共有

บทที่ 12

作者: โม่เสียวชี่
ผู้มาใหม่คือเพื่อนสนิทของฮูหยินหลิน พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนั่นเอง

เมื่อเห็นว่าในที่สุดก็มีคนมาห้ามปรามหลินเย่ว์ เหล่านางกำนัลที่อยู่ในบ่อจึงต่างพากันร่ำไห้ระงมอออกมา “พระสนม...”

“ฮือๆๆ พระสนมโปรดช่วยพวกเราด้วยเพคะ”

นางกำนัลสิบกว่าคนร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน ฟังแล้วเป็นที่หนวกหูยิ่ง

พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ปรายตามองดูนางกำนัลใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง

นางกำนัลใหญ่เข้าใจดี จึงกล่าวเสียงตวาด “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก หากล้มป่วยขึ้นมา ทำให้เหล่าพระสนมเสียงานเสียการ พวกเจ้าจะมีกี่หัวพอให้ตัด?”

เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่านางกำนัลจึงหยุดร้องไห้ พร้อมคลานขึ้นจากบ่อน้ำแล้วแยกย้ายไปยังเรือนของตนทันที

รอจนทุกคนไปหมดแล้ว พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยหันมามองราวตากผ้าในมือหลินเย่ว์ พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวเสียงดุ “อะไรกัน ท่านโหวน้อยจะตีข้าด้วยหรืออย่างไร?”

หลินเย่ว์ตกใจจนทิ้งราวตากผ้าลงจากมือ พร้อมประสานมือกล่าวตอบ “กระหม่อมมิบังอาจ”

“ขนาดบุกเข้าวังมาเช่นนี้ ยังมีสิ่งใดไม่กล้าทำอีก?” เห็นชัดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเริ่มกริ้วบ้างแล้ว

นางมองว่าหลินเย่ว์ทำการวู่วามเกินไป

ในกรมซักล้างแห่งนี้ แม้เป็นที่ๆ นับว่าต่ำต้อยในวัง แต่ก็ถือเป็นเขตในวังอยู่ดี

หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไป มีคนจงใจขยายความให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่าว่าแต่ลำพังแค่หลินเย่ว์เลย ให้เป็นจวนโหวทั้งหมดก็อาจเดือดร้อนตาม

หลินเย่ว์ก็รู้ว่าตนไม่ควรมาที่นี่

แต่สมัยก่อนที่เนี่ยนเนี่ยนถูกลงโทษหนักถึงเพียงนั้น นอกจากเพราะถ้วยใบนั้นเป็นของรักขององค์หญิงแล้ว ยังแฝงด้วยเจตนาที่ฮองเต้คิดเล่นงานจวนโหวกลายๆ ด้วย

ด้วยเหตุนี้ ตลอดสามปีมานี้ ผู้คนในจวนโหวอย่าว่าแต่มองหน้าเนี่ยนเนี่ยนเลย แม้แต่จะพูดคุยถามไถ่ เป็นห่วงเป็นใยสักนิดก็ไม่เคยมี

เพราะพวกเขาต้องการให้ฮ่องเต้ได้รู้ ว่าจวนโหวเป็นคนของพระองค์เสมอ มีความจงรักภักดี ไม่ว่าฮ่องเต้จะมีพระประสงค์อย่างไร พวกเขาก็จะไม่ก้าวก่าย และไม่มีการขัดพระบัญชาด้วย

แต่วันนี้ เขาโมโหขึ้นมาจริงๆ

ทุกครั้งที่นึกถึงเหล่านางกำนัลบังคับให้เนี่ยนเนี่ยนอยู่แต่ในน้ำ เขาก็เกิดบันดาลโทสะขึ้น เพียรพยายามเท่าใดก็ระงับไว้ไม่อยู่

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเย่ว์พลางสูดลมหายใจเข้าอีก แล้วคุกเข่าลงพื้น “กระหม่อมรู้ว่ากระทำการโง่เขลา ขอพระสนมโปรดลงอาญาด้วย”

พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยแม้จะนึกโกรธ แต่ตนก็เห็นหลินเย่ว์มาตั้งแต่เล็กจนโต ต่อให้เห็นแก่ฮูหยินหลิน นางก็ไม่กล้าลงโทษเขาอีก

แต่เรื่องในวันนี้ หากนางไม่รีบแก้ไข ไปถึงฮ่องเต้เมื่อใดอาจจะอธิบายได้ยาก

ด้วยเหตุนี้ พระสนมกุ้ยเฟยจึงโบกมือเบาๆ “เจ้ากลับไปก่อน เรื่องนี้ข้าจะพิจารณาเอง จำเอาไว้ ต่อไปอย่าได้ย่างกรายเข้ามาในกรมซักล้างนี่อีก”

เรื่องมาถึงขั้นนี้ หลินเย่ว์ได้แต่ยอมเชื่อฟังโดยดี

แต่วันนี้แม้ได้สั่งสอนนางกำนัลกลุ่มนี้บ้าง หลินเย่ว์ก็ใช่ว่าจะหายโกรธแต่อย่างใด

ขณะนั่งรถม้ากลับไปยังจวนโหว สายตาหลินเย่ว์จ้องมองไปยังเตาอุ่นด้านข้าง

นั่นเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจเตรียมไว้ก่อนไปรับเนี่ยนเนี่ยนเมื่อวาน ข้างบนยังสลักลายดอกเหมยสีแดงที่เนี่ยนเนี่ยนโปรดปรานนัก

แต่เมื่อวาน เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้เข้ามาในรถ จึงไม่เห็นเตาอุ่นใบนี้ และมาถึงป่านนี้ เตาอุ่นย่อมจะเย็นลง ถูกปล่อยทิ้งให้วางอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง เหมือนดั่งคนที่ถูกทอดทิ้ง

แต่ว่า ต่อให้นางเข้ามานั่งจริง ยังจะรับเตาอุ่นนี้ไว้หรือไม่?

หลินเย่ว์พลันนึกถึงคำพูดของเซียวเหิงขึ้นมา เซียวเหิงบอกว่า เตาอุ่นและของว่างที่เตรียมอยู่ในรถม้า เนี่ยนเนี่ยนแทบไม่แตะต้องเลย

แม้แต่ของที่เซียวเหิงเตรียมไว้ให้ นางยังไม่แตะต้อง นับประสาอะไรกับของของเขา

เด็กคนนี้ นิสัยยิ่งแข็งกร้าวมากกว่าสามปีที่แล้ว เทียบไม่ได้กