ดูเหมือนนาราจะป่วยตายจริงๆ เธอนอนไปสามชั่วโมงติดก่อนจะตื่นขึ้นมาตอนบ่าย ด้วยความมึนหัวอย่างหนักหญิงสาวจึงจะลงจากเตียงเพื่อไปยังห้องน้ำ จะได้ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย ทว่าร่างกายเธอต้องแข็งทื่อเมื่อเห็นอีกคนเปิดประตูเข้ามา
“เข้ามาทำไม ออกไป” ความโกรธปะทุอย่างรุนแรง เธอยังไม่ลืมว่าเขาทำอะไรไว้ เมื่อคืนเธอร้องไห้ แทบขาดใจตรงหน้าเขา แต่เขาเห็นใจกันบ้างมั้ย
“ปล่อยนะ ไม่ต้องมาแตะตัวฉัน” ปัดมือใหญ่ออกยามสิงหราชทำท่าจะเข้ามาจับมือกัน เธอถอยไปด้านหลังทำหน้ารังเกียจเต็มทน
“อยู่ที่นี่ห้ามไปไหน อย่าให้ฉันเห็นว่าเธอออกไปเพ่นพ่านข้างนอก ไม่อย่างนั้น ฉันจะลงโทษเธอ” สิงหราชยังทำหน้าเรียบเย็น เขาใช้โอกาสตอนที่เธอเผลออังหลังมือกับหน้าผาก นาราเบิกตากว้าง พร้อมกลับถอยร่นไปหัวเตียง
“คุณไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวฉัน” เสียงหวานเอ่ยออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ทว่าชายหนุ่มไม่สนใจกันเลย เขาส่ายหัวน้อยๆเหมือนเธอเป็นเด็ก ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ตุบ
นาราไม่ปล่อยให้โอกาสแก้แค้นสูญเปล่า เธอคว้าของบางอย่างบนหัวเตียงปาใส่เขา
โคมไฟหัวเตียงลอยไปปะทะแผ่นหลังกว้าง มันตกกระจายแตกบนพื้น ด้วยความที่คนโดนน่าจะเจ็บมากทีเดียว เขาจึงหันกลับมา นาราแสยะยิ้ม เธอไม่ยอมเขาอีกแล้ว
“คิดว่าขู่กันแล้วจะกลัวหรือไง ฉันไม่กลัวคนอย่างคุณหรอก แน่จริงก็ฆ่าฉันให้ตายเลยสิ คุณจะได้พอใจสักที” ฆ่าเธอให้ตายไปเลย เขาจะได้ไม่อารมณ์เสีย ทว่าเธอตะเบ็งเสียงขนาดนี้ เขาก็ยังทำท่าไม่สนใจ ชายหนุ่มหันไปด้านหลัง เอ่ยเสียงราบเรียบดังเดิม
“เก็บกวาดด้วย อย่าให้เป็นภาระป้านงรัก”
คนตัวเล็กหน้าซีด ร่ำร้องในใจ นะ นี่ เขาเมินเธอเหรอ ทั้งๆที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้แท้ๆ
“ไม่อยากให้ห้องรกก็เก็บเองสิ แต่ถ้าคุณยังขังฉันเอาไว้ ฉันจะพังของในนี้ให้หมดเลย เอาให้พังจนซ่อมใหม่ไม่ได้!” นาราโวยวายเสียงดัง ทว่าร่างสูงเดินหนีไปแล้ว เธอได้แต่ตะโกนตามหลัง
“ได้ยินมั้ย ฉันจะพังของให้หมดเลยนะ โซฟาหลุยส์ของคุณด้วย ฉันจะกรีดให้ขาด ได้ยินมั้ย ได้ยินมั้ยนายหัวบ้ากาม!
หญิงสาวกลับมาหายใจด้วยความหอบเหนื่อยอีกครั้ง เธออยากจะกรีดร้องออกมาจริงๆ ทำไมเขาถึงได้หน้าตายขนาดนี้ ใช่ ตอนนี้นารากำลังเหมือนคนเป็นไบโพลาร์ แต่เขานั่นแหละที่ทำให้เธอเป็น!
คนตัวเล็กได้แต่หายใจฟึดฟัด ทว่าในตอนนั้นที่เผลอมองไปยังพื้นที่เต็มไปด้วยเศษการแตกละเอียดของโคมไฟ อยู่ๆสำนึกส่วนดีก็ทำงานขึ้นมา
“ก็ได้ เก็บก็ได้”
คนตัวเล็กบ่นออกมาเบาๆ สุดท้ายก็ยอมจำนน ที่ทำแบบนี้เพราะเธอไม่อยากให้ป้านงรักมาลำบากด้วยเฉยๆหรอก ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำ แต่สุดท้ายนาราก็ยอมเก็บกวาดอยู่ดี เพราะไม่อยากให้คนอื่นมาลำบากเพราะอารมณ์ของเธอเอง
“ไม่ไป บอกว่าไม่ไปไง” คนตัวเล็กจับมือใหญ่ออก หยิกมือที่กำลังกุมมือเธอแน่น ทว่าเขาไม่สนใจร่างสูงพาเธอเดินออกมา หรือเรียกง่ายๆว่าลาก ลากจนเธอและเขามายืนหน้าบ้านหลังใหญ่อย่างหน้าไม่อาย
“เกิดอะไรขึ้นคะ” ได้ยินเสียงโวยวาย นงรักจึงรีบวิ่งมา ทว่าพอมาถึงกลับเห็นนายหัวใหญ่ของไร่กุมมือหญิงสาวแน่น โดยที่คนตัวเล็กไม่ยอมพยายามแกะมือใหญ่ออก อ้อ ที่แท้ก็ปัญหาเรื่องหัวใจนี่เอง นงรักยิ้มกริ่มในใจ
“ป้านงช่วยด้วยค่ะ นายหัวจะลักพาตัวหนู” นารารีบหันไปฟ้อง หวังว่าจะช่วยเตือนนายใหญ่บ้าอำนาจนี่ด้วย มีอย่างที่ไหน ปลุกเธอ แต่งตัวเสร็จก็ลากลงมา จะไปไหนก็ไม่บอก ไม่ให้โกรธได้ไง อีกอย่าง เมื่อไหร่เขาจะปล่อยเธอกลับไปนอนที่ห้อง
“เอ่อ ลักพาตะ ตัว” นงรักเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ เธอไม่เชื่อว่าสิงหราชจะลักพาตัวใคร แล้วในตอนนั้นเองที่คนตัวใหญ่ที่ยืนหน้านิ่งทว่ามือเหนียวยิ่งกว่ากาวเอ่ยบอก
“จะพาผู้หญิงคนนี้ไปดูร้านในเมืองน่ะครับ”
นงรักโล่งใจขึ้นทันตา “อ้อ ไปตรวจร้านนั่นเอง ไปเถอะค่ะหนูนาค ได้ไปเที่ยวด้วยอยู่แต่ในไร่ ผอมหมดแล้ว”
“แต่หนูไม่ไป!” นารายังคงไม่อยากไป ทำไมเธอต้องไปกับเขาด้วย งานในไร่ก็มี เดี๋ยวนี้สิงหราชมักทำตัวแปลกๆ โยนงานอะไรให้เธอก็ไม่รู้ แทบครอบคลุมงานในไร่แล้ว บางวันก็ให้เธอตรวจบัญชี นาราอยากจะบ้า มันใช่เรื่องมั้ยที่เธอต้องมารู้ข้อมูลลับของไร่ เกิดรั่วไหลออกไป เขาได้ฆ่าเธอตายพอดี หญิงสาวยังไม่ยอม “นี่บอกว่าไม่ไปไง” ทว่าเขาไม่ยอมฟังกันเลย สิงหราชลากเธอไปที่รถกระบะคันเก่าที่เขาชอบขับไปไหนมาไหน ซึ่งเธอไม่เข้าใจ ว่าเขาจอดรถคันละเป็นล้านไว้ที่บ้านทำไม“ทำไม หรือเธอไม่อยากนั่งกระบะเก่าๆ” พอลากเธอขึ้นมาในรถ ก็ยังไม่วายพูดจาเสียดสีกันอยู่ นาราหันไปด้วยความโกรธ
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง