"คุณดวงดาว ขจรวิทย์ค่ะ...คุณดวงดาว...คุณดวงดาวอยู่ไหมคะ" ฉันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนถามหาฉันเมื่อกี้ฉันดันมัวแต่คิดถึงเรื่องราวในอดีตในตอนนั้นที่ฉันแค่อายุ 17 ปี
"มาแล้วค่ะ มาแล้วค่ะ" ฉันรีบตอบและวิ่งไปหาพนักงานคนที่ประกาศเรียกฉันทันทีเพราะวันนี้ฉันมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาของผู้บริหาร "เชิญข้างในค่ะ" พนักงานพูด ฉันเดินเข้าไปข้างในห้องนั้นก็เห็นมีคณะกรรมการนั่งอยู่ 3 คน ผช. 2 คน ผญ. 1 คน อายุราว 40 กว่าและในห้องนั้นยังมีกล้องตัวใหญ่ๆ อีก 2 ตัวด้วยสงสัยคงไว้อัดคลิปสัมภาษณ์งานของผู้สมัครแหละมั้ง "สวัสดีค่ะดิฉันชื่อดวงดาว ขจรวิทย์ค่ะ" ฉันรีบแนะนำตัวทันทีด้วยน้ำเสียงความมั่นใจ "ค่ะ สวัสดีค่ะคุณดวงดาวจบสาขาอะไรมาคะ" กรรมการคนที่ 1 ถามฉัน "ดาวจบจากคณะบริหารธุรกิจสาขาภาษาอังกฤษด้านการสื่อสารธุรกิจมหาวิทยาลัย xxx ค่ะ" ฉันตอบ "แล้วเคยทำงานอะไรมาบ้างครับ" กรรมการคนที่ 2 "ดาวทำงานครั้งแรกตอนอายุ 18 ค่ะงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานบริการในผับและร้านอาหาร" ฉันตอบ กรรมการทั้ง 3 คนหันหน้ามองหน้า "เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ดาวหมายถึงงานเด็กเสิร์ฟ งานต้อนรับ งานปั๊ม งานแม่บ้านอะไรประมาณนี้อะค่ะ" ฉันรีบแก้ต่างให้ตัวเองทันทีจนกรรมการพยักหน้าให้ฉัน จู่ ๆ พนักงานที่ยืนอยู่ข้างหลังคนนั้น คนที่เปิดประตูให้ฉัน เธอก็เดินถือโทรศัพท์มาให้กรรมการคนที่ 3 ทำให้การสัมภาษณ์หยุดลงชั่วคราว พอเขารับโทรศัพท์ก็พูดคุยพึมพัมอะไรไม่รู้กับปลายสาย "ครับ ได้ครับ ครับ" พอเห็นเขาคุยโทรศัพท์ฉันเองก็อึดอัดจนนั่งเกร็งทำอะไรไม่ถูกเลย "คุณดวงดาวครับ" กรรมการคนที่ 3 พูด "ค่ะ" ฉับรีบตอบ "ทำไมถึงมาสมัครในตำแหน่งนี้ละครับ" ฉันนิ่งไป แล้วได้แต่คิดในใจว่าควรจะตอบความจริงดีไหมหรือจะใช้้คำตอบที่สวยหรูให้ดูมีวุฒิภาวะเพื่อทำให้กรรมการพอใจดี...แต่เอาว่ะ! แม่สอนว่าห้ามโกหกเราต้องจริงใจ "เพราะเงินค่ะ" ฉันตอบ "อะไรนะครับ" กรรมการคนที่ 3 ถามย้ำ้ำำทั้งทีฉันเดาว่าเขาก็คงได้ยินชัดเจนแต่เขาคงไม่คิดว่าฉันจะตอบแบบนี้มั้ง "ดาวมาสมัครงานที่นี่ตำแหน่งนี้เพราะเงินค่ะ" ฉันตอบ กรรมการคนที่ 1 ยิ้มออกมาและมองฉันด้วยหางตาเหมือนกำลังเหยียดฉันอยู่เลย "ดาวเห็นจากประกาศว่ามีงานตำแหน่งนี้ว่างและให้เงินเดือนค่อนข้างสูงที่บ้านดาวต้องการใช้เงินจำนวนมากดาวเลยต้องมาสมัครงานในตำแหน่งนี้ค่ะ ดาวมั่นใจว่าความสามารถของดาวคู่ควรกับเงินเดือนของที่นี่ ดาวไม่เคยทำงานในตำแหน่งสูงๆ แบบนี้มาก่อนแต่ดาวพร้อมที่จะเรียนรู้และฝึกฝนทุกอย่างที่เลขาที่ดีควรจะทำ" ฉันตอบ "คุณดวงดาวไม่คิดว่าคำตอบของคุณดวงดาวมันจะทำให้คุณไม่ผ่านการคัดเลือกหน่อยเหรอครับ การที่คุณบอกว่าอยากได้งานนี้เพราะเงินเดือนมันสูงมันเป็นอะไรที่เสี่ยงกับการถูกคัดออกมากนะครับ" กรรมการคนที่ 2 พูด "กลัวค่ะ ดาวกลัวแต่ดาวคิดว่าดาวอยากพูดความจริงมากกว่า ดาวไม่อยากมานั่งคิดคำพูดที่ดูสวยหรูเพราะดาวทำได้ไม่เก่งอย่างน้อยถ้าจะได้ร่วมงานกันดาวก็อย่างทำงานกับคนที่จริงใจกับดาวและดาวเองก็อยากจริงใจกับเพื่อนร่วมงานดังนั้นดาวเลยตอบออกไปตามความรู้สึกจริงๆ ถึงแม้จะต้องถูกคัดออกดาวก็พร้อมจะยอมรับมันค่ะ" ฉันตอบออกไปอย่างจริงจัง "งั้นคุณดวงดาวคิดว่าในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด ทำไมบริษัทของเราถึงต้องเลือกคุณดวงดาวค่ะ คุณดวงดาวมีคุณสมบัติอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นหรอคะ" กรรมการคนที่ 1 ถาม "คุณไม่จำเป็นต้องเลือกดาวก็ได้ค่ะแต่ถ้าคุณให้โอกาสดาว ดาวสัญญาว่าดาวจะตั้งใจทำงานของดาวให้เกินกับเงินเดือนที่พวกคุณจ้างดาวแน่นอน ดาวเป็นคนหัวไวเข้ากับคนอื่นได้ง่ายดาวพร้อมที่จะทำงานและเรียนรู้งานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ดาวรู้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ดาวจะสู้เพื่อให้ได้มันมาและดาวจะเต็มที่กับมันเพื่อให้ตำแหน่งนี้อยู่กับดาวให้นานที่สุดค่ะ ถ้าถามถึงเรื่องคุณสมบัติพิเศษดาวเองก็ตอบได้ยาก ต้นทุนดาวต่ำกว่าหลายๆ คนมากแต่เรื่องสู้งานหรือความตั้งใจจริงดาวคิดว่าดาวก็ไม่แพ้ทุกคนเหมือนกัน" ฉันตอบทุกอย่างที่ฉันคิดและตั้งใจจะทำให้ได้กับคณะกรรมการแล้ว กรรมการมองหน้ากันและพยักหน้า เหมือนบอกว่าโอเคแล้วสำหรับการสัมภาษณ์ "ครับคุณดวงดาววันนี้การสัมภาษณ์ของคุณเสร็จแล้วครับ ขอบคุณที่มานะครับเราจะแจ้งผลการสัมภาษณ์ทางอีเมลนะครับ" กรรมการคนที่ 3 พูดฉันลุกขึ้นโค้งคำนับ "ค่ะ ขอบคุณมากนะคะยังไงฝากพิจารณาด้วยนะคะ" ฉันพูดจบแล้วก็เดินออกมา 5 วันต่อมา ยังไม่มีอะไรตอบกลับมาเลยสักอย่าง ตอนนี้ฉันนั่งเหมอด้วยใจที่สิ้นหวังสุดๆ อยู่หน้าเตาไฟ "ดาวดูขนมให้แม่หน่อยลูก" แม่พูดพร้อมกับนั่งพับใบตองห่อขนมอยู่บนแคร่ ฉันกรอกตามาหาแม่แล้วถอนหายใจออกมา "ยังไม่สุกหรอกแม่" ฉันตอบแล้วหันหน้ากลับทำหน้าเศร้าเหมือนเดิมฉันรู้สึกไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย ฉันหวังกับงานนี้มากเพราะฉันไม่อยากให้แม่ต้องลำบากเลยตั้งใจไปสัมภาษณ์งานที่นั่นเพราะเงินเดือนมันดูน่าจะสร้างอนาคตให้ฉันกับครอบครัวได้ "เอ่อ~เดี๋ยวน้อยดูเองดีกว่าค่ะคุณวันเพ็ญ" ป้าน้อยพูดลุกขึ้นไปเปิดหม้อนึงขนมดูแทนฉัน "ดาว" แม่เรียก ฉันหันหน้าไปหาแม่ "เป็นอะไรลูก" แม่ถาม ฉันเงยหน้ามองออกไปบนท้องฟ้า "ดาวจะทำยังไงดีอ่ะแม่" ฉันตอบแล้วหันกลับมาทางเดิม "ถ้าดาวสัมภาษณ์งานไม่ผ่านเราจะทำยังไงดีอ่ะแม่เงิน เก็บที่มีมันก็ใกล้จะหมดลงทุกทีแล้ว ไหนค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาให้แม่ ค่าลงทุน ค่าแผง ค่าจิปาถะต่างๆอีกแถมเงินจากการขายของทุกวันมันก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น ถ้าดาวไม่มีงานทำพวกเราจะทำยังไงดีอะแม่" ฉันพูดไปทำหน้าบูดไป "ไม่เห็นเป็นไรเลยลูกเงินเราใช้ทุกวันยังไงมันก็ต้องหมดอยู่แล้วลูกไม่ต้องเครียดไปหรอก นี่ไงแม่ก็ออกไปขายขนมกับป้าน้อยทุกวันยังไงซะพวกเราก็ได้เงินเข้าบ้านทุกวันอยู่แล้ว" แม่ตอบ "ไม่ใช่สิแม่ ถ้าเราขายขนมในตลอดอย่างเดียวมันก็แค่ได้พอใช้กินไปวันๆ ดาวอ่ะอยากทำงานมีเงินเก็บเยอะๆ แม่จะได้พักผ่อนไม่ต้องออกไปขายของตากแดดร้อนๆ แบบนี้อีกแม่ยิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วด้วย ถ้าดาวมีเงินเยอะๆ ดาวจะพาแม่กับป้าน้อยออกไปอยู่ที่ดี ๆ เวลาแม่กับป้าน้อยป่วยก็จะได้พาไปรักษาได้ง่ายๆ ไม่ต้องมาคอยห่วงว่าจะมันแพงไหม เดือนนี้เงินจะพอใช้หรือเปล่า ดาวแค่ไม่อยากให้แม่กับป้าน้อยไม่ต้องลำบากอีกแล้ว ไหนๆ ตอนนี้ดาวก็เรียนจบแล้วดาวก็อยากจะดูแลแม่กับป้าน้อยเอง" ฉันพูด แม่มองฉันด้วยรอยยิ้ม "คุณดาวเนี่ยน่ารักจริงๆ เลยนะคะ" ป้าน้อยพูด "ไม่ต้องเลยป้าน้อยดาวบอกป้าน้อยแล้วใช่ไหมค่ะว่าไม่ให้ป้าน้อยลาออกจากบ้านของคุณพ่อเห็นไหมมาอยู่กับพวกเราต้องลำบากขนาดไหน เงินเดือนดาวก็ไม่มีตังจ่ายให้ป้าน้อยอีกแถมมาอยู่กับเราป้าน้อยก็ยังต้องมาคอยดูแลดาวกับแม่ ถ้าป้าน้อยอยู่ที่บ้านของคุณพ่อป่านนี้คงมีเงินเก็บเยอะแยะกินอิ่มนอนหลับได้อย่างสบายใจไม่ต้องมาทุกข์ทนอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็กๆ ท้ายตลาดแบบนี้หรอก" ฉันพูด ป้าน้อยมองฉันแล้วก็ยิ้ม "ขอโทษนะคะป้าน้อยที่ทำให้ป้าน้อยต้องลำบากแล้วก็ขอบคุณนะคะที่รักและดูแลเรานานขนาดนี้" ป้าน้อยจับมือฉันด้วยความอ่อนโยน "ไม่เป็นไรเลยค่ะคุณดาว ป้าน่ะมันคนบ้านนอกลูกหลานก็ไม่มี ผัวก็ไม่มี ป้าไม่มีภาระอะไรให้ต้องห่วงหน้าผวังค์หลังอีกแล้ว ตอนนั้นที่ป้าเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้นใหม่ๆ มันก็เป็นเพราะคุณอนุวัฒน์เขาให้ป้าไปดูแลคุณวันเพ็ญตอนที่เธอกำลังตั้งท้องคุณดาวอยู่ ทุกคนในบ้านไม่มีใครเคยเห็นหัวป้าเลยเพียงเพราะป้ามาจากบ้านนอก ทุกคนปฏิบัติกับป้าเหมือนคนต่ำต้อยไร้ค่ามีแต่คุณวันเพ็ญเนี่ยแหละที่รักและให้เกียรติป้าเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่คนนึง ไม่เคยเห็นป้าเป็นคนรับใช้เลยแถมยังช่วยเหลือป้าในทุกๆ เรื่องแล้วในวันที่พวกคุณลำบากจะให้ป้าทิ้งพวกคุณ ป้าทำไม่ได้หรอกนะคะถึงแม้ป้าจะไม่มีอะไรติดตัวเลยป้าก็ยังอยากอยู่ดูแลพวกคุณต่อไป ป้าไม่หวังเงินเดือนหวังแค่ว่าบั้นปลายของชีวิตป้าจะไม่ต้องตายอย่างโดดเดี่ยวไม่มีคนเผาศพแค่นั้นก็พอ" ป้าน้อยพูดไปน้ำตาคลอไปแต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มส่งมาให้ฉันอยู่ดี มันอบอุ่นมากจริงๆ "พูดอะไรแบบนั้นละพี่น้อย เป็นเพราะเงินเก็บก้อนนั้นของพี่น้อยเลยนะพวกเราเลยพอมีเงินทุนไปซื้อของมาขายทำำขนมขายจนมีเงินพอหมุนใช้แบบนี้" แม่ตอบ นั่นสิค่ะ ป้าน้อยห้ามคิดว่าตัวเองมาเป็นภาระพวกเราเด็ดขาดเลยรู้ไหม พวกเราติดค้างป้าน้อยตั้งหลายอย่างต่อไปก็อยู่กันแบบนี้ไปตลอดห้ามพูดเรื่องตายอีกรู้ไหมคะ!" ฉันพูด "ค่ะ คนดีของป้า" ป้าน้อยตอบ ติ้ง! (เสียงเเจ้งเตือน) ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามันคืออีเมลจากบริษัท KTK บริษัทที่ฉันไปสัมภาษณ์งานเมื่อหลายวันก่อน "มาแล้วๆ" ฉันพูดแล้วเปิดอ่านด้วยความตื่นเต้น (เรียน คุณดวงดาว ขจรวิทย์ ทางบริษัทของเราขอแจ้งให้ทราบว่าคุณผ่านการสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาผู้บริหารของบริษัท KTK ขอแสดงความยินดีด้วย คุณสามารถเขามาเริ่มงานได้ในสัปดาห์หน้า ขอบคุณค่ะ) ฉันตกใจตาเบิกโพร่งหลังจากความตกใจหายไปแล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาจากใบหน้าของฉัน "เย้ เย้ ฮู้ๆๆๆ เย้" ฉันตะโกนออกมาเสียงดังแถมยังกระโดดกระเต้นด้วยความดีใจ "ดาวเป็นไรลูก เสียงดังเกรงใจข้างบ้านเขา" แม่พูด ฉันรีบนั่งลงแล้วหันไปหาแม่ "แม่! ดาวได้งานแล้วแม่...เขารับดาวแล้วอะแม่ อร๊ายยย!" ฉันพูดแล้วพุ่งเข้าไปกอดแม่ด้วยความดีใจ "โอ๊ย~จ้ะๆ ดีใจด้วยนะลูก" แม่พูดพร้อมยกมือขึ้นมาลูบหลังฉันเบาๆ ฉันหันมาหาป้าน้อยแล้วก็เข้ากอดป้าน้อยเหมือนกัน "ป้าน้อยดาวได้งานแล้วต่อไปนี้พวกเราจะสบายกันแล้วนะป้าน้อย" ฉันพูด ป้าน้อยยิ้มแล้วกอดตอบฉัน "ป้าดีใจด้วยนะคะคุณดาว คุณดาวของป้าเก่งที่สุดในโลกเลย" ป้าน้อยตอบ1 สัปดาห์ต่อมาฉัันยังคงมาทำงานตามปกติเหมือนทุกวันแต่ที่ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็คือการทำงานของฉันดูราบลื่นขึ้นมากและได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อยๆ แถมพนักงานหลายๆ คนก็เริ่มให้ความการเคารพฉันในฐานะเลขาของคุณทศบ้างแล้วจากที่ตอนแรกดูจะตึงๆ และไม่ชอบฉันอย่างเห็นได้ชัด"คุณดาวหลังจากที่ทีมการตลาดได้โฆษณาออกไปผลตอบรับของโครงการหมู่บ้านที่พัทยาเป็นยังบ้าง" คุณทศถาม"ดีมากเลยค่ะคุณทศ ตอนนี้ลูกค้ากำลังให้ความสนใจโครงการของเราเป็นอย่างมากแล้วก็มีสปอนเซอร์รายใหญ่ติดต่อมาหลายบริษัทเลยค่ะ" "งั้นก็ดีแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ" คุณทศพูดจบฉันก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาแล้วมานั่งทำงานของตัวเองต่อเหมือนเดิม พอใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันฉันก็กดสั่งอาหารมาไว้ให้เขาตามปกติก่อนจะลงไปทานมื้อกลางวันของตัวเองที่โรงอาหารโรงอาหารทุกคนนั่งทานอาหารกลางวันและพูดคุยกันถึงปัญหาต่างๆ ในแต่ละวันกันอย่างสนุกสนานมีทั้งเรื่องรถติดบ้าง ทะเลาะกับสามีบ้าง มีปัญหาหากับเพื่อนร่วมงานบ้าง"น้องดาวเย็นนี้ว่างไหมจ๊ะ" พี่เจนถามก็ว่างนะคะพี่เจน พอดีดาวไม่ได้มีงานด่วนอะไรด้วย" ฉันตอบงั้นน้องดาวไปกับพวกเราไหม" พี่เจนถาม"พวกพี
"อะไรนะ!!" เสียงของอนุวัฒน์ดังขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทมารายงานข่าวเรื่องที่ดิน ที่เขาเคยยื่นขอเสนอไปแต่ก็ถูกตัดหน้าไปก่อนอย่างหน้าเสียดาย"คึ...คือคุณลดาเธอบอกว่าเธอนำที่ดินไปลงทุนกับบริษัท KTK แล้วครับ" ดนัยตอบ (ลูกน้องของอนุวัฒน์)"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเราติดต่อพูดคุยกับคุณลดาไว้ตั้งแต่หลายเดือนแล้วนิว่าเราจะขอซื้อที่ดินตรงนั้นของเธอด้วยเงินสด ทำไมเธอถึงยังปฎิเสธเราได้อีก นี่แกประสานงานยังไงกันแน่ว่ะ" อนุวัฒน์ถามด้วยความโมโห"คือผมทำตามที่คุณอนุวัฒน์สั่งจริงๆ นะครับแต่ผมทราบมาว่าคุณทศราชผู้บริหารคนใหม่ของทางบริษัท KTK ได้ยื่นขอเสนอให้คุณลดาเป็นหุ้นส่วนโครงการใหม่ที่ทางบริษัทนั่นกำลังจะทำขึ้นในอีกไม่ช้าแถมยังให้เปอร์เซ็นที่สูงอีกด้วย เธอก็เลยเกิดลังเลกับข้อเสนอของเราแล้วตกลงเซ็นต์สัญญากับทางนู้นครับ" ดนัยตอบ อนุวัฒน์รู้สึกโกรธยิ่งขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ที่พึ่งจะก้าวเข้าวงการของธุรกิจอย่างทศราชมาชิงตัดหน้าเขาไป เขาติดต่อกับคุณลดามาเป็นเวลานานมากกว่าคุณลดาจะยอมเปิดใจอ่านสัญญาซื้อขายกับเขา เสียทั้งเงินทั้งเวลทไปก็ไม่ใช้น้อยเพื่อซื้อใจฝั่งนั้นแต่กลับมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่เ
ฉันค่อยๆ นั่งลงตามที่คุณทศสั่ง"คุณทศจะไม่กลับบริษัทหรอคะ" ฉันถาม"ผมหิวข้าวน่ะ" คุณทศตอบ ฉันตกใจรีบยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาทันทีถึงได้รู้ว่านี่มันเลยเวลาอาหารกลางวันของคุณทศมานานแล้ว"โอ้! จริงด้วย ดาวขอโทษนะคะที่ไม่ได้สั่งอาหารกลางวันมาให้คุณทศ" ฉันพูด"เราอยู่กันที่ร้านอาหารนะไม่ใช่บริษัท ถึงคุณจะสั่งอะไรมาให้ผมผมก็กินไม่ได้อยู่แล้วป่ะ" คุณทศตอบ"ดาวขอโทษค่ะ" ฉันมัวแต่ลนจนทำขายหน้าคุณทศอีกแล้ว"อยู่กับผม คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรที่ไม่ได้ทำผิด เข้าใจไหม! ได้ยินทีไรล่ะรู้สึกหงุดหงิดทุกที" คุณทศพูด"ขอโท- " ฉันกำลังจะเผลอพูดคำนั้นออกมาอีกครั้งแล้วแต่ก็เจอเข้ากับสายตาที่มองมาอย่างดุๆ ก็เลยชะงักไปก่อน"เอ่อ~...รับทราบค่ะ" ฉันตอบ"แล้วนี่คุณไม่หิวหรือไง" คุณทศถาม"ดาวว่าจะกลับไปทานที่บริษัทค่ะ" ฉันตอบ"นี่มันจะบ่ายสองแล้วกว่าจะไปถึงบริษัทก็เกือบเลิกงานพอดี ผมทนไม่ไหวหรอกนะ" คุณทศตอบแล้วยกมือเรียกให้พนักงานมารับออร์เดอร์"คุณอยากกินอะไรก็สั่งเลยนะเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง" คุณทศพูดแล้วลงไปดูเมนูอาหาร ฉันรับเมนูจากพนักงานมาเปิดดูก็ถึงกับอึ้งไปเลย ไม่รู้ทำไมอาหารทุกอย่างมันถึงได้แพงขนาดนี้ ราคาอาหาร
ฉันกับคุณทศมาถึงร้านได้ประมาณ 30 นาที แล้ว ฉันนั่งอยู่ข้างๆคุณทศได้แต่เงียบไม่กล้าพูดอะไร คุณทศสั่งน้ำผมไม้มาให้ฉันระหว่างที่นั่งรออยู่ ฉันก็เห็นว่ามีผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งเดินตรงมาที่โต๊ะของพวกเราเมื่อพวกเขาเดินมาถึงคุณทศกับฉันก็รีบยืนขึ้นทันที "สวัสดีค่ะคุณทศราชรอนานไหมคะ" คุณลดาถาม "สวัสดีครับคุณลดา คุณเอกภพ รอไม่นานเลยครับพวกเราเองก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน เชิญนั่งก่อนสิครับ" คุณทศพูดด้วยคำสุภาพน้ำเสียงทุ้มน่าฟังสุดๆ แต่เดี๋ยวนะรอไม่นานอะไรละนี่มันตั้งครึ่งชั่วโมงเลยนะ"คุณลดากับคุณเอกภพสั่งอะไรก่อนดีไหมครับ" "ไม่ดีกว่าครับพวกเราทานมาแล้ว" "เอ่อ! นี่คือคุณดวงดาวเลขาของผมครับ" ฉันรีบก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพและกล่าวแนะนำตัวอย่างมีมารยาท "งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยนะครับ" พอคุณทศเริ่มพูดฉันก็หยิบแผนโครงการออกมาส่งให้คุณลดากับคุณเอกภพทันที "โครงการนี้คาดว่าจะเปิดพร้อมเข้าอาศัยประมาณสิ้นปีนี้ครับ จะมีบ้านทั้งโครงการทั้งหมด 25 หลังใหญ่ 10 หลังและบ้านขนาดกลาง 15 หลังครับ ทางเราคาดการงบของโครงการประมาณไว้ไม่เกินหนึ่งพันล้านบาทครับ ตอนนี้จากการคำนวณของทางบริษัทบ้านหลังใหญ่เราจะได้กำไร
ฉันมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้าและตอนนี้ก็กำลังนั่งคุณทศอยู่ที่ล็อบบี้ ฉันคิดมาตลอดทางว่าฉันจะทำทุกอย่างที่คุณชัชเคยทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผิดต่อความตั้งใจของเขา พอรถของคุณทศมาจอดที่ประตูหน้าบริษัทฉันก็รีบเดินไปรอรับเขา ตอนแรกฉันกะว่าจะช่วยเปิดประตูรถให้แต่ก็เข้าไปไม่ทันพี่รปภ.ที่ยืนรออยู่ ฉันเลยได้แต่ยืนมองดูด้วยความเสียดาย ทันทีที่คุณทศลงจากรถฉันก็ยื่นมืือไปขอกระเป๋าและเอกสารในมือเขาทันที คุณทศมองหน้าฉันแปปนึงก่อนที่จะส่งของทั้งหมดมาให้ ฉันรับมันแล้วเดินตามหลังคุณทศไปติดๆ ฉันเห็นคุณทศเหล่มองมาที่ฉันหลายครั้งสงสัยคงยังไม่ชินละมั้ง พอประตูลิฟต์เปิดออกฉันก็รีบเดินตามเข้าไปจนเผลอชนเข้ากับหลังของเขาจังๆ "ขอโทษค่ะ" ฉันพูดแล้วรีบถอยตัวหนีทันที"เอกสารที่ให้เตรียมพร้อมหรือยัง" คุณทศถาม"เรียบร้อยแล้วค่ะ" ฉันตอบ ฉันพูดจบคุณทศเดินออกไปเลย เขาเป็นคนที่เดินเร็วมากไม่รู้ว่าเป็นเพราะขายาวด้วยหรือเปล่าทำเอาฉันที่สับแทบตายก็ยังตามไม่ทันบวกกับมีรองเท้าส้นสูงด้วยแล้วนี่ยิ่งไปกันใหญ่"เดี๋ยวคุณเข้าไปคุยกับผมในห้องด้วยนะ" คุณทศพูดแล้วเปิดประตูเข้าไปห้อง ฉันวางของของคุณทศลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วเดินอ้อมไป
หลังจากเลิกงานฉันก็ออกมานั่งรอแท็กซี่อยู่ที่หน้าบริษัท"ไปไหนครับ" พี่คนขับถาม"ไปตลาดคุ้มฟ้าค่ะ" ฉันตอบ "ได้ครับ" เค้าตอบฉันแล้วกดมิเตอร์ทันที พอมาถึงตลาดฉันก็รีบหยิบเงินส่งให้พี่คนขับแล้วลงจากรถเพื่อไปหาแม่กับป้าน้อยในตลาด ปกติหนึ่งวันของบ้านเราช่วงเช้้าแม่กับป้าน้อยจะทำขนมออกมาขายด้วยกัน พอสายๆ หน่อยคนเริ่มซาแล้วป้าน้อยก็จะเดินไปซื้อพวกของสดในตลาดเพื่อมาเตรียมไว้ทำพวกข้าวแกงมาขายตอนเย็น โชคดีที่ตลาดที่นี่ติดกับโรงงาน โรงเรียน วัดและก็ศาลเจ้าเลยทำให้มีคนเดินพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นวันพระพวกเราก็จะทำขนมและกับข้าวถุงมาแต่เช้าเลย ถึงอย่างนั้นก็ยังขายหมดเร็วมาก ส่วนตอนเย็นก็จะเน้นขายไปที่พนักงานโรงงานที่เลิกค่ำๆ หน่อยเพราะตลาดคุ้มฟ้าของเราจะเปิดตั้งแต่ตี 5 ครึ่งถึง 3 ทุ่มเลย ฉันเดินเข้าที่แผงของเราก็เห็นคนกำลังมาต่อคิวซื้อกับข้าวของเราเต็มเลย แม่ฉันจะคอยหยิบกับข้าวใส่ถุง รับเงินทอนเงินส่วนป้าน้อยก็ตักกับข้าวใส่ถุงมัดยางวางใส่ถาดไว้ให้แม่ ตอนนี้ทั้งสองคนดูยุ่งมากเลยฉันก็เลยรีบเข้าไปช่วยทันที"มาเลยจ้าๆ อร่อยทุกอย่างเลยนะคะ" ฉันพูดพร้อมกับเอากระเป๋าไปวางไว้ข้างหลังแผง "อ้าว เล