ดวงดาว Part
ฉันมองไปทางประตูที่ถูกเปิดออกแว๊บแรกที่เห็นเขาเดินเข้ามาฉันยอมรับว่าตกใจมาก ฉันไม่เคยคิดเลยว่าบริษัทใหญ่โตที่ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้จะมาจากมือของผู้บริหารที่ยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้ ก่อนที่ฉันจะมาสมัครงานที่นี่นั้นฉันก็ได้ลองหาข้อมูลของบริษัทนี้มาแล้วเหมือนกันนะแต่ว่ารูปของประธานบริษัทในเว็บไซต์มันไม่ใช่เขาหนิ ฉันมองเขาแบบนั้นอยู่นานเพราะฉันรู้สึกแปลกใจมาก ไม่คิดเลยว่าคนเรามันจะเพอร์เฟคได้ขนาดนี้ เขาทั้งสูง ทั้งหล่อแถมยังร่ำรวยติดอันดับของประเทศด้วยไม่รู้เลยว่าชาติที่แล้วเจาทำบุญด้วยอะไร "ทิชชู่หน่อยไหม" เสียงทุ้มต่ำที่มีเสน่ห์ของเขาทำให้ฉันหลุดออกจากพะวัง ตายจริงในใจเขาต้องคิดว่าฉันทำตัวไม่เหมาะสมแน่เลย "คะ?" "ก็คุณมองผมจนตาเยิ้มหมดละ คงไม่ได้กำลังสนใจผมอยู่ใช่ไหม" คำตอบของเขาทำเอาฉันแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี นี่ฉันจ้องเขาขนาดนั้นเลยหรอเนี่ยแต่ว่าคนอะไรหลงตัวเองจัง เขาแสยะยิ้มใส่ฉันทีนึงแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานฉันเลยรีบเดินตามเขาไป "สวัสดีค่ะ" ฉันรีบพูดเพื่อจะแนะนำตัวให้เขารู้จัก เขาเองก็เงยหน้าขึ้นมามองฉันทันที "ดิฉันชื่อดวงดาว ขจรวิทย์ ค่ะท่านประธานจะเรียกว่าดาวเฉย ๆ ก็ได้นะคะดิฉันมาทำงานที่นี่เป็นวันแรกค่ะ ขอบคุณที่เลือกดิฉันนะคะดิฉันจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดค่ะ" "ไม่ต้องพิธีรีตองขนาดนั้นก็ได้แล้วก็คุยกัันแบบธรรมดาเถอะไม่ต้องมาดิชงดิฉันอะไรผมไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้นและในเมื่อผมเลือกคุณแล้วผมก็หวังว่าคุณจะทำได้งานให้ผมอย่างเต็มที่เหมือนที่คุณพูดก็นะ" ก๊อก ก๊อก ก๊อก "ขออนุญาตครับท่านประธาน" เสียงผู้ชายคนนึงตะโกน "เข้ามา" ท่าทางสุภาพเรียบร้อยแต่งตัวสะอาดสะอ้านดูจากหน้าตาแล้วคนนี้อายุน่าจะพอ ๆ กับฉันนะ "กาแฟครับท่านประธาน" เขาพูดแล้วเดินเอาถ้วยกาแฟมาวางบนโต๊ะของท่านประธาน "นี่คุณชัชนะเป็นคนสนิทของผม ถ้าคุณมีอะไรสงสัยก็ถามเขาได้เลยตอนนี้เขาทำหน้าที่รักษาการแทนคุณอยู่...