทั่วท้องยามที่ไอ้โม่งด้านหลังปล่อยตัวเขาและจับแขนข้างหนึ่งให้เดินไป เวลานั้นภีมรพัตน์ไม่เอาอะไรอีกแล้ว ขอแค่ชีวิตเขาปลอดภัยกับมีอะไรกับนาราก็พอ
สองเท้าก้าวไปด้านหน้าอย่างลำพองใจเมื่อนึกถึงคนตัวเล็กทว่าซ่อนรูปในความรู้สึกเปลือยเปล่าล่อนจ้อน เผยให้เห็นเนื้อนมไข่ที่ถูกปิดซ่อนไว้ ทว่า...
ราวกับขึ้นสวรรค์ได้ไม่นาน หลังของเขาถูกยันจนตัวพุ่งไปด้านหน้า มิหนำซ้ำตัวยังถูกกดลงกับพื้น ใบหน้าแนบกับปูนซีเมนต์
“เชี่ย ไรวะเนี่ย!” ภีมรพัฒน์คำรามด้วยความโกรธจัด ไม่คิดว่าไอ้โม่งมันจะตลบหลังเขาอย่างนี้ กล้ามากนะ รู้มั้ยว่าเขาเป็นใคร! แล้วนี่ เขาจะตายมั้ยเนี่ย
“โทษทีกูเปลี่ยนใจแล้ว” เสียงทุ้มจากคนด้านบนเอ่ย ภีมรพัฒน์นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดเพราะมันเล่นกดหน้าเขาลงบนพื้นปูนแข็งๆจนโหนกแก้มชายิบไปทั้งแถบ คนเป็นรองก่นด่าในใจ ไอ้เหี้ยนี่มึงเป็นอะไรของมึง!
“เปลี่ยนใจเหี้ยไรวะ เดี๋ยวกูแถมเงินให้ก็ได้ บอกมาว่ามึงต้องการอะไร!” ตอนนี้ไม่ได้เอาคนที่อยู่บนรถก็ขอให้เอาชีวิตรอดพอ ส่วนนารามันอยากเอาจนพรุนก็เรื่องของมัน เขาไม่สนอะไรอีกแล้ว
“ปล่อยกูเว๊ย เจ็บ! ไอ้เหี้ย เจ็บ” ภีมรพัฒน์ร้องลั่นเพราะอยู่ๆไอ้โจรนี่มันก็เอาเท้ามาเหยียบหัวเขา ไม่เพียงเท่านั้นยังนั่งหลังกูอีกต่างหาก ตอนนี้เขาอยากถามมันนักว่ากูทำอะไรให้มึง ถึงได้เล่นงานกันแบบนี้ แล้วภีมรพัฒน์ก็ต้องขนลุกเมื่อมันเอ่ยว่า
“กูเปลี่ยนใจแล้วว่ะ จะว่าไปมึงก็ขาวน่ารักดีนี่หว่า” ชายหนุ่มใต้ร่างขนลุกซู่ มือที่เต็มไปด้วยเหงื่อใคร่ลากไล่บนแผ่นหลังเขาจนตัวสั่นไปหมด มันพูดอะไรของมัน
“เปลี่ยนเป้าหมายจากผู้หญิงคนนั้น...เป็นมึงท่าจะดี”
“ปล่อยกูนะเว้ย!” ภีมรพัฒน์รู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเมื่อกางเกงของเขาถูกถลกจากด้านหลัง ชายหนุ่มโวยวายลั่น ใจเต้นร้องอย่างบ้าคลั่ง กูไม่ได้ชอบผู้ชาย ไม่อยากให้ใครเอาด้วย
ภีมรพัฒน์ร้องไห้ออกมายามที่ปืนจิ้มเข้าที่รูตูดเขา ยิ่งอยากตายเมื่อมันพูดอะไรบ้าๆ
“เป็นไง มึงชอบไม่ใช่เหรอตอนที่โดนทำแบบนี้ ไม่งั้นมึงคงไม่จับผู้หญิงหลังรถมาทำเมียหรอก อย่างมึงก็ไม่เลวนี่หว่า ลองเปลี่ยนใจดูมั้ย เผื่อจะชอบก็ได้”
“ไม่! ปล่อยกู กูขอร้อง ปล่อยกูไป กูขอร้องนะมึง อย่าทำอะไรกูเลย กูกลัวแล้ว กลัวแล้ว ไอ้เหี้ย” ภีมรพัฒน์ร้องไห้ทั้งน้ำตา ชายหนุ่มใจหายวาบเมื่อถูกกระชากขึ้นมา ริมฝีปากกำลังจะร่ำร้องอีกครั้ง ทว่ากลับโดนชายชุดดำพรางใบหน้าชกเข้ามาที่ตา
ร่างสูงล้มไปนอนกับพื้น ไม่มีเวลาได้หายใจทั่วท้อง ลำตัวของเขาก็ถูกเท้าอันแข็งแรงเตะเข้าที่ท้อง ภีมรพัฒน์รู้สึกจุก จุกจนพูดไม่ออก ทว่าไม่ทันได้ทำอะไรเท้าของไอ้โม่งก็กระหน่ำลงมาไม่ยั้ง
นาราพยายามอย่างยิ่งที่จะเปิดประตูรถออกไป ทว่ามือและเท้าของเธอนั่นถูกมัดจนแน่นสนิท หญิงสาวพยายามกระตุกเชือก ทว่าทำยังไงความแน่นของปมไม่สามารถคลายออกไปได้เลย
มัดแน่นอะไรแบบนี้นะ หญิงสาวโกรธจนน้ำตาไหล
ความกลัวหลั่งไหลเข้ามาในหัว เธอเห็น เห็นว่าโจรร้ายคลุมตัว เอาปืนจ่อหัวภีมรพัฒน์ราวกับจะทำอะไรบางอย่าง ทว่าตอนนี้หมอนั่นกลับหายไปแล้ว
“อื้อ” แล้วร่างสวยก็สะดุ้งเฮือกตอนประตูรถถูกกระชากออก ใจเธอสั่นระรัว ร่างกำยำใหญ่สันทัดอยู่ตรงประตู เพียงชั่วอึดใจเขาก็กระชากเธอเข้าไปใกล้
“อื้อ อ้วย อ้วย (ช่วยด้วย)” หญิงสาวเบิกตาโพลง ตะเบ็งสุดเสียง ร่างกายกลัวราวกับถูกกระชากวิญญาณออกไป เธอพยายามดิ้นเมื่อถูกรวบเข้าไปบนบ่าคนตัวสูง วินาทีนั้นความกลัวพุ่งเข้าแทรกในร่างกายอย่างจับจิต และทนทานความรู้สึกนั้นไม่ไหว บวกกับร่างกายอ่อนล้าจึงทำให้นาราสลบไป ทิ้งความกลัวไว้ราวกับเงาตามตัว
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง