Share

บทที่ 12

Author: โม่เสียวชี่
ผู้มาใหม่คือเพื่อนสนิทของฮูหยินหลิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนั่นเอง

เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนมาห้ามปรามหลินเย่ว์ เหล่านางกำนัลที่อยู่ในบ่อจึงต่างพากันร่ำไห้ระงมอออกมา “พระสนม...”

“ฮือๆๆ พระสนมโปรดช่วยพวกเราด้วยเพคะ”

นางกำนัลสิบกว่าคนร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน ฟังแล้วเป็นที่หนวกหูยิ่ง

พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรายตามองดูนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง

นางกำนัลใหญ่เข้าใจดี จึงกล่าวเสียงตวาด “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก หากล้มป่วยขึ้นมา ทำให้เหล่าพระสนมเสียงานเสียการ พวกเจ้าจะมีกี่หัวพอให้ตัด?”

เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่านางกำนัลจึงหยุดร้องไห้ พร้อมคลานขึ้นจากบ่อน้ำแล้วแยกย้ายไปยังเรือนของตนทันที

รอจนทุกคนไปหมดแล้ว พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยหันมามองราวตากผ้าในมือหลินเย่ว์ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวเสียงดุ “อะไรกัน ท่านโหวน้อยจะตีข้าด้วยหรืออย่างไร?”

หลินเย่ว์ตกใจจนทิ้งราวตากผ้าลงจากมือ พร้อมประสานมือกล่าวตอบ “กระหม่อมมิบังอาจ”

“ขนาดบุกเข้าวังมาเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดไม่กล้าทำอีก?” เห็นชัดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเริ่มกริ้วบ้างแล้ว

นางมองว่าหลินเย่ว์ทำการวู่วามเกินไป

ในกรมซักล้างแห่งนี้ แม้เป็นที่ๆ นับว่าต่ำต้อยในวัง แต่ก็ถือเป็นเขตในวังอยู่ดี

หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป มีคนจงใจขยายความให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่าว่าแต่ลำพังแค่หลินเย่ว์เลย ให้เป็นจวนโหวทั้งหมดก็อาจเดือดร้อนตาม

หลินเย่ว์ก็รู้ว่าตนไม่ควรมาที่นี่

แต่สมัยก่อนที่เนี่ยนเนี่ยนถูกลงโทษหนักถึงเพียงนั้น นอกจากเพราะถ้วยใบนั้นเป็นของรักขององค์หญิงแล้ว ยังแฝงด้วยเจตนาที่ฮองเต้คิดเล่นงานจวนโหวกลายๆ ด้วย

ด้วยเหตุนี้ ตลอดสามปีมานี้ ผู้คนในจวนโหวอย่าว่าแต่มองหน้าเนี่ยนเนี่ยนเลย แม้แต่จะพูดคุยถามไถ่ เป็นห่วงเป็นใยสักนิดก็ไม่เคยมี

เพราะพวกเขาต้องการให้ฮ่องเต้ได้รู้ ว่าจวนโหวเป็นคนของพระองค์เสมอ มีความจงรักภักดี ไม่ว่าฮ่องเต้จะมีพระประสงค์อย่างไร พวกเขาก็จะไม่ก้าวก่าย และไม่มีการขัดพระบัญชาด้วย

แต่วันนี้ เขาโมโหขึ้นมาจริงๆ

ทุกครั้งที่นึกถึงเหล่านางกำนัลบังคับให้เนี่ยนเนี่ยนอยู่แต่ในน้ำ เขาก็เกิดบันดาลโทสะขึ้น เพียรพยายามเท่าใดก็ระงับไว้ไม่อยู่

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเย่ว์พลางสูดลมหายใจเข้าอีก แล้วคุกเข่าลงพื้น “กระหม่อมรู้ว่ากระทำการโง่เขลา ขอพระสนมโปรดลงอาญาด้วย”

พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยแม้จะนึกโกรธ แต่ตนก็เห็นหลินเย่ว์มาตั้งแต่เล็กจนโต ต่อให้เห็นแก่ฮูหยินหลิน นางก็ไม่กล้าลงโทษเขาอีก

แต่เรื่องในวันนี้ หากนางไม่รีบแก้ไข ไปถึงฮ่องเต้เมื่อใดอาจจะอธิบายได้ยาก

ด้วยเหตุนี้ พระสนมกุ้ยเฟยจึงโบกมือเบาๆ “เจ้ากลับไปก่อน เรื่องนี้ข้าจะพิจารณาเอง จำเอาไว้ ต่อไปอย่าได้ย่างกรายเข้ามาในกรมซักล้างนี่อีก”

เรื่องมาถึงขั้นนี้ หลินเย่ว์ได้แต่ยอมเชื่อฟังโดยดี

แต่วันนี้แม้ได้สั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนี้บ้าง หลินเย่ว์ก็ใช่ว่าจะหายโกรธแต่อย่างใด

ขณะนั่งรถม้ากลับไปยังจวนโหว สายตาหลินเย่ว์จ้องมองไปยังเตาอุ่นด้านข้าง

นั่นเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจเตรียมไว้ก่อนไปรับเนี่ยนเนี่ยนเมื่อวาน ข้างบนยังสลักลายดอกเหมยสีแดงที่เนี่ยนเนี่ยนโปรดปรานนัก

แต่เมื่อวาน เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้เข้ามาในรถ จึงไม่เห็นเตาอุ่นใบนี้ และมาถึงป่านนี้ เตาอุ่นย่อมจะเย็นลง ถูกปล่อยทิ้งให้วางอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง เหมือนดั่งคนที่ถูกทอดทิ้ง

แต่ว่า ต่อให้นางเข้ามานั่งจริง ยังจะรับเตาอุ่นนี้ไว้หรือไม่?

หลินเย่ว์พลันนึกถึงคำพูดของเซียวเหิงขึ้นมา เซียวเหิงบอกว่า เตาอุ่นและของว่างที่เตรียมอยู่ในรถม้า เนี่ยนเนี่ยนแทบไม่แตะต้องเลย

แม้แต่ของที่เซียวเหิงเตรียมไว้ให้ นางยังไม่แตะต้อง นับประสาอะไรกับของของเขา

เด็กคนนี้ นิสัยยิ่งแข็งกร้าวมากกว่าสามปีที่แล้ว เทียบไม่ได้กับยวนเอ๋อร์จริงๆ

หากเมื่อวานนางเอาอย่างยวนเอ๋อร์เรียกเขาว่าพี่ชายบ้าง ไม่สิ ไม่ต้องเหมือนอย่างยวนเอ๋อร์ ขอเพียงนางยอมเรียกเขาว่าพี่สักคำ มีหรือเขาจะเตะนางจนตกจากรถม้าไป

นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่นางเท้าแพลง หลินเย่ว์ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเป็นกำลัง เตาอุ่นที่อยู่เบื้องหน้าพลันขวางหูขวางตาขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

ทันใดนั้น ผ้าม่านรถม้าถูกเปิดขึ้น เตาอุ่นที่สลักลายดอกเหมยสีแดงถูกโยนทิ้งไปพลัน

สิ่งของบางอย่าง ไม่ต้องมองเห็นจะสบายใจมากกว่า

หลินเย่ว์ยังไม่รีบกลับจวนในทันใด เพราะเขารู้สึกกลัดกลุ้มในใจเป็นอย่างมาก จึงรีบไปร้านสุราดื่มสักสองจอก กว่าจะกลับถึงจวน ฟ้าก็มืดแล้ว

สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงก็คือ ทุกคนในจวนต่างก็รอเขาอยู่

ภายในห้องโถงของจวนโหว ท่านโหวหลินนั่งหน้าตึงอยู่ที่เก้าอี้ ฮูหยินหลินสีหน้าเป็นกังวลยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมหมั่นสังเกตสีหน้าท่านโหวหลินเป็นระยะ

เฉียวเนี่ยนก็ถูกเรียกให้มารอพร้อมกัน

นอกจากหลินยวนที่ไม่อยู่ด้วย เพราะนางสำลักน้ำไปหลายอึก หมอบอกว่านางต้องพักผ่อนให้มาก

ขณะที่เฉียวเนี่ยนมาถึง ท่านโหวหลินได้มารออยู่ก่อนแล้ว นี่เป็นการพบครั้งแรกระหว่างสองพ่อลูกหลังจากห่างหายไปสามปี แต่ท่านโหวหลินกลับมองนางด้วยความเย็นชา ไม่ได้พูดจาทักทาย ส่วนนางก็เพียงทำความเคารพตามมรรยาท ไม่ได้พูดจาหรือแม้แต่ส่งสายตาใดๆ เช่นกัน

ทุกคนรออยู่ประมาณหนึ่งก้านธูป หลินเย่ว์จึงได้กลับมา

ขณะเข้ามายังห้องโถงนั้น สีหน้ามีอาการมึนเมาอยู่บางส่วน

ปกติเขาก็เป็นคนคอแข็งมาก วันนี้น่าจะดื่มไปไม่น้อย จึงแสดงออกทางสีหน้าด้วย

เห็นได้ชัดว่า เขารู้ตัวว่าเกิดจากสาเหตุอันใด จึงเดินเข้าห้องโถงพร้อมคุกเข่าลง “ลูกรู้ดีว่าวันนี้บุ่มบ่ามไปก่อเรื่องเข้า ท่านพ่อจะดุด่าว่ากล่าวอย่างไร ลูกยินดีรับฟังทั้งสิ้น”

ขาดคำไม่ทันไร ถ้วยชาหนึ่งใบก็ถูกขว้างมาอย่างแรง กระทบถูกศีรษะหลินเย่ว์เข้าอย่างจัง

ทันทีที่เห็นโลหิตไหลลงจากหว่างคิ้วของหลินเย่ว์ ฮูหยินหลินก็ร้องด้วยความตกใจ พร้อมเดินไปหาท่านโหวหลิน “ท่านพี่ทำอะไรเจ้าคะ? ท่านจะฆ่าลูกเย่ว์หรืออย่างไร?”

“เจ้าไปถามมันว่าได้ทำสิ่งใดไว้บ้าง ยังกล้าบุกเข้าวังอีก ทำไม? เจ้าเห็นว่าจวนโหวเราอยู่สุขสบายเกินไป จึงคิดหาเรื่องมาให้เดือดร้อนใช่หรือไม่?”

ท่านโหวหลินโกรธจนเลือดขึ้นหน้า หายใจหอบจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง

วันนี้ขณะรับรู้เรื่องนี้จากพระโอษฐ์ฮ่องเต้ เขาแทบไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ ด้วยเกรงว่าหากทรงกริ้วมากกว่านี้ จะมีรับสั่งให้คุมตัวคนในจวนโหวไว้ทั้งหมด

หลินเย่ว์เอามือกุมหน้าผากที่บาดเจ็บ สีหน้ายังคงมีความดื้อแพ่ง “ลูกสำนึกผิดแล้ว แต่ลูกทนไม่ไหวจริงๆ อีกอย่างนี่เป็นเพียงการสั่งสอนนางกำนัลของกรมซักล้างก็เท่านั้น ไม่ได้ทำให้มีคนตายเสียหน่อย ถ้าฝ่าบาทจะทรงคาดโทษลงมา อย่างมากลูกก็ไปชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น”

นางกำนัลของกรมซักล้าง?

เฉียวเนี่ยนยืนอยู่ด้านข้าง แอบรู้สึกใจเต้นเล็กน้อย คล้ายกับเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านโหวหลินจึงเรียกนางให้มารอพบหลินเย่ว์ด้วยกัน

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย

ได้ยินเพียงท่านโหวหลินตวาดเสียงดัง “เหลวไหล ถ้าใช้ชีวิตเจ้าเพียงผู้เดียว ชดใช้เรื่องนี้ได้ยังพอว่า แต่ท่านย่าอายุมากแล้ว เจ้าไม่กลัวจะพาให้เราเดือดร้อนทั้งครอบครัวหรืออย่างไร?”

“ไม่ร้ายแรงถึงขั้นหรอกเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลินรีบปกป้องหลินเย่ว์ไว้ก่อน “พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังคิดหาทางออกให้อยู่ ฝ่าบาทก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล เรื่องนี้คงไม่บานปลายแน่”

กล่าวพลาง สายตาฮูหยินหลินก็ชำเลืองไปทางเฉียวเนี่ยน

คล้ายกับมีกระแสจิตบางอย่าง เฉียวเนี่ยนซึ่งยืนก้มหน้ามาโดยตลอด พลันมองไปทางฮูหยินหลินเช่นกัน

แต่ฮูหยินหลินคล้ายกลัวเผชิญหน้ากับนาง พลันรีบเบือนสายตาไปทางอื่น

แต่ว่า เฉียวเนี่ยนยังคงเห็นดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกขอโทษ

ซึ่งนางไม่ชอบสายตาเช่นนี้เลย

จิตใต้สำนึกบอกนางว่า วิธีการที่พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังคิดอยู่นั้น อาจเกี่ยวข้องกับนางก็เป็นได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sita
ขอติดตามตอยต่อไปค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 964

    มีบางคนก้าวเข้ามา โอบไหล่ฉู่จืออี้ไว้ ยกมือของฉู่จืออี้ขึ้นสูง โห่ร้องล้อมรอบเขาเสมือนเป็นวีรบุรุษมีบางคนนำวัวที่ล้มลงกับพื้นไปเตรียมสำหรับงานเลี้ยงส่วนเฉียวเนี่ยนถูกพาไปยังเบื้องหน้าท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิก"เป็นอย่างไร? นักรบของกลุ่มชนเตอร์กิกเรายอดเยี่ยมไร้เทียมทานใช่หรือไม่?"ท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกนับว่าถือว่าฉู่จืออี้เป็นคนของเผ่าทูเจี๋ยโดยแท้ ขณะนี้กำลังรู้สึกภาคภูมิใจในตัวฉู่จืออี้เฉียวเนี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย คิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ หัวใจยังเต้นรัวไม่หยุด พักหนึ่งจึงกล่าวว่า "นักรบผู้นี้ แข็งแกร่งยิ่งนัก""นักรบมาแล้ว!"มีคนร้องขึ้นอย่างยินดี เห็นกลุ่มคนพาฉู่จืออี้มายังเบื้องหน้าท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกในตอนนี้ร่างและใบหน้าของฉู่จืออี้ยังเปื้อนเลือดวัวอยู่ ทว่าพวกคนเผ่าทูเจี๋ยดูจะชินกับความนองเลือดเช่นนี้ มิเห็นว่าเป็นสิ่งสกปรกหรือชวนคลื่นไส้แต่อย่างใดท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกยกจอกสุราขึ้น ส่งให้ฉู่จืออี้ "เจ้าคือนักรบของกลุ่มชนเตอร์กิกเรา ข้าจะให้รางวัลแก่เจ้า! ดื่ม!"ฉู่จืออี้รับสุราไป ดื่มรวดเดียวจนหมดเขาพยายามควบคุมตนเองอย่างที่สุด ตลอดเวลามิ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 963

    ชายฉกรรจ์สามคนที่ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปก็ถูกรุมพยุงกลับเข้าฝูงคนอย่างรวดเร็วส่วนเจ้าวัวที่บันดาลโทสะแล้วก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เสียสติไปทั้งหมดเสียทีเดียวมันยังคงหวาดกลัวฝูงชนดังนั้นหลังจากวิ่งวนอยู่รอบหนึ่ง มันก็พุ่งตรงไปยังฉู่จืออี้เสียงกลองยิ่งเร่งเร้าเสียงกระดิ่งกระดูกในยามนี้ราวกับเป็นตัวเร่งเร้าการสังหารเขาสองขนาดใหญ่โค้งมนของวัวสะท้อนแสงไฟดั่งคมมีดสองเล่ม พุ่งตรงเข้าหาร่างกายเปลือยเปล่าของฉู่จืออี้เสียงโห่ร้องโดยรอบด้วยความตื่นเต้นดังระงมขณะที่ปลายเขาวัวกำลังจะเสียบเข้าสะโพกของฉู่จืออี้ ฉู่จืออี้ก็ยื่นมือออกไปทั้งสองข้าง คว้าปลายเขาวัวไว้แน่นเขากำลังต่อสู้กับเจ้าวัวด้วยแรงแขนผู้คนรอบด้านต่างพากันสูดลมหายใจอย่างหวาดเสียวในกลุ่มชนเตอร์กิก แรงกายคือสัญลักษณ์ของความสามารถ แต่คนกับสัตว์ก็ยังมีความแตกต่างกันผู้ที่สามารถต่อสู้กับวัวด้วยมือเปล่าได้ ในกลุ่มชนเตอร์กิกนับว่าเป็นนักรบ!ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นวัวที่กำลังคลุ้มคลั่งในยามนี้ กล้ามเนื้อทั่วร่างของฉู่จืออี้ล้วนเกร็งแน่น ล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงพละกำลังของเขาแม้แต่ท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกที่อยู่ไม่ไกลยังเ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 962

