Share

บทที่ 12

Author: โม่เสียวชี่
ผู้มาใหม่คือเพื่อนสนิทของฮูหยินหลิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนั่นเอง

เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนมาห้ามปรามหลินเย่ว์ เหล่านางกำนัลที่อยู่ในบ่อจึงต่างพากันร่ำไห้ระงมอออกมา “พระสนม...”

“ฮือๆๆ พระสนมโปรดช่วยพวกเราด้วยเพคะ”

นางกำนัลสิบกว่าคนร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน ฟังแล้วเป็นที่หนวกหูยิ่ง

พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรายตามองดูนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง

นางกำนัลใหญ่เข้าใจดี จึงกล่าวเสียงตวาด “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก หากล้มป่วยขึ้นมา ทำให้เหล่าพระสนมเสียงานเสียการ พวกเจ้าจะมีกี่หัวพอให้ตัด?”

เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่านางกำนัลจึงหยุดร้องไห้ พร้อมคลานขึ้นจากบ่อน้ำแล้วแยกย้ายไปยังเรือนของตนทันที

รอจนทุกคนไปหมดแล้ว พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยหันมามองราวตากผ้าในมือหลินเย่ว์ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวเสียงดุ “อะไรกัน ท่านโหวน้อยจะตีข้าด้วยหรืออย่างไร?”

หลินเย่ว์ตกใจจนทิ้งราวตากผ้าลงจากมือ พร้อมประสานมือกล่าวตอบ “กระหม่อมมิบังอาจ”

“ขนาดบุกเข้าวังมาเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดไม่กล้าทำอีก?” เห็นชัดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเริ่มกริ้วบ้างแล้ว

นางมองว่าหลินเย่ว์ทำการวู่วามเกินไป

ในกรมซักล้างแห่งนี้ แม้เป็นที่ๆ นับว่าต่ำต้อยในวัง แต่ก็ถือเป็นเขตในวังอยู่ดี

หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป มีคนจงใจขยายความให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่าว่าแต่ลำพังแค่หลินเย่ว์เลย ให้เป็นจวนโหวทั้งหมดก็อาจเดือดร้อนตาม

หลินเย่ว์ก็รู้ว่าตนไม่ควรมาที่นี่

แต่สมัยก่อนที่เนี่ยนเนี่ยนถูกลงโทษหนักถึงเพียงนั้น นอกจากเพราะถ้วยใบนั้นเป็นของรักขององค์หญิงแล้ว ยังแฝงด้วยเจตนาที่ฮองเต้คิดเล่นงานจวนโหวกลายๆ ด้วย

ด้วยเหตุนี้ ตลอดสามปีมานี้ ผู้คนในจวนโหวอย่าว่าแต่มองหน้าเนี่ยนเนี่ยนเลย แม้แต่จะพูดคุยถามไถ่ เป็นห่วงเป็นใยสักนิดก็ไม่เคยมี

เพราะพวกเขาต้องการให้ฮ่องเต้ได้รู้ ว่าจวนโหวเป็นคนของพระองค์เสมอ มีความจงรักภักดี ไม่ว่าฮ่องเต้จะมีพระประสงค์อย่างไร พวกเขาก็จะไม่ก้าวก่าย และไม่มีการขัดพระบัญชาด้วย

แต่วันนี้ เขาโมโหขึ้นมาจริงๆ

ทุกครั้งที่นึกถึงเหล่านางกำนัลบังคับให้เนี่ยนเนี่ยนอยู่แต่ในน้ำ เขาก็เกิดบันดาลโทสะขึ้น เพียรพยายามเท่าใดก็ระงับไว้ไม่อยู่

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเย่ว์พลางสูดลมหายใจเข้าอีก แล้วคุกเข่าลงพื้น “กระหม่อมรู้ว่ากระทำการโง่เขลา ขอพระสนมโปรดลงอาญาด้วย”

พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยแม้จะนึกโกรธ แต่ตนก็เห็นหลินเย่ว์มาตั้งแต่เล็กจนโต ต่อให้เห็นแก่ฮูหยินหลิน นางก็ไม่กล้าลงโทษเขาอีก

แต่เรื่องในวันนี้ หากนางไม่รีบแก้ไข ไปถึงฮ่องเต้เมื่อใดอาจจะอธิบายได้ยาก

ด้วยเหตุนี้ พระสนมกุ้ยเฟยจึงโบกมือเบาๆ “เจ้ากลับไปก่อน เรื่องนี้ข้าจะพิจารณาเอง จำเอาไว้ ต่อไปอย่าได้ย่างกรายเข้ามาในกรมซักล้างนี่อีก”

เรื่องมาถึงขั้นนี้ หลินเย่ว์ได้แต่ยอมเชื่อฟังโดยดี

แต่วันนี้แม้ได้สั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนี้บ้าง หลินเย่ว์ก็ใช่ว่าจะหายโกรธแต่อย่างใด

ขณะนั่งรถม้ากลับไปยังจวนโหว สายตาหลินเย่ว์จ้องมองไปยังเตาอุ่นด้านข้าง

นั่นเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจเตรียมไว้ก่อนไปรับเนี่ยนเนี่ยนเมื่อวาน ข้างบนยังสลักลายดอกเหมยสีแดงที่เนี่ยนเนี่ยนโปรดปรานนัก

แต่เมื่อวาน เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้เข้ามาในรถ จึงไม่เห็นเตาอุ่นใบนี้ และมาถึงป่านนี้ เตาอุ่นย่อมจะเย็นลง ถูกปล่อยทิ้งให้วางอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง เหมือนดั่งคนที่ถูกทอดทิ้ง

แต่ว่า ต่อให้นางเข้ามานั่งจริง ยังจะรับเตาอุ่นนี้ไว้หรือไม่?

หลินเย่ว์พลันนึกถึงคำพูดของเซียวเหิงขึ้นมา เซียวเหิงบอกว่า เตาอุ่นและของว่างที่เตรียมอยู่ในรถม้า เนี่ยนเนี่ยนแทบไม่แตะต้องเลย

แม้แต่ของที่เซียวเหิงเตรียมไว้ให้ นางยังไม่แตะต้อง นับประสาอะไรกับของของเขา

เด็กคนนี้ นิสัยยิ่งแข็งกร้าวมากกว่าสามปีที่แล้ว เทียบไม่ได้กับยวนเอ๋อร์จริงๆ

หากเมื่อวานนางเอาอย่างยวนเอ๋อร์เรียกเขาว่าพี่ชายบ้าง ไม่สิ ไม่ต้องเหมือนอย่างยวนเอ๋อร์ ขอเพียงนางยอมเรียกเขาว่าพี่สักคำ มีหรือเขาจะเตะนางจนตกจากรถม้าไป

นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่นางเท้าแพลง หลินเย่ว์ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเป็นกำลัง เตาอุ่นที่อยู่เบื้องหน้าพลันขวางหูขวางตาขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

ทันใดนั้น ผ้าม่านรถม้าถูกเปิดขึ้น เตาอุ่นที่สลักลายดอกเหมยสีแดงถูกโยนทิ้งไปพลัน

สิ่งของบางอย่าง ไม่ต้องมองเห็นจะสบายใจมากกว่า

หลินเย่ว์ยังไม่รีบกลับจวนในทันใด เพราะเขารู้สึกกลัดกลุ้มในใจเป็นอย่างมาก จึงรีบไปร้านสุราดื่มสักสองจอก กว่าจะกลับถึงจวน ฟ้าก็มืดแล้ว

สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงก็คือ ทุกคนในจวนต่างก็รอเขาอยู่

ภายในห้องโถงของจวนโหว ท่านโหวหลินนั่งหน้าตึงอยู่ที่เก้าอี้ ฮูหยินหลินสีหน้าเป็นกังวลยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมหมั่นสังเกตสีหน้าท่านโหวหลินเป็นระยะ

เฉียวเนี่ยนก็ถูกเรียกให้มารอพร้อมกัน

นอกจากหลินยวนที่ไม่อยู่ด้วย เพราะนางสำลักน้ำไปหลายอึก หมอบอกว่านางต้องพักผ่อนให้มาก

ขณะที่เฉียวเนี่ยนมาถึง ท่านโหวหลินได้มารออยู่ก่อนแล้ว นี่เป็นการพบครั้งแรกระหว่างสองพ่อลูกหลังจากห่างหายไปสามปี แต่ท่านโหวหลินกลับมองนางด้วยความเย็นชา ไม่ได้พูดจาทักทาย ส่วนนางก็เพียงทำความเคารพตามมรรยาท ไม่ได้พูดจาหรือแม้แต่ส่งสายตาใดๆ เช่นกัน

ทุกคนรออยู่ประมาณหนึ่งก้านธูป หลินเย่ว์จึงได้กลับมา

ขณะเข้ามายังห้องโถงนั้น สีหน้ามีอาการมึนเมาอยู่บางส่วน

ปกติเขาก็เป็นคนคอแข็งมาก วันนี้น่าจะดื่มไปไม่น้อย จึงแสดงออกทางสีหน้าด้วย

เห็นได้ชัดว่า เขารู้ตัวว่าเกิดจากสาเหตุอันใด จึงเดินเข้าห้องโถงพร้อมคุกเข่าลง “ลูกรู้ดีว่าวันนี้บุ่มบ่ามไปก่อเรื่องเข้า ท่านพ่อจะดุด่าว่ากล่าวอย่างไร ลูกยินดีรับฟังทั้งสิ้น”

ขาดคำไม่ทันไร ถ้วยชาหนึ่งใบก็ถูกขว้างมาอย่างแรง กระทบถูกศีรษะหลินเย่ว์เข้าอย่างจัง

ทันทีที่เห็นโลหิตไหลลงจากหว่างคิ้วของหลินเย่ว์ ฮูหยินหลินก็ร้องด้วยความตกใจ พร้อมเดินไปหาท่านโหวหลิน “ท่านพี่ทำอะไรเจ้าคะ? ท่านจะฆ่าลูกเย่ว์หรืออย่างไร?”

“เจ้าไปถามมันว่าได้ทำสิ่งใดไว้บ้าง ยังกล้าบุกเข้าวังอีก ทำไม? เจ้าเห็นว่าจวนโหวเราอยู่สุขสบายเกินไป จึงคิดหาเรื่องมาให้เดือดร้อนใช่หรือไม่?”

ท่านโหวหลินโกรธจนเลือดขึ้นหน้า หายใจหอบจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง

วันนี้ขณะรับรู้เรื่องนี้จากพระโอษฐ์ฮ่องเต้ เขาแทบไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ ด้วยเกรงว่าหากทรงกริ้วมากกว่านี้ จะมีรับสั่งให้คุมตัวคนในจวนโหวไว้ทั้งหมด

หลินเย่ว์เอามือกุมหน้าผากที่บาดเจ็บ สีหน้ายังคงมีความดื้อแพ่ง “ลูกสำนึกผิดแล้ว แต่ลูกทนไม่ไหวจริงๆ อีกอย่างนี่เป็นเพียงการสั่งสอนนางกำนัลของกรมซักล้างก็เท่านั้น ไม่ได้ทำให้มีคนตายเสียหน่อย ถ้าฝ่าบาทจะทรงคาดโทษลงมา อย่างมากลูกก็ไปชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น”

นางกำนัลของกรมซักล้าง?

เฉียวเนี่ยนยืนอยู่ด้านข้าง แอบรู้สึกใจเต้นเล็กน้อย คล้ายกับเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านโหวหลินจึงเรียกนางให้มารอพบหลินเย่ว์ด้วยกัน

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย

ได้ยินเพียงท่านโหวหลินตวาดเสียงดัง “เหลวไหล ถ้าใช้ชีวิตเจ้าเพียงผู้เดียว ชดใช้เรื่องนี้ได้ยังพอว่า แต่ท่านย่าอายุมากแล้ว เจ้าไม่กลัวจะพาให้เราเดือดร้อนทั้งครอบครัวหรืออย่างไร?”

“ไม่ร้ายแรงถึงขั้นหรอกเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลินรีบปกป้องหลินเย่ว์ไว้ก่อน “พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังคิดหาทางออกให้อยู่ ฝ่าบาทก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล เรื่องนี้คงไม่บานปลายแน่”

กล่าวพลาง สายตาฮูหยินหลินก็ชำเลืองไปทางเฉียวเนี่ยน

คล้ายกับมีกระแสจิตบางอย่าง เฉียวเนี่ยนซึ่งยืนก้มหน้ามาโดยตลอด พลันมองไปทางฮูหยินหลินเช่นกัน

แต่ฮูหยินหลินคล้ายกลัวเผชิญหน้ากับนาง พลันรีบเบือนสายตาไปทางอื่น

แต่ว่า เฉียวเนี่ยนยังคงเห็นดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกขอโทษ

ซึ่งนางไม่ชอบสายตาเช่นนี้เลย

จิตใต้สำนึกบอกนางว่า วิธีการที่พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังคิดอยู่นั้น อาจเกี่ยวข้องกับนางก็เป็นได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sita
ขอติดตามตอยต่อไปค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1204

    ม้าสองตัววิ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน กว่าจะมาถึงเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งจึงได้หยุดพักหลินเย่ว์จัดหาที่พักให้เฉียวเนี่ยนเรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปเปลี่ยนม้าที่สถานีพักม้า จนกลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดลงแล้วเดิมคิดว่าหลังจากเหน็ดเหนื่อยทั้งวันทั้งคืน เฉียวเนี่ยนน่าจะพักผ่อนแล้ว ไม่คิดเลยว่าประตูห้องของเฉียวเนี่ยนยังเปิดอยู่ จุดตะเกียงรอเขามองแสงไฟสลัวสีเหลืองที่ส่องออกมาจากในห้อง หลินเย่ว์กำหมัดแน่นเล็กน้อย ปรับอารมณ์ตนเอง ก่อนจะเดินเข้าไป“ยังไม่นอนอีกหรือ?”เขาถามเสียงทุ้ม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นขณะนั้นเฉียวเนี่ยนก็กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆ บนโต๊ะมีอาหารสองอย่าง และน้ำแกงหนึ่งถ้วยวางอยู่เห็นหลินเย่ว์ นางก็ไม่มีสีหน้าใด เพียงพูดว่า “รอเจ้ามากินข้าว”หลินเย่ว์จึงพยักหน้า เข้ามาในห้องแล้วนั่งลงมองอาหารตรงหน้า ดูน่าอร่อยกว่าอาหารแห้งที่กินมาตลอดทางมากนัก แต่หลินเย่ว์กลับไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อยเขาหยิบตะเกียบขึ้น พูดว่า “ต่อไปไม่ต้องรอข้า” จากนั้นก็เริ่มกินเองเฉียวเนี่ยนก็คีบตะเกียบขึ้นมากินด้วยท่าทางดูเชื่องช้า ไม่รีบร้อนเหมือนหลินเย่ว์ที่ตักเข้าปากอย่างหิวโ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1203

    นาง... ไม่รู้ว่านี่เป็นความรู้สึกแบบใดกันแน่ รู้เพียงว่าหัวใจหนักอึ้ง หนักอึ้งนัก...ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดในที่สุดรถม้าก็หยุดลงตรงป่าผืนหนึ่งเฉียวเนี่ยนจึงเปิดม่านรถออก ก็ได้ยินเสียงของหนิงซวง “คุณหนู!”เพียงเห็นหนิงซวงสวมชุดที่นางใส่เป็นประจำ เกล้าผมเช่นเดียวกับนาง รีบเร่งเข้ามาหา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลและร้อนรนเฉียวเนี่ยนเห็นสภาพนั้น ก็พลันกังวลขึ้นมา “เจ้าทำตัวเช่นนี้ คือจะแต่งเป็นข้า เพื่อเบี่ยงเบนทหารที่ตามมารึ?”หนิงซวงพยักหน้าแรงๆ “ท่านอาจารย์บอกไว้ว่าทำเช่นนี้ถึงจะปกป้องคุณหนูได้ดียิ่งขึ้น!”“ไม่ได้!”เฉียวเนี่ยนเอ่ยปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด นางรู้ดีว่าที่เสี่ยวอันจื่อสวมเสื้อที่นาถอดออก แต่งตัวเป็นนาง หลอกล่อทหารรักษาพระองค์อยู่นาน และถ่วงเวลาให้นางหนีก็จะต้องสูญเสียชีวิตไปเพราะเหตุนั้นแน่นอนดังนั้น นางจะให้หนิงซวงมาเดินหมากตานี้ได้อย่างไร?ทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการให้หนิงซวงปลอมเป็นนาง หมายความว่าอย่างไรชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างเงียบลงเป็นหลินเย่ว์ที่เอ่ยขึ้นก่อน “เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นเรื่องที่จะต้องมีคนสละชีวิตเยอะอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ทำเช่นนี้ ฮองเฮาก็ไม่ปล่

