“หม่อมฉันติดหนี้น้ำใจท่านอ๋องแล้วหนึ่งครั้ง ขอบพระทัยมากนะเพคะ” ลู่ผิงถิงยิ้มกว้างรอยยิ้มนี้ออกมาจากใจไม่ได้เสแสร้ง
“ไม่มีหนี้น้ำใจสำหรับสามีภรรยา” อ๋องหนุ่มใช้นิ้ว เขี่ยจมูกได้รูป เขายิ้มกว้างให้พระชายาตัวน้อยของเขาเช่นกัน
“เช่นนั้นหม่อมฉันจะไปหาหมอเทวดาเหยียน”
อ๋องหนุ่มหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องไปหาเขา รออยู่กับข้าที่นี่ ตอนรักษาข้าจะไปด้วย” เขาไม่ปล่อยให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันอีกเป็นอันขาด จากนี้ไปจะปล่อยนางให้คาดสายตาไม่ได้แล้ว เกิดเมาสุราขึ้นมานางอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้
“แต่หม่อมฉันต้องกลับไปดูแลท่านแม่ที่จวนลู่”
“ข้าจะไปกับเจ้า”
“....”
อ๋องหนุ่มเตรียมบัวหิมะเหมันต์ แล้วพาพระชายาออกจากจวนอ๋องไปจวนลู่ สั่งให้พ่อบ้านจางไปแจ้งข่าวอู่เหยียนที่หอเฟิ่งหวง ว่าพรุ่งนี้ให้ไปรักษาท่านแม่ยายที่จวนตระกูลลู่
ณ จวนตระกูลลู่
ลู่ผิงถิงสังเกตุคิ้วที่ขมวดแน่นของสามีก็รู้ว่าเขาไม่คุ้นชินกับสถานที่คับแคบแห่งนี้ “ท่านอ๋อง ที่นี่คับแคบมาก ถ้าท่านรู้สึกไม่สะดวกกลับไปพักที่จวนอ๋องก็ได้นะเพคะ”
“ข้าอยู่ได้”
“...” อยู่ได้เหตุใดต้
“ตั่งนั่นไม่นุ่มเกรงว่าเจ้าจะเจ็บก้น ไปที่เตียงดีกว่า ข้าจะดูให้ดีเจ้าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง”“....” ภาพเหตุการณ์ที่หอเฟิ่งหวงผุดขึ้นมาในหัว ลู่ผิงถิงอีกครั้งออกไปนะ ออกปายยย อย่ามาหลอกหลอนข้าอีก คนผู้นั้นไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้ามู่เซียวเซ่อมองดูสตรีที่นั่งอยู่บนเตียง เดี๋ยวขมวดคิ้ว เดี๋ยวส่ายหน้าไปมา ก็ยกยิ้มมุมปาก นางคงกำลังคิดบางเรื่องที่ไม่ได้ดังใจอยู่ จึงมีท่าทีเช่นนี้เขากวาดตามองหาบาดแผลเมื่อไม่มีแผลใด ๆ บนกายนางเขาจึงนั่งลงข้าง ๆ “เจ้าจะไปวัดเก้าหลินหรือ”“เพคะ” ลู่ผิงถิงที่พยายามห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องคืนนั้น หันมาตอบอย่างลุกลี้ลุกลน“อยากได้บุตรก็คุยกับข้า ไม่ต้องไปขอพรที่วัดหรอก” มู่เซียวเซ่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ลู่ผิงถิงอ้าปากค้างอยู่นานถึงหาเสียงตัวเองเจอ “ใครบอกท่านอ๋องกัน” นางขึ้นเสียงอย่างร้อนรนเขาเข้าใจนางผิดแล้ว จากนั้นก็ยืดตัวไปกระซิบข้างหูเขา “หม่อมฉันไปหาแม่นมเหมยต่างหาก”มู่เซียวเซ่อตวัดแขนโอบรอบคนตัวเล็ก นางเอนตัวหนีไปด้านหลังจนนอนราบไปกับเตียง เขาจึงโน้มลำตัวตามไป สองมือยันเตียงนุ่มไว้ โดยมีนางนอนอยู่ระ
มีอย่างที่ไหนเป็นสามีภรรยากัน เขาเองก็สละความสุขสบายที่จวนอ๋อง มาอยู่ที่จวนลู่กับภรรยา แต่นางกลับแยกห้องนอนกับเขาทิ้งห้องของนางให้เขา แล้วตัวนางเองไปนอนกับมารดาของนางทุกคืน มีเพียงคืนแรกที่เข้าจวนลู่เท่านั้น ที่ได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มนางเคยรับปากไว้ว่าเมื่อมารดานางฟื้น จะปรนนิบัติเขาอีกครั้งมู่เซียวเซ่อรู้สึกรอคอยอย่างบอกไม่ถูก เขาอยากรู้หากนางสติแจ่มชัด นางจะเร่าร้อนราวปีศาจจิ้งจอกอย่างคืนนั้นไหม“ติดค้างหรือ ...หม่อมฉันไปติดค้างพระองค์ตอนไหนกัน” ลู่ผิงถิงขมวดคิ้วครุ่นคิด พอนึกออกใบหน้าที่หายแดงไปเมื่อครู่ ก็กลับมาแดงซ้ำอีกครั้งเขายังไม่ลืมอีกหรือ ขนาดนางยังจำไม่ได้แล้ว เรื่องพวกนั้นนางแค่รับปากไปส่ง ๆ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการเท่านั้น ไม่ได้คิดจะปรนนิบัติเขาจริงเสียหน่อยอ๋องหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นท่าทีเขินอายของอีกฝ่าย“แม่เจ้าฟื้นแล้ว” มู่เซียวเซ่อเอ่ยอย่างมีเลศนัยลู่ผิงถิงขบเม้มริมฝีปาก นางกำลังคิดว่าจะออกจากอ้อมกอดนี้ของเขาอย่างไรดี “หม่อมฉันไม่ได้ลืมเพคะ แต่ที่นี่...สถานที่ไม่เหมาะเท่าไร พระองค์ว่าหรือไม่เพคะ”
มือเล็กยื่นไปจับชายแขนเสื้อชินอ๋องหนุ่มเขย่าไปมา แล้วเอ่ยอย่างออดอ้อน “ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันต้องการข้อมูลนี้ จริง ๆ อนุญาตเถิดเพคะ”“ก็ได้” มู่เซียวเซ่อรับคำขอของพระชายาน้ำเสียงอ่อนโยนดื่มก็ดื่มสิ นางอยากได้ข้อมูลเขาก็ต้องตามใจนางอยู่แล้ว แต่เขาไม่ปล่อยให้นางไปดื่มกับอู่เหยียนเพียงลำพังแน่ จะดื่มก็ได้ แต่...เขาต้องอยู่ด้วยเท่านั้น“ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” ลู่ผิงถิงกล่าวแล้วหันมามองอู่เหยียนด้วยสายตาขอร้อง“ข้าไม่ใช่คนเรื่องมาก เจ้าดื่มเป็นเพื่อนข้าได้ ข้าก็ตกลง” อู่เหยียนเอ่ย“ขอบคุณหมอเทวดาเหยียนมาก” ลู่ผิงถิงเอ่ยขอบคุณจากใจจริงหลังจากนั้นพวกเขาก็รับประทานอาหารกันอย่างสงบสามวันต่อมาอู่เหยียนก็นัดลู่ผิงถิงมาที่หอเฟิ่งหวง เขาหยิบข้อมูลที่สืบได้ทั้งหมดส่งให้ลู่ผิงถิง “แม่นมเหมยผู้นั้นถูกตามล่าจากมือสังหารมาตลอด บัดนี้นางปลงผมอยู่ที่อารามเก้าหลิน ซึ่งเป็นสถานที่ในเมืองหลวงที่พวกมือสังหารนึกไม่ถึง และทำให้นางปลอดภัยมาจนถึงวันนี้” อู่เหยียนดื่มชาในจอกอย่างกระหายแล้วเอ่ยต่อ “ข้ากลัวว่าถ้าเจ้าเคลื่อนไหว ความปลอดภัยของนางจะรักษาไว้ไม่ได้”
“ออกไปทำธุระพวกเจ้าเถอะ แม่อยากพักผ่อน” เวินหลินยิ้มอยากมีความสุข หลังจากตื่นมาก็พูดคุยไปหลายเรื่องจนนางรู้สึกเหนื่อยสองสามีภรรยาออกจากห้องของมารดาลู่ผิงถิงเดินดุ่ม ๆ หนีห่างให้ไกลคนตัวสูง ไปที่โต๊ะอาหาร คำพูดมารดายังวนเวียนในสมอง นางเขินอายและไม่อยากเห็นรอยยิ้มมีเลศนัยเช่นนั้นของสามี“ใช้งานข้าเสร็จ พวกเจ้าก็ไม่สนใจข้า” อู่เหยียนที่รออยู่นานพูดความในใจออกมาทันทีที่เห็นคนทั้งสองเดินเข้ามาหา เขาแสร้งทำหน้าเง้างอน “มีอย่างที่ไหนทิ้งข้าไว้ที่นี่คนเดียว” ใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวพองเดี๋ยวยุบราวเด็กแปดขวบอาหลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่ไหว จึงมีเสียงหัวเราะหลุดออกมาอู่เหยียนปรายตามองอาหลี่ “ดูสิ แม้แต่เด็กคนนี้ก็หัวเราะเยาะข้า ถิงเอ๋อร์เจ้าต้องชดเชยให้ข้าด้วย” เขาเรียกร้องความสนใจจากสตรีตัวเล็ก“ให้มันน้อย ๆ หน่อยอู่เหยียน” มู่เซียวเซ่อเอ่ยปากด้วยความหมั่นไส้ เมื่อเห็นสหายออดอ้อนภรรยาของเขา“ใครจะลืมหมอเทวดาเหยียนกัน ข้าตั้งใจลงครัวเพื่อขอบคุณท่านโดยเฉพาะ นี่ลองชิมดูว่าถูกปากไหม” ลู่ผิงถิงนั่งลงแล้วคีบซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน
กลิ่นอาหารปะปนไปกับกลิ่นดอกกุ้ยฮวา ชวนให้อาหารน่ารับประทาน กลิ่นอายของอากาศก็พาให้สดชื่น ทว่า..บรรยากาศกลับพิลึกพิลั่น อาหลี่ยืนเงียบไม่เอ่ยปาก รอบุรุษทั้งสองคีบอาหาร พวกเขาเอาแต่จับจ้องกัน ด้วยสายตาก็น่าหวาดกลัว ราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาช้านานเมื่อไรพระชายาจะออกมากัน ทิ้งนางไว้ที่นี่คนเดียวนางทำตัวไม่ถูก อาหลี่บ่นในใจภายในห้องลู่ผิงถิงร้องไห้สะอึกสะอื้นกอดมารดาแน่น “ท่านแม่ลูกคิดถึงท่าน”เวินหลินหรือฮูหยินใหญ่จวนลู่น้ำตาไหลพราก นางกอดตอบบุตรสาวแล้วพูดเย้าแหย่ “เจ้านี่นะ ไม่โตเสียที ขี้แยแบบนี้จะมีบุรุษใดมาชมชอบ”ลู่ผิงถิงกอดแน่นขึ้นกว่าเก่า “ลูกไม่สนใจคนอื่น ลูกสนใจเพียงท่านแม่”“ปากหวานนัก” เวินหลินหัวเราะเสียงแผ่วและไอเล็กน้อยเพราะรู้สึกคอแห้ง “ปล่อยได้แล้วข้าหายใจไม่ออก”ลู่ผิงถิงรีบนำน้ำมาป้อนให้มารดา “ท่านแม่รู้สึกอย่างไรบ้าง”“แม่ไม่เป็นไร ขอแม่ดูหน่อยลูกแม่อยู่สุขสบายหรือไม่” เวินหลินมองสำรวจบุตรสาว “เสี่ยวซีมารายงานข้าที ช่วงที่ข้าไม่ได้สติ ถิงเอ๋อร์ของข้าซุกซนอย่างไรบ้าง ต้องเล่าให้ละเอียดด้วย” เวินหลินเรียกหาเส
