“โธ่...แม่คะ หนูเป็นแฟนเขานะ มีอะไรก็ต้องช่วยกัน”
“โอ๊ย...ฉันเบื่อฟังแล้วยังเทียน แกอย่าให้ความรักมันบังตาได้ไหม เรื่องอะไรแกก็ฉลาดนะ แต่ทำไมกับเรื่องผู้ชายแกถึงได้โง่นักนะ! เบื่อ! ฉันเบื่อ!”
ผกากรองเท้าสะเอวร้องใส่หน้าบุตรสาว ลูกนั้นเราเลี้ยงได้แต่ตัวจริงๆ
เทียนหยดไม่หือไม่อือ ไม่เถียงมารดาแม้ว่าจะโดนด่าก็ตาม
“รอบนี้มันจะเอาเท่าไหร่กันแน่”
คนถูกถามไม่อยากตอบ แต่คนถามคงไม่เลิกราง่ายๆ สุดท้ายเลยต้องบอกตัวเลขออกไป
“สองล้านค่ะ”
“อื้อหือ...” เสียงสมัตถ์ครางออกมาอย่างตื่นตะลึง เขาไม่เชื่อหรอกว่าเทียนหยดกับแฟนหนุ่มจะเป็นเพียงแค่คนรัก พวกเขาอาจจะถึงขั้นสามีภรรยา เหลือแค่ยังไม่ได้ตบแต่งเป็นเรื่องเป็นราว ไม่อย่างนั้นเจ้าหล่อนจะกล้าทุ่มทุนขนาดนี้หรือ
“แกเห็นไหม แกอายเขาไหม ฉันเคยเห็นแต่ผู้ชายทุ่มให้ผู้หญิง มีแต่แกนี่แหละที่ทุ่มให้ผู้ชาย ระวังนะยัยเทียน มันทรยศแกขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ แกตายทั้งเป็นแน่ๆ น้ำตาได้เช็ดหัวเข่าก็คราวนี้แหละ”
คนถูกประชดส่ายหน้ารัวๆ ขยับไปหามารดาหมายจะกอดนางปลอบโยน แต่สุดท้ายแล้วมารดาก็บ่ายเบี่ยง หน้าตาติดโกรธเคืองไม่หาย
“เรารักกันนะคะแม่ ขอเวลาให้จีเก็บตังค์ก่อน รับรองว่าแม่ได้จีเป็นลูกเขยแน่นอน”
“นี่แกยังคิดว่าฉันจะปลื้มมันเหรอ ที่ฉันด่ามันปาวๆ นี่แกไม่ได้เอาหูฟังเลยใช่ไหม ฉันไม่ได้รังเกียจหรอกนะที่มันจน แต่ฉันเกลียดที่มันเกาะแกกิน ฉันดูออกคนอื่นก็ดูออก มีแต่แกที่ยังหน้ามืดตามัว รักตัวเองบ้างเทียนหยด อย่ารักแต่คนอื่น”
คนเป็นลูกถอนหายใจอย่างปลงๆ โดนมารดาสั่งสอนซะลืมหายใจ และตอนนี้นางคงสงบลงบ้างแล้ว
“ฉันจะไปห้าง ไปซื้อกระเป๋าใบใหม่แก้เซ็ง อย่ามาห้ามฉันนะ ฉันคงโมโหไม่หายจนกว่าจะได้ใช้เงิน”
“ค่ะแม่ แม่ไปเถอะค่ะ รีบไปเลย” เทียนหยดแทบจะไล่ส่งมารดา และเพียงแค่นางออกไปพ้นกรอบประตู ลมหายใจแรงๆ ก็ถูกพ่นออกจากปาก
ฟู่...
“ดูหนักหนานะ” สมัตถ์เปรย
“อาฮะ แม่ฉันมีกระเป๋าแบรนด์เนมเต็มห้องแล้ว ที่บ้านสวนน่ะ”
“ฉันหมายถึงเรื่องแฟนเธอต่างหาก”
คราวนี้เทียนหยดหุบปากฉับ
“แม่เธอดูห่วงเธอ”
“แม่คิดมาก” เทียนหยดเถียง
“เธอควรใช้สติด้วย ไม่ใช่ใช้แค่อารมณ์” เขาอาสาสั่งสอนทั้งที่ไม่ใช่เรื่อง
“ฉันรักของฉัน การรักใครสักคนมันวิเศษแค่ไหนคุณก็รู้นี่”
สมัตถ์ไร้ข้อโต้แย้งในข้อนี้ เขารู้ดีทั้งความรักและความหลงนั่นแหละ บางทีเส้นกั้นมันก็บางยิ่งกว่าหมอกยามเช้าเสียอีก
วินาทีต่อมาเสียงโทรศัพท์ของสมัตถ์ก็ดังขึ้นบ้าง ชายหนุ่มรับสาย และอารมณ์ดีขึ้นอีกกระบุงยามวางสายแล้ว ราตรีโทรมาอ้อนเขาตามระเบียบ หล่อนมีวาทศิลป์เป็นเลิศในการง้อให้เขาเลิกงอน และมันทำให้เขาอยากทำงานให้เสร็จๆ จะได้กลับไปเจอหน้าศรีภรรยาเสียที
______
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างราบเรียบและสงบเงียบเกินจะกล่าว สมัตถ์เข้าไปทำงานที่บริษัทของเตชะทัตอย่างเป็นระบบระเบียบและมีวินัย เขาค่อยๆ เรียนรู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้ การทำงานของเขาเต็มไปด้วยความรอบคอบจนเทียนหยดนึกชื่นชมรุ่งรดิศที่ดึงสมัตถ์มาทำงานให้ แม้รู้ว่าจุดประสงค์ที่จริงแท้มันจะไม่ใช่ก็ตาม
ตอนนี้เทียนหยดไม่ได้อยู่ที่บริษัท วันนี้วันอาทิตย์ เธอขลุกอยู่ที่คอนโดฯ ของจีรวัฒน์ ช่วยเขาทำความสะอาดห้องที่ยังไม่มีแม่บ้านมาปัดกวาด เธอพอเข้าใจว่าพวกที่ทำงานอิสระหรือรักงานศิลปะมักมีอารมณ์อันเพริศแพร้วที่ปุถุชนคนธรรมดาไม่มีวันเข้าใจ แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาไม่คิดจะทำให้ห้องสะอาดด้วยการเก็บกวาดข้าวของ จีรวัฒน์จ้างแม่บ้านแบบรายชั่วโมง และมักเข้ามาทำความสะอาดที่ห้องนี้อาทิตย์ละครั้ง แล้วแต่ว่าเขาจะเรียกให้มาวันไหน แต่คงไม่ใช่วันนี้แน่ๆ
ภายในห้องโถงด้านนอกนั้น ในระหว่างที่เทียนหยดใช้ไม้กวาดอันเล็กๆ แทรกเข้าใต้โซฟาตัวใหญ่ ก็มีบางอย่างที่มากกว่าเศษฝุ่นติดออกมาด้วย หญิงสาวใจหายวาบ นั่งลงกับพื้นแล้วหยิบมันขึ้นมาพิจารณา ลิปสติกแท่งเหมาะมือสีนิลเงาวับคือต้นเหตุแห่งการใจหาย ทำไมลิปสติกผู้หญิงถึงมาอยู่ใต้โซฟาในห้องจีรวัฒน์ได้เล่า หรือมีบางอย่างที่เธอควรกลัวใช่ไหม
“ไม่...จีต้องไม่ทำแบบนี้” บอกตัวเองแล้วส่งลิปสติกแท่งนั้นเข้าในกระเป๋ากางเกง อารมณ์อยากให้ห้องเขาสะอาดสะอ้านหายวับไปกับตา เธอมองไปยังประตูห้องนอนของจีรวัฒน์ มันเปิดแง้มไว้ให้เห็นคนที่นอนอยู่บนเตียง
หญิงสาวลุกขึ้น เดินเข้าไปหาชายหนุ่ม เข้าไปยืนกอดอกมองเขาอย่างพิจารณา จีรวัฒน์เป็นผู้ชายที่หล่อเหลา อาจจะหล่อกว่าสมัตถ์ด้วยซ้ำ...บ้าจริง! ทำไมต้องเอาแฟนตัวเองไปเปรียบกับสามีชาวบ้านด้วยนะ
เทียนหยดเสยผมแรงๆ วันนี้เธอไม่ได้มัดผมแบบหางม้าสูง แต่เลือกปล่อยมันให้ยาวสยายเต็มแผ่นหลัง เธอจ้องมองจีรวัฒน์อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี ถ้าเอ่ยถาม เธอมั่นใจว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อยต้องหาคำมาแก้ต่างให้ตัวเอง และสุดท้าย อาจเป็นเธอเองที่โดนหลอก บางที...เรื่องลิปสติกเจ้าปัญหานี่ เธออาจต้องหาความจริงด้วยตัวเอง
“จี...จีคะ” เธอเรียก จีรวัฒน์พลิกกายช้าๆ เขาไม่ได้สวมเสื้อ เธอเลยได้เห็นแผงอกขาวๆ ของเขา แม้มิได้บึกบึนเป็นนักกล้ามแต่ก็สามารถทำให้เธอหน้าแดงได้
“อือ...เทียน...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ฮึ” ถามแล้วยิ้มทั้งที่ยังง่วงอยู่ สองมือไขว่คว้าหาร่างแฟนสาว แต่เทียนหยดปัดมือเขาทิ้งแรงๆ จนเขาต้องลืมตาขึ้นมาเพราะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “เทียน? เป็นอะไร”
“โกหก! คอยดูสิ อีกไม่นานพวกคุณก็คงกลับมาคืนดีกัน รักกัน แล้วก็แต่งงานกันอีกครั้ง ส่วนฉัน! ก็เป็นได้แค่ดอกไม้รายทางที่คุณชื่นชมแล้วเขี่ยทิ้งเท่านั้นเอ...อื้อ...”ประโยคนั้นของหญิงสาวไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาจนจบ ด้วยว่าริมฝีปากถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากเขา สองมือของสมัตถ์โอบกอดร่างงาม รัดรึงกายสาว ริมฝีปากก็คอยจ้วงลิ้นเข้าสู่โพรงปากนุ่มอุ่นเทียนหยดเรี่ยวแรงไม่ค่อยมีด้วยว่าเพิ่งสร้างไข้ พอถูกจุมพิตสูบวิญญาณจากเขา จึงทำได้เพียงรอรับมันอย่างไร้การทัดทาน“อืม...เทียน...เทียน...”สมัตถ์ครางอืออา เลื่อนใบหน้าลงหาซอกคออุ่น สูดเอากลิ่นที่ปรารถนา ความสดใหม่ของเทียนหยดกำลังทำให้เขาคลั่ง เขาคิดถึงกลิ่นนี้ คิดถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ในตัวหล่อน มันวิเศษเสียจนทำให้เขาหงุดหงิดตอนไม่ได้รับมันอีก ก็อยากไปหาหล่อนที่บ้านสวน แต่ว่า...ความละอายใจก็ทำให้เขาต้องทนรออยู่ที่นี่ เขาเป็นฝ่ายเดินจากมาอย่างชายผู้ไร้ความรับผิดชอบ ทั้งที่มิใช่นิสัยของตัวเองเลย“ปล่อย สมัตถ์...ปล่อย ฉัน...หายใจไม่ออก” เธอร้องขอ ต้องเอนกายพิงร่างสูงของคนตรงหน้า เลือดลมสูบฉีดร
EP 17เมีย_____________สมัตถ์จำต้องปลีกตัวจากมาตามคำร้องขอของผกากรอง หัวใจยังคงกระวนกระวายไร้ความสุข นี่สินะที่เขาเรียกว่าความห่วงใย มันไม่แปลกหรอกที่เขาดันมีความรู้สึกนี้ แต่มันแปลกก็ตรงที่เขาไม่เคยรู้ว่ามีมันเพื่อเทียนหยด เพื่อคนที่เขาเคยเรียกว่าศัตรูผิวเนื้อร้อนผ่าวของเทียนหยดถูกทำให้ลดลงด้วยสองมือของผกากรอง นางเพียรเช็ดตัวให้บุตรสาวอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย จนตอนนี้เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทว่ามันเป็นการเหนื่อยที่คุ้มค่า เพราะเทียนหยดเริ่มได้สติ และอุณหภูมิของร่างกายลดลงแล้ว“แม่...” เสียงแผ่วเบาครางเรียกมารดา น้ำตารินทางหางตา รู้สึกอ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และมารดาก็ยังเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ข้างเธอ ในวันที่เธออ่อนแอที่สุด“ชู่ว์...เงียบ อย่าพูดมาก พักผ่อน” นางสั่งในแบบของตัวเอง รู้สึกเคอะเขินยามแสดงให้เทียนหยดรู้ถึงความห่วงใยที่นางมีให้ริมฝีปากงามเริ่มบิดเบ้ คนป่วยที่จิตใจอ่อนแอกำลังถูกความรู้สึกผิดเล่นงาน ยิ่งฝ่ามือบางของมารดาเพียรเอาผ้าชุบน
“โอ...คุณพระคุณเจ้า!”เสียงของมารดาดังขึ้นไม่ไกล เทียนหยดกำลังช่วยสาวใช้ขนสัมภาระลงจากท้ายรถ แต่มารดาที่รักเหมือนจะมองเห็นอะไรสักอย่างเข้า และมันทำให้นางตกตะลึงพึงเพริศอย่างที่สุดเทียนหยดหันมองตามมารดา และร่างที่ยืนอยู่ข้างนางศรีสุรางค์ก็ทำให้เธอต้องอ้าปากค้าง ราตรีอยู่ที่นี่ หล่อนกลับมาแล้ว กลับมาทวงของของหล่อนคืนสินะ ให้ตายสิ เธอต้องพ่ายแพ้จริงๆ ใช่ไหม“นึกว่าจะไม่กลับมาซะแล้วนะ แม่ผกากรอง” นางศรีสุรางค์ทักทายตามแบบฉบับของนาง และผกากรองก็ตอบกลับในแบบของตัวเองเช่นกัน“ตอนแรกก็ว่าจะไม่มาละค่ะ แต่เหมือนมีหลายเรื่องต้องจัดการ โดยเฉพาะการทำให้สตรีวัยชราแถวๆ นี้ตาสว่าง”“เธอหมายความว่ายังไงฮะ”ศรีสุรางค์เท้าสะเอวรอเอาเรื่อง มั่นใจว่าผกากรองว่าตัวเอง“หมายความตามนั้นค่ะ แม่นั่นทำร้ายหลานคุณแทบปางตาย คุณคิดยังไงถึงให้หล่อนกลับมาคะ!” ถามดังๆ ไปยังคนที่เดินเล่นอยู่ริมสนาม ศรีสุรางค์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังยอมให้ราตรีกลับเข้ามาในครอบครัวอีกครั้งได้อย่างไร“ฉันต้องตอ
“ฉันตบแกเรียกสติ แกควรได้สติไม่ใช่มาโวยวายใส่ฉันนะ! แกรักษาสิ่งที่ผู้หญิงหวงแหนเอาไว้ได้ยี่สิบกว่าปี ฉันไม่นึกเลยว่าแกจะเสียมันให้กับคนที่ไม่รู้ค่าของมันเลย เขาไม่ได้รักแก เขาเพิ่งหย่ากับเมีย และแกก็กลายเป็นเพียงของเล่นแก้ว่างของเขาเท่านั้นเอง!”เทียนหยดสะอื้ีนฮักๆ เมื่อถูกซ้ำเติม มือข้างหนึ่งกุมแก้มขวา มันชาหนึบไปทั้งวงหน้าด้วยการกระทำของมารดาแท้ๆ แล้วอย่างไรเล่า สิ่งที่บุตรสาวทำได้คงเป็นแค่การหันหลังให้มารดาที่รักแล้วเดินกลับเข้าห้องไปพร้อมกับหัวใจที่เป็นแผลยับเยินผกากรองตามมาเงียบๆ ปาดน้ำตาอย่างทุกข์ระทมไม่แพ้คนเป็นลูก แลเห็นบุตรสาวนั่งอยู่ข้างฟูกนอนอันยับย่น บางแห่งมีร่องรอยของโลหิตเปรอะเปื้อนเป็นจุดๆ โธ่เอ๋ย...สมัตถ์ช่างไม่ทะนุถนอมแก้วตาดวงใจของนางบ้างเลย เขาไม่สงสารเทียนหยดบ้างหรือ บุตรสาวนางมิใช่สตรีก๋ากั่นโชกโชนเรื่องอย่างว่าสักนิด“เขาไม่ใช่ของแก เทียนหยด เลิกร้องไห้เพราะเขาซะที เก็บที่นอนหมอนมุ้งซะ ไม่มีประโยชน์ที่แกจะเก็บไว้ประจานตัวเอง” นั่นคือสิ่งที่ผกากรองสั่งความบุตรสาวอยู่ที่หน้าประตู ก่อนจะก้าวจากไปพร้อมหัวใจของคนเป็นแม่
หัวใจของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานปีเริ่มสั่นไหวแปลกๆ ไม่รู้อะไรดลใจแต่สองขานางดันพาร่างเดินตรงมาที่ห้องของบุตรสาว เคาะประตูสองสามครั้ง แล้วเฝ้ารอให้คนมาเปิด...เคาะครั้งแรกคนข้างในยังเงียบ เคาะครั้งที่สองก็ยังเงียบอยู่ นางเริ่มใจคอไม่ดี เงื้อมือหมายจะเคาะอีกรอบ แต่ประตูไม้บานพอเหมาะก็ถูกดึงให้เปิดออกเทียนหยดยืนหน้าตื่นอยู่ตรงหน้านาง สีหน้าไม่ค่อยดีนัก เสื้อคลุมที่สวมก็ดูเหมือนว่ารีบร้อนสวม หาได้มีความเรียบร้อยให้เห็น“แม่...” เทียนหยดครางเรียกมารดา หันไปมองข้างหลังตัวเองอย่างรู้ซึ้งในความผิด สมัตถ์ขยับกายลุกขึ้นนั่ง ท่อนบนเปลือยเปล่า มีผ้านวมปกปิดท่อนล่างไว้ผกากรองหน้าถอดสี แลเห็นการเคลื่อนไหวภายในม่านมุ้งด้านหลังบุตรสาว หัวใจอันแข็งแกร่งพลันไหวยวบ หยดน้ำตารื้นขึ้นมาในบัดดล ทว่ายังก่อน คนอย่างผกากรองไม่ยอมให้ใครเห็นน้ำตาง่ายๆ หรอก“แต่งตัวดีๆ แล้วไปคุยกับฉันที่ระเบียง ทั้งสองคน!” นางสั่งเสียงห้วน สองมือกำหมัดแน่นข้างลำตัว ก้าวออกมาจากหน้าห้องของบุตรสาวได้ก็แลหาร่างละมุด “ละมุด! อยู่ไหน มาหาฉันที!”แม่สาวละมุดผู