    เฉียวเนี่ยนรู้สึกใจหายวาบขึ้นมาในทันทีนางไม่เข้าใจว่าทำไมฉู่จืออี้ถึงได้ยืนอยู่คนเดียวตรงหน้ากองไฟ หรือว่า ถูกเปิดเผยตัวตนแล้ว?ถ้าอย่างนั้น พวกพี่รองล่ะ?นางเผลอมองหารอบๆ โดยไม่รู้ตัว จนทำให้เผ่าทูเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ สงสัย “เจ้ากำลังหาอะไรอยู่?”แววตาเฉียวเนี่ยนมีความตระหนกอยู่บ้าง แต่ก็บากบั่นปิดบังเอาไว้ “เปล่า ข้าแค่แปลกใจว่าทำไมคนนั้นถึงไปยืนอยู่ตรงนั้น นี่เป็นการแสดงของพวกเผ่าทูเจี๋ยหรือ? หรือยังมีคนอื่นอีก?”ความสงสัยในดวงตาของเผ่าทูเจี๋ยจึงจางลงบ้างเขาคิดเพียงว่าเฉียวเนี่ยนกำลังมองหาชายที่เปลือยท่อนบนคนอื่นจึงหัวเราะขึ้นมา“ไม่มีการแสดงอะไรทั้งนั้น อีกเดี๋ยวคนนั้นจะเชือดวัวควายกับแพะและแกะต่อหน้าทุกคน เจ้าก็ถือว่าเป็นการดูการแสดงแล้วกัน!”คนที่เผ่าทูเจี๋ยพูดถึงก็คือฉู่จืออี้เฉียวเนี่ยนค่อยโล่งใจลงมาหน่อยแค่ไม่ได้ถูกเปิดเผยตัวตนก็ดีแล้วนางยังอดถามไม่ได้ “วัวควายตัวใหญ่ขนาดนี้ เขาคนเดียวทำไหวหรือ? ไม่ต้องหาคนช่วยหน่อยหรือ?”“ฮ่าฮ่าฮ่า ชายชาวกลุ่มชนเตอร์กิกทุกคนต่างก็สามารถเชือดวัวควายได้ด้วยตัวเอง! ถ้าเขาต้องให้คนอื่นช่วย งั้นเขาก็ไม่ใช่ชายชาวกลุ่มชนเตอร์กิกของเร

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 961

    นางเพียงแค่ไม่เข้าใจว่า จูบนั้นของเขา หมายความว่าอย่างไรกันแน่?เป็นรางวัลที่นางว่านอนสอนง่าย ไม่ก่อปัญหาให้เขา?เป็นจูบปลอบโยนในฐานะพี่ใหญ่ต่อผู้เป็นน้อง?หรือว่า... เขาเองก็มีความคิดอื่นอยู่ด้วย?“ไม่ ไม่ใช่หรอก!”เฉียวเนี่ยนส่ายหน้าอย่างแรง สองมือกดใบหน้าที่ร้อนจัดของตนเองไว้แน่น หัวใจเต้นรัวราวกับข้างในมีกวางน้อยกำลังวิ่งพล่านพุ่งชนไปมาหากเขามีความคิดอื่น แล้วครั้งก่อนจะหลบหน้านางอยู่หลายวันเพื่ออะไร?นึกถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างคนทั้งสองมาตลอด พี่ใหญ่ฉู่ไม่เคยล้ำเส้นแม้แต่น้อย เขาเคร่งครัด ยึดมั่นในมารยาทอยู่เสมอไม่เคยเลย ที่จะทำสิ่งใดเกินเลยนอกเหนือจากฐานะของพี่ใหญ่เป็นเพราะใจของนางเองที่ไม่บริสุทธิ์ คิดไปเองเสียทั้งนั้นคำพูดที่ฉู่จืออี้จะพูดบ่อยที่สุดคืออะไร?อย่าคิดมากจูบนั้นเมื่อครู่ บางทีอาจเป็นเพียงเพื่อปลอบโยนนางที่กำลังสับสนก็เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องอะไรเลยเฉียวเนี่ยน เจ้าอย่าคิดมากไป!อย่าทำให้พี่ใหญ่ที่ดีเช่นนี้ต้องหวาดกลัวจนหนีหายไปเสียล่ะ!เฉียวเนี่ยนปลอบใจตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจเพียงแต่...นางเดินไปยังเบาะด้านข้าง แล้วค่อยๆ นั่งลงกอดเข่าทั้งสองข้

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 960

    ออกจากกระโจมมาฉู่จืออี้ก็หน้าแดงก่ำสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพลันใดเขาถึงได้ทำเรื่องเช่นนั้นลงไปบางทีอาจเพราะรู้ว่านางเสี่ยงอันตรายมาหาเขา ทำเพื่อเขา หรือบางทีเพราะนางคอยปกป้องเขาทุกย่างก้าว แม้กระทั่งความปลอดภัยของตัวเองยังวางไว้ทีหลังหรือบางที แสงที่ลอดผ่านผืนกระโจมหนา มากระทบลงบนหน้าผากนางในยามนั้นช่างอ่อนโยนจนไม่อาจควบคุมตนเองได้ จึงโน้มไปจุมพิตลงและก็เป็นตอนจุมพิตนั้นเองที่เพิ่งรู้ตัวว่าตนทำอะไรลงไป จากนั้นก็ตกใจยิ่งนัก ไม่ทันดูว่านางมีปฏิกิริยาอย่างไร รีบลนลานออกมาใช่ มันคือการหนีเขารู้สึกว่าทั้งชีวิตไม่เคยเขินอายเช่นนี้มาก่อนแม้แต่ตอนที่นำกองทัพองครักษ์พยัคฆ์ออกจากนครหลวงในยามค่ำ ก็ยังมีแผนพร้อม หนักแน่นองอาจแต่เมื่อครู่ เขากลับเสียศูนย์สิ้นเชิงตอนนี้ยิ่งรู้สึกละอายเขาช่างบุ่มบ่ามนัก ถึงได้ล่วงเกินนางเช่นนั้น หากนางโกรธขึ้นมา เขาจะทำอย่างไรดี?เขารู้ดีว่านางมองเขาเป็นพี่ใหญ่อย่างจริงใจ เช่นนั้นหากหันไปอธิบายว่าเป็นเพียงความห่วงใยน้องสาว จะพอกลบเกลื่อนเรื่องนี้ได้หรือไม่?เขาไม่อยากให้นางเกิดความขุ่นเคืองในใจเลย"พี่ใหญ่"เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างกาย เป็นเจ้ารอ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 959

    หัวใจของเฉียวเนี่ยนเต้นตึกตักไม่หยุด สีหน้านางก็แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กลับตวาดเสียงต่ำ “เจ้าอย่าคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะขู่ข้าได้! หากเจ้ากล้าทำให้ข้าเจ็บเพียงเส้นผมเส้นเดียว ตระกูลมู่ไม่มีวันปล่อยเจ้าไว้! ตอนนี้พวกเจ้าร่วมมือกับแคว้นถังเพื่อต่อกรกับแคว้นจิ้ง สถานการณ์ก็จะกลายเป็นแคว้นถังจับมือกับแคว้นจิ้งมาจัดการพวกเจ้า! ถึงตอนนั้นข้าจะรอดูว่ากองทัพกลุ่มชนเตอร์กิกของพวกเจ้ามีหมอหญิงเก่งกาจพอที่จะถอนพิษให้พวกเจ้าหรือไม่!”ได้ยินดังนั้น แววตาของเผ่าทูเจี๋ยผู้นั้นก็พลันหม่นลง มองสำรวจเฉียวเนี่ยนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอดเอ่ยชมไม่ได้ “ฝีปากคมไม่เบา ความกล้าของเจ้า ต่อให้เป็นผู้หญิงในกลุ่มชนเตอร์กิกของพวกเราก็ยังหาได้ยาก หากเจ้าแต่งให้ท่านข่านแห่งกลุ่มชนเตอร์กิก วันหน้าเจ้าอาจได้มีตำแหน่งเป็นฮูตุนก็ได้”หากท่านข่านคือฮ่องเต้แห่งกลุ่มชนเตอร์กิกแล้ว เช่นนั้นฮูตุนก็คือฮองเฮาแห่งกลุ่มชนเตอร์กิกหัวใจของเฉียวเนี่ยนอดรู้สึกรังเกียจไม่ได้ “ข้าไม่แต่งให้ท่านข่านของพวกเจ้าหรอก!”ท่านข่านของพวกเขาดูอายุน่าจะสามสิบกว่า หน้าเต็มไปด้วยเคราครึ้ม แถมปากมีแต่ฟันเหลืองๆ แล้วยังมีกลิ่นเหม็นคลุ้งจากร่างกายอย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status