แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
แม้แต่ท่านโหวหลินก็อดมองหน้าเฉียวเนี่ยนไม่ได้ แต่ยังคงพูดคุยกับหลินเย่ว์ต่อ “เคราะห์ดีที่วันนี้มีพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมาออกหน้าให้ มิฉะนั้นอย่าว่าแต่เจ้า แม้แต่ข้าเองก็อาจไม่ได้ออกจากวังมาอีก!”

เฉียวเนี่ยนมองดูพื้นที่อยู่เบื้องหน้าตน ในใจแอบรู้สึกถึงความเย้ยหยัน

คำพูดนี้ น่าจะพูดให้นางฟังมากกว่า

ขณะกำลังคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงหลินยวนแว่วมา “ท่านพ่อ...”

น้ำเสียงอ่อนหวานนั้น แฝงด้วยความอ่อนแรง ระคนความร้อนใจ คล้ายพร้อมจะขาดใจได้ทุกเมื่อกระนั้น

เฉียวเนี่ยนคิ้วขมวดเล็กน้อย พลันเห็นหลินยวนเดินอย่างอ่อนระโหยเข้ามาโดยมีสาวใช้เสี่ยวชุ่ยคอยประคอง ทันทีที่เห็นใบหน้าหลินเย่ว์มีเลือดไหลซึม น้ำตานางก็ร่วงหล่นลงพลัน พร้อมคุกเข่าลงข้างกายหลินเย่ว์ “ท่านพ่อ ขอท่านอย่าได้โกรธมาก แค่กๆๆ แค่กๆๆ...”

กล่าวยังไม่ทันจบประโยค หลินหยวนก็เกิดอาการไอรุนแรงขึ้นมา

ท่านโหวหลินเป็นห่วงเสียจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ พลางตวาดไปทางเสี่ยวชุ่ย “ยังไม่รีบพยุงคุณหนูขึ้นมาอีก!”

จนแม้แต่ฮูหยินหลินซึ่งแต่เดิมปกป้องหลินเย่ว์อยู่ ยังรีบไปพยุงให้นางยืนขึ้น “เจ้ายังป่วยอยู่ ออกมาทำไมกัน”

“ข้า...ได้ยินว่าท่านพ่อจะลงโทษพี่ชาย” น้ำตาหลินยวนร่วงเผาะเป็นเม็ดโตๆ “ข้า...รู้ว่าคงเพราะพี่ชายไปก่อเรื่องไว้ จึงทำให้ท่านพ่อโกรธถึงเพียงนี้ แต่พี่ชายมิใช่คนเกเร เขาทำสิ่งใดก็ย่อมมีเหตุผลของเขา ขอท่านพ่อโปรดเห็นแก่ยวนเอ๋อร์สักครั้ง อภัยให้พี่ชายด้วยเถิด...”

ทุกคำที่นางกล่าวมา ล้วนทำให้ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ใจอ่อนลงในบัดดล

หลินเย่ว์ตื้นตันใจยิ่ง แต่กลับเหลียวมองไปทางเฉียวเนี่ยนโดยไม่ตั้งใจ

พลางเห็นอีกฝ่ายใบหน้าเฉยชา สีหน้าคล้ายไม่รู้สึกรู้สม ก็ให้รู้สึกปวดใจยิ่ง

ยวนเอ๋อร์แม้จะไม่สบายยังออกมาขอร้องแทนเขา แล้วนางล่ะ?

ทั้งที่รู้ว่าเขาไปสั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนั้นก็เพื่อนาง นางกลับไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อย!

โทสะในใจท่านโหวหลิน เลือนหายเพราะคำพูดของหลินยวนไปกว่าครึ่ง แต่ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด พลางกล่าว “เอาเถิด เรื่องวันนี้ให้ถือเป็นบทเรียนให้เจ้า” กล่าวจบก็สะบัดแขนเสื้อ เดินจากไปทันที

รอจนท่านโหวหลินออกไปแล้ว ฮูหยินหลินรีบสั่งให้บ่าวไพร่พยุงหลินเย่ว์ลุกขึ้น “รีบไปตามหมอมาทำแผลให้คุณชายโดยเร็ว!”

บ่าวไพร่รับคำแล้วออกไปทันที หลินยวนเริ่มไอขึ้นมาอีก ฮูหยินหลินจึงหันไปดูแลนางบ้าง

เฉียนเนี่ยนยืนมองเหตุการณ์เบื้องหน้า รู้สึกคล้ายตนเองเป็นคนนอก เมื่อเห็นว่าเรื่องต่างๆ ไม่เกี่ยวข้องกับตนแล้ว จึงหันหลังคิดจะออกไป

แต่ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นจากห้องโถง ก็ได้ยินเสียงหลินเย่ว์เอ่ยปาก “เจ้าไม่มีสิ่งใดจะพูดบ้างรึ?”

เฉียวเนี่ยนหยุดก้าวเดิน พลางหันกลับมามองหน้าหลินเย่ว์ “ท่านโหวน้อยต้องการให้ข้าพูดอะไรบ้าง?”

หลินเย่ว์เจ็บแปลบขึ้นในใจ “ข้าไม่อยากฟังเจ้าพูดสิ่งใด แต่สิ่งที่ข้าทำก็ล้วนเพื่อเจ้า แล้วเจ้าจะไม่พูดอะไรกับข้าบ้างรึ?”

เขาถึงขั้นปล่อยมือที่กุมบาดแผลลง ปล่อยให้โลหิตสีแดงฉานบาดตาเฉียวเนี่ยน

เขาคิดในใจ ไม่ได้หวังให้นางเป็นห่วงเขาเช่นเดียวกับยวนเอ๋อร์ แต่ขอเพียงนางเห็นใจเขาสักนิด เพียงนิดเดียวก็ยังดี

เท่ากับว่าการกระทำของเขาในวันนี้ ไม่นับว่าเสียเปล่า

แต่ว่า ในสายตาเฉียวเนี่ยนมีแต่ความเย็นชา นางกวาดตาไปยังผู้อื่นที่อยู่ในห้องโถง สีหน้าทุกคนล้วนแสดงความรู้สึกเดียวกัน คือหวังให้นางพูดสิ่งใดออกมาบ้าง

พูดในเรื่องที่พวกเขาต้องการจะฟัง

แต่ทว่า เฉียวเนี่ยนละสายตากลับคืนมา มองหน้าหลินเย่ว์ มุมปากผุดรอยยิ้มหยันรางๆ “ท่านโหวน้อยน่าจะดื่มจนเมามาก กระทั่งแยกไม่ออกว่าสิ่งที่ทำในวันนี้ เพื่อข้าจริงๆ หรือเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจท่านกันแน่”

“หลินเนี่ยน!” หลินเย่ว์ตวาดเสียงลั่น มองหน้าเฉียวเนี่ยนด้วยความรู้สึกผิดหวังยิ่ง

นางทำเช่นนี้ได้อย่างไร?

ไฉนจึงเป็นไปได้?

แม้แต่หลินยวนยังอดไม่ได้ที่จะพูดแทนหลินเย่ว์ “พี่เนี่ยน พี่ชายไม่เคยบุ่มบ่ามเช่นนี้มาก่อน วันนี้ทำเพราะท่านจริงๆ...”

“หากท่านโหวน้อยคิดทำเพื่อข้าจริง คนแรกที่ควรสั่งสอนหาใช่เหล่านางกำนัลที่กรมซักล้างไม่” เฉียวเนี่ยนเอ่ยปากเนิบๆ ดูเย็นชายิ่ง

แม้นางจะไม่ได้มองหน้าเสี่ยวชุ่ย แต่ทุกคนในห้องโถงต่างก็รู้ดี คนที่นางกล่าวถึงก็คือเสี่ยวชุ่ยนั่นเอง

ที่นางถูกข่มเหงรังแกมาสามปีเต็ม ตัวการอันดับหนึ่งก็คือเสี่ยวชุ่ย และวันนี้คนที่ชี้หน้ากล่าวหานางก็คือเสี่ยวชุ่ยอีก แต่ว่า หลินเย่ว์ได้ทำอะไรบ้าง?

