ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง อีกทั้งเขายังลงน้ำโดยไม่ได้สวมใส่ชุดดำน้ำอีกเกรงว่าอีกไม่นานนัก เขาต้องเป็นหวัดอย่างแน่นอนนางจึงหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ ยื่นส่งให้แก่ฉู่เทียนหัว“รีบกินยาแก้หวัดเข้าไปก่อน อย่ารอให้ไปถึงเมืองอินเป่ย จนไปแพร่เชื้อให้กวนซินอีก”ฉู่เทียนหัวรับเอายาแก้หวัดไป ใส่ปากแล้วกลืนลงคอเจี่ยนอันอันจึงได้บอกกล่าวถึงความคิดที่จะร่วมมือกับกู้มั่วหลีให้เขาฟัง“ข้าย่อมรู้ว่าเขาไม่ใช่คนดี แต่การมีมิตรมาเพิ่ม ย่อมดีกว่าเพิ่มศัตรูอีกคน”“ข้ามีแผนการของตนเอง ในการขยายอิทธิพลให้มากขึ้น”เจี่ยนอันอันกล่าวถึงตรงนี้ นางมิได้พูดอะไรต่ออีกแม้นางจะไม่ได้อธิบายทั้งหมด แต่ฉู่เทียนหัวเป็นคนฉลาด ย่อมนึกไปถึงภาพในวันหน้าได้อย่าว่าแต่เขาไม่ยินยอมถูกปลดเป็นสามัญชน จนเนรเทศไปอยู่เมืองอินเป่ยเลยแม้แต่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน ก็คงไม่สมัครใจจะอยู่ในที่กันดารเช่นนี้ตราบจนชีวิตจะหาไม่พวกเขาก็ต้องวางแผนเพื่อจะกลับไปเมืองจิงโจวเช่นกันฉู่เทียนหัวจึงไม่ได้ถามมากความ เพราะเขาก็พอรู้สาเหตุรางๆ แล้วส่วนกู้มั่วหลีที่อยู่ด้านนอกรถม้า เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าเขาไม่ใช่คนดี กลับย
เจี่ยนอันอันหันไปมองชาวประมงกลุ่มนั้นพลางคิดในใจถึงคนตายสองคนที่เห็นอยู่ใต้น้ำ อาจเป็นเว่ยเจี่ยกับเว่ยติงที่เหล่าชาวประมงเอ่ยถึงก็เป็นได้แต่ร่างของสองคนนั้นเห็นเข้าก็รู้ว่าถูกเชือดคอจนขาด จากนั้นจึงโยนลงน้ำไปแต่จะเป็นฝีมือผู้ใดกัน?เจี่ยนอันอันเหลียวมองกู้มั่วหลี จึงเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้ายิ้มๆ ขณะจ้องมองนางคล้ายกับการตายของคนสองคน มิได้เกี่ยวข้องกับเขาสักนิดไม่บอกก็รู้ว่า กู้มั่วหลีมาถึงแม่น้ำจื่อสุ่ยก่อนใครเพื่อนแต่เขาว่ายน้ำไม่เป็น จึงอาจเป็นไปได้ว่ามีการว่าจ้างให้สองคนนั้นลงไปงมหาป้ายประกาศิตสวรรค์เพียงแต่พวกเขาหาป้ายไม่พบ ทำให้กู้มั่วหลีเกิดความโกรธเคือง จึงลงมือสังหารแล้วทิ้งลงน้ำไปเจี่ยนอันอันถลึงตาใส่กู้มั่วหลี พลางหันหน้าเดินไปทางรถม้าต่อทั้งสามต่างขึ้นรถม้าไป โดยมีฉู่จวินสิงรับหน้าที่ควบม้าเช่นเดิม พร้อมย้อนกลับทางเดิมที่มาพวกเขาออกมานานมากแล้ว สมควรต้องกลับเมืองอินเป่ยเสียทีกู้มั่วหลีก็ขึ้นหลังม้า เร่งมาอยู่ข้างรถม้าเช่นกันเจี่ยนอันอันแหวกผ้าม่าน พร้อมกล่าวต่อกู้มั่วหลี “เจ้าออกจากเมืองอินเป่ยไปแล้ว ยังจะตามเรามาทำไมอีก?”กู้มั่วหลียักไหล่เล็กน้อย “ไหนๆ
ขณะเดินทางกลับ กู้มั่วหลีนั่งตรงข้ามกับเจี่ยนอันอัน พร้อมจ้องมองนางไม่วางตาแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเป็นห่วงนางที่ลงน้ำแล้วยังไม่ขึ้นมา เกรงว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นแต่หลังจากเจี่ยนอันอันขึ้นเรือมาแล้ว มองดูสีหน้าที่เรียบเฉยของนางกู้มั่วหลีก็พอจะคาดเดาได้ทุกอย่างป้ายประกาศิตสวรรค์สำหรับฉู่เทียนหัวและเจี่ยนอันอัน ล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างมาก การที่เจี่ยนอันอันลงน้ำไปนานไม่ยอมขึ้นมาเสียที นั่นแสดงว่านางหมายมั่นปั้นมือต้องการป้ายนั้นให้จงได้แต่หลังจากขึ้นเรือมาแล้ว นางกลับมีสีหน้าเรียบเฉยแสดงว่าคงได้ป้ายประกาศิตไปแล้ว หาไม่นางจะต้องลงน้ำอีกครั้ง เพื่อเสาะหาร่องรอยของป้ายนั้นอีกขณะที่เจี่ยนอันอันปฏิเสธว่ายังไม่พบป้ายนั้น กู้มั่วหลีก็อยู่ด้านข้างดูเรื่องสนุกอยู่ส่วนป้ายนั้นจะถูกเจี่ยนอันอันไปซ่อนไว้ที่ใด ให้คนอื่นไม่อาจหาพบได้เชื่อว่าเจี่ยนอันอันคงมีวิธีของนางอย่างไรเสียที่เขามาตามหาป้ายประกาศิตที่นี่ ก็เพื่อหวังมอบให้นางอยู่แล้วในเมื่อเจี่ยนอันอันหาพบด้วยตัวเอง ทำให้เขาเสียโอกาสอันดีไปจึงคิดว่าวันหน้าอาจต้องหาของสำคัญยิ่งกว่านี้ เพื่อเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ให้นางอีกครั้ง
ถ้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงตามหาป้ายประกาศิตพบแล้ว เขาก็ไม่ต้องลงน้ำไปหาอีกแต่จะหาวิธีเอาป้ายนั้นกลับมาต่างหากฉู่จวินสิงส่ายหน้าเบาๆ “ยังไม่พบ”เขากับเจี่ยนอันอันก่อนขึ้นมาเหนือน้ำ ได้ตกลงกันไว้ก่อนแล้วป้ายประกาศิตนี้จะมอบให้ฉู่เทียนหัวไม่ได้เป็นอันขาดเมื่อฉู่เทียนหัวได้ยินว่าทั้งคู่ยังหาป้ายไม่พบ สีหน้าเขาก็แสดงถึงความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดเจี่ยนอันอันสบช่องจึงกล่าวสมทบ “เพราะแม่น้ำนี้กว้างใหญ่มาก อีกทั้งสายน้ำเชี่ยวกราก”“เราสองคนลงไปงมหา ก็เกือบถูกต้นไม้น้ำพันเข้าเช่นกัน”“การจะหากล่องไม้ในแม่น้ำเช่นนี้ มีความยากยิ่งไม่ต่างกับงมเข็มในมหาสมุทร”เจี่ยนอันอันกล่าวพลาง พร้อมถอนหายใจออกมาเบาๆแสดงท่าทีคล้ายจนปัญญาโดยสิ้นเชิงกู้มั่วหลีได้ยินว่าเจี่ยนอันอันเกือบถูกต้นไม้น้ำพันเข้า จึงรีบถามไถ่ “เจี่ยนอันอัน วันหน้าอย่าได้ไปทำเรื่องอันตรายเช่นนี้อีก”เจี่ยนอันอันตอบเพียงคำว่า “อืม” ถือว่าตอบกลับเขาไปฉู่เทียนหัวลุกขึ้นนั่ง พับขาพร้อมปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดร่างกายก็ได้ฟื้นฟูกลับมาเขามักรู้สึกว่า เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงคล้ายกำลังพูดปดอยู่แม้ว่าแม่น้ำนี้จะกว
ฉู่จวินสิงพยักหน้า ทั้งคู่จัดแจงเก็บของเรียบร้อย จึงนั่งอยู่บนเรือรอให้ฉู่เทียนหัวขึ้นจากน้ำมาสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ในขณะที่ฉู่เทียนหัวกำลังตามหาป้ายประกาศิตอยู่นั้น เนื่องจากการมองเห็นในน้ำไม่ถนัดชัดเจนศีรษะจึงไปชนเข้ากับหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเข้าทำให้หน้าผากถลอกทันที และมีเลือดไหลออกมา แต่ถูกน้ำชะล้างไปฉู่เทียนหัวเอามือกุมหน้าผากที่เจ็บ คิดไปจากที่ตรงนั้นเสีย แต่กลับพบว่าบริเวณที่เหยียบอยู่ มีต้นไม้น้ำมาพันแข้งพันขาไว้ทำให้ฉู่เทียนหัวในยามนี้ รู้สึกว่าการกลั้นหายใจ เป็นเรื่องลำบากยากยิ่งหากไม่รีบขึ้นเหนือน้ำอีก เกรงว่าคงต้องสำลักน้ำเสียชีวิตเป็นแน่แท้เขาจึงรีบแกะต้นไม้น้ำที่มาพัวพันออก แต่ปรากฏว่ายิ่งรัดก็ยิ่งแน่นมากขึ้นขณะที่ฉู่เทียนหัวกำลังดิ้นรนอยู่นั้น ลมหายใจที่กลั้นอยู่ สุดท้ายก็ต้านการเคลื่อนไหวที่รุนแรงไม่ได้ จนต้องระบายออกมาเสียสิ้นและเมื่อขาดอากาศ เขาจึงกลืนกินน้ำเข้าไปแทนเป็นจำนวนมากรู้สึกว่าภายในอกเริ่มมีน้ำปริมาณมหาศาลไหลเข้าไปและยามนี้เขาเริ่มเกิดความหวาดกลัว แต่ยิ่งดิ้นรนเท่าใด ก็ยิ่งไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการของต้นไม้น้ำได้ในท้องมีน้ำเข้าไปเป็น
เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงต่างสบตากัน พร้อมแหวกว่ายไปตามทิศทางที่จุดสีแดงบอกไว้อาศัยแสงสว่างจากไฟส่องทางใต้น้ำ ไม่นานทั้งคู่จึงเห็นกล่องไม้ใบหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ถูกดินปกคลุมไว้อยู่คาดว่าน่าจะเป็นกล่องไม้ที่บรรจุป้ายประกาศิตอย่างแน่นอนทั้งคู่แอบดีใจเงียบๆ พลางรีบว่ายไปที่กล่องไม้นั้น หลังจากปัดเอาเศษดินออกไป จึงเห็นกล่องไม้นั้นยังมีโซ่เหล็กผูกไว้อีกชั้นพร้อมกุญแจที่ล่ามสิ่งของในนั้นไว้เจี่ยนอันอันหยิบเข็มเงินออกมาจากห้วงมิติ พร้อมสอดเข้าไปในแม่กุญแจแล้วขยับเล็กน้อยไม่นานก็สามารถไขกุญแจออกเจี่ยนอันอันเปิดฝากล่องออก ในที่สุดก็เห็นป้ายแผ่นหนึ่งที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์บนป้ายนั้นสลักอักษรตัวใหญ่ว่า ‘ป้ายประกาศิตสวรรค์’ภายใต้ชื่อนั้นยังมีอักษรสลักอีกหนึ่งแถวเจี่ยนอันอันมองดูอักษรแถวนั้น พลางคิดในใจว่าไฉนดูแล้วจึงคล้ายพยัญชนะภาษาอังกฤษ?นางลองสะกดดู พลันนัยน์ตาเบิกโพลงขึ้นเป็นอักษรภาษาอังกฤษจริงๆแต่ในยุคโบราณนี้จะมีภาษาอังกฤษได้อย่างไร หรือว่าผู้ที่เคยครอบครองป้ายประกาศิตนี้ ก็ได้ทะลุมิติมาเช่นกัน?แต่ยามนี้ไม่มีเวลาคิดมากความ เจี่ยนอันอันรีบนำกล่องไม้และป้าย