คุณชัชเดี๋ยววันนี้คุณส่งมอบงานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเอกสาร ตารางนัด ตารางประชุมรวมถึงสัญญาเงินกู้ของพวกลูกหนี้ที่ผมต้องเซ็นต์ในวันนี้ให้กับ..." ท่านประธานหันหน้ามามองฉันด้วยสายตาแปลกๆ "คุณเลขาคนใหม่ของผมด้วย" ท่านประธานพูดต่อหลังจากมองหน้าฉันอยู่แปปนึงด้วยน้ำเสียงนิ่งทุ้ม ทำเอาฉันรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวเลยสายตาเมื่อกี้ของเขาที่มองมาที่ฉันมันดูทีเล่นทีจริงมากไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่ชอบมาพากลเท่าไหร่ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเขาต้องการอะไรหรืออยากจะทดสอบอะไรกับฉันกันแน่ "ได้ครับท่านประธาน" "คุณออกไปก่อนเถอะผมมีอะไรจะคุยกับเธอสักหน่อย" "ครับท่านประธาน" คุณชัชตอบแล้วก็เดินออกไป "คุณนั่งลงก่อนสิ" ฉันเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา "คุณอายุเท่าไหร่" "24 ค่ะ" ฉันตอบออกไปแม้ในใจจะรู้สึกงง ๆ อยู่ว่าเขาถามทำไมเพราะตอนนี้ในมือของเขาเองก็กำลังเปิดอ่านเรซูเม่ของฉันอยู่แท้ ๆ "คุณมีกระดาษกับปากกาไหม" "เอ่อ...มีค่ะ" ฉันตอบแล้วฉันเปิดกระเป๋าหยิบกระดาษโพสอิทกับปากกาขึ้นมา เขามองแล้วก็พยักหน้าให้ฉันทีนึงเหมือนพอใจมาก "ข้อที่ 1 ผมต้องดื่มกาแฟทุกวัน วันละ 2 แก้วซึ่งแก้วแรกผมจะดื่มก่อนเริ่มงานดังนั้นคุณมีหน้าที่นำกาแฟมาเสิร์ฟให้ผมก่อนที่ผมเริ่มงานและห้ามเสิร์ฟช้าเกิน 10 นาทีหลังจากที่ผมมาถึงโต๊ะทำงานแล้ว โดยกาแฟแก้วแรกที่ผมจะดื่มคืออเมริกาโน่ร้อนเท่านั้นส่วนกาแฟแก้วที่สองที่ผมจะดื่มมีส่วนผสมคือ Espresso 2 ช็อต น้ำตาล 1 ช้อนชาและนมสด 1 ออนซ์ใส่น้ำแข็งแค่ครึ่งแก้วพร้อมด้วยโครนัทคัสตาร์ดครีมราดซอสเบอร์รี่จากร้าน xxx ต้องเสิร์ฟพร้อมกันตอนบ่ายโมงตรง คุณจะออกไปซื้อเองหรือกดสั่งเอาก็ได้แล้วแต่คุณเลยเดี๋ยวผมจะให้เงินไว้เป็นรายสัปดาห์ก็แล้วกันแต่จำไว้ด้วยว่าเรื่องส่วนผสมกาแฟของผมคุณห้ามพลาดเด็ดขาดและกาแฟทั้งสองแก้วนี้คุณจะต้องเป็นคนชงเองที่ห้องกาแฟของบริษัทเท่านั้น ใช้ห้องกาแฟของชั้นนี้แหละปกติมีแค่ผมกับคุณชัชใช้กันแค่สองคนถ้าคุณอยากดื่มอยากทานอะไรก็ไปใช้ได้เลย ทานได้ทุกอย่างไม่ต้องเกรงใจเดี๋ยวจะมีคนคอยไปเติมของเอง" ฉันพยักหน้าตอบรับและรีบจดให้ทันตามที่เขาพูด "ข้อที่ 2 ทุกครั้งที่มีคนขึ้นมาหาผมคุณจะต้องถามเขาว่าเขาชื่ออะไร มาจากแผนกไหนแล้วมีธุระอะไรกับผมเพื่อนำเข้ามารายงานผมในห้องก่อนเสมอและผมจะเป็นคนบอกเองว่าให้เข้ามาได้หรือไม่ ข้อที่ 3 เวลาของผมมีค่ามากห้ามคุณสายหรือขาดโดยที่ไม่ได้ผมบอกล่วงหน้ายกเว้นกรณีที่คุณมีเรื่องฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้นที่ผมจะสามารถอนุโลมให้ได้" เขาจ้องหน้าฉันอยู่ฉันตลอดเวลาเลยฉันรู้สึกได้แม้ว่าฉันจะไม่ได้เงยขึ้นมาเลยก็ตาม "คุณมีแฟนหรือยัง" อยู่ดีๆ ท่านประธานก็ถามขึ้นมาเฉยเลย "ฮะ? เอ่อ ยังค่ะ" "ดีมาก เพราะกฏข้อที่ 4 ของผมคือผมไม่อนุญาตให้พนักงานคนสนิทมีแฟน" "คะ?" ฉันอุทานออกมาด้วยความสงสัย "อะไรนะคะ? " ฉันถามย้ำอีกครั้งเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเขาพูดแบบนั้นจริงไหมเพราะนั่นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับงานของฉันเลยหนิทำไมฉันถึงไม่สามารมีแฟนได้ "ก็...อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละงานของผมมีเยอะมากเนื่องจากผมพึ่งมารับช่วงต่อจากคุณพ่อได้แค่ 2 เดือนกว่า ๆ ดังนั้นมันผมเลยต้องใช้เวลาทุ่มเทกับมันมากหน่อย...ถ้าคุณมีแฟนตอนนีิผมกลัวว่าคุณจะไม่ค่อยมีสมาธิกับการทำงานเพราะถ้าคุณมีแฟนแล้วคุณก็คงต้องเอาเวลา สมาธิส่วนใหญ่ไปจดจ่อกับแฟนคุณแล้วถ้าเกิดวันนึงคุณหมด Passion กับการทำงานแล้วเพราะอยากไปใช้ชีวิตกับแฟน อยากแต่งงานมีลูกมีครอบครัวด้วยกันขึ้นมาถึงตอนนั้นคนที่เดือดร้อนก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นผมเนี่ยแหละที่จะต้องหาคนมาทำงานแทนคุณ แล้วกว่าผมจะฝึกให้เขาทำงานได้เก่ง ๆ มันก็ใช้เวลาค่อนข้างนานใช่ไหมล่ะ...ผมหวังว่าคุณคงเข้าใจผมนะ...เพราะงั้นผมขอจะเวลาคุณแค่ 2 ปีให้งานผมมันอยู่ตัวก่อนแล้วหลังจากนั้นก็...ก็ค่อยแล้วแต่คุณเลย" ตอนนี้คิ้วฉันแทบจะผูกติดกันอยู่แล้วถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจตรรกะของเขาเท่าไรืแต่ก็คงต้องตอบไปว่าเข้าใจแหละ "ค่ะ..." ฉันตอบพร้อมกับพยักหน้ารับทราบ "แล้วสรุปคุณไม่มีแฟนจริง ๆ เหรอ "จริงค่ะ แต่ท่านประธานไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกนะคะเพราะดาวแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ค่ะ ดาวจะไม่มีทางให้เรื่องพวกนี้มีผลกระทบต่อการทำงานของดาวแน่นอน" "ก็ดีขอให้คุณตั้งใจทำงานละส่วนพวกกฏเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เหลือคุณชัชเขาจะเป็นคนบอกคุณเอง...คุณออกไปได้ละ" "คะ? ค่ะท่านประธาน" "เดี๋ยว!" ฉันจึงหยุดแล้วนั่งลงเหมือนเดิม "ท่านประธานมีอะไรหรือเปล่าคะ" "งานแรกที่ผมจะให้คุณทำก็คือ...ผมขอสั่งให้คุณเลิกเรียกผมว่าท่านประธานตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป" ฉันมองเขาด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงเรียกท่านประธานไม่ได้ก็ในเมื่อเมื่อกี้คุณชัชยังเรียกเขาว่าท่านประธานอยู่เลย "คือ...มันฟังดูแก่เกินไปน่ะ ผมอายุแค่ 28 เองนะคุณเรียกผมแบบนั้นผมว่าไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่" มันจะไม่เหมาะได้ไงก็เขาเป็นประธานบริษัทจริงๆ หนิมันไม่เห็นดูแก่ตรงไหนเลยอีกอย่างมันดูมีอำนาจดูมีบารมีมากกว่าซะอีก "แต่...ทุกคนที่นี่ก็เรียกท่านประธานว่าท่านประธานไม่ใช่เหรอคะ" "ก็พวกเขาชินกันหมดแล้วไง เขาเรียกแบบนั้นมาตั้งแต่สมัยที่พ่อผมบริหารแล้วจะให้แก้ตอนนี้ก็คงยาก" "แล้วจะให้ดาวเรียกท่านประธานว่าอะไรละคะ" "ทศ...ผมชื่อทศราช" เขามองจ้องมาที่ฉันก่อนจะตอบ "ได้ค่ะ...คุณทศ" "งั้นดาวขอตัวก่อนนะคะ" ฉันพูดแล้วลุกขึ้นก้มหัวให้เขาทีนึงก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไป ออกมาเห็นคุณชัชกำลังจัดแฟ้มเอกสารกองโตอยู่ "อ้าว~ คุณเลขามาพอดีเลยครับ" เขายกเอกสารแล้วเดินมาวางไว้ที่โต๊ะฝั่งขวา "นี่ครับเอกสารที่ท่านประธานบอก คุณเลขาลองอ่านดูนะครับ" เขาพูดเอียงตัวไปหยิบแฟ้มที่เหลือมาวางไว้รวมกัน "ส่วนนี่คือตารางงานประชุมกับตารางนัดลูกค้าของท่านประธานครับ คุณเลขาดูตารางแล้วจัดเอกสารตามนี้เลยนะครับ" "ได้ค่ะ นี่โต๊ะทำงานของดาวหรอคะ" "ใช่แล้วครับ" "ขอบคุณมากนะคะ" "คุณเลขาต้องจัดให้ตรงและถูกต้องนะครับห้ามผิด! ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยไม่งั้นท่านประธานจะโกรธคุณเลขามาก ๆ ท่านประธานเป็นคนที่เกลียดการมีข้อผิดพลาดที่สุดเลย" คุณชัชพูดย้ำด้วยสีหน้าจริงจังสุดๆ "เข้าใจแล้วค่ะ...เอ่อ...คุณชัชเรียกดาวว่าดาวเฉย ๆ ก็ได้นะคะต้องทำงานด้วยกันแบบนี้เรียกคุณเลขาฟังดูห่างเหินยังไงไม่รู้" "อ๋อ...ได้ครับคุณดาว" คุณชัชตอบด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ฉันส่งยิ้มไปให้คุณชัชคืน เขาดูใจดีมากๆ เลยแบบนี้น่าจะทำงานด้วยกันไม่ยากหลังจากหนีเข้ามาในบ้านฉันก็รีบปิดประตูแล้วยืนยิ้มออกมาด้วยความเขิน "ผู้ชายอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดเลย" ฉันพูดแล้วยิ้มอย่างกับคนบ้าอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะเดินไปเข้าไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำแล้วเข้านอน ในขณะที่ฉันกำลังจะถอดชุดออกก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองใส่ชุดและเครื่องประดับที่คุณทศให้ไว้อยู่ "ตายแล้วดาวเอ้ย~ ลืมขอบคุณคุณทศเรื่องชุดได้ไงเนี่ย" ฉันบ่นกับตัวเองที่หน้ากระจกอย่างรู้สึกเสียดาย "ไว้ค่อยขอบคุณเขาพรุ่งนี้แล้วกันจะได้เอาชุดกับสร้อยไปคืนด้วย" ฉันถอยหายใจแล้วพูดออกมาก่อนที่จะค่อย ๆ ถอดสร้อยเก็บใส่กล่องและถอดชุดไปซักอย่างทะนุถนอมจากนั้นก็กลับเข้าห้องไปอาบน้ำนอนทศราช Part00:30 น.ผมขับรถเข้ามาที่บ้านหลังจากไปส่งดาวซึ่งปกติแล้วผมจะนอนที่คอนโดเป็นส่วนใหญ่เพราะว่ามันใกล้และผมต้องทำงานตลอดเลยไม่อยากให้แม่ต้องมาเห็นผมนั่งทำงานหามรุ่งห่ามค่ำแล้วเป็นห่วงทีหลัง เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจพ่อเลยว่าเขาจะบ้างานอะไรนักหนาแต่พอมาวันนี้ผมได้มาอยู่ตรงนี้แทนพ่อผมถึงได้เข้าใจว่า มันจำเป็นต้องทำจริง ๆ และผมก็เข้าใจความรู้สึกแม่ดีเพราะผมเองก็เคยอยู่ในจุดที่นั่งทุกข์ที่เห็นพ่อเป็นแบบนั้นดังนั้นผมจึงเลือกที
ผมนั่งฟังพวกผู้ใหญ่เขาคุยกันมาประมาณ 20 นาทีแล้วมันมีแต่เรื่องอวดกันไปอวยกันมาตลอดจนผมฟังแล้วรู้สึกเบื่อไปเลยแต่ก็ไม่สามารถแสดงอาการออกมาได้ ผมหันไปมองที่กลุ่มของดาวแต่ปรากฏกว่าเธอไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจึงเกิดความกังวลเป็นอย่างมาก ผมกลัวว่าเธอจะกลับไปก่อนและถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมคงเสียดายแย่ที่ยังไม่ได้คุยอะไรกับเธอ ผมพยายามมองไปรอบ ๆ จนทั่วงานแต่ก็ยังไม่เจอเธออยู่ดี"ผมขอตัวก่อนนะครับ คืนนี้เชิญทุกคนตามสบายเลยนะถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกกับออแกไนซ์ได้เลย" ผมพูดแล้วลุกออกจากโต๊ะทันทีโดยไม่รอให้พวกผู้ใหญ่ตอบกลับอะไรมาเลยเพราะกลัวเขาจะรั้งผมให้อยู่ต่อ ผมก้าวเท้าเดินไปหาชัชเพื่อถามเขา"ชัช คุณดาวไปไหนแล้ว" ผมพูดแบบเป็นกันเองกับชัชเพราะเราค่อนข้างสนิทกันบวกกับตอนนี้มันนอกเวลางานแล้วด้วย จริงๆ ถ้าเวลาทำงานผมจะเรียกเขาว่าคุณชัชตลอดเพื่อให้เกียรติเขา"คุณดาวเหรอครับ เห็นเธอบ่นว่าเบื่อ ๆ ก็เลยอยากจะออกไปสูดอากาศหน่อยครับ""ไปคนเดียวเหรอ" ผมถามด้วยความเป็นเพราะตอนนี้มันดึกมากแล้วแถมทุกคนยังดื่มกันไปไม่น้อยถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยัง "ครับ ตอนแรกผมจะตามไปเป็นเพื่อนนะแต่เธอไม่ยอม" "ไม่เป็นไร" ผมรีบ
ฉันกลับมาถึงบ้านประมาณบ่ายโมงครึ่งด้วยความรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรแล้ว "นอนพักเอาแรงสักหน่อยแล้วกัน" ฉันเดินขึ้นไปนอนทิ้งตัวบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ17:30ฉันใส่ชุดคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วจากนั้นฉันก็เดินไปหน้ากระจกหยิบกล่องที่คุณทศให้ขึ้นมาเปิดดู