เขากลับไปสั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนั้นแทน

ช่างน่าขำยิ่งนัก!

หน้าอกหลินเย่ว์กระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง ลำคอคล้ายมีมือใหญ่มาบีบไว้แน่น ไฟโทสะคุกรุ่นจนแทบอยากระเบิดออกมา

ทันใดนั้น พ่อบ้านหลิวแห่งจวนโหวอุ้มห่อผ้าขนาดใหญ่ห่อหนึ่ง เดินปรี่เข้ามาในห้องโถง “ฮูหยิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยให้คนส่งห่อเสื้อผ้ามาขอรับ”

แม้ปากจะรายงาน แต่ห่อผ้านั้นหาได้ส่งไปเบื้องหน้าฮูหยินหลินไม่ กลับไปยืนข้างเฉียวเนี่ยนแทน “ซ้ำยังกล่าวว่า คุณหนูซักเสื้อผ้าได้ดี ที่ส่งมาเป็นชุดเลอค่า ให้ผู้อื่นซัก พระสนมจะไม่วางใจ”

ขณะพูดจา ที่น่าขำก็คือแม้แต่พ่อบ้านหลิวยังคล้ายกับร้อนตัว พลางลอบดูสีหน้าเฉียวเนี่ยนเป็นระยะ

เฉียวเนี่ยนกลับเข้าใจดี นี่คงเป็นสิ่งที่ฮูหยินหลินได้พูดมา พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังหาวิธีให้อยู่

มีคุณหนูของตระกูลขุนนางใดบ้าง ที่รับซักเสื้อผ้าให้แก่คนในวัง?

ลบหลู่นาง ก็เท่ากับตบหน้าคนของจวนโหวด้วย

นางหันไปพยักหน้าให้หนิงซวงรับเอาห่อผ้าไว้ พร้อมได้ยินพ่อบ้านหลิวกล่าวต่อ “พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยยังกำชับมาอีกว่า เสื้อผ้าเหล่านี้พรุ่งนี้เช้าจะต้องส่งเข้าวัง เพราะนางยังต้องสวมใส่อีก!”

พรุ่งนี้เช้าส่งเข้าวัง ก็แปลว่าคืนนี้ต้องซักให้สะอาด

เฉียวเนี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมพยักหน้าเบาๆ จากนั้นจึงหันไปทางหลินเย่ว์ “หากจำเป็นต้องพูดสิ่งใดจริง งั้น...ข้าขอขอบคุณท่านโหวน้อย”

ขอบคุณที่เข้าวังช่วยนางรับเอางานอัปยศเช่นนี้มา

เมื่อกล่าวจบ เฉียวเนี่ยนจึงเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลังอีก หนิงซวงอุ้มห่อผ้าติดตามไป ระหว่างทางไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว

จวบจนกลับถึงเรือนฟางเหอ เฉียวเนี่ยนบอกให้นางไปเตรียมน้ำไว้ นางจึงอุ้มห่อผ้าพลางกล่าวตอบ “วันนี้คุณหนูตกน้ำมา ควรรีบไปพักผ่อนเสีย เสื้อผ้าเหล่านี้บ่าวจะซักให้เอง!”

วันนี้ แม้ว่าคุณหนูจะได้ดื่มน้ำขิงไป ทั้งยังแช่น้ำอุ่นอีก แต่อย่างไรก็คือได้รับความหนาวเย็นมา

ขนาดคุณหนูรองยังล้มป่วย แล้วคุณหนูของนางจะรอดได้อย่างไร?

เสื้อผ้าเหล่านี้คุณหนูซักไม่ได้ นางจะต้องพักผ่อน!