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1202

    เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ผู้บัญชาการเซี่ยก็รีบตะคอกสั่งเสียงดัง “รีบสกัดรถม้าคันนั้นไว้!”ชั่วพริบตา ก็มีทหารรักษาพระองค์อีกหลายกองบุกเข้ามาจำนวนคนมากกว่าพวกท่านโหวหลินหลายเท่า แทบจะล้อมพวกเขาไว้จนไม่เหลือทางหนีแต่ก็ไม่ได้ก้าวเข้ามาใกล้กว่านั้นทั้งสองฝ่ายพลันชะงักค้าง พรรคพวกของท่านโหวหลินเผชิญหน้ากันกับกองทหารรักษาพระองค์ โดยมีรถม้าเป็นจุดศูนย์กลางแม้จำนวนจะเป็นรอง แต่พลังอำนาจของท่านโหวหลินกับพวกกลับไม่ด้อยไปกว่าเลยผู้บัญชาการเซี่ยที่เพิ่งประมือกับท่านโหวหลิน แม้ดูเหมือนไม่รู้แพ้ชนะ แต่มีเพียงเขาเองที่รู้ว่าข้อมือของตนเจ็บปวดเพียงใดเขาเคยได้ยินว่า เมื่อตอนที่ท่านโหวหลินยังหนุ่ม เขาเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกร เพียงแต่ตั้งแต่เข้ารับราชการในราชสำนักมา ท่านโหวหลินก็ดูมีท่าทีไม่ค่อยกล้าแสดงออก ไม่องอาจเช่นเดิม จนจวนโหวที่ยิ่งใหญ่ต้องตกต่ำมาถึงสภาพเช่นนี้ เอาเข้าจริง ตอนแรกเขามิได้ใส่ใจท่านโหวหลินเลยด้วยซ้ำทว่าตอนนี้...เขาอาจต้องคิดใหม่ ว่าบุรุษเช่นใด ถึงคู่ควรแก่การถูกเรียกว่าแม่ทัพผู้เกรียงไกรผู้บัญชาการเซี่ยหมุนข้อมือเบาๆ เริ่มประเมินคนตรงหน้าขึ้นมานอกจากท่านโหวหลินแล้ว

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1201

    เฉียวเนี่ยนเข้าใจในทันที รีบขึ้นรถม้าแต่ก่อนจะมุดเข้าไปในรถม้า ร่างกายของนางก็ยังหยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว“ฮูหยินหลิน...”ตอนนี้ฮูหยินหลินยังอยู่ในวังวันนี้นางหลบหนีออกมา ฮองเฮาย่อมต้องคิดจะเอาฮูหยินหลินมาเป็นตัวประกันขู่นางแน่!เพียงแต่ท่านโหวหลินไม่รอให้นางพูดจบก็กล่าวขึ้นว่า “พี่ใหญ่ของเจ้าได้หาทางเข้าไปในวังเพื่อช่วยมารดาของเจ้าแล้ว อย่าได้กังวล รีบขึ้นรถม้าเถิด”ได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงพยักหน้าเล็กน้อย มุดเข้าไปในรถม้าภายในรถม้ามีชุดบุรุษอยู่หนึ่งชุดท่านโหวหลินขับรถม้าไปทางประตูเมือง เสียงทุ้มต่ำลอดเข้ามาในรถม้า “เปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย รอจนออกประตูเมืองไปแล้ว เราจะเปลี่ยนม้าอีกครั้ง! วางใจเถอะ มีพ่ออยู่ พ่อย่อมสามารถปกป้องเจ้าให้ปลอดภัยจนไปพบอ๋องผิงหยางได้แน่”การเคลื่อนไหวในการเปลี่ยนเสื้อผ้าของเฉียวเนี่ยนหยุดชะงักไปโดยไม่รู้ตัวประโยคที่ว่า ‘มีพ่ออยู่’ ราวกับค้อนใหญ่ กระแทกเข้าที่กลางอกของนางอย่างแรงชั่วขณะนั้น ทำให้นางหนักอึ้งจนกระทั่งแม้แต่ความหวาดกลัวต่อการหนีก็ตกหล่นไปสิ้นทว่า กองทัพที่ติดตามมาก็ไล่มาอย่างรวดเร็วเสียงกีบม้าดังมาจากด้านหลังรถม้า ทำให้เสียง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1200

