“ทำไมฉันจะไม่อยากนั่ง ฉันไม่ได้รังเกียจอะไรแบบนี้หรอก แต่ฉันไม่อยากไปกับคุณ” เมื่อไหร่เขาจะรู้ตัวสักทีว่าเธอรังเกียจเขานั่นแหละ คนใจร้ายใจดำ!
“เหรองั้นค่อยโล่งใจหน่อย” สิงหราชยักไหล่ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาจับกุญแจสตาร์ทรถ ก่อนจะขับออกไปด้วยจังหวะกระชากกระชั้นเพื่ออยากแกล้งคนตัวเล็ก
“นี่ ขับเบาๆหน่อยสิ” นาราคุกรุ่นในใจ เธอแทบอยากกรีดร้องออกมา มือรีบกำสายเข็มขัดนิรภัยไว้ อยากจะหันไปด่า แต่เมื่อเห็นใบหน้าอารมณ์ดีของนายหัวของไร่แล้ว เธอก็ได้แต่เก็บอารมณ์ แช่งให้ตายในใจพอ ใช่ มีแต่เขานะที่ตาย ส่วนเธอจะรอดแล้วรอไปงานศพเขาทีเดียว!
“นายหัวสะหวัดดีเจ้า เชิญเจ้า (นายหัวสวัสดีค่ะ เชิญค่ะ)” ในตัวเมืองเชียงใหม่ สิงหราชจอดรถยังหน้าร้าน ‘อิ่มใจ’ ซึ่งเป็นร้านขายของฝากที่มีสินค้าจากไร่ของเขา ความจริงสินค้าจากของธรภูมิกระจายไปทั่วทุกจังหวัด และมักเป็นอันดับต้นๆที่คนเลือกซื้อ ซึ่งเขาจะมาตรวจร้านค้าพวกนี้ทุกๆหนึ่งเดือน
นาราเงยหน้ามองตึกอิฐแดงสองชั้นที่ด้านล่างเปิดเป็นร้านขายของฝาก ด้านบนเป็นร้านกาแฟ มาเป็นครั้งแรก แต่หญิงสาวก็รู้สึกชอบร้านนี้เข้าอย่างจัง ภายในร้านตกแต่งไปด้วยไม้เลื้อยและบอนสีต่างๆวางไว้ทุกมุม คล้ายกับป่าเวลาเดินเข้ามา ทว่ากลับไม่รุงรังเลย เพราะมันสะอาดสะอ้านราวกับทุกอย่างถูกห่อหุ้มด้วยพลาสติก
“สวัสดีเจ้า นายหัว” แม่ม่องเจ้าของร้านแห่งนี้เมื่อเห็นร่างสง่าผ่าเผยเดินเข้ามา เธอก็หยุดบทสนทนาที่คุยกับลูกน้องไว้ รีบเข้ามาหาเขาทันที
“ร้านเป็นยังไงบ้าง” นายหัวผู้เคร่งขรึมพยักหน้าน้อยๆ เดินเข้าไปด้านในร้าน คนที่อยู่ในร้านหันมองมาที่เขาเป็นตาเดียว ด้วยท่าทางดิบเถื่อน ใบหน้าหล่อเกินบรรยายทำให้คนสนใจได้ไม่ยาก อย่างเช่นหญิงสาวที่เดินลงมาจากชั้นสอง พอได้เห็นสิงหราชเธอก็รีบทัดผมไปด้านหลังด้วยความเขินอายทันที
ไม่เห็นจะหล่อตรงไหน
นาราบุ้ยปาก ถ้าผู้หญิงพวกนั้นมารู้ความร้ายกาจของเขานะ ไม่ค้านจะวิ่งหนีไป
“ขายม่วนขนาดเลย คนซื้อปะเลอะปะเต๋อ ส่วนหลายจะเป็นนักท่องเที่ยวเจ้า (ขายดีมากเลย คนซื้อเยอะ ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวค่ะ)” แม่ม่องตอบอย่างกระตือรือร้น เพียงเห็นสิงหราชเธอก็ดีใจ เพราะนายหัวคนนี้ทำให้เธอกินดีอยู่ดี ต่างจากที่เธอเป็นแม่ค้าตลาดนัดจนๆสมัยก่อน
“อืมดีแล้ว” สิงหราชพยักหน้า ดวงตาคมกวาดมองรายสินค้าในเชลล์ ก่อนจะพบว่ามันพร่องลงไปอย่างน่าพอใจ
“แล้วอยากให้เอาอะไรมาขายอีกมั้ย” ร่างสูงหันไปถามแม่ม่องที่กำลังเดินตามแผ่นหลังใหญ่อย่างยินดี
“แล้วแต่นายหัวเลยเจ้า ของที่มาจากไร่ธรภูมิ อะหยังกะเสี้ยงเจ้า ลูกค้ามักขนาด (แล้วแต่นายหัวเลยค่ะ ของที่มาจากไร่ธรภูมิ อะไรก็ดีหมด ลูกค้าชอบมาก)” เจ้าของร้านอิ่มใจยิ้มแป้น ไม่ว่าจะเอาอะไรมาขาย ของไร่ธรภูมิก็ขายดีทั้งนั้น ผู้คนรู้ว่าของที่มาจากไร่แห่งนี้คุณภาพดี
ว่าจบแม่ม่องก็หันไปมองหญิงสาวที่มากับนายหัวผู้น่าเกรงขามด้วย “เออ ว่าแต่อี่น้องนี่ แฟนนายหัวสิงก่อ (เอ่อ ว่าแต่น้องนี่ แฟนหายหัวสิงมั้ย)”
“ไม่ใช่ค่ะ เป็นคนงานเฉยๆ” นารารีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ มองยังไงว่าเธอเป็นแฟนกับคนหน้าโหดนี่ ไม่ได้เข้ากันเลย ทว่าเหมือนแม่ม่องไม่ฟังเลยสักนิด
“ป๊าด คืองามแต๊ งามว่า งามเนอะ ป้าก่ากึ๊ดว่าเป็นแฟนนายหัวเปิ้น (โห สวยมาก ป้าก็คิดว่าเป็นแฟนนายหัวเขา)”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ” นารายิ้มแห้งๆ กระอักกระอ่วนใจขึ้นมา ตาคมของนายหัวไร่ธรภูมิเหลือบมองทางเธอ แต่นาราทำไม่รู้ไม่สน เดินไปรอบๆร้านแทน ป้าเจ้าของร้านเดินตามเธอมาด้วย
“ร้านสวยจังเลยนะคะ” คนตัวเล็กชวนคุย นอกเหนือจากขนมที่เป็นของพื้นบ้านจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ยังมีบอนไซหลายชนิดที่ตั้งไว้ให้มองอย่างสบายใจ ร่มรื่นจริงๆ
“ใจ๊เจ้า แต่งเอง ไม้นี่ก่าเพาะไว้ที่สวนน่ะเจ้า งามแต๊ งามว่า(ใช่ค่ะ แต่งเอง ไม้นี่ก็เพาะไว้ที่สวนค่ะ สวยมากๆ” แม่ม่องยิ้มปริ่ม เห็นคนอื่นชมแบบนี้เธอก็ดีใจ
“เย็นมากเลยค่ะ มาบ่อยๆคงจะดี” นาราชมไม่หยุดปาก เสียดายอำเภอที่เธออยู่ค่อนข้างไกล ไม่อย่างนั้นเธอคงมานั่งที่นี่บ่อยๆ
“ข้างบนเป็นร้านกาแฟเจ้า(ข้างบนเป็นร้านกาแฟค่ะ)” เจ้าของร้านเหมือนนึกอะไรได้
“เดี๋ยวนะเจ้า เปิ้นกึ๊ดขึ้นได้ รอสักกำเดียว (เดี๋ยวนะคะ ฉันพึ่งคิดขึ้นได้ รอแป๊บหนึ่งนะคะ)”
แม่ม่องวิ่งไปยังชั้นบน นาราขมวดคิ้วมองตาม ไม่ถึงห้านาที เจ้าของร้านที่สวมชุดกระโปรงยาว เกล้าผมเป็นมวยก็วิ่งลงมา
“อะไรเหรอคะ” นาราถามตอนที่แม่ม่องยื่นชุดบางอย่างมาให้เธอ พิจารณาแล้วเป็นชุดชาวเขาเผ่าม้งที่เธอเคยเห็นชาวบ้านใส่กัน
“ชุดชาวบ้านเจ้า เปิ้นเอามาให้เฮาขาย มีหลายชุด เปิ้นเอาให้นายหัวกับอี่น้อง มีหลายไซส์ บ่ฮู้จะเม๊าะก่อ เปิ้นเลยอยากให้ตึงสองคนไปเปลี่ยนผ่อ (ชุดชาวบ้านค่ะ เขาเอามาให้ขาย มีหลายชุด เลยเอามาให้นายหัวกับน้องสาว แต่ไม่รู้ว่าจะพอดีมั้ย ฉันเลยอยากให้ทั้งสองไปเปลี่ยนดูค่ะ)” ว่าจบก็ยัดสองชุดนั้นใส่มือนารา คนตัวเล็กมองด้วยความสนใจ มองลวดลายหลากสีสันที่ถูกปักเป็นลายเรียงกันไป ชุดพวกนี้สวยก็จริงแต่...
“หนูไม่เอาหรอกค่ะ”
นาราโบกมือปฏิเสธ เพราะเธอรู้ว่าชุดเหล่านี้มีราคาพอสมควร ผ่านการถักทอมาอย่างดี แล้วเธอจะกล้าเอาของพวกเขาฟรีๆได้ยังไง
“ไม่เป็นไรค่ะ เอาให้แค่นายหัวเถอะ”
“บ่ได้กะ มากับนายหัวกะเต้าเป็นแขกของป้าด้วย ปะ ไป ไปซุบดู เชิญนายหัวเจ้า (ไม่ได้ค่ะ มากับนายหัวก็เป็นแขกของป้าด้วย ปะ ไป ไปสวมดู เชิญนายหัวค่ะ)” แม่ม่องยื่นมือไปทางนายหัวใหญ่ ก่อนจะมอบมันให้นารา นารามองคนตัวสูงแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะพยักหน้าให้เธอ บอกให้ไปเปลี่ยน
“คุณ” คนตัวเล็กเดินขึ้นมาบนบ้าน เห็นสิงหราชเปิดอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะไม้ริมระเบียงพอดี เธอเรียกเขาไว้ ในอกยังคงหนักใจไม่หาย “ถ้าจะมาพูดให้ไอ้พวกนั้นก็ออกไป” เสียงแข็งกร้าวตอบกลับมาราวกับรู้อยู่แล้ว ร่างบางถอนหายใจเฮือก เธอตัดสินใจเดินไปนั่งตรงหน้าเขา “ใช่ ฉันจะมาพูดเรื่องพวกเขา คุณไม่คิดว่าเกินไปหน่อยเหรอที่ไล่พวกเขาออกไปแบบนั้น นั่นไม่ต่างจากการทำให้พวกเขาไม่มีงานทำ พวกพี่เขาผิดฉันรู้ แต่พี่เขารู้ตัวจะให้อภัยกันไม่ได้เลยเหรอ” งานหายากมากนะ แล้วเธออยากให้เขาไตร่ตรองถึงความผิดคนงานให้ดีก่อนโดนไล่ออก ทว่าเขาคงไม่คิดแบบนั้น “คนผิดก็ต้องได้รับผิด ผิดครั้งแรกก็อาจมีครั้งที่สองได้ ฉันไม่ชอบให้ใครทำผิด โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้หน้าที่ตัวเอง” สิงหราชตอบอย่างไม่ใส่ใจ มือหนาพลิกเอกสารการเงินของไร่ไปเรื่อยๆ “แต่มันก็ผิดพลาดกันได้ ไล่เขาออกแบบนั้นเกินไปหรือเปล่า” นารายังไม่ยอมแพ้ เธออยากให้เขาเปิดใจคุยกับเธอ เธอสงสารคนพวกนั้นจริงๆ “หรือเธอจะให้ฉันให้พวกมันรับผิดชอบพันธุ์กล้าทั้งหมด” สิงหราชเงยหน้าขึ้นมา เอ่ยอย่างดูแคลน “ทั้งหมดหลายแส
“แต่นาคอยากไป” ทุกวันนี้เธอรับรู้ความเป็นไปในไร่แทบทุกเรื่องราว ความรู้เยอะมากๆแทบเป็นเจ้าของไร่ได้เลยประมาณนั้น เพราะแบบนี้นาราจึงซึมซับไม่รู้ตัว เธอห่วงต้นกล้าทุกต้นในไร่ไม่ต่างจากเขาเลย “ใส่ไว้” แล้วเขาก็จำยอม เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหัว ทำหญิงสาวชะงัก มองหมวกที่ถูกสวมทับลงมาบนหัวตัวเอง “มันร้อน” เขากล่าวเพียงเท่านั้น “ขอบคุณค่ะ” นาราได้เพียงเอ่ยคำนั้นเหมือนกัน ใบหน้าสวยพยายามซ่อนความเขินอายไว้ด้วยการก้มหน้าลง โดยไม่ให้ใครเห็น ใครจะคิดว่าเขาจะห่วงเธอถึงขั้นเอาหมวกให้ใส่ สิงหราชวันนี้ช่างน่ารักจริงๆ “เป็นอย่างนี้ได้ยังไง” เขาคำนวณความเสียหายมาแล้วว่าจะประมาณไหน ทว่าพอมาดูของจริงกลับพบว่ามูลค่าที่เสียหายไปนั้นมีมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พันธุ์กล้าที่ถูกเพาะและนำเข้าจากต่างประเทศ คำนวณเป็นเงินหลายแสนบาทที่เสียหายไป เหลือไว้เพียงต้นดาวเรืองเล็กๆให้ดูต่างหน้า กล้า กล้ามากจริงๆที่ทำแบบนี้ “เมื่อคืนใครเฝ้ายาม” เสียงเข้มเอ่ยถามด้วยความเยือกเย็น นัยน์ตาคมกร้าวกราดมองทุกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าเพียงได้ยินเส
“พี่คิดถึงเรานะ ไปเยี่ยมยายบ้างสิ ยายก็คิดถึงเรา” เอ่ยกับนาราทว่าตามองไปทางอื่น “ค่ะ” คนน้องพยักหน้า เธอมองที่เหมียวก่อนมองที่สิงหราช ตอนนี้ชายหนุ่มหน้านิ่งเหมือนเบื่อหน่ายเต็มทน ซึ่งเธอก็เบื่อเหมือนกัน “งั้นนาคไปทำธุระก่อนนะคะ แล้วเจอกันค่ะ” เพราะแบบนั้นจึงไม่รอช้าที่จะผละออกไป เหมียวยังคงยิ้มแย้ม เธอมองสิงหราชไม่วางตา “แล้วเจอกันค่ะคุณสิง” นาราได้แต่มองบนทั้งๆที่เธอเป็นคนพูดกลับเอ่ยกับใครอีกคน ด้วยความหงุดหงิดใจเธอจึงเดินนำไปที่รถ มาถึงหญิงสาวก็บ่นปากขมุบขมิบทันที คนตอแหล ถ้าเจอเธอเมื่อก่อนนะ ลูกป้าธัญญาไม่มีวันทักเธอหรอก เพราะเธออายที่มีญาติแบบนารา คนที่ตกงานทำงานสวนงกๆ แถมยังมีข่าวลือเป็นนางบำเรอของคนอื่น “นี่คุณ” หลังจากหงุดหงิดใจไม่นาน นารากลับต้องแปลกใจไม่อยากเชื่อว่าสิงหราชจะพาเธอมาวัด ชายหนุ่มดูไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ ไม่มีร่องรอยความเชื่อเรื่องศาสนาในตัวเขา ราวกับว่าสิงหราชเอาตนเป็นที่ตั้งเพียงอย่างเดียว แต่เขากลับพาเธอมา วัดเจดีย์หลวงแห่งนี้เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้
นาราหันกลับมามองแม่ม่องที่รอคอยเธออย่างใจจดใจจ่อราวกับอยากมอบชุดนี้ให้เต็มที เพราะแบบนั้นหญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนสิงหราชเดินไปที่ห้องข้างๆ “ไม่ต่างจากชุดคู่เลย” นาราเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมกับสิงหราชที่ออกมาจากห้องหนึ่ง เราทั้งสองสบตากัน “ปาด สมกันขนาด งามแต๊ งามว่าตึงคู่เจ้า (โห เหมาะกันมากเลย สวยทั้งคู่ค่ะ)” สาวสวยหนุ่มหล่อในชุดชาวเขาช่างเหมาะกันเหลือเกิน เจ้าของร้านของฝากปรบมือด้วยความปลื้มปริ่ม “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ” นารายังคงปฏิเสธหลีกเลี่ยงจากเรื่องพวกนี้ให้ได้ เพราะเธอไม่ได้คิดแบบนั้น สาวที่เหมาะกับสิงหราชคงเป็นเจ้าของบริษัทจัดเลี้ยงนู้นไม่ใช่เธอหรอก แต่อย่างที่บอก ไม่ว่าจะพูดอะไรไป แม่ม่องก็ยังไม่สนใจคำพูดเธออยู่ดี หญิงเจ้าของร้านหันไปเรียกพนักงานของตน “จิ้ม มาถ่ายรูปให้นายหัว ยื่นข้างกันเลยเจ้า” จากนั้นก็จัดแจงให้เธอยืนข้างนายหัวสิง นาราถอนหายใจออกมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเขาโอบรอบเอวเธอให้เข้าไปชิด พอเธอจะหันไปโวยวาย ใบหน้าของเขาก็ขยับให้เธอมองไปทางกล้อง นาราเงียบไป ยืนนิ่งแต่โดยดี เธอโดนบังคับหรอก
“ทำไมฉันจะไม่อยากนั่ง ฉันไม่ได้รังเกียจอะไรแบบนี้หรอก แต่ฉันไม่อยากไปกับคุณ” เมื่อไหร่เขาจะรู้ตัวสักทีว่าเธอรังเกียจเขานั่นแหละ คนใจร้ายใจดำ! “เหรองั้นค่อยโล่งใจหน่อย” สิงหราชยักไหล่ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เขาจับกุญแจสตาร์ทรถ ก่อนจะขับออกไปด้วยจังหวะกระชากกระชั้นเพื่ออยากแกล้งคนตัวเล็ก “นี่ ขับเบาๆหน่อยสิ” นาราคุกรุ่นในใจ เธอแทบอยากกรีดร้องออกมา มือรีบกำสายเข็มขัดนิรภัยไว้ อยากจะหันไปด่า แต่เมื่อเห็นใบหน้าอารมณ์ดีของนายหัวของไร่แล้ว เธอก็ได้แต่เก็บอารมณ์ แช่งให้ตายในใจพอ ใช่ มีแต่เขานะที่ตาย ส่วนเธอจะรอดแล้วรอไปงานศพเขาทีเดียว! “นายหัวสะหวัดดีเจ้า เชิญเจ้า (นายหัวสวัสดีค่ะ เชิญค่ะ)” ในตัวเมืองเชียงใหม่ สิงหราชจอดรถยังหน้าร้าน ‘อิ่มใจ’ ซึ่งเป็นร้านขายของฝากที่มีสินค้าจากไร่ของเขา ความจริงสินค้าจากของธรภูมิกระจายไปทั่วทุกจังหวัด และมักเป็นอันดับต้นๆที่คนเลือกซื้อ ซึ่งเขาจะมาตรวจร้านค้าพวกนี้ทุกๆหนึ่งเดือน นาราเงยหน้ามองตึกอิฐแดงสองชั้นที่ด้านล่างเปิดเป็นร้านขายของฝาก ด้านบนเป็นร้านกาแฟ มาเป็นครั้งแรก แต่หญิงสาวก็รู้สึกชอบร้านนี้เข้า