ภายในกล่องนั้นมีชุดเดรสยาวสีแดงประกายเพชรวิบวับดูสวยมาก"แพงมากแน่เลยเนี่ย" ฉันพูดแล้วหยิบชุดนั้นออกมาดูชัด ๆ ฉันตะลึงกับสิ่งที่คุณทศเตรียมไว้ให้มากไม่คิดเลยว่าเขาจะเลือกเสื้อผ้าให้ผู้หญิงได้เก่งขนาดนี้และที่นึกไม่ถึงมากที่สุดก็คือเขาจะช่วยเตรียมมันมาให้ฉันโดยเฉพาะ ฉันค่อย ๆ วางมันลงบนเตียงแล้วหันกลับไปมองกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ที่คุณทศเตรียมมาให้พร้อมกับชุดนี้ หลังจากเปิดออกดูฉันก็ยิ่งตกใจยิ่งกว่าเพราะว่าฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 2 อาทิตย์กว่า ๆ ฉันได้เอาเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของคุณทศก่อนที่เขาจะมาทำงานเหมือนปกติทุกวันแต่ว่าวันนั้นฉันแอบไปเห็นมันมีกระดาษจำนวนนึงถูกแฟ้มวางทับไว้อย่างไม่เป็นระเบียบก็เลยคิดว่าจัดให้มันเรียบร้อยแต่มันกลับไม่ใช่เอกสารงานอะไรเลยแต่เป็นแบบตัวอย่างสร้อยเพชร ยอม
"งานทุกอย่างเรียบร้อยไหมคะ" ฉันเดินตรวจเช็คงานกล่าวแล้วเดินไปถามกับหัวหน้าทีมออแกไนซ์ที่รับผิดชอบดูแลงานในวันนี้"เรียบร้อยดีค่ะคุณดาว" คุณนัทตอบ"ดีจ่ะ อย่าให้มีอะไรผิดพลาดนะคะ" ฉันพูด "ค่ะคุณดาว" เธอตอบแล้วก็เดินออกไปทำงานต่อ ส่วนฉันก็ยืนดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต่ออีกนิดหน่อยเผื่อว่ามีอะไรจะได้แก้ไขได้ทันเวลา"เป็นไงบ้าง" ฉันหันไปตามเสียงมาดังมาจากด้านหลัง"เรียบร้อยดีค่ะคุณท" ฉันตอบ "ผมฝากคุณด้วยนะ รู้ใช่ไหมว่าผมไม่ชอบให้มีอะไรผิดพลาด" คุณทศพูด "ทราบค่ะ" ฉันตอบ วันงาน ฉันมาถึงบริษัทแต่เช้าเพื่อตรวจดูความพร้อมอีกครั้ง วันนี้เป็นวันสำคัญของบริษัท แขกและสปอนเซอร์ที่เชิญมาก็มีจำนวนมากไหนจะนักข่าวจากช่องต่าง ๆ อีกแถมเมื่อคืนนี้ฉันก็เพิ่งได้รับอีเมลว่าขอเพิ่มชื่อแขกพิเศษเข้ามาอีกหลายคนเลย วันนี้ฉันก็เลยต้องรีบมาจัดการดูแลตั้งแต่แต่เช้าตรู่เลย ในขณะที่ฉันกำลังหัวหมุนกับงานตรงหน้า ฉันก็หันไปเห็นคุณทศที่กำลังเดินเข้ามาหาฉัน(ซวยแล้วไงยัยดาวเอ้ย~ นี่เรามัวแต่เตรียมงานจนลืมเวลาไปเลยเหรอ) ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาคุณทศแล้วก้มหัวขอโทษเขาจากใจจริง "ดาวขอโทษนะคะคุณทศ คึ...คือดาวมัวแต่ยุ่งอยู่
คุณทศเดินไปเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้แม่กับป้าน้อย ทั้งคู่หันมามองที่ฉันเหมือนเป็นการถามเพื่อความแน่ใจว่าขึ้นไปได้จริง ๆ ใช่ไหมฉันเลยพยักหน้าตอบเพื่อให้พวกเขาสบายใจแม้แม่กับป้าน้อยจะรู้สึกเกรงใจคุณทศมาก ๆ แต่การที่เขาเปิดประตูรอแบบนั้นก็ทำเอาแม่กับป้าน้อยไม่อาจปฏิเสธได้เลย ฉันมองดูการกระทำของคุณทศที่ปฏิบัติต่อแม่และป้าน้อยอยู่ตลอดด้วยความพอใจเพราะถึงเขาจะเป็นถึงเจ้าของบริษัทแต่ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งหรือทำตัวไม่ดีต่อครอบครัวที่แสนจะธรรมดาของฉันเลยแม้แต่น้อยและเพราะเขาเป็นแบบนี้เนี่ยแหละฉันถึงยิ่งประทับใจเขามากขึ้นทุกที พอแม่กับป้าน้อยขึ้นไปนั่งบนรถแล้วคุณทศก็หันกลับมามองฉัน พอสบตากับเขาอีกครั้งฉันก็ถึงสะดุ้งเลยจากนั้นฉันก็รีบเดินไปเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับทันที แม้จะไม่ได้หันไปมองหน้าเขาอีกครั้งแต่ฉันรู้สึกได้เลยว่าคุณทศต้องกำลังยืนขำท่าทางตลก ๆ ของฉันเมื่อกี้อยู่แน่ ๆ ร้านอาหารมาถึงร้านฉันก็บอกให้แม่กับป้าน้อยเข้าไปก่อนเลยเพราะฉันจองโต๊ะเอาไว้แล้ว"คุณไม่ลงเหรอ" ฉันค่อย ๆ หันหน้าไปหาเขาด้วยความตื่นเต้น "หรือว่าอยากจะกลับบ้านพร้อมกับผม" น้ำเสียงและสีหน้าทีเล่นที่จริงของเขา
"เมื่อกี้คุณทศยิ้มให้เราเหรอ" ฉันถามตัวเองเบา ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างกับจะระเบิดออกมา"แล้วทำไมเราต้องดีใจขนาดนี้ด้วยละ...ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย" หลังจากยืนคุยกับตัวเองอยู่แป๊ปนึงฉันก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานจากนั้้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแม่"ฮัลโหลค่ะแม่""ว่าไงจ๊ะลูก""วันนี้ช่วงบ่ายแม่กับป้าน้อยไม่ต้องทำกับข้าวออกไปขายที่ตลาดนะคะ""ทำไมล่ะลูก""ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วันนี้ประมาณห้าโมงเย็นแม่กับป้าน้อยขึ้นแท็กซี่มาหาดาวที่บริษัทนะคะ""อะไรอีกล่ะเนี่ย""ต้องมานะคะ""จ่ะ ๆ ไว้เจอกันนะเดี๋ยวแม่ต้องไปช่วยป้าน้อยแกขายของต่อแล้ว""ค่ะ ดาวรักแม่นะคะ""จ่ะ แม่ก็รักดาวนะลูก"ทศราช Partผมนั่งมองกล่องสีดำเล็ก ๆ นั่นด้วยรอยยิ้มมาอยู่สักพักหลังจากที่เธอออกจากห้องไป"ของขวัญตอบแทนเหรอ ฮึ ๆ ดีกว่าที่คิดไว้อีกแฮะ" ผมพูดแล้วหยิบเสื้อสูทตัวโปรดที่คลุมอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาใส่จากนั้นก็ดึงปากกาด้ามเก่าที่เหน็บอยู่บนกระเป๋าเสื้อออกแล้วแทนที่ด้วยปากกาด้ามใหม่ที่เธอเพิ่งให้เมื่อกี้แทนดวงดาว Partหน้าบริษัทหลังจากเลิกงานฉันก็ออกมายืนรอแม่กับป้าน้อยอยู่หน้าบริษัท ในระหว่างที่ฉันยืนรออยู่นั้นรถของคุณทศ