    เฉียวเนี่ยนเดินมาถึงตำหนักหย่งอัน และได้เจอกับเสี่ยวชวนจื่อพอดีทั้งสองเข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องพูด เฉียวเนี่ยนจึงก้าวไป เดินตามหลังเสี่ยวชวนจื่อแต่เพียงไม่กี่ก้าว ก็ถูกกลุ่มทหารรักษาพระองค์ขวางเอาไว้ยังดีที่เสี่ยวชวนจื่อมีตำแหน่งสูงหน่อย ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นไม่เพียงจำเขาได้ ยังค้อมกายคำนับเขาด้วย “คารวะชวนกงกงขอรับ”เสี่ยวชวนจื่อพยักหน้าน้อยๆ มองพวกเขาแล้วเอ่ยว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้น เหตุใดถึงได้มีการเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้?”ก็ได้ยินทหารรักษาพระองค์คนหนึ่งว่า “เรียนชวนกงกง นางปีศาจที่ลอบวางยาพิษฮ่องเต้และองค์รัชทายาทได้หลบหนีไปแล้ว พวกข้าน้อยกำลังตรวจค้นอยู่ ไม่ทราบว่าท่านกงกงพบเจอนางบ้างหรือไม่?”เสี่ยวชวนจื่อทำหน้าแปลกใจ “พวกเจ้าหมายถึงเฉียวเนี่ยน คนที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยแพทย์แห่งโรงหมอหลวงหรือ?”“ใช่แล้วขอรับ”“วันนี้ข้าไม่เห็นนางเลย แต่นางปีศาจผู้นี้จิตใจอำมหิตนัก ไม่รู้ว่ายังจะใช้วิธีการใดลอบทำร้ายบรรดาเชื้อพระวงศ์อีก พวกเจ้าจงรีบไปค้นหา ต้องหาตัวนางให้พบให้จงได้!”"ขอรับ!"ทหารรักษาพระองค์ได้รับคำสั่ง ก็รีบก้าวเข้าไปในตำหนักหย่งอันเสี่ยวชวนจื่อจึงพาเฉียวเนี่ยนเ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1199

    เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ทั้งสองคนก็ค่อยๆ ปล่อยมือเฉียวเนี่ยนกลับรีบหันไปมองทั้งสอง “แล้วพวกเจ้าเล่า?”เมื่อครู่ฮองเฮาเห็นกับตาว่าพวกเขาพานางออกมา หากนางไม่กลับไป ฮองเฮาย่อมไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่ทว่าทั้งสองกลับมองหน้ากันแล้วยิ้ม “พวกข้าน้อยอยู่ในกองทหารรักษาพระองค์มานาน มนุษย์สัมพันธ์ดีมาก! ต่อให้เกิดเรื่องขึ้น พรรคพวกในกองทหารรักษาพระองค์ก็จะคอยดูแลพวกเราเอง”“ท่านหญิงเฉียววางใจได้ เมื่อครู่ตอนพวกเราพาท่านออกมา ฮองเฮาไม่ได้มองหน้าพวกเราเลยแม้แต่น้อย ไม่เป็นอะไรหรอกขอรับ”เฉียวเนี่ยนมองทั้งสอง แววตาเต็มไปด้วยความกังวลพวกเขาพูดเรื่องนี้อย่างง่ายดาย แต่ทว่านางจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าพวกเขากำลังปลอบใจนางเห็นเฉียวเนี่ยนเป็นเช่นนี้ จั๋วเหยียนก็เก็บรอยยิ้ม ส่งสายตาจริงจังมองเฉียวเนี่ยน “ท่านหญิงเฉียว ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็พาท่านออกมาแล้ว ไม่ว่าท่านจะไปหรือไม่ ความผิดของพวกเราพี่น้องก็ยังคงอยู่”จั๋วลี่ก็เอ่ยขึ้นทันที “ใช่แล้วขอรับ ท่านหญิงเฉียว หากไม่ไปตอนนี้ก็จะไม่ทันแล้ว”ได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น ก่อนจะคำนับทั้งสองอย่างลึกซึ้ง “บุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้ เฉียวเนี่ยนผู้นี้จ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status