เข้าสู่ระบบ"คุณดวงดาว ขจรวิทย์ค่ะ...คุณดวงดาว...คุณดวงดาวอยู่ไหมคะ" ฉันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนถามหาฉันเมื่อกี้ฉันดันมัวแต่คิดถึงเรื่องราวในอดีตในตอนนั้นที่ฉันแค่อายุ 17 ปี
"มาแล้วค่ะ มาแล้วค่ะ" ฉันรีบตอบและวิ่งไปหาพนักงานคนที่ประกาศเรียกฉันทันทีเพราะวันนี้ฉันมาสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาของผู้บริหาร "เชิญข้างในค่ะ" พนักงานพูด ฉันเดินเข้าไปข้างในห้องนั้นก็เห็นมีคณะกรรมการนั่งอยู่ 3 คน ผช. 2 คน ผญ. 1 คน อายุราว 40 กว่าและในห้องนั้นยังมีกล้องตัวใหญ่ๆ อีก 2 ตัวด้วยสงสัยคงไว้อัดคลิปสัมภาษณ์งานของผู้สมัครแหละมั้ง "สวัสดีค่ะดิฉันชื่อดวงดาว ขจรวิทย์ค่ะ" ฉันรีบแนะนำตัวทันทีด้วยน้ำเสียงความมั่นใจ "ค่ะ สวัสดีค่ะคุณดวงดาวจบสาขาอะไรมาคะ" กรรมการคนที่ 1 ถามฉัน "ดาวจบจากคณะบริหารธุรกิจสาขาภาษาอังกฤษด้านการสื่อสารธุรกิจมหาวิทยาลัย xxx ค่ะ" ฉันตอบ "แล้วเคยทำงานอะไรมาบ้างครับ" กรรมการคนที่ 2 "ดาวทำงานครั้งแรกตอนอายุ 18 ค่ะงานที่ทำส่วนใหญ่เป็นงานบริการในผับและร้านอาหาร" ฉันตอบ กรรมการทั้ง 3 คนหันหน้ามองหน้า "เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ดาวหมายถึงงานเด็กเสิร์ฟ งานต้อนรับ งานปั๊ม งานแม่บ้านอะไรประมาณนี้อะค่ะ" ฉันรีบแก้ต่างให้ตัวเองทันทีจนกรรมการพยักหน้าให้ฉัน จู่ ๆ พนักงานที่ยืนอยู่ข้างหลังคนนั้น คนที่เปิดประตูให้ฉัน เธอก็เดินถือโทรศัพท์มาให้กรรมการคนที่ 3 ทำให้การสัมภาษณ์หยุดลงชั่วคราว พอเขารับโทรศัพท์ก็พูดคุยพึมพัมอะไรไม่รู้กับปลายสาย "ครับ ได้ครับ ครับ" พอเห็นเขาคุยโทรศัพท์ฉันเองก็อึดอัดจนนั่งเกร็งทำอะไรไม่ถูกเลย "คุณดวงดาวครับ" กรรมการคนที่ 3 พูด "ค่ะ" ฉับรีบตอบ "ทำไมถึงมาสมัครในตำแหน่งนี้ละครับ" ฉันนิ่งไป แล้วได้แต่คิดในใจว่าควรจะตอบความจริงดีไหมหรือจะใช้้คำตอบที่สวยหรูให้ดูมีวุฒิภาวะเพื่อทำให้กรรมการพอใจดี...แต่เอาว่ะ! แม่สอนว่าห้ามโกหกเราต้องจริงใจ "เพราะเงินค่ะ" ฉันตอบ "อะไรนะครับ" กรรมการคนที่ 3 ถามย้ำ้ำำทั้งทีฉันเดาว่าเขาก็คงได้ยินชัดเจนแต่เขาคงไม่คิดว่าฉันจะตอบแบบนี้มั้ง "ดาวมาสมัครงานที่นี่ตำแหน่งนี้เพราะเงินค่ะ" ฉันตอบ กรรมการคนที่ 1 ยิ้มออกมาและมองฉันด้วยหางตาเหมือนกำลังเหยียดฉันอยู่เลย "ดาวเห็นจากประกาศว่ามีงานตำแหน่งนี้ว่างและให้เงินเดือนค่อนข้างสูงที่บ้านดาวต้องการใช้เงินจำนวนมากดาวเลยต้องมาสมัครงานในตำแหน่งนี้ค่ะ ดาวมั่นใจว่าความสามารถของดาวคู่ควรกับเงินเดือนของที่นี่ ดาวไม่เคยทำงานในตำแหน่งสูงๆ แบบนี้มาก่อนแต่ดาวพร้อมที่จะเรียนรู้และฝึกฝนทุกอย่างที่เลขาที่ดีควรจะทำ" ฉันตอบ "คุณดวงดาวไม่คิดว่าคำตอบของคุณดวงดาวมันจะทำให้คุณไม่ผ่านการคัดเลือกหน่อยเหรอครับ การที่คุณบอกว่าอยากได้งานนี้เพราะเงินเดือนมันสูงมันเป็นอะไรที่เสี่ยงกับการถูกคัดออกมากนะครับ" กรรมการคนที่ 2 พูด "กลัวค่ะ ดาวกลัวแต่ดาวคิดว่าดาวอยากพูดความจริงมากกว่า ดาวไม่อยากมานั่งคิดคำพูดที่ดูสวยหรูเพราะดาวทำได้ไม่เก่งอย่างน้อยถ้าจะได้ร่วมงานกันดาวก็อย่างทำงานกับคนที่จริงใจกับดาวและดาวเองก็อยากจริงใจกับเพื่อนร่วมงานดังนั้นดาวเลยตอบออกไปตามความรู้สึกจริงๆ ถึงแม้จะต้องถูกคัดออกดาวก็พร้อมจะยอมรับมันค่ะ" ฉันตอบออกไปอย่างจริงจัง "งั้นคุณดวงดาวคิดว่าในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด ทำไมบริษัทของเราถึงต้องเลือกคุณดวงดาวค่ะ คุณดวงดาวมีคุณสมบัติอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่นหรอคะ" กรรมการคนที่ 1 ถาม "คุณไม่จำเป็นต้องเลือกดาวก็ได้ค่ะแต่ถ้าคุณให้โอกาสดาว ดาวสัญญาว่าดาวจะตั้งใจทำงานของดาวให้เกินกับเงินเดือนที่พวกคุณจ้างดาวแน่นอน ดาวเป็นคนหัวไวเข้ากับคนอื่นได้ง่ายดาวพร้อมที่จะทำงานและเรียนรู้งานทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ดาวรู้ว่าทุกอย่างไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ดาวจะสู้เพื่อให้ได้มันมาและดาวจะเต็มที่กับมันเพื่อให้ตำแหน่งนี้อยู่กับดาวให้นานที่สุดค่ะ ถ้าถามถึงเรื่องคุณสมบัติพิเศษดาวเองก็ตอบได้ยาก ต้นทุนดาวต่ำกว่าหลายๆ คนมากแต่เรื่องสู้งานหรือความตั้งใจจริงดาวคิดว่าดาวก็ไม่แพ้ทุกคนเหมือนกัน" ฉันตอบทุกอย่างที่ฉันคิดและตั้งใจจะทำให้ได้กับคณะกรรมการแล้ว กรรมการมองหน้ากันและพยักหน้า เหมือนบอกว่าโอเคแล้วสำหรับการสัมภาษณ์ "ครับคุณดวงดาววันนี้การสัมภาษณ์ของคุณเสร็จแล้วครับ ขอบคุณที่มานะครับเราจะแจ้งผลการสัมภาษณ์ทางอีเมลนะครับ" กรรมการคนที่ 3 พูดฉันลุกขึ้นโค้งคำนับ "ค่ะ ขอบคุณมากนะคะยังไงฝากพิจารณาด้วยนะคะ" ฉันพูดจบแล้วก็เดินออกมา 5 วันต่อมา ยังไม่มีอะไรตอบกลับมาเลยสักอย่าง ตอนนี้ฉันนั่งเหมอด้วยใจที่สิ้นหวังสุดๆ อยู่หน้าเตาไฟ "ดาวดูขนมให้แม่หน่อยลูก" แม่พูดพร้อมกับนั่งพับใบตองห่อขนมอยู่บนแคร่ ฉันกรอกตามาหาแม่แล้วถอนหายใจออกมา "ยังไม่สุกหรอกแม่" ฉันตอบแล้วหันหน้ากลับทำหน้าเศร้าเหมือนเดิมฉันรู้สึกไม่มีชีวิตชีวาเอาซะเลย ฉันหวังกับงานนี้มากเพราะฉันไม่อยากให้แม่ต้องลำบากเลยตั้งใจไปสัมภาษณ์งานที่นั่นเพราะเงินเดือนมันดูน่าจะสร้างอนาคตให้ฉันกับครอบครัวได้ "เอ่อ~เดี๋ยวน้อยดูเองดีกว่าค่ะคุณวันเพ็ญ" ป้าน้อยพูดลุกขึ้นไปเปิดหม้อนึงขนมดูแทนฉัน "ดาว" แม่เรียก ฉันหันหน้าไปหาแม่ "เป็นอะไรลูก" แม่ถาม ฉันเงยหน้ามองออกไปบนท้องฟ้า "ดาวจะทำยังไงดีอ่ะแม่" ฉันตอบแล้วหันกลับมาทางเดิม "ถ้าดาวสัมภาษณ์งานไม่ผ่านเราจะทำยังไงดีอ่ะแม่เงิน เก็บที่มีมันก็ใกล้จะหมดลงทุกทีแล้ว ไหนค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาให้แม่ ค่าลงทุน ค่าแผง ค่าจิปาถะต่างๆอีกแถมเงินจากการขายของทุกวันมันก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น ถ้าดาวไม่มีงานทำพวกเราจะทำยังไงดีอะแม่" ฉันพูดไปทำหน้าบูดไป "ไม่เห็นเป็นไรเลยลูกเงินเราใช้ทุกวันยังไงมันก็ต้องหมดอยู่แล้วลูกไม่ต้องเครียดไปหรอก นี่ไงแม่ก็ออกไปขายขนมกับป้าน้อยทุกวันยังไงซะพวกเราก็ได้เงินเข้าบ้านทุกวันอยู่แล้ว" แม่ตอบ "ไม่ใช่สิแม่ ถ้าเราขายขนมในตลอดอย่างเดียวมันก็แค่ได้พอใช้กินไปวันๆ ดาวอ่ะอยากทำงานมีเงินเก็บเยอะๆ แม่จะได้พักผ่อนไม่ต้องออกไปขายของตากแดดร้อนๆ แบบนี้อีกแม่ยิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วด้วย ถ้าดาวมีเงินเยอะๆ ดาวจะพาแม่กับป้าน้อยออกไปอยู่ที่ดี ๆ เวลาแม่กับป้าน้อยป่วยก็จะได้พาไปรักษาได้ง่ายๆ ไม่ต้องมาคอยห่วงว่าจะมันแพงไหม เดือนนี้เงินจะพอใช้หรือเปล่า ดาวแค่ไม่อยากให้แม่กับป้าน้อยไม่ต้องลำบากอีกแล้ว ไหนๆ ตอนนี้ดาวก็เรียนจบแล้วดาวก็อยากจะดูแลแม่กับป้าน้อยเอง" ฉันพูด แม่มองฉันด้วยรอยยิ้ม "คุณดาวเนี่ยน่ารักจริงๆ เลยนะคะ" ป้าน้อยพูด "ไม่ต้องเลยป้าน้อยดาวบอกป้าน้อยแล้วใช่ไหมค่ะว่าไม่ให้ป้าน้อยลาออกจากบ้านของคุณพ่อเห็นไหมมาอยู่กับพวกเราต้องลำบากขนาดไหน เงินเดือนดาวก็ไม่มีตังจ่ายให้ป้าน้อยอีกแถมมาอยู่กับเราป้าน้อยก็ยังต้องมาคอยดูแลดาวกับแม่ ถ้าป้าน้อยอยู่ที่บ้านของคุณพ่อป่านนี้คงมีเงินเก็บเยอะแยะกินอิ่มนอนหลับได้อย่างสบายใจไม่ต้องมาทุกข์ทนอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็กๆ ท้ายตลาดแบบนี้หรอก" ฉันพูด ป้าน้อยมองฉันแล้วก็ยิ้ม "ขอโทษนะคะป้าน้อยที่ทำให้ป้าน้อยต้องลำบากแล้วก็ขอบคุณนะคะที่รักและดูแลเรานานขนาดนี้" ป้าน้อยจับมือฉันด้วยความอ่อนโยน "ไม่เป็นไรเลยค่ะคุณดาว ป้าน่ะมันคนบ้านนอกลูกหลานก็ไม่มี ผัวก็ไม่มี ป้าไม่มีภาระอะไรให้ต้องห่วงหน้าผวังค์หลังอีกแล้ว ตอนนั้นที่ป้าเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้นใหม่ๆ มันก็เป็นเพราะคุณอนุวัฒน์เขาให้ป้าไปดูแลคุณวันเพ็ญตอนที่เธอกำลังตั้งท้องคุณดาวอยู่ ทุกคนในบ้านไม่มีใครเคยเห็นหัวป้าเลยเพียงเพราะป้ามาจากบ้านนอก ทุกคนปฏิบัติกับป้าเหมือนคนต่ำต้อยไร้ค่ามีแต่คุณวันเพ็ญเนี่ยแหละที่รักและให้เกียรติป้าเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่คนนึง ไม่เคยเห็นป้าเป็นคนรับใช้เลยแถมยังช่วยเหลือป้าในทุกๆ เรื่องแล้วในวันที่พวกคุณลำบากจะให้ป้าทิ้งพวกคุณ ป้าทำไม่ได้หรอกนะคะถึงแม้ป้าจะไม่มีอะไรติดตัวเลยป้าก็ยังอยากอยู่ดูแลพวกคุณต่อไป ป้าไม่หวังเงินเดือนหวังแค่ว่าบั้นปลายของชีวิตป้าจะไม่ต้องตายอย่างโดดเดี่ยวไม่มีคนเผาศพแค่นั้นก็พอ" ป้าน้อยพูดไปน้ำตาคลอไปแต่ก็ยังคงมีรอยยิ้มส่งมาให้ฉันอยู่ดี มันอบอุ่นมากจริงๆ "พูดอะไรแบบนั้นละพี่น้อย เป็นเพราะเงินเก็บก้อนนั้นของพี่น้อยเลยนะพวกเราเลยพอมีเงินทุนไปซื้อของมาขายทำำขนมขายจนมีเงินพอหมุนใช้แบบนี้" แม่ตอบ นั่นสิค่ะ ป้าน้อยห้ามคิดว่าตัวเองมาเป็นภาระพวกเราเด็ดขาดเลยรู้ไหม พวกเราติดค้างป้าน้อยตั้งหลายอย่างต่อไปก็อยู่กันแบบนี้ไปตลอดห้ามพูดเรื่องตายอีกรู้ไหมคะ!" ฉันพูด "ค่ะ คนดีของป้า" ป้าน้อยตอบ ติ้ง! (เสียงเเจ้งเตือน) ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามันคืออีเมลจากบริษัท KTK บริษัทที่ฉันไปสัมภาษณ์งานเมื่อหลายวันก่อน "มาแล้วๆ" ฉันพูดแล้วเปิดอ่านด้วยความตื่นเต้น (เรียน คุณดวงดาว ขจรวิทย์ ทางบริษัทของเราขอแจ้งให้ทราบว่าคุณผ่านการสัมภาษณ์งานในตำแหน่งเลขาผู้บริหารของบริษัท KTK ขอแสดงความยินดีด้วย คุณสามารถเขามาเริ่มงานได้ในสัปดาห์หน้า ขอบคุณค่ะ) ฉันตกใจตาเบิกโพร่งหลังจากความตกใจหายไปแล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาจากใบหน้าของฉัน "เย้ เย้ ฮู้ๆๆๆ เย้" ฉันตะโกนออกมาเสียงดังแถมยังกระโดดกระเต้นด้วยความดีใจ "ดาวเป็นไรลูก เสียงดังเกรงใจข้างบ้านเขา" แม่พูด ฉันรีบนั่งลงแล้วหันไปหาแม่ "แม่! ดาวได้งานแล้วแม่...เขารับดาวแล้วอะแม่ อร๊ายยย!" ฉันพูดแล้วพุ่งเข้าไปกอดแม่ด้วยความดีใจ "โอ๊ย~จ้ะๆ ดีใจด้วยนะลูก" แม่พูดพร้อมยกมือขึ้นมาลูบหลังฉันเบาๆ ฉันหันมาหาป้าน้อยแล้วก็เข้ากอดป้าน้อยเหมือนกัน "ป้าน้อยดาวได้งานแล้วต่อไปนี้พวกเราจะสบายกันแล้วนะป้าน้อย" ฉันพูด ป้าน้อยยิ้มแล้วกอดตอบฉัน "ป้าดีใจด้วยนะคะคุณดาว คุณดาวของป้าเก่งที่สุดในโลกเลย" ป้าน้อยตอบหลังจากหนีเข้ามาในบ้านฉันก็รีบปิดประตูแล้วยืนยิ้มออกมาด้วยความเขิน "ผู้ชายอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัดเลย" ฉันพูดแล้วยิ้มอย่างกับคนบ้าอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะเดินไปเข้าไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำแล้วเข้านอน ในขณะที่ฉันกำลังจะถอดชุดออกก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองใส่ชุดและเครื่องประดับที่คุณทศให้ไว้อยู่ "ตายแล้วดาวเอ้ย~ ลืมขอบคุณคุณทศเรื่องชุดได้ไงเนี่ย" ฉันบ่นกับตัวเองที่หน้ากระจกอย่างรู้สึกเสียดาย "ไว้ค่อยขอบคุณเขาพรุ่งนี้แล้วกันจะได้เอาชุดกับสร้อยไปคืนด้วย" ฉันถอยหายใจแล้วพูดออกมาก่อนที่จะค่อย ๆ ถอดสร้อยเก็บใส่กล่องและถอดชุดไปซักอย่างทะนุถนอมจากนั้นก็กลับเข้าห้องไปอาบน้ำนอนทศราช Part00:30 น.ผมขับรถเข้ามาที่บ้านหลังจากไปส่งดาวซึ่งปกติแล้วผมจะนอนที่คอนโดเป็นส่วนใหญ่เพราะว่ามันใกล้และผมต้องทำงานตลอดเลยไม่อยากให้แม่ต้องมาเห็นผมนั่งทำงานหามรุ่งห่ามค่ำแล้วเป็นห่วงทีหลัง เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจพ่อเลยว่าเขาจะบ้างานอะไรนักหนาแต่พอมาวันนี้ผมได้มาอยู่ตรงนี้แทนพ่อผมถึงได้เข้าใจว่า มันจำเป็นต้องทำจริง ๆ และผมก็เข้าใจความรู้สึกแม่ดีเพราะผมเองก็เคยอยู่ในจุดที่นั่งทุกข์ที่เห็นพ่อเป็นแบบนั้นดังนั้นผมจึงเลือกที
ผมนั่งฟังพวกผู้ใหญ่เขาคุยกันมาประมาณ 20 นาทีแล้วมันมีแต่เรื่องอวดกันไปอวยกันมาตลอดจนผมฟังแล้วรู้สึกเบื่อไปเลยแต่ก็ไม่สามารถแสดงอาการออกมาได้ ผมหันไปมองที่กลุ่มของดาวแต่ปรากฏกว่าเธอไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจึงเกิดความกังวลเป็นอย่างมาก ผมกลัวว่าเธอจะกลับไปก่อนและถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมคงเสียดายแย่ที่ยังไม่ได้คุยอะไรกับเธอ ผมพยายามมองไปรอบ ๆ จนทั่วงานแต่ก็ยังไม่เจอเธออยู่ดี"ผมขอตัวก่อนนะครับ คืนนี้เชิญทุกคนตามสบายเลยนะถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกกับออแกไนซ์ได้เลย" ผมพูดแล้วลุกออกจากโต๊ะทันทีโดยไม่รอให้พวกผู้ใหญ่ตอบกลับอะไรมาเลยเพราะกลัวเขาจะรั้งผมให้อยู่ต่อ ผมก้าวเท้าเดินไปหาชัชเพื่อถามเขา"ชัช คุณดาวไปไหนแล้ว" ผมพูดแบบเป็นกันเองกับชัชเพราะเราค่อนข้างสนิทกันบวกกับตอนนี้มันนอกเวลางานแล้วด้วย จริงๆ ถ้าเวลาทำงานผมจะเรียกเขาว่าคุณชัชตลอดเพื่อให้เกียรติเขา"คุณดาวเหรอครับ เห็นเธอบ่นว่าเบื่อ ๆ ก็เลยอยากจะออกไปสูดอากาศหน่อยครับ""ไปคนเดียวเหรอ" ผมถามด้วยความเป็นเพราะตอนนี้มันดึกมากแล้วแถมทุกคนยังดื่มกันไปไม่น้อยถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยัง "ครับ ตอนแรกผมจะตามไปเป็นเพื่อนนะแต่เธอไม่ยอม" "ไม่เป็นไร" ผมรีบ