EP 16ฉันเป็นอะไรสำหรับคุณ_____________ดวงเดือนเคลื่อนลงต่ำแล้ว แต่เทียนหยดมิอาจข่มตาให้หลับ สิ่งที่เกิดขึ้นมันยังค้างคาใจ เธอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสมัตถ์บนเรือลำน้อย ท่ามกลางแสงจันทร์และสายน้ำยามราตรี มันน่าอับอายเมื่อมาคิดย้อนหลัง เธอทำไปได้อย่างไร มิกลัวใครมาเห็นบ้างหรือ แต่คิดไปก็เท่านั้น เพราะในเวลาดังกล่าวสมองและสองตาไม่มีเรื่องอื่นเลย มันจดจ่ออยู่แต่กับสมัตถ์และสัมผัสของเขาเท่านั้น“ฉันทำอะไรลงไปนะ” ถามตัวเองแต่ไร้ซึ่งคำตอบ อุตส่าห์เก็บความสดสาวให้รอดพ้นมือจีรวัฒน์มาได้ตั้งหลายปี กลับมาเสียให้กับคนที่ไม่มีสัมพันธ์ทางใจกับเธอเลย และพอย้อนถามตัวเองก็ให้ปวดใจนัก เพราะดันรู้แล้วว่ารู้สึกอย่างไรกับสมัตถ์ ชายที่ไม่เคยรักเธอน้ำตาเม็ดใสร่วงรินโดยพลัน เจ็บปวดในหัวใจยิ่งกว่าตอนที่ถูกจีรวัฒน์ทรยศหักหลัง เธอมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่เกิดกับหัวใจครั้งนี้ มันเรียกว่า การแอบรัก รักเขาเพียงข้างเดียวก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นยามค่อนคืน เธอชั่งใจครู่หนึ่ง บนเร
เขาร้องขอ เทียนหยดมิปล่อยให้เขารอเก้อ โน้มใบหน้าไปจุมพิตเขาอย่างดูดดื่ม ลิ้นร้อนกอดกระหวัดรัดกัน หยอกล้อกันภายในโพรงปากอุ่นของเขา รสชาติของจุมพิตช่างหวานเกินห้ามใจ รสชาตินี้สินะที่ราตรีมิอยากเสียมันไป และเธอ...ก็จะไม่ยอมเสียมันไปเช่นกัน “อ๊ะ! เจ็บ!”เสียงครางอย่างสุขสมเปลี่ยนเป็นเสียงร้องอย่างเจ็บปวด กายสาวกำลังถูกรุกรานอย่างร้ายแรง ด้วยเสื้อนอนแบบกระโปรง มันทำให้เขาสะดวกเหลือเกินในการพาตัวตนสอดแทรกเข้ามา“ขอโทษคนดี เธอหวานเสียจนฉันทนไม่ไหว สาบานว่าจะทำ...เบาๆ อา...อืม...” เขาหลับตาพริ้ม รับรู้ถึงการอ้าอมและโอบรัดของโพรงเนื้อสาว มันเหมือนมีขนมสายไหมจำนวนมหาศาลโอบรัดตัวตนเขาไว้ มันรู้สึกดี ดีจนน่าใจหาย นี่สินะรสชาติของสาวพรหมจรรย์ ขอบอกเลยว่ามันวิเศษเหลือเกิน“สมัตถ์ขา...เทียนเจ็บ ได้โปรด...” เทียนหยดวอนขออย่างสิ้นท่า ความเจ็บร้าวที่เบื้องล่างทำให้เธอทำได้แค่กอดคอเขาไว้ ขืนกายมิให้พบเจอความเจ็บปวดที่ยังไม่จบสิ้น แต่สมัตถ์กลับกอดเธอแน่น แล้วดันร่างเธอลงไป เธอรู้สึกเหมือนมีมีดค่อยๆ กรีดเนื้อตรงนั้น ค่อยๆ กรีด อย่างช้าๆ รับรู้ได้ถ