“หม่อมฉันติดหนี้น้ำใจท่านอ๋องแล้วหนึ่งครั้ง ขอบพระทัยมากนะเพคะ” ลู่ผิงถิงยิ้มกว้างรอยยิ้มนี้ออกมาจากใจไม่ได้เสแสร้ง“ไม่มีหนี้น้ำใจสำหรับสามีภรรยา” อ๋องหนุ่มใช้นิ้ว เขี่ยจมูกได้รูป เขายิ้มกว้างให้พระชายาตัวน้อยของเขาเช่นกัน“เช่นนั้นหม่อมฉันจะไปหาหมอเทวดาเหยียน”อ๋องหนุ่มหุบยิ้มอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องไปหาเขา รออยู่กับข้าที่นี่ ตอนรักษาข้าจะไปด้วย” เขาไม่ปล่อยให้สองคนนี้อยู่ด้วยกันอีกเป็นอันขาด จากนี้ไปจะปล่อยนางให้คาดสายตาไม่ได้แล้ว เกิดเมาสุราขึ้นมานางอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้“แต่หม่อมฉันต้องกลับไปดูแลท่านแม่ที่จวนลู่”“ข้าจะไปกับเจ้า”“....”อ๋องหนุ่มเตรียมบัวหิมะเหมันต์ แล้วพาพระชายาออกจากจวนอ๋องไปจวนลู่ สั่งให้พ่อบ้านจางไปแจ้งข่าวอู่เหยียนที่หอเฟิ่งหวง ว่าพรุ่งนี้ให้ไปรักษาท่านแม่ยายที่จวนตระกูลลู่ณ จวนตระกูลลู่ลู่ผิงถิงสังเกตุคิ้วที่ขมวดแน่นของสามีก็รู้ว่าเขาไม่คุ้นชินกับสถานที่คับแคบแห่งนี้ “ท่านอ๋อง ที่นี่คับแคบมาก ถ้าท่านรู้สึกไม่สะดวกกลับไปพักที่จวนอ๋องก็ได้นะเพคะ”“ข้าอยู่ได้”“...” อยู่ได้เหตุใดต้
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเสวยได้ทุกอย่าง” พ่อบ้านจางตอบทันครวญอย่างไม่คิด เขาเห็นท่านอ๋องเสวยสิ่งใดก็ดูเอร็ดอร่อยไปหมด“แล้วเมนูที่ท่านอ๋องชอบกินที่สุดเป็นเมนูใด”“ไม่...พระชายาจะลงครัวทำอาหารให้ท่านอ๋องหรือพ่ะย่ะค่ะ” พ่อบ้านจางเอียงคอถามยิ้ม ๆ เขาเกือบตอบไปแล้วว่าไม่มีเห็นใบหน้างดงามของพระชายาแดงระเรื่ออย่างเขินอาย พ่อบ้านจางยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่“ทำไม หรือข้าไม่ควรปรนนิบัติสามีของข้า” ลู่ผิงถิงปั้นหน้าบึ้งตึงถามออกไป“กระหม่อมผิดไปแล้ว พระชายาโปรดอภัยให้ด้วย กระหม่อมคิดว่า ท่านอ๋องชอบทานทุกอย่างที่พระชายาลงมือทำให้พ่ะย่ะค่ะ”“ดี ถ้าเขาไม่ชอบข้าจะลงโทษเจ้า” ลู่ผิงถิงกล่าวจบก็เดินไปที่ห้องครัวนางเห็นวัตถุดิบแล้วจึงเลือกทำ อาหารมาสองสามอย่างนางต้มซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน ซึ่งเป็นเมนูที่นางชอบกิน และฝึกทำกับมารดาอยู่นานกว่าจะปรุงรสชาติให้อร่อยเหมือนมารดาทำได้จากนั้นก็ต้มน้ำแกงรากบัวอีกหนึ่งอย่าง และอาหารจานสุดท้ายคือพัดผัก เมนูพวกนี้เป็นอาหารที่นางชอบ เมื่อนางไม่รู้ว่า ชินอ๋องชอบทานสิ่งใดบ้าง จึงตัดสินใจทำสิ่งที่ตัวเองชอบไปเสียเ
