ทศราช Part
หลังจากการสัมภาษณ์จบลงผมได้สั่งให้กรรมการ อย่าพึ่งตัดใครหรือรับใครเข้าทำงานในตำแหน่งเลขาของผมเพราะผมต้องการตรวจสอบบางอย่างในแน่ชัดก่อนแต่ผ่านไป 3 วันแล้วผมก็ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย ก๊อก ก๊อก ก๊อก "เข้ามา" คนที่เพิ่งเดินเข้ามาก็คือชัชวาลผู้ช่วยคนสนิทของผมเอง "มีอะไร" ผมถามแล้วก้มหน้าลงไปสำคัญพิมพ์งานในโน๊ตบุ๊คต่อ "ขอโทษที่รบกวนครับท่านประธานแต่ข้อมูลที่ท่านสั่งไปผมไปสืบ ผมได้มาแล้วครับ" ชัชตอบ ผมยังคงก้มหน้าอยู่แต่เหลือกตาขึ้นไปมองชัชด้วยความสนใจแล้วจากนั้นผมก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ เพื่อไม่ให้ดูกระตือรือร้นมากจนเกินไป ผมใช้เอามือกดหน้าจอโน๊ตบุ๊คลงมาครึ่งนึง "ว่ามาสิ" ผมพูดเอนตัวไปกึ่งนอนกึ่งนั่งบนเก้าอี้ทำท่ากอดอกให้มีมาดสักหน่อย "ครับ คุณพ่อของคุณดวงดาวคือคุณอนุวัฒน์จริง ๆ ครับ คุณอนุวัฒน์กับคุณวันเพ็ญแม่ของคุณดวงดาวพวกเขาอายุเท่ากันทั้งสองคนแต่งงานกันอย่างเงียบๆ เมื่อ 26 ปีก่อนหลังจากแต่งงานกันเกือบ 2 ปี ทั้งคู่ได้มีลูกสาวด้วยกัน 1 คนชื่อว่า "ดวงดาว" ครับแต่หลังจากนั้นประมาณ 3 ปี คุณอนุวัฒน์ได้ตกเป็นข่าวดังในแวดวงนักธุรกิจว่ากำลังคบหากับคุณหญิงผกากรองลูกสาวของพลเอกสุรศักดิ์ แก้วมณีแต่ตอนนั้นทั้งสองออกมาให้การปฏิเสธและอ้างว่าเป็นเพียงการจับมือร่วมงานในเชิงธุรกิจเท่านั้น" ผมตั้งใจฟังในสิ่งที่ชัชกำลังเล่าอย่างมากไม่รู้ทำไมแต่ผมสนใจเรื่องของเธอมากจริง ๆ "แต่แล้วในวันเกิดครบอายุ 3 ปีของคุณดวงดาวคุณอนุวัฒน์ก็ได้พาคุณหญิงผกากรองเข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะภรรยานอกสมรสของเขาเพราะตอนนั้นคุณหญิงผกากรองเธอกำลังตั้งท้องลูกของคุณอนุวัฒน์อยู่ครับต่อมาเธอก็คลอดลูกออกมาหนึ่งคนซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงชื่อว่า "ดวงเดือน" เธอเป็นน้องสาวต่างแม่ของคุณดวงดาวครับ ผมรู้มาอีกว่าคุณหญิงผกากรองเธออายุน้อยกว่าคุณวันเพ็ญถึง 5 ปีแต่กลับไม่เคยให้ความเคารพคุณวันเพ็ญในฐานะภรรยาเอกเลยแถมเธอยังยุให้คุณอนุวัฒน์เลิกกับคุณวันเพ็ญอยู่ตลอดเพราะเธออับอายที่ต้องอยู่ในฐานะเมียน้อยของคุณอนุวัฒน์ ทำให้เธอกับคุณวันเพ็ญมีปัญหาทะเลาะกันเป็นประจำ ลูก ๆ ของพวกเธอก็เลยพลอยไม่ถูกกันไปด้วยครับ ต่อมาพอคุณดวงดาวเธออายุ 16 ย่าง 17 ปีคุณผกากรองภรรยาคนที่สองของคุณอนุวัฒน์เธอก็ได้ตั้งท้องลูกคนที่สองแต่ว่าเธอก็เกือบแท้งไปครับ ซึ่งเหตุผลตรงนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเพราะอะไรแต่โชคดีที่เด็กยังรอดมาได้จากนั้นไม่นานคุณอนุวัฒน์กับคุณวันเพ็ญก็ตกลงหย่ากันไป