เทียนหยดกลับตาปี๋ชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆ ลืมขึ้นมา สองขาเริ่มขยับพาบั้นท้ายและร่างอรชรไปยังกลางลำเรือ สมัตถ์นั่งรอเธออยู่ตรงนั้น เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างหวั่นเกรง ลุกมานั่งยองๆ แล้ววาดขาข้างหนึ่งข้ามไม้กระดานกว้างราวสองคืบที่ทำไว้สำหรับนั่ง ก่อนจะพาขาอีกข้างก้าวตามไป สมัตถ์เอื้อมมือมารอ เธอวางมือบนมือเขา ถูกแรงดึงจากมือแกร่งจนต้องพาร่างโผเข้าหาเขาในทันที“ว้าย!”เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกยังไม่น่าหวาดกลัวเท่าสิ่งที่เรียกว่าอุบัติเหตุ แรงดึงของสมัตถ์ทำให้เทียนหยดเสียหลักโผทับร่างเขา เรือโคลงราวกับจะล่มอยู่ทุกวินาที พอๆ กับหัวใจของหนุ่มสาวที่เต้นโครมครามไม่แพ้กัน“โอ...ช่วยเงียบๆ แล้วอยู่เฉยๆ ถ้าเธอไม่อยากเปียก” เขาขู่น้อยๆ ร่างหล่อนทับร่างเขาในท่าที่สองขาเขาแบะออกแล้วหล่อนแทรกอยู่ตรงกลาง สองแขนหล่อนวางบนอกเขา ร่างอรชรก่ายเกยบนตัวเขาอย่างสนิทเสน่หา แล้วอย่างนี้จะไม่ให้บอกว่าสวรรค์ชอบกลั่นแกล้งเขาได้อย่างไร และให้ตายเถอะ...ตรงนั้นมัน...“ไม่ๆๆๆ ฉันต้องขยับก่อนที่มันจะ แข็ง มากกว่านี้” เธอบอกเสียงสั่นแล้วค่อยๆ ลุก แต่กลาย
“คะ?”“ก็เรื่อง...เอ่อ ทุกเรื่องแหละ ฉันคง...ถูกทำร้ายจนเพี้ยนน่ะ เป็นเธอแท้ๆ ที่คอยช่วยฉัน แต่ฉันกลับ...ทำอะไรบ้าๆ”หญิงสาวยิ้มเพลียๆ “มันคงดีกว่านี้ถ้าคุณไม่ขอโทษฉันละนะ คุณมันจอมทำลายบรรยากาศ” ว่าเขาแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินลงบันไดไม้เพื่อลงไปยังท่าน้ำเล็กๆสมัตถ์ตามมาอย่างงงๆ “เธอหมายความว่าอะไร”“ฉันจะไม่อธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะฉันเมาแล้วคุณสมัตถ์ ฉันเมา! ว้าย!”โครม!“โอ! คุณพระ!”“อ๊ายยย!!! อีตาบ้า! มัวทำอะไรมาช่วยฉันสิ ฮือ...” ทำเป็นร้องฮือๆ อยู่ที่ตีนบันได เธอคงเมาแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินตกบันไดทั้งที่เหลืออีกไม่กี่ขั้นหรอก ดีที่มิใช่หน้าน้ำ ท่าน้ำที่สร้างไว้จึงยังเหลือพื้นที่ให้เธอได้กลิ้งลงมานั่งอย่างนี้“อะไรของเธอกัน ฮ่าๆๆ” ว่าแล้วหัวเราะร่า นั่งลงยังบันไดขั้นที่สี่จากห้าขั้น ด้านล่างนั้นเทียนหยดนั่งแหมะบนพื้นไม้ หล่อนคงเมาแล้วล่ะ ไม่ได้สนใจดูแลตัวเองเลย เสื้อหล่อนเลื่อนออกจากไหล่อีกแล้ว คราวนี้มันหล่นทั้งสองข้าง