LOGIN08:00 น.
(วันสัมภาษณ์งาน) รถหรูสีดำขับเข้ามาจอดตรงหน้าประตูทางเข้าของบริษัท คนขับรถรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้เจ้านายของเขาจากนั้นก็มีพนักงานชายคนนึงของบริษัทรีบวิ่งออกมารับกระเป๋าและเอกสารของท่านประธานทันที "สวัสดีครับท่านประธาน" ชัชพูด ชัชหรือชัชวาลคนสนิทที่คอยทำงานทุกอย่างตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ "งานสัมภาษณ์วันนี้เตรียมกล้องสำหรับส่งสัญญาณไปที่ห้องผมหรือยัง" ทศราชถาม ทศหรือทศราชประธานบริษัท KTK ผู้ชายที่เกิดมาเพอร์เฟคที่สุดหน้าตาหล่อเหลา การศึกษาดีอีกทั้งพ่อและแม่ของเขาเป็นถึงลูกหลานของครอบครัวนักธุรกิจใหญ่ทั้งคู่ "ผมเตรียมไว้หมดแล้วครับแต่ว่าท่านประธานครับ ทำไมท่านประธานไม่เข้าไปนั่งฟังสัมภาษณ์เองเลยละครับจะได้เห็นหน้าคาตาของคนที่จะมาทำงานด้วยกันจริงๆ ไปเลยมีอะไรสงสัยจะได้ถามเขาตรงนั้นเลย" ชัชถาม ทศราชหยุดฝีเท้าแล้วหันมามองหน้าชัชด้วยสายตานิ่งๆ ดูแล้วทำเอาชัชเสียวสันหลังวาบเลย "นายคิดว่าฉันว่างขนาดนั้นเลยหรอ...การที่ฉันจะทำงานกับใครฉันไม่สนว่าเขาจะหน้าตายังไงหรอกนะ และถ้าสมมุติว่าวันนี้ฉันไปนั่งดูการสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง พวกเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะฉันมันจะเซ็นต์เองได้ไหมหรือว่านายจะไปนั่งเซ็นต์แทนฉัน" ทศราชถาม "ขอโทษครับท่านประทาน" ชัชรีบกล่าวขอโทษทันทีเพราะเขารู้สึกได้ว่าวันนี้ท่านแประธานของเขาดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาทำงานที่นี่มาระยะนึงแล้วแต่พึ่งจะได้มาทำงานกับทศราชแค่สองเดือนกว่าๆ ถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่เขารู้จักผู้ชายคนนี้ดี "เชิญครับ" ชัชผายมือบอกให้ทศราชเดินเข้าไปในลิฟท์ ลิฟท์ตัวนี้เป็นลิฟท์ส่วนตัวซึ่งจะแยกออกมาจากอีกฝั่งและจะใช้กันแค่เฉพาะกลุ่มผู้บริหาร หุ้นส่วนระดับสูงและแขกพิเศษเท่านั้นถ้าระดับพนักงานธรรมดาจะมีแค่ชัชกับป้าแม่บ้านสายใจเท่านั้นที่ใช้ได้ บริษัทนี้เน้นเรื่องระดับขั้นและความอาวุโสของอายุงานเป็นหลักไม่ว่าคุณจะอายุเยอะหรืออายุน้อยขอแค่คุณเป็นคนเก่งในที่นี้คุณจะได้รับการยกย่องอย่างแน่นอน ถ้าอยากรู้ว่าใครมีตำแหน่งใหญ่กว่าใครให้ดูที่บัตรพนักงานเพราะแต่ละตำแหน่งจะใช้สีบัตรต่างกัน ฟังดูเหมือนเป็นการแบ่งชนชั้นแต่นี่คือกฎที่มีมานานแล้วตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ห้องทำงานทศราช ทศราช Part ผมกำลังเปิดแฟ้มอ่านรายละเอียดเอกสารต่างๆ พร้อมกับเปิดจอนั่งฟังการสัมภาษณ์ที่มาสัมภาษณ์งานในวันนี้ทีละคน "คำตอบมีแต่ปลอมๆ" ทศราชพูดออกมาลอยๆ เพราะกำลังนั่งฟังคนที่ 1 สัมภาษณ์อยู่ "เล่นหูเล่นตาเกินไปแต่งตัวก็โป๊ไม่ให้เกียรติสถานที่เลย" ทศราชพูดหลังจากเห็นคนที่ 2 เดินเข้ามานั่งในห้องสัมภาษณ์ "ไม่มีความมั่นใจแบบนี้เนี่ยนะจะมาเป็นเลขาฉัน" ทศราชพูดหลังจากคนที่ 3 ตอบคำถามตะกุกตะกัก คนที่ 4 คนที่ 5 คนที่ 6 ผ่านไป ผ่านไปเป็น 10 คนแล้วก็ยังไม่เจอคนที่ถูกใจสักทีและดูเหมือนยิ่งฟังเขาก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เพราะคิ้วของเขาแทบจะมัดติดกันอยู่แล้ว 2 ชั่วโมงผ่านไป เห้อ" ผมถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดทั้งเอกสารทั้งคนที่มาสัมภาษณ์ทำเอาผมปวดหัวไปหมด ผมวางปากกาลงยกกาแฟขึ้นมาดื่มพร้อมกับนั่งอ่านเอกสารไปเรื่อยๆ ดูท่าสอบสัมภาษณ์วันนี้คงไม่มีที่ถูกใจแล้วละ ค่อยไปหวังเอากับคนที่นัดให้มาสัมภาษณ์พรุ่งนี้ดีกว่า "สวัสดีค่ะดิฉันชื่อดวงดาว ขจรวิทย์ค่ะ" หลังจากได้ยินเสียงของใครคนนึงพูดขึ้นมามันทำเอาผมถึงกัยเงยหน้าขึ้นมามองมาที่จอทันทีเพราะรู้สึกคุ้นๆ กับนามสกุลนี้มาก "นามสกุลขจรวิทย์หรอ" ผมพูดเบาๆ "ถ้านามสุกลขจรวิทย์ทำไมถึงมาสมัครเป็นเลขาละเรา" ผมพูดแล้วจ้องไปที่หน้าจอ ผู้หญิงคนนี้ผมไม่คุ้นหน้าเลยเธอเป็นใครทำไมนามสกุลเดียวกับคุณอนุวัฒน์ผมคิดไม่ตกเลยถ้าเธอนามสกุลขจรวิทย์แสดงว่าเธอก็มีฐานะที่ร่ำรวยมากจะว่ามาทำงานเป็นเลขาผมเพื่ออะไรหรือว่าเพื่อสืบข้อมูลบริษัทผมหรอแต่ก็คงไม่ใช่เพราะผมกับคุณอนุวัฒน์เราไม่ได้เดินทางสายเดียวกันบริษัทของผมเทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับที่ดิน การสร้างตึก อาคาร รวมถึงโครงการหมู่บ้านต่างๆ แต่บริษัทของคุณอนุวัฒน์คือทำเกี่ยวกับจิลเวอร์รี่พวกเครื่องประดับเพชรพลอยอะไรประมาณนั้นผมจ้องไปที่หน้าจออีกครั้งอย่างและตั้งใจฟังกรรมการสัมภาษณ์นี้ของเธอมากๆ "ค่ะ สวัสดีค่ะคุณดวงดาวจบสาขาอะไรมาคะ" กรรมการถาม "ดาวจบจากคณะบริหารธุรกิจสาขาภาษาอังกฤษด้านการสื่อสารธุรกิจมหาวิทยาลัย xxx ค่ะ" เธอตอบ โอเคเลยน้ำเสียงหนักแน่นมีความมั่นใจสายตาไม่ล่อกแล่ก "แล้วเคยทำงานอะไรมาบ้างครับ" กรรมการถาม "ดาวทำงานครั้งแรกตอนอายุ 18 ค่ะงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานบริการในผับและร้านอาหาร" เธอตอบ ผมถึงกับตาโตขึ้นมาทันทีระดับคุณหนูของบ้้านขจรวิทย์ไปทำงานแบบนั้นได้ไงว่ะ "...เอ่อ!...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะดาวหมายถึงงานเด็กเสิร์ฟ งานต้อนรับ งานปั๊ม งานแม่บ้านอะไรประมาณนี้อะค่ะ" เธอตอบ พอได้ฟังเธออธิบายก็เลยพอโล่งอกไปบ้างแต่ก็งงอยู่ดีว่าคุณอนุวัฒน์ยอมให้ลูกสาวไปทำงานในที่อโคจรจริงๆ ได้ไงหรือว่าเธอกำลังปลอมโปรไฟล์อยู่กันแน่ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาห้องสัมภาษณ์งานทันที "ค่ะห้องสัมภาษณ์ค่ะ" พนักงานพูด "ผมทศราชนะ คุณช่วยเอาโทรศัพท์ไปให้กรรมการคนไหนก็ได้ที" ผมพูด "ได้ค่ะท่านประธาน" เธอตอบ "สวัสดีครับ" กรรมการถามพูด "ผมทศราชนะ คุณช่วยถามเธอหน่อยว่าทำไมเธอถึงอยากมาทำงานกับผมและพยายามถามอะไรก็ได้ที่ดูเธอน่าจะลำบากใจที่จะตอบหน่อย" ผมพูด "ครับได้ครับ" พูดจบผมหน้าวางสายไป ในตอนที่คุยโทรศัพท์สายตาผมก็จ้องไปที่เธอตลอดเวลา ไม่รู้ทำไมแต่ผมสนใจเธอคนนี้เป็นพิเศษอาจจะเพราะด้วยฐานะที่ไม่ธรรมาดาของเธอก็ได้ ผมอยากรู้จริงๆ จุดประสงค์หลักของเธอคืออะไรกันแน่ "คุณดวงดาวครับ" กรรมการพูด "ค่ะ" เธอรีบตอบ "ทำไมถึงมาสมัครในตำแหน่งนี้ละครับ" กรรมการถามเธอนิ่งไปพักนึงเหมือนกำลังคิดคำตอบ เงินค่ะ" เธอตอบ จากที่ผมนั่งทิ้งหลังกับหัวไว้บนเก้าอี้ ผมก็ดีดตัวขึ้นมานั่งไขว้ห้างเอาแขนเท้าบนโต๊ะทันที "เฮอะ! นี่เธอตอบอะไรของเธอเนี่ย...ลูกคุณหนูอย่างเธอยังต้องการเงินจากฉัรไปทำไมอีก แค่นี้ก็รู้แล้วว่าน่าจะโกหก" ผมพูดเบาแล้วส่ายหัว "อะไรนะครับ" กรรมการถามเหมือนไม่อยากจะเชื่อในคำตอบ แน่สิผมเองยังไม่เชื่อเลย "ดาวเห็นจากประกาศว่ามีงานตำแหน่งนี้ว่างและให้เงินเดือนค่อนข้างสูงที่บ้านดาวต้องการใช้เงินจำนวนมากดาวเลยต้องมาสมัครงานในตำแหน่งนี้ค่ะ ดาวมั่นใจว่าความสามารถของดาวว่ามันคู่ควรกับเงินเดือนของที่นี่ ดาวไม่เคยทำงานในตำแหน่งสูงๆ แบบนี้มาก่อนแต่ดาวพร้อมที่จะเรียนรู้และฝึกฝนทุกอย่่างที่เลขาที่ดีควรจะทำค่ะ" เธอตอบ "คุณดวงดาวไม่คิดว่าคำตอบของคุณดวงดาวจะทำให้คุณไม่ผ่านหรอครับ การที่บอกว่าอยากได้งานนี้เพราะเงินมันเป็นอะไรที่เสี่ยงกับการถูกคัดออกมากนะครับ" กรรมการถาม "กลัวค่ะ ดาวกลัวแต่ดาวคิดว่าดาวอยากพูดความจริงมากกว่า ดาวไม่อยากมานั่งคิดคำพูดที่ดูสวยหรูเพราะดาวทำได้ไม่เก่งอย่างน้อยถ้าจะได้ร่วมงานกันดาวก็อย่างทำงานกับคนที่จริงใจกับดาวและดาวเองก็อยากจริงใจกับเพื่อนร่วมงานดังนั้นดาวเลยอยากพูดความจริงถึงแม้จะต้องถูกคัดออกก็พร้อมยอมรับมันค่ะ" เธอตอบออกมาอย่างจริงจังสายตาก็ดูน่าเชื่อถือ "งั้นคุณดวงดาวคิดว่าในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด ทำไมบริษัทของเราถึงต้องเลือกคุณดวงดาวค่ะ คุณดวงดาวมีคุณสมบัติอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นหรอคะ" กรรมการคนที่ 1 ถาม "คุณไม่จำเป็นต้องเลือกดาวก็ได้ค่ะแต่ถ้าคุณให้โอกาสดาว ดาวสัญญาว่าดาวจะตั้งใจทำงานของดาวให้เกินกับเงินเดือนที่พวกคุณจ้างดาวแน่นอน ดาวเป็นคนหัวไวเข้ากับคนอื่นได้ง่ายดาวพร้อมที่จะทำงานและเรียนรู้งานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ดาวรู้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ดาวจะสู้เพื่อให้ได้มันมาและดาวจะเต็มที่กับมันเพื่อให้ตำแหน่งนี้อยู่กับดาวให้นานที่สุดค่ะ ถ้าถามถึงเรื่องคุณสมบัติพิเศษดาวเองก็ตอบได้ยาก ต้นทุนดาวต่ำกว่าหลายๆ คนมากแต่เรื่องสู้งานหรือความตั้งใจจริงดาวคิดว่าดาวก็ไม่แพ้ทุกคนเหมือนกัน" เธอตอบ ไม่รู้ว่าไปชอบใจอะไรกับคำตอบของเธอเพราะรู้ตัวอีกทีคือผมกำลังนั่งยิ้มและฟังเธอตอบกรรมการอย่างเพลินมาก เอาจริงคำตองของเธอไม่ได้ต่างจากคำตอบของคนก่อนๆ แต่ด้วยน้ำเสียงท่าทางและแววตามันดูจริงใจกว่าทุกคน มันเลยทำให้ผมประทับใจมากๆ อย่างน้อยผมก็จะเก็บเธอมาพิจารณาแน่นอนผมกดโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ "คุณชัช เข้ามาผมหน่อย" ผมพูดแล้ววางสายทันทีจากนั้นก็นั่งรอประมาณ 10 วินาที ที่มาเร็วเพราะโต๊ะทำงานของชัชอยู่หน้าประตูห้องทำงานของผมเอง ก๊อกๆๆ "เข้ามา" ผมพูด "ครับ ท่านประธานมีอะไรให้ผมทำเหรอครับ" ชัชถาม "ดวงดาว ขจรวิทย์...ช่วยไปหาข้อมูลมาให้ผมหน่อย" ผมมอบหมายงานสำคัญชิ้นใหม่ให้ชัชแม้ว่าเขาจะทำหน้างงแต่ก็ตอบรับคำสั่งผมด้วยการพยักหน้าทันที "เอาข้อมูลแบบไหนครับเดี๋ยวผมจะได้ลงไปขอกับทีมสัมภาษณ์มาให้" ชัชถาม "เอาข้อมูลทุกอย่างที่คุณหามาได้และต้องเป็นข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับใบสมัคร ไอ้ของพวกนั้นผมไม่อยากรู้" ผมตอบ "ได้ครับท่านประธาน" ชัชตอบ "คุณออกไปได้แล้วผมจะทำงาน" ผมพูดแล้วก้มหน้ามองเอกสารบนโต๊ะต่อ "งั้นผมขอตัวนะครับ" ชัชตอบแล้วเดินออกไป ผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่วิวด้านด้านหลัง เผยรอยยิ้มที่มุมปาก 1 ที "ผมต้องรู้ให้ได้ว่าจุดประสงค์หลักที่คุณมาที่นี่มันคืออะไร"หลังจากหนีเข้ามาในบ้านฉันก็รีบปิดประตูแล้วยืนยิ้มออกมาด้วยความเขิน "ผู้ชายอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดเลย" ฉันพูดแล้วยิ้มอย่างกับคนบ้าอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะเดินไปเข้าไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำแล้วเข้านอน ในขณะที่ฉันกำลังจะถอดชุดออกก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองใส่ชุดและเครื่องประดับที่คุณทศให้ไว้อยู่ "ตายแล้วดาวเอ้ย~ ลืมขอบคุณคุณทศเรื่องชุดได้ไงเนี่ย" ฉันบ่นกับตัวเองที่หน้ากระจกอย่างรู้สึกเสียดาย "ไว้ค่อยขอบคุณเขาพรุ่งนี้แล้วกันจะได้เอาชุดกับสร้อยไปคืนด้วย" ฉันถอยหายใจแล้วพูดออกมาก่อนที่จะค่อย ๆ ถอดสร้อยเก็บใส่กล่องและถอดชุดไปซักอย่างทะนุถนอมจากนั้นก็กลับเข้าห้องไปอาบน้ำนอนทศราช Part00:30 น.ผมขับรถเข้ามาที่บ้านหลังจากไปส่งดาวซึ่งปกติแล้วผมจะนอนที่คอนโดเป็นส่วนใหญ่เพราะว่ามันใกล้และผมต้องทำงานตลอดเลยไม่อยากให้แม่ต้องมาเห็นผมนั่งทำงานหามรุ่งห่ามค่ำแล้วเป็นห่วงทีหลัง เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจพ่อเลยว่าเขาจะบ้างานอะไรนักหนาแต่พอมาวันนี้ผมได้มาอยู่ตรงนี้แทนพ่อผมถึงได้เข้าใจว่า มันจำเป็นต้องทำจริง ๆ และผมก็เข้าใจความรู้สึกแม่ดีเพราะผมเองก็เคยอยู่ในจุดที่นั่งทุกข์ที่เห็นพ่อเป็นแบบนั้นดังนั้นผมจึงเลือกที
ผมนั่งฟังพวกผู้ใหญ่เขาคุยกันมาประมาณ 20 นาทีแล้วมันมีแต่เรื่องอวดกันไปอวยกันมาตลอดจนผมฟังแล้วรู้สึกเบื่อไปเลยแต่ก็ไม่สามารถแสดงอาการออกมาได้ ผมหันไปมองที่กลุ่มของดาวแต่ปรากฏกว่าเธอไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจึงเกิดความกังวลเป็นอย่างมาก ผมกลัวว่าเธอจะกลับไปก่อนและถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมคงเสียดายแย่ที่ยังไม่ได้คุยอะไรกับเธอ ผมพยายามมองไปรอบ ๆ จนทั่วงานแต่ก็ยังไม่เจอเธออยู่ดี"ผมขอตัวก่อนนะครับ คืนนี้เชิญทุกคนตามสบายเลยนะถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกกับออแกไนซ์ได้เลย" ผมพูดแล้วลุกออกจากโต๊ะทันทีโดยไม่รอให้พวกผู้ใหญ่ตอบกลับอะไรมาเลยเพราะกลัวเขาจะรั้งผมให้อยู่ต่อ ผมก้าวเท้าเดินไปหาชัชเพื่อถามเขา"ชัช คุณดาวไปไหนแล้ว" ผมพูดแบบเป็นกันเองกับชัชเพราะเราค่อนข้างสนิทกันบวกกับตอนนี้มันนอกเวลางานแล้วด้วย จริงๆ ถ้าเวลาทำงานผมจะเรียกเขาว่าคุณชัชตลอดเพื่อให้เกียรติเขา"คุณดาวเหรอครับ เห็นเธอบ่นว่าเบื่อ ๆ ก็เลยอยากจะออกไปสูดอากาศหน่อยครับ""ไปคนเดียวเหรอ" ผมถามด้วยความเป็นเพราะตอนนี้มันดึกมากแล้วแถมทุกคนยังดื่มกันไปไม่น้อยถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยัง "ครับ ตอนแรกผมจะตามไปเป็นเพื่อนนะแต่เธอไม่ยอม" "ไม่เป็นไร" ผมรีบ
ฉันกลับมาถึงบ้านประมาณบ่ายโมงครึ่งด้วยความรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรแล้ว "นอนพักเอาแรงสักหน่อยแล้วกัน" ฉันเดินขึ้นไปนอนทิ้งตัวบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ17:30ฉันใส่ชุดคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วจากนั้นฉันก็เดินไปหน้ากระจกหยิบกล่องที่คุณทศให้ขึ้นมาเปิดดู ภายในกล่องนั้นมีชุดเดรสยาวสีแดงประกายเพชรวิบวับดูสวยมาก"แพงมากแน่เลยเนี่ย" ฉันพูดแล้วหยิบชุดนั้นออกมาดูชัด ๆ ฉันตะลึงกับสิ่งที่คุณทศเตรียมไว้ให้มากไม่คิดเลยว่าเขาจะเลือกเสื้อผ้าให้ผู้หญิงได้เก่งขนาดนี้และที่นึกไม่ถึงมากที่สุดก็คือเขาจะช่วยเตรียมมันมาให้ฉันโดยเฉพาะ ฉันค่อย ๆ วางมันลงบนเตียงแล้วหันกลับไปมองกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ที่คุณทศเตรียมมาให้พร้อมกับชุดนี้ หลังจากเปิดออกดูฉันก็ยิ่งตกใจยิ่งกว่าเพราะว่าฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 2 อาทิตย์กว่า ๆ ฉันได้เอาเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของคุณทศก่อนที่เขาจะมาทำงานเหมือนปกติทุกวันแต่ว่าวันนั้นฉันแอบไปเห็นมันมีกระดาษจำนวนนึงถูกแฟ้มวางทับไว้อย่างไม่เป็นระเบียบก็เลยคิดว่าจัดให้มันเรียบร้อยแต่มันกลับไม่ใช่เอกสารงานอะไรเลยแต่เป็นแบบตัวอย่างสร้อยเพชร ยอม
"งานทุกอย่างเรียบร้อยไหมคะ" ฉันเดินตรวจเช็คงานกล่าวแล้วเดินไปถามกับหัวหน้าทีมออแกไนซ์ที่รับผิดชอบดูแลงานในวันนี้"เรียบร้อยดีค่ะคุณดาว" คุณนัทตอบ"ดีจ่ะ อย่าให้มีอะไรผิดพลาดนะคะ" ฉันพูด "ค่ะคุณดาว" เธอตอบแล้วก็เดินออกไปทำงานต่อ ส่วนฉันก็ยืนดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต่ออีกนิดหน่อยเผื่อว่ามีอะไรจะได้แก้ไขได้ทันเวลา"เป็นไงบ้าง" ฉันหันไปตามเสียงมาดังมาจากด้านหลัง"เรียบร้อยดีค่ะคุณท" ฉันตอบ "ผมฝากคุณด้วยนะ รู้ใช่ไหมว่าผมไม่ชอบให้มีอะไรผิดพลาด" คุณทศพูด "ทราบค่ะ" ฉันตอบ วันงาน ฉันมาถึงบริษัทแต่เช้าเพื่อตรวจดูความพร้อมอีกครั้ง วันนี้เป็นวันสำคัญของบริษัท แขกและสปอนเซอร์ที่เชิญมาก็มีจำนวนมากไหนจะนักข่าวจากช่องต่าง ๆ อีกแถมเมื่อคืนนี้ฉันก็เพิ่งได้รับอีเมลว่าขอเพิ่มชื่อแขกพิเศษเข้ามาอีกหลายคนเลย วันนี้ฉันก็เลยต้องรีบมาจัดการดูแลตั้งแต่แต่เช้าตรู่เลย ในขณะที่ฉันกำลังหัวหมุนกับงานตรงหน้า ฉันก็หันไปเห็นคุณทศที่กำลังเดินเข้ามาหาฉัน(ซวยแล้วไงยัยดาวเอ้ย~ นี่เรามัวแต่เตรียมงานจนลืมเวลาไปเลยเหรอ) ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาคุณทศแล้วก้มหัวขอโทษเขาจากใจจริง "ดาวขอโทษนะคะคุณทศ คึ...คือดาวมัวแต่ยุ่งอยู่
คุณทศเดินไปเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้แม่กับป้าน้อย ทั้งคู่หันมามองที่ฉันเหมือนเป็นการถามเพื่อความแน่ใจว่าขึ้นไปได้จริง ๆ ใช่ไหมฉันเลยพยักหน้าตอบเพื่อให้พวกเขาสบายใจแม้แม่กับป้าน้อยจะรู้สึกเกรงใจคุณทศมาก ๆ แต่การที่เขาเปิดประตูรอแบบนั้นก็ทำเอาแม่กับป้าน้อยไม่อาจปฏิเสธได้เลย ฉันมองดูการกระทำของคุณทศที่ปฏิบัติต่อแม่และป้าน้อยอยู่ตลอดด้วยความพอใจเพราะถึงเขาจะเป็นถึงเจ้าของบริษัทแต่ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งหรือทำตัวไม่ดีต่อครอบครัวที่แสนจะธรรมดาของฉันเลยแม้แต่น้อยและเพราะเขาเป็นแบบนี้เนี่ยแหละฉันถึงยิ่งประทับใจเขามากขึ้นทุกที พอแม่กับป้าน้อยขึ้นไปนั่งบนรถแล้วคุณทศก็หันกลับมามองฉัน พอสบตากับเขาอีกครั้งฉันก็ถึงสะดุ้งเลยจากนั้นฉันก็รีบเดินไปเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับทันที แม้จะไม่ได้หันไปมองหน้าเขาอีกครั้งแต่ฉันรู้สึกได้เลยว่าคุณทศต้องกำลังยืนขำท่าทางตลก ๆ ของฉันเมื่อกี้อยู่แน่ ๆ ร้านอาหารมาถึงร้านฉันก็บอกให้แม่กับป้าน้อยเข้าไปก่อนเลยเพราะฉันจองโต๊ะเอาไว้แล้ว"คุณไม่ลงเหรอ" ฉันค่อย ๆ หันหน้าไปหาเขาด้วยความตื่นเต้น "หรือว่าอยากจะกลับบ้านพร้อมกับผม" น้ำเสียงและสีหน้าทีเล่นที่จริงของเขา
"เมื่อกี้คุณทศยิ้มให้เราเหรอ" ฉันถามตัวเองเบา ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างกับจะระเบิดออกมา"แล้วทำไมเราต้องดีใจขนาดนี้ด้วยละ...ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย" หลังจากยืนคุยกับตัวเองอยู่แป๊ปนึงฉันก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานจากนั้้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแม่"ฮัลโหลค่ะแม่""ว่าไงจ๊ะลูก""วันนี้ช่วงบ่ายแม่กับป้าน้อยไม่ต้องทำกับข้าวออกไปขายที่ตลาดนะคะ""ทำไมล่ะลูก""ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วันนี้ประมาณห้าโมงเย็นแม่กับป้าน้อยขึ้นแท็กซี่มาหาดาวที่บริษัทนะคะ""อะไรอีกล่ะเนี่ย""ต้องมานะคะ""จ่ะ ๆ ไว้เจอกันนะเดี๋ยวแม่ต้องไปช่วยป้าน้อยแกขายของต่อแล้ว""ค่ะ ดาวรักแม่นะคะ""จ่ะ แม่ก็รักดาวนะลูก"ทศราช Partผมนั่งมองกล่องสีดำเล็ก ๆ นั่นด้วยรอยยิ้มมาอยู่สักพักหลังจากที่เธอออกจากห้องไป"ของขวัญตอบแทนเหรอ ฮึ ๆ ดีกว่าที่คิดไว้อีกแฮะ" ผมพูดแล้วหยิบเสื้อสูทตัวโปรดที่คลุมอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาใส่จากนั้นก็ดึงปากกาด้ามเก่าที่เหน็บอยู่บนกระเป๋าเสื้อออกแล้วแทนที่ด้วยปากกาด้ามใหม่ที่เธอเพิ่งให้เมื่อกี้แทนดวงดาว Partหน้าบริษัทหลังจากเลิกงานฉันก็ออกมายืนรอแม่กับป้าน้อยอยู่หน้าบริษัท ในระหว่างที่ฉันยืนรออยู่นั้นรถของคุณทศ