หลังจากที่คุณผกากรองคลอดลูกชายแล้วเธอกับคุณอนุวัฒน์ก็ได้มีการจัดงานแต่งเล็ก ๆ ขึ้นเป็นงานที่มีแต่คนสนิทระดับชั้นผู้ใหญ่เท่านั้นมาร่วมงานครับ หลังจากที่พ่อกับแม่ของคุณดวงดาวหย่ากันเธอกับแม่ก็ออกมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาอย่างยากลำบากแถมพ่อของเธอก็ไม่เคยมาสนใจใยดีอะไรอีกเลย" ชัชเล่าให้ผมฟังอย่างละเอียดซึ่งมันทำเอาผมตกใจอยู่เหมือนกันที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึงอย่างเธอเคยเจอเรื่องราวแบบนี้ในชีวิต "หลังจากนั้นละ" "อะไรนะครับ" ชัชตอบงงๆ "เธอกับแม่เธอทำยังไงต่อ" "อ๋อหลังจากนั้นผมทราบแค่ว่าคุณดวงดาวเธอมาเช่าบ้านอยู่ในซอยหลังตลาดคุ้มฟ้ากับแม่แล้วก็ป้าของเธอครับ เธอดรอปเรียนไปประมาณ 2 ปีเพื่อดูแลแม่ที่ไม่ค่อยแข็งแรงและก็ทำงานทุกอย่างที่มีคนจ้างไม่ว่าจะเป็นล้างจาน ซักผ้า รีดผ้า เสิร์ฟอาหาร ทำความสะอาด เอ่อ...ผมจำได้ไม่หมดน่ะครับ พอเธอเริ่มมีเงินเก็บบ้างบวกกับเงินฝากเดิมที่พ่อเธอเคยให้ไว้ตอนยังเด็ก ๆ เธอก็กลับไปเรียนต่อครับและพอจบมาได้ไม่นานก็มาหาสมัครงานกับบริษัทอื่น ๆ ไปทั่วรวมถึงบริษัทของเราด้วยครับ" "แหล่งข่าวของคุณน่าเชื่อถือแค่ไหน" ผมถาม "น่าเชื่อถือเลยละครับ ผมสั่งให้คนไปสอบถามจากคนในพื้นที่แถวตลาด ทุกคนตอบว่ารู้จักคุณดวงดาวจริง ๆ แต่เหมือนทุกคนจะรู้แค่ว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าพ่อที่อาศัยอยู่กับแม่และป้าของเธอเท่านั้นแต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอเคยเป็นคุณหนูจากครอบครัวใหญ่โตมาก่อนส่วนเรื่องภายในบ้านขจรวิทย์ผมได้จ่ายเงินซื้อมาจากคนสวนกับแม่บ้านเก่าแก่ที่เคยทำงานในบ้านของคุณอนุวัฒน์มาก่อนแต่ตอนนี้ก็ถูกไล่ออกกันหมดแล้วเพราะว่าคนเก่า ๆ ส่วนใหญ่เป็นคนของคุณวันเพ็ญครับ" "มีแค่นี้เหรอ" "ใช่ครับท่านประธาน" "ขอบใจมากงคุณก็กลับไปทำงานต่อเถอะแล้วก็ฝากเรียกหัวหน้า HR มาให้ผมที" "ได้ครับ" ชัชตอบแล้วก็เดินออกไปผมช็อคกับเรื่องราวของเธอมากไม่คิดว่าจะเศร้าขนาดนี้แต่อย่างน้อยสิ่งที่เธอพูดออกมาก็เป็นความจริง เธอดูเป็นคนจริงใจมากและตอนนี้ผมเองก็สนใจเธอมากๆ เรื่องราวของเธอมันทำให้ผมตัดสินใจได้แล้วว่าผมอยากจะลองทำงานกับเธอดู ขอแค่เธอตั้งใจ ซื่อสัตย์ กับบริษัทของผมเมื่อไหร่ถ้าเธอมีปัญหาไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องเงินผมก็พร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเพราะสำหรับผมเรื่องพวกนี้มันไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ก๊อก ก๊อก ก๊อก "ขออนุญาตค่ะท่านประธาน" เสียงพนักงานพูด "เข้ามา" "ท่านประธานมีอะไรให้นุ่นรับใช้เหรอคะ" "ช่วยแจ้งทางคณะกรรมการและฝ่ายบุคคลด้วยว่าผมตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำงานกับใคร ส่วนคนอื่นๆ ที่นัดมาสัมภาษณ์วันหลังให้ยกเลิกไปได้เลยและคุณก็ไปแจ้งกับคุณดวงดาว ขจรวิทย์ทีนะว่าให้เธอมาเริ่มงานกับเราได้เลยในสัปดาห์หน้า" "ได้ค่ะท่านประธาน" เธอตอบแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง1 สัปดาห์ต่อมา ฉัันยังคงมาทำงานตามปกติเหมือนทุกวันแต่ที่ดูจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็คือการทำงานของฉันดูราบลื่นขึ้นมากและได้รับคำชมจากเพื่อนร่วมงานอยู่บ่อย ๆ แถมพนักงานหลายๆ คนก็เริ่มให้ความการเคารพฉันในฐานะเลขาของคุณทศบ้างแล้วจากที่ตอนแรกดูจะตึง ๆ และไม่ชอบฉันอย่างเห็นได้ชัด "คุณดาวหลังจากที่ทีมการตลาดได้โฆษณาออกไปผลตอบรับของโครงการหมู่บ้านที่พัทยาเป็นยังบ้าง" คุณ "ดีมากเลยค่ะคุณทศตอนนี้ลูกค้ากำลังให้ความสนใจโครงการของเราเป็นอย่างมากแล้วก็มีสปอนเซอร์รายใหญ่ติดต่อมาหลายบริษัทเลยค่ะ" "งั้นก็ดีแล้ว คุณไปทำงานต่อเถอะ" ฉันก็เดินออกจากห้องทำงานของเขาแล้วมานั่งทำงานของตัวเองต่อเหมือนเดิม พอใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันฉันก็กดสั่งอาหารมาไว้ให้เขาตามปกติก่อนจะลงไปทานมื้อกลางวันของตัวเองที่โรงอาหาร โรงอาหาร ทุกคนนั่งทานอาหารกลางวันและพูดคุยกันถึงปัญหาต่างๆ ในแต่ละวันกันอย่างสนุกสนานมีทั้งเรื่องรถติดบ้าง ทะเลาะกับสามีบ้าง มีปัญหาหากับเพื่อนร่วมงานบ้าง "น้องดาวเย็นนี้ว่างไหมจ๊ะ" "ก็ว่างนะคะพี่เจนพอดีดาวไม่ได้มีงานด่วนอะไรด้วย" งั้นน้องดาวไปกับพวกเราไหม" พี่เจนถาม "พวกพี่จะไปไหนกันหรอคะ"
"อะไรนะ!!" เสียงของอนุวัฒน์ดังขึ้นเมื่อลูกน้องคนสนิทมารายงานข่าวเรื่องที่ดิน ที่เขาเคยยื่นขอเสนอไปแต่ก็ถูกตัดหน้าไปก่อนอย่างหน้าเสียดาย"คึ...คือคุณลดาเธอบอกว่าเธอนำที่ดินไปลงทุนกับบริษัท KTK แล้วครับ" ดนัยตอบ (ลูกน้องของอนุวัฒน์)"เป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน ก็ในเมื่อเราติดต่อพูดคุยกับคุณลดาไว้ตั้งแต่หลายเดือนแล้วนิว่าเราจะขอซื้อที่ดินตรงนั้นของเธอด้วยเงินสด ทำไมเธอถึงยังปฎิเสธเราได้อีก นี่แกประสานงานยังไงกันแน่ว่ะ" อนุวัฒน์ถามด้วยความโมโห"คือผมทำตามที่คุณอนุวัฒน์สั่งจริงๆ นะครับแต่ผมทราบมาว่าคุณทศราชผู้บริหารคนใหม่ของทางบริษัท KTK ได้ยื่นขอเสนอให้คุณลดาเป็นหุ้นส่วนโครงการใหม่ที่ทางบริษัทนั่นกำลังจะทำขึ้นในอีกไม่ช้าแถมยังให้เปอร์เซ็นที่สูงอีกด้วย เธอก็เลยเกิดลังเลกับข้อเสนอของเราแล้วตกลงเซ็นต์สัญญากับทางนู้นครับ" ดนัยตอบ อนุวัฒน์รู้สึกโกรธยิ่งขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าเด็กรุ่นใหม่ที่พึ่งจะก้าวเข้าวงการของธุรกิจอย่างทศราชมาชิงตัดหน้าเขาไป เขาติดต่อกับคุณลดามาเป็นเวลานานมากกว่าคุณลดาจะยอมเปิดใจอ่านสัญญาซื้อขายกับเขา เสียทั้งเงินทั้งเวลทไปก็ไม่ใช้น้อยเพื่อซื้อใจฝั่งนั้นแต่กลับมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่เ
ฉันค่อย ๆ นั่งลงตามที่คุณทศสั่ง "คุณทศจะไม่กลับบริษัทหรอคะ" "ผมหิวข้าวน่ะ" ฉันตกใจรีบยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาทันทีถึงได้รู้ว่านี่มันเลยเวลาอาหารกลางวันของคุณทศมานานแล้ว "โอ้! จริงด้วย ดาวขอโทษนะคะที่ไม่ได้สั่งอาหารกลางวันมาให้คุณทศ" "เราอยู่กันที่ร้านอาหารนะไม่ใช่บริษัทถึงคุณจะสั่งอะไรมาให้ผมผมก็กินไม่ได้อยู่แล้วป่ะ" "ดาวขอโทษค่ะ" ฉันมัวแต่ลนจนทำขายหน้าคุณทศอีกแล้ว "อยู่กับผมคุณไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรที่ไม่ได้ทำผิด เข้าใจไหม! ได้ยินทีไรล่ะรู้สึกหงุดหงิดทุกที" "ขอโท- " ฉันกำลังจะเผลอพูดคำนั้นออกมาอีกครั้งแล้วแต่ก็เจอเข้ากับสายตาที่มองมาอย่างดุๆ ก็เลยชะงักไปก่อน "เอ่อ~ รับทราบค่ะ" "แล้วนี่คุณไม่หิวหรือไง" คุณทศถาม "ดาวว่าจะกลับไปทานที่บริษัทค่ะ" "นี่มันจะบ่ายสองแล้วกว่าจะไปถึงบริษัทก็เกือบเลิกงานพอดี ผมทนหิวขนาดนั้รไม่ไหวหรอกนะ" คุณทศตอบแล้วยกมือเรียกให้พนักงานมารับออร์เดอร์ "คุณอยากกินอะไรก็สั่งเลยนะเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง" คุณทศพูดแล้วลงไปดูเมนูอาหาร ฉันรับเมนูจากพนักงานมาเปิดดูก็ถึงกับอึ้งไปเลยไม่รู้ทำไมอาหารทุกอย่างมันถึงได้แพงขนาดนี้ ราคาอาหารต่อจานโหดแบบนี้ฉันสามารถใช้เป็น
ฉันกับคุณทศมาถึงร้านได้ประมาณ 30 นาที แล้ว ฉันได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าพูดอะไรเพราะเห็นว่าคุณทศกำลังดูอะไรในโทรศัพท์ไม่รู้สีหน้าจริงจังแต่ระหว่างนั้นคุณทศเขาก็ได้สั่งน้ำผลไม้มาให้ฉันด้วยนะ ไม่นานก็มีผู้หญิงผู้ชายคู่หนึ่งเดินตรงมาที่โต๊ะของพวกเราเมื่อพวกเขาเดินมาถึงคุณทศกับฉันก็รีบยืนขึ้นทักทายทันที "สวัสดีค่ะคุณทศราชรอนานไหมคะ" "สวัสดีครับคุณลดา คุณเอกภพรอไม่นานเลยครับพวกเราเองก็พึ่งมาถึงเหมือนกัน เชิญนั่งก่อนสิครับ" คุณทศพูดด้วยคำสุภาพน้ำเสียงทุ้มน่าฟังสุด ๆ แต่เดี๋ยวนะรอไม่นานอะไรละนี่มันตั้งครึ่งชั่วโมงเลยนะ "คุณลดากับคุณเอกภพสั่งอะไรก่อนดีไหมครับ" "ไม่ดีกว่าครับพวกเราทานมาแล้ว" "เอ่อ! นี่คือคุณดวงดาวเลขาของผมครับ" ฉันรีบก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพและกล่าวแนะนำตัวอย่างมีมารยาท "งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยนะครับ" พอคุณทศเริ่มพูดฉันก็หยิบแผนโครงการออกมาส่งให้คุณลดากับคุณเอกภพทันที "โครงการนี้คาดว่าจะเปิดพร้อมเข้าอาศัยประมาณสิ้นปีนี้ครับ จะมีบ้านทั้งหมด 25 หลังแบ่งเป็นหลังใหญ่ 10 หลังและบ้านขนาดกลาง 15 หลังครับ ทางเราคาดการงบของโครงการประมาณไว้ไม่เกินหนึ่งพันล้านบาทครับ ตอนนี้จากก