แต่เฉียวเนี่ยนกลับแย่งห่อผ้ามาจากมือหนิงซวง “พระสนมกุ้ยเฟยบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านี้หากข้าไม่ซักเอง นางจะไม่วางใจ เรื่องวันนี้เจ้าก็เห็นอยู่ ถ้าข้าไม่ซักด้วยตัวเอง พรุ่งนี้เกรงว่าจะมีเรื่องตามมาอีก ไปเถิด ข้าจะใช้น้ำเย็น”

ชุดอาภรณ์ล้ำค่าไม่ควรแช่ด้วยน้ำอุ่น หากซักแล้วเสียหายก็จะเป็นเรื่องใหญ่

หนิงซวงไม่ขยับตัว ยังคงยืนนิ่งมองดูเฉียวเนี่ยน ปลายจมูกแสบขึ้นมา

เฉียวเนี่ยนมองนางด้วยความแปลกใจ “ทำไมรึ?”

“คุณหนูเจ้าคะ...” หนิงซวงเอ่ยปาก น้ำตาก็พรั่งพรูลงมาทันที “พวกเขารังแกท่านนัก แต่ละคนคอยจ้องจะเล่นงานท่านทั้งสิ้น ฮือๆๆ...”

เด็กคนนี้พอร้องไห้ก็แทบหยุดไม่ได้

เฉียวเนี่ยนถอนหายใจด้วยความจนปัญญา แต่ว่า นางก็ไม่รู้จะปลอบใจหนิงซวงอย่างไรดี และไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไรด้วย

เพราะนางเองก็อยากรู้ เหตุใดพวกเขาจึงจ้องจะรังแกนางเพียงผู้เดียว?

เพราะนางไม่ใช่ลูกในไส้กระนั้นรึ?

เคราะห์ดีที่เสื้อผ้ามีไม่มากนัก เฉียวเนี่ยนซักเสร็จก่อนฟ้าจะมืดลง รุ่งขึ้นจึงนำไปส่งมอบให้พ่อบ้านหลิว ให้เขาส่งต่อเข้าวังไป

แต่ไม่คาดคิดว่า พ่อบ้านหลิวกลับบอกนางว่า พระสนมกุ้ยเฟยรับสั่งให้นางไปส่งด้วยตนเอง

นางจึงอุ้มห่อผ้ายืนตะลึงอยู่กับที่

ให้นาง เข้าวังอีกครั้งกระนั้นรึ?

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (17)
goodnovel comment avatar
เกสรา เทียนเล็ก
สนุกมากๆค่ะอยากอ่านจนจบ
goodnovel comment avatar
เกสรา เทียนเล็ก
อยากอ่านจนจบสนุกมากๆค่ะ
goodnovel comment avatar
ปวิช
บทที่ 13 นี่ผมละอยากถาม คุณพี่ครับเอ็งทำร้ายนางกำนัลทำไมเหรอ หรือเพราะอยากระบายความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหรอ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 828

    เฉียวเนี่ยนยืนอยู่กับที่ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อยู่พักใหญ่นางไม่รู้ว่าควรจะพูดกับสวีเหม่ยเหรินอย่างไร คำพูดปลอบโยนเมื่อครู่ก็พูดออกไปมากมายแล้ว คำมั่นก็ให้แล้ว แต่สวีเหม่ยเหรินก็ยังไม่เชื่อนางแต่ก็โทษสวีเหม่ยเหรินไม่ได้ เพราะสุดท้ายนางเองก็เคยคิดจะละทิ้งสวีเหม่ยเหรินจริงๆจนกระทั่งยามนี้เมื่อได้ยินคำพูดที่เจือแววเย้ยหยันชะตาตนเองของสวีเหม่ยเหริน หัวใจเฉียวเนี่ยนก็เหลือเพียงความรู้สึกผิดสุดท้ายจึงทำได้แค่กล่าวเบาๆ ว่า “เหม่ยเหรินพักผ่อนให้มากเถิด”พูดจบ นางจึงออกจากห้องไปทรวงอกเจ็บปวดเพราะคำพูดของสวีเหม่ยเหรินเมื่อครู่ เฉียวเนี่ยนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้ง จึงจะสามารถข่มอารมณ์แปลกประหลาดนี้ลงได้ความจริงแต่เดิมนางไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นโดยเฉพาะตอนอยู่ในกรมซักล้าง นางยังเอาตัวเองไม่รอด จะมีเวลาว่างไปสนใจคนอื่นได้อย่างไรแม้แต่ตอนที่ช่วยหลิ่วเหนียงออกมาจากกรมซักล้าง ก็แค่เพราะเต๋อกุ้ยเฟยมอบโอกาสให้นางเท่านั้นแต่ตั้งแต่เริ่มเรียนวิชาแพทย์ จิตใจของนางก็เหมือนจะเปลี่ยนไปมักจะรู้สึกว่า ในเมื่อเป็นหมอแล้ว ก็สมควรช่วยเหลือผู้คนให้ได้มากที่สุดคิดถึงตรงนี้ เฉียวเนี่ยนก็

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 827

    กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินออกไปเห็นท่าทางของนางกำนัลผู้นั้น สวีเหม่ยเหรินก็แสดงสีหน้าตกใจ รอจนกระทั่งนางกำนัลผู้นั้นออกจากห้องไป นางจึงกลั้นไม่ไหวเอ่ยถามว่า “ท่านหญิงเฉียวเชื่อใจนางได้หรือ?”เฉียวเนี่ยนตักยาขึ้นหนึ่งช้อน เป่าจนหายร้อนแล้วจึงป้อนถึงริมฝีปากของสวีเหม่ยเหริน “ไม่เกี่ยวกับเชื่อได้หรือไม่ได้ทั้งนั้น นางไม่อยากตาย ก็ต้องรู้ว่าควรทำอย่างไร”สวีเหม่ยเหรินอ้าปาก ดื่มยาเข้าไป เห็นเฉียวเนี่ยนมีท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ นางก็พยักหน้าเบาๆจากนั้นจึงถามว่า “ท่านหญิงเฉียว ข้ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่?”เฉียวเนี่ยนชะงักไปนางไม่ได้ถามว่านางจะมีชีวิตรอดไหม แต่ถามว่ายังจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ในใจเจ็บวูบขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวแต่สีหน้าของเฉียวเนี่ยนยังคงนิ่ง เอ่ยด้วยเสียงเบา “พูดอะไรเพ้อเจ้อ? มีข้าอยู่ เจ้าก็ย่อมจะมีชีวิตอยู่ได้นานแสนนาน”ได้ยินดังนั้น สวีเหม่ยเหรินก็ยิ้มน้อยๆ ดูมีความสุขเพียงแต่นางไม่เชื่อนางกลืนยาอีกคำ แล้วจึงเอ่ยว่า “ข้ารู้ดีถึงสภาพของตัวเอง เมื่อครู่ ข้าเลือดออกแล้วใช่ไหม?”เฉียวเนี่ยนชะงักอีกครั้ง ได้ยินสวีเหม่ยเหรินกล่าวต่อ “ก่อนที่ข้าจะสลบ ข้าก็ได้เห

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 826

    นางกำนัลผู้นั้นไม่เคยพบเห็นกลิ่นอายอันเย็นเยียบของเฉียวเนี่ยนเช่นนี้มาก่อน ถึงกับรู้สึกแข้งขาอ่อน ทรงตัวแทบไม่อยู่เข็มเงินด้ามนั้นเล็กนัก แต่กลับปักแน่นเข้าไปในประตูไม้ได้อย่างแม่นยำ หากจะให้ปักเข้าไปในสมองนางจริงๆ คงไม่ใช่เรื่องยากเลยจะตายหรือไม่ นางไม่รู้ แต่ถ้ากลายเป็นคนสติไม่สมประกอบเหมือนคุณหนูเมิ่งขึ้นมาเล่า จะทำอย่างไร?เมื่อคิดเช่นนั้น นางกำนัลก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไปข้างนอก มือที่กำลังจะเอื้อมไปเปิดประตูก็ชักกลับมาทันทีใบหน้านางกำนัลเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เอ่ยถามเฉียวเนี่ยนว่า “ท่าน ท่านมิใช่คนขององค์หญิงหรอกหรือ? เหตุใด เหตุใดถึงต้องช่วยนางด้วย?”ในเมื่อองค์หญิงเองก็ปรารถนาให้สวีเหม่ยเหรินตายอยู่แล้วเฉียวเนี่ยนไม่หันกลับไป มัวแต่รีบรักษาอาการของสวีเหม่ยเหริน จึงไม่มีเวลาจะไปโต้เถียงกับนางกำนัลผู้นั้นเพียงกล่าวเสียงเย็นว่า “เจ้าอย่าลืมเสียเล่า ว่าใครเป็นผู้สั่งให้ข้ามาดูแลสวีเหม่ยเหริน”เฉียวเนี่ยนรับพระบัญชาจากฮ่องเต้โดยตรงมาตั้งแต่แรกนางกำนัลได้ฟังถึงเพิ่งรู้สึกตัวขึ้นมาใช่แล้ว แม้องค์หญิงกับฮองเฮาจะต้องการให้สวีเหม่ยเหรินตายทั้งกลม ทว่าฮ่องเต้ต้องการให้เด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 825

    “กลับตระกูลเมิ่งรึ?” เสี่ยวฝูจื่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ให้พวกนางกำนัลดูแลไม่ได้หรือ? ก่อนหน้านี้ฮองเฮาเคยรับสั่งให้พานางมาเลี้ยงดูในวัง นี่ยังไม่ทันไรก็จะส่งกลับไป เกรงว่าจะไม่เหมาะกระมัง?”แต่แล้วเฉียวเนี่ยนก็กล่าวว่า “ฝูกงกงอาจยังไม่ทราบ แม้คุณหนูเมิ่งจะดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่การคอยดูแลนางควรหาแต่ผู้คนที่นางคุ้นเคยหรือใกล้ชิดจะเหมาะกว่า ตระกูลเมิ่งเป็นครอบครัวของนาง มีทั้งคนและสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคย เวลานี้การกลับไปพักฟื้นที่ตระกูลเมิ่งจะดีกว่าอยู่ในวังเสียอีก”เสี่ยวฝูจื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงถามว่า “เช่นนั้น หากคุณหนูเมิ่งกลับไปแล้ว ท่านหญิงเฉียวก็จะได้ทุ่มเททำงานให้องค์หญิงอย่างเต็มที่แล้วสินะ?”“แน่นอนอยู่แล้ว!”เฉียวเนี่ยนพูดพลางลดเสียงลง “ส่วนสวีเหม่ยเหรินนั่นก็ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก ข้าน้อยอยู่ที่ตำหนักฝูเหอ ย่อมสามารถตั้งใจทำงานเพื่อองค์หญิงได้เต็มที่แน่”ได้ยินเช่นนี้ เสี่ยวฝูจื่อก็พยักหน้าทันที “ได้ บ่าวเข้าใจแล้ว จะรีบกลับไปรายงานองค์หญิงเดี๋ยวนี้ หวังว่าคุณหนูเฉียวจะรักษาคำพูด รีบปรุงยาที่องค์หญิงต้องการให้เสร็จเถิด อย่าให้องค์หญิงต้องรอจนใจร้อนนัก”เฉียวเนี่ยนคำนับทันท

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 824

    เฉียวเนี่ยนเข้าใจสิ่งที่เมิ่งอิ้งจือต้องการจะสื่อในเมื่อทุกอย่างล้วนเป็นการวางแผนอย่างรอบคอบของเมิ่งซ่างซู เช่นนั้นเขาย่อมไม่เชื่อง่ายๆ ว่าเมิ่งอิ้งจือความจำเสื่อมจริงๆแต่หากเมิ่งอิ้งจือกลับไปแบบเลอะเลือน แล้วค่อยๆ ฟื้นตัว จากคนสติไม่ดีกลายเป็นเพียงคนความจำเสื่อมต่อหน้าต่อตาพวกเขา บางที พวกเขาอาจจะไม่สงสัยอะไรมากเพียงแต่เฉียวเนี่ยนยังคงมีความกังวลของตนเองอยู่ “แต่ถ้าหาก... ข้าหมายถึง แค่ถ้าหากว่า”เฉียวเนี่ยนเน้นคำนี้โดยเฉพาะ แล้วจึงพูดต่อ “ถ้าหากตระกูลเมิ่งคิดจะทำร้ายท่านขึ้นมา จะทำอย่างไร?”นางบอกว่านางสามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว แต่ถึงแม้จะฟื้นคืนสติจริงๆ การกลับไปตระกูลเมิ่งเพียงลำพัง ก็ยังเป็นเรื่องอันตรายอยู่ดีเมิ่งอิ้งจือขมวดคิ้วเล็กน้อย “คงไม่หรอกกระมัง? พวกเขาเป็นพ่อแม่ของข้า ต่อให้คิดวางแผนหลอกใช้ข้า แต่ก็คงไม่ถึงขั้นคิดจะทำร้ายข้าหรอก...”เฉียวเนี่ยนไม่รู้จะพูดยังไงกับเมิ่งอิ้งจือดี คิดอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “คุณหนูเมิ่งต้องเข้าใจว่า ในโลกนี้มีพ่อแม่ที่ไม่รักลูกของตัวเองอยู่จริงๆ ข้าเองก็เคยถูกแม่แท้ๆ ของตัวเองใช้ประโยชน์ จนเกือบตายด้วยน้ำมือหมิงอ๋อง... เรื่องที่ท่า

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 823

    ในที่สุดนางก็รวบรวมความกล้าหันไปมองเขา แววตาฉายความประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คิดว่าเซียวเหอจะพูดออกมาเช่นนี้บางที อาจเป็นเพราะเห็นว่านางป่วยหนักกระมัง?หรืออาจเป็นเพราะเห็นแก่คุณหนูเฉียว?เมิ่งอิ้งจือมองเซียวเหอ เห็นรอยยิ้มของเขาฝืดฝืนอยู่บ้าง นางจึงค่อยๆ ก้มหน้าลง สูดลมหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ข้า... รบกวนเรื่องที่พวกท่านกำลังคุยกันอยู่หรือเปล่า?”นางไม่รู้มาก่อนว่าเซียวเหอจะอยู่ในห้องของเฉียวเนี่ยนตอนดึกดื่นเช่นนี้ หากรู้อยู่ก่อน นางคงไม่กล้าเข้ามาแน่เซียวเหอจึงกระแอมเบาๆ หนึ่งครั้งแล้วเอ่ยว่า “ไม่หรอก คุยกันเสร็จแล้ว”พูดจบ เขาก็หันไปมองเฉียวเนี่ยน น้ำเสียงพลันอ่อนโยนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “เจ้าระวังตัวด้วย ข้าขอตัวก่อน”เมิ่งอิ้งจือรู้สึกถึงความผิดแปลกในทันทีน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นนี้ แต่ก่อนเคยเป็นของนางเพียงผู้เดียวแต่ตอนนี้...นางอดไม่ได้ที่จะแอบมองเฉียวเนี่ยนอย่างเงียบๆก่อนหน้านี้เฉียวเนี่ยนเคยพูดว่า การแต่งงานกับเซียวเหอนั้นก็เพื่อหลีกเลี่ยงการสมรสที่ฮ่องเต้ทรงประทานเท่านั้นทว่าตอนนี้ เซียวเหอกลับดูเหมือนจะรู้สึกกับเฉียวเนี่ยนแบบไม่ธรรมดาในใจนางพลันเกิดควา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status