ดูเหมือนนาราจะป่วยตายจริงๆ เธอนอนไปสามชั่วโมงติดก่อนจะตื่นขึ้นมาตอนบ่าย ด้วยความมึนหัวอย่างหนักหญิงสาวจึงจะลงจากเตียงเพื่อไปยังห้องน้ำ จะได้ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย ทว่าร่างกายเธอต้องแข็งทื่อเมื่อเห็นอีกคนเปิดประตูเข้ามา “เข้ามาทำไม ออกไป” ความโกรธปะทุอย่างรุนแรง เธอยังไม่ลืมว่าเขาทำอะไรไว้ เมื่อคืนเธอร้องไห้ แทบขาดใจตรงหน้าเขา แต่เขาเห็นใจกันบ้างมั้ย “ปล่อยนะ ไม่ต้องมาแตะตัวฉัน” ปัดมือใหญ่ออกยามสิงหราชทำท่าจะเข้ามาจับมือกัน เธอถอยไปด้านหลังทำหน้ารังเกียจเต็มทน “อยู่ที่นี่ห้ามไปไหน อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอออกไปเพ่นพ่านข้างนอก ไม่อย่างนั้น ฉันจะลงโทษเธอ” สิงหราชยังทำหน้าเรียบเย็น เขาใช้โอกาสตอนที่เธอเผลออังหลังมือกับหน้าผาก นาราเบิกตากว้าง พร้อมกลับถอยร่นไปหัวเตียง “คุณไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวฉัน” เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ทว่าชายหนุ่มไม่สนใจกันเลย เขาส่ายหัวน้อยๆเหมือนเธอเป็นเด็ก ก่อนจะหันหลังเดินออกไป ตุบ นาราไม่ปล่อยให้โอกาสแก้แค้นสูญเปล่า เธอคว้าของบางอย่างบนหัวเตียงปาใส่เขา โคมไฟหัวเ
หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วเบา หมดแรง ราวกับอยากหายไปจากโลกนี้ “ฉันจะไปจากคุณแน่... จะไม่ปล่อยให้คุณทำร้ายฉันแบบนี้หรอก” เธอสัญญาถ้ามีโอกาสหนี จะหนีสุดชีวิต “ได้ยินมั้ย นาคจะไปจากคุณ” “จะไปจากฉันงั้นเหรอ” ราวกับสิงหราชถูกทุบด้วยค้อนปอนด์หนักๆ เขาหยุดการกระทำทุกอย่างลง มองไปที่คนตัวเล็กราวมัจจุราชตนหนึ่งกำลังปลิวชีวิตเหยื่อของตน เอ่ยถามซ้ำ “เธอว่ายังไงนะ” นาราแสยะยิ้มเยือกเย็นไม่ต่างกัน “ฉันบอกว่าจะไปจากคุณ จะไม่อยู่ที่นี่แล้ว จะหนีออกนอกประเทศไปเลย จะไม่ให้คุณเห็นหน้าอีก จะไม่ยอมคุยกับคุณ จะเห็นคุณเป็นอากาศธาตุ เป็นสิ่งไร้ค่าในชีวิตฉัน” เก่งขนาดนั้นเลย สิงหาราชเหยียดยิ้มเย็น ก้มหน้าลงไปชิดกับใบหน้าสวย ปลายจมูกชนกัน แต่ถ้าเก่งแบบนั้น “ก็ลองดู” ตับ ตับ ตับ ชายหนุ่มปลดกางเกงตัวเองออก สอดตัวตนเข้าไปด้านในคนตัวเล็กอย่างไม่กลัวว่าอีกคนจะรู้สึกเจ็บ สติของเขาตอนนี้ได้หายไปแล้ว เพียงได้ยินนาราบอกว่าจะไปจากกัน ชายหนุ่มรู้สึกราวกับเป็นหมาบ้า กลายร่าง และกำลังฉุดกระชากเธอลงนรกด้วยกัน