“ข้าลืมไปหมดแล้ว”อู่เหยียนไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกดีกับลู่ผิงถิง ยังดีที่รู้ชัดแจ้งก่อนที่จะถลำลึกไปมากกว่านี้ “นางมาขอให้ข้าไปรักษามารดาของนาง ข้ากับนางเพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน พอใจยัง”“เช่นนั้นก็ไปรักษา”“รู้แล้ว รอนางหาบัวหิมะเหมันต์มา”มู่เซียวเซ่อหยิบหลักฐานขึ้นมาดูทีละอย่าง “แล้วเหตุใดนางถึงเมาเพียงนั้น เจ้าคิดไม่ซื่อกับนางใช่รึไม่”ยังไม่จบอีกจะบ้าตาย “โอ๊ยเซียวเซ่อ เจ้าควรถามข้าเรื่องที่ข้าลำบากลำบนสืบมา ไม่ใช่มาถามแต่เรื่องชายาของเจ้า” อู่เหยียนบ่นที่สหายไม่สนใจความลำบากของเขา “เจ้านี่เป็นเอามากแล้วจริง ๆ” คำท้ายนี้เขาพูดในลำคอ ไม่ให้สหายได้ยินแต่เมื่อเห็นสหายมองนิ่ง ๆ อย่างไม่ยอมจบ เขาจึงจำต้องเล่าอย่างละเอียดให้สหายฟัง “ก็ได้...ก็ได้...เริ่มแรกนางปีนเข้ามาในห้องข้า” เล่าต่อไปอย่างออกรส “นางคิดว่าข้าชมชอบบุรุษ” ยิ่งเล่าก็ยิ่งนึกถึงสตรีน่ารักคนนั้น “จากนั้นข้าก็แกล้งนางให้ดื่มสุราพอนางเมาข้าก็ไสหัวตัวเองไปหาที่นอนห้องอื่น”มู่เซียวเซ่อมองสีหน้าแววตาสนุกสนานปนความสุขของสหายตาขวาง “อู่เหยียน เงินค่าจ้างเจ้าคราวนี้ไม่ต้องรับ” เขาหยิบ
ไม่ ห้ามคิดถึงช่วงเวลานั้นอีก น่าอาย น่าอายชะมัดลู่ผิงถิงส่ายหน้าไปมา หยิบอาภรณ์ตัวเองแล้วรีบวิ่งเข้าไปหลังฉากกั้น นางหลับตาจับตรงบริเวณหัวใจที่เต้นรัวราวกับจะทะลุออกมานี่นางทำบ้าอะไรลงไปก๊อก ก๊อก เสียงประตูถูกเคาะพร้อมเสียงเรียก “ถิงเอ๋อร์ เจ้าตื่นรึยังข้านำน้ำแกงสร่างเมามาให้”ลู่ผิงถิงที่อยู่หลังฉากกั้นตาเบิกโพลง นางยังสวมเสื้อผ้าไม่เสร็จเลย หูได้ยินเสียงฝีเท้าบุรุษบนเตียงเดินไปเปิดประตูแล้ว“เซียวเซ่อเจ้ามาทำอะไรที่นี่ แล้วนี่เจ้า...” คำพูดของ อู่เหยียนหยุดลง อ้าปากค้าง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายใส่เพียงกางเกงซับในสีขาวตัวบาง เผยแผ่นอกกว้างและกล้ามท้องที่เรียงลอนเป็นมัด เท่านั้นยังไม่พอยังมีรอยม่วงช้ำรอยโดนกัดหลายจุด ตามซอกคอ แผ่นอก และหน้าท้องที่ไหล่ขวามีเลือดที่แข็งตัวแล้วเป็นรอยฟัน เมื่ออีกฝ่ายหันหลังเดินเข้าไปในห้อง อู่เหยียนก็เบิกตากว้างขึ้นกว่าเดิม แผ่นหลังของสหายเต็มไปด้วยรอยเล็บ นี่พวกเขา นี่...นี่พวกเขาอู่เหยียนมองไปบนเตียง เมื่อไม่พบสตรีตัวเล็กที่เมามายเมื่อคืน เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” อู่เ