ฉันกลับมาถึงบ้านประมาณบ่ายโมงครึ่งด้วยความรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะทำอะไรแล้ว "นอนพักเอาแรงสักหน่อยแล้วกัน" ฉันเดินขึ้นไปนอนทิ้งตัวบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ17:30ฉันใส่ชุดคลุมเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วจากนั้นฉันก็เดินไปหน้ากระจกหยิบกล่องที่คุณทศให้ขึ้นมาเปิดดู ภายในกล่องนั้นมีชุดเดรสยาวสีแดงประกายเพชรวิบวับดูสวยมาก"แพงมากแน่เลยเนี่ย" ฉันพูดแล้วหยิบชุดนั้นออกมาดูชัด ๆ ฉันตะลึงกับสิ่งที่คุณทศเตรียมไว้ให้มากไม่คิดเลยว่าเขาจะเลือกเสื้อผ้าให้ผู้หญิงได้เก่งขนาดนี้และที่นึกไม่ถึงมากที่สุดก็คือเขาจะช่วยเตรียมมันมาให้ฉันโดยเฉพาะ ฉันค่อย ๆ วางมันลงบนเตียงแล้วหันกลับไปมองกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ที่คุณทศเตรียมมาให้พร้อมกับชุดนี้ หลังจากเปิดออกดูฉันก็ยิ่งตกใจยิ่งกว่าเพราะว่าฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้ประมาณ 2 อาทิตย์กว่า ๆ ฉันได้เอาเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของคุณทศก่อนที่เขาจะมาทำงานเหมือนปกติทุกวันแต่ว่าวันนั้นฉันแอบไปเห็นมันมีกระดาษจำนวนนึงถูกแฟ้มวางทับไว้อย่างไม่เป็นระเบียบก็เลยคิดว่าจัดให้มันเรียบร้อยแต่มันกลับไม่ใช่เอกสารงานอะไรเลยแต่เป็นแบบตัวอย่างสร้อยเพชร ยอม
"งานทุกอย่างเรียบร้อยไหมคะ" ฉันเดินตรวจเช็คงานกล่าวแล้วเดินไปถามกับหัวหน้าทีมออแกไนซ์ที่รับผิดชอบดูแลงานในวันนี้"เรียบร้อยดีค่ะคุณดาว" คุณนัทตอบ"ดีจ่ะ อย่าให้มีอะไรผิดพลาดนะคะ" ฉันพูด "ค่ะคุณดาว" เธอตอบแล้วก็เดินออกไปทำงานต่อ ส่วนฉันก็ยืนดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ต่ออีกนิดหน่อยเผื่อว่ามีอะไรจะได้แก้ไขได้ทันเวลา"เป็นไงบ้าง" ฉันหันไปตามเสียงมาดังมาจากด้านหลัง"เรียบร้อยดีค่ะคุณท" ฉันตอบ "ผมฝากคุณด้วยนะ รู้ใช่ไหมว่าผมไม่ชอบให้มีอะไรผิดพลาด" คุณทศพูด "ทราบค่ะ" ฉันตอบ วันงาน ฉันมาถึงบริษัทแต่เช้าเพื่อตรวจดูความพร้อมอีกครั้ง วันนี้เป็นวันสำคัญของบริษัท แขกและสปอนเซอร์ที่เชิญมาก็มีจำนวนมากไหนจะนักข่าวจากช่องต่าง ๆ อีกแถมเมื่อคืนนี้ฉันก็เพิ่งได้รับอีเมลว่าขอเพิ่มชื่อแขกพิเศษเข้ามาอีกหลายคนเลย วันนี้ฉันก็เลยต้องรีบมาจัดการดูแลตั้งแต่แต่เช้าตรู่เลย ในขณะที่ฉันกำลังหัวหมุนกับงานตรงหน้า ฉันก็หันไปเห็นคุณทศที่กำลังเดินเข้ามาหาฉัน(ซวยแล้วไงยัยดาวเอ้ย~ นี่เรามัวแต่เตรียมงานจนลืมเวลาไปเลยเหรอ) ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาคุณทศแล้วก้มหัวขอโทษเขาจากใจจริง "ดาวขอโทษนะคะคุณทศ คึ...คือดาวมัวแต่ยุ่งอยู่
คุณทศเดินไปเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้แม่กับป้าน้อย ทั้งคู่หันมามองที่ฉันเหมือนเป็นการถามเพื่อความแน่ใจว่าขึ้นไปได้จริง ๆ ใช่ไหมฉันเลยพยักหน้าตอบเพื่อให้พวกเขาสบายใจแม้แม่กับป้าน้อยจะรู้สึกเกรงใจคุณทศมาก ๆ แต่การที่เขาเปิดประตูรอแบบนั้นก็ทำเอาแม่กับป้าน้อยไม่อาจปฏิเสธได้เลย ฉันมองดูการกระทำของคุณทศที่ปฏิบัติต่อแม่และป้าน้อยอยู่ตลอดด้วยความพอใจเพราะถึงเขาจะเป็นถึงเจ้าของบริษัทแต่ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งหรือทำตัวไม่ดีต่อครอบครัวที่แสนจะธรรมดาของฉันเลยแม้แต่น้อยและเพราะเขาเป็นแบบนี้เนี่ยแหละฉันถึงยิ่งประทับใจเขามากขึ้นทุกที พอแม่กับป้าน้อยขึ้นไปนั่งบนรถแล้วคุณทศก็หันกลับมามองฉัน พอสบตากับเขาอีกครั้งฉันก็ถึงสะดุ้งเลยจากนั้นฉันก็รีบเดินไปเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งฝั่งข้างคนขับทันที แม้จะไม่ได้หันไปมองหน้าเขาอีกครั้งแต่ฉันรู้สึกได้เลยว่าคุณทศต้องกำลังยืนขำท่าทางตลก ๆ ของฉันเมื่อกี้อยู่แน่ ๆ ร้านอาหารมาถึงร้านฉันก็บอกให้แม่กับป้าน้อยเข้าไปก่อนเลยเพราะฉันจองโต๊ะเอาไว้แล้ว"คุณไม่ลงเหรอ" ฉันค่อย ๆ หันหน้าไปหาเขาด้วยความตื่นเต้น "หรือว่าอยากจะกลับบ้านพร้อมกับผม" น้ำเสียงและสีหน้าทีเล่นที่จริงของเขา
"เมื่อกี้คุณทศยิ้มให้เราเหรอ" ฉันถามตัวเองเบา ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นรัวอย่างกับจะระเบิดออกมา"แล้วทำไมเราต้องดีใจขนาดนี้ด้วยละ...ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย" หลังจากยืนคุยกับตัวเองอยู่แป๊ปนึงฉันก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานจากนั้้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแม่"ฮัลโหลค่ะแม่""ว่าไงจ๊ะลูก""วันนี้ช่วงบ่ายแม่กับป้าน้อยไม่ต้องทำกับข้าวออกไปขายที่ตลาดนะคะ""ทำไมล่ะลูก""ไม่มีอะไรหรอกค่ะ วันนี้ประมาณห้าโมงเย็นแม่กับป้าน้อยขึ้นแท็กซี่มาหาดาวที่บริษัทนะคะ""อะไรอีกล่ะเนี่ย""ต้องมานะคะ""จ่ะ ๆ ไว้เจอกันนะเดี๋ยวแม่ต้องไปช่วยป้าน้อยแกขายของต่อแล้ว""ค่ะ ดาวรักแม่นะคะ""จ่ะ แม่ก็รักดาวนะลูก"ทศราช Partผมนั่งมองกล่องสีดำเล็ก ๆ นั่นด้วยรอยยิ้มมาอยู่สักพักหลังจากที่เธอออกจากห้องไป"ของขวัญตอบแทนเหรอ ฮึ ๆ ดีกว่าที่คิดไว้อีกแฮะ" ผมพูดแล้วหยิบเสื้อสูทตัวโปรดที่คลุมอยู่บนเก้าอี้ขึ้นมาใส่จากนั้นก็ดึงปากกาด้ามเก่าที่เหน็บอยู่บนกระเป๋าเสื้อออกแล้วแทนที่ด้วยปากกาด้ามใหม่ที่เธอเพิ่งให้เมื่อกี้แทนดวงดาว Partหน้าบริษัทหลังจากเลิกงานฉันก็ออกมายืนรอแม่กับป้าน้อยอยู่หน้าบริษัท ในระหว่างที่ฉันยืนรออยู่นั้นรถของคุณทศ