คนในชุดดำถอนหายใจออกมา คนหลับไปแล้วคงไม่รู้ว่าตอนนี้มือใหญ่สั่นขนาดไหน ทว่าเจ้าของไร่ธรภูมิก็ยังประคองสติได้ดี สองขายาวพาคนหมดสติเดินไปที่รถกระทะเก่าๆที่ตอนนี้ยับเยินเพราะถูกชน มันยังคงใช้การได้ รถคันนี้เป็นรถที่สิงหราชรักมากที่สุด แต่ตอนนี้กลับพังซะแล้ว... นาราสลบไปไม่ถึงชั่วโมงหญิงสาวก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาใหม่ เพียงจำได้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอนั่นเลวร้ายขนาดไหนคนตัวเล็กก็ถึงกลับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ก่อนที่จะร้องไห้ เธอสังเกตว่าห้องที่เธออยู่ตอนนี้คุ้นเคยเพียงหลับตาก็รู้ มันเป็นห้องของสิงหราช เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อยังรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ยังอยู่ภายใน ถึงจะลดน้อยลงไปบ้าง ทว่าฤทธิ์ยาเหล่านั้นก็ยังทรมานเธออยู่ดี นารารู้ว่าถ้าเธอยังอยู่ตรงนี้ สิงหราชจะตามมาลงโทษเธออย่างแน่นอน เพราะแบบนั้นคนตัวเล็กจึงขยับกายลงจากเตียง ดีที่ตอนนี้ร่างกายเธอไม่ได้ถูกพันธนาการไว้แล้ว ทว่าลงมาได้เพียงก้าวเดียวนารากลับต้องตกใจและกลับขึ้นไปบนเตียงใหม่เมื่อประตูถูกเปิดออก ปรากฏร่างใหญ่ผู้เป็นที่เกรงขามของไร่แห่งนี้ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ความกลัวเ
ความเย็นที่สัมผัสกลางกระหม่อม กับเสียงที่คล้ายว่าเหมือนอาวุธปืนในยามลั่นไก พลันให้ชายหนุ่มเงียบลง ภีมรพัฒน์ตัวแข็งทื่อ ใจเต้นรัวเร็วราวกองโดนตีกระหน่ำ สองขาของเขาขยับไปด้านหลัง และวินาทีนั้นเองที่แผ่นหลังก็ปะทะเข้ากับอกของใครสักคน “กูมาแล้ว” เสียงเหยียบเย็นเอ่ยขึ้น เขาไม่รู้ว่าเสียงใครถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ ชายหนุ่มขนลุกไปทั้งกาย ไม่แน่ใจว่านี่เป็นจี้ปล้นหรือเปล่า หรือว่ามันต้องการอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆเขากลัว “มึงต้องการอะไรว่ามา” แต่ถึงจะกลัวทว่าเขาไม่ใช่พวกยอมจำนนต่อเหตุการณ์ง่ายๆ แม้ไอ้โม่งด้านหลังทำเขาเกือบฉี่ราดก็เถอะ “ผู้หญิงบนรถมึง” เสียงไอ้ด้านหลังเอ่ยอย่างธรรมดาราบเรียบแต่ภีมรพัฒน์ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน วันนี้เขาอุตส่าห์วางแผนอย่างยากลำบากให้ได้นารามา กลับต้องมาเสียให้ไอ้โจรหน้าด้านชุบมือเปิบนี่เหรอ บอกตามตรงว่ารู้สึกโกรธไม่น้อย และความขุ่นเคืองราวกับเปลวเพลิงนั้นลุกไหม้ขึ้นไปอีก เมื่อคิดว่าคนที่เขาแอบชอบมาตลอดกำลังจะตกไปถึงไอ้โม่งนี่ แต่ไม่เอาน่า เราคุยกันได้นี่ เพราะแบบนั้นเขาจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ที่จะได้รับมาอย่างแน่