ฉันมาถึงบริษัทตั้งแต่เช้าและตอนนี้ก็กำลังนั่งคุณทศอยู่ที่ล็อบบี้ ฉันคิดมาตลอดทางว่าฉันจะทำทุกอย่างที่คุณชัชเคยทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผิดต่อความตั้งใจของเขา พอรถของคุณทศมาจอดที่หน้าประตูบริษัทฉันก็รีบเดินไปรอรับเขาทันที ตอนแรกฉันกะว่าจะช่วยเปิดประตูรถให้ด้วยแต่ก็เข้าไปไม่ทันพี่รปภ.ที่ยืนรออยู่ ฉันเลยได้แต่ยืนมองดูด้วยความเสียดายและหลังจากที่คุณทศลงมาจากรถฉันก็ยื่นมืือไปขอกระเป๋าและเอกสารในมือเขาทันที คุณทศมองหน้าฉันแป๊ปนึงก่อนที่จะส่งของทั้งหมดมาให้ ฉันรับมันแล้วเดินตามหลังคุณทศไปติดทๆ ฉันเห็นคุณทศเหล่มองมาที่ฉันหลายครั้งสงสัยคงยังไม่ชินละมั้ง พอประตูลิฟต์เปิดออกฉันก็รีบเดินตามเข้าไปจนเผลอชนเข้ากับหลังของเขาจัง ๆ "ขอโทษค่ะ" ฉันพูดแล้วรีบถอยตัวหนีทันที "เอกสารที่ให้เตรียมพร้อมหรือยัง" "เรียบร้อยแล้วค่ะ" เขาเป็นคนที่เดินเร็วมากไม่รู้ว่าเป็นเพราะขายาวด้วยหรือเปล่าทำเอาฉันที่สับแทบตายก็ยังตามไม่ทันบวกกับมีรองเท้าส้นสูงด้วยแล้วนี่ยิ่งไปกันใหญ่เลย "เดี๋ยวคุณเข้าไปคุยกับผมในห้องด้วยนะ" คุณทศพูดแล้วเปิดประตูเข้าไปห้องให้ฉันเดินเข้าไปก่อน เขาคงเห็นว่าฉันถือของมาเยอะเลยไม่สะดวกเปิดประตู
หลังจากเลิกงานฉันก็ออกมานั่งรอแท็กซี่อยู่ที่หน้าบริษัท "ไปไหนครับ" พี่คนขับถาม "ไปตลาดคุ้มฟ้าค่ะ" "ได้ครับ" เค้ากดมิเตอร์ทันทีก่อนจะขับรถออกไปพอมาถึงตลาดฉันก็รีบหยิบเงินส่งให้พี่คนขับแล้วลงจากรถเพื่อไปหาแม่กับป้าน้อย ปกติหนึ่งวันของบ้านเรานั้นช่วงเช้าแม่กับป้าน้อยจะทำขนมออกมาขายด้วยกันที่ตลาด พอเริ่มสาย ๆ หน่อยคนก็จะซาแล้วป้าน้อยก็จะเดินไปซื้อพวกของสด วัตถุดิบต่าง ๆ ในตลาดเพื่อมาเตรียมทำกับข้าวไว้ขายตอนเย็นต่อเป็นพวกข้าวแกงถุง โชคดีที่ตลาดที่นี่ทำเลดีอยู่ตรงกลางระหว่างโรงงาน โรงเรียน วัดและก็ศาลเจ้าเลยทำให้มีคนเดินพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา ยิ่งถ้าเป็นวันพระหรือเทศกาลต่าง ๆ นะก็จะยิ่งขายดี ตอนเช้าส่วนใหญ่บ้านเราจะทำเป็นพวกขนมหวานขนมไทยแต่อาจจะมีพวกเค้กกับของหวานอื่นบ้างสลับกันไปมาส่วนช่วงเย็นก็จะเน้นขายพวกกับข้าวถุงซะส่วนใหญ่นอกจากจะมีขนมเหลือจากตอนเช้าบ้างที่จะเขาออกมาขายด้วยแต่รับรองไม่มีขนมค้างคืนแน่นอน ช่วงตอนเย็นกับข้าวร้านเราขายดีมากไม่เคยเหลือเลยสักวันเพราะทั้งถูกและอร่อยๆด้รับการการันตีจากลูกค้าตลอดโดยกลุ่มเป้าหมายหลักของเราจะเน้นไปที่พนักงานโรงงานที่เลิกเพิ่งเลิกงานกัน ช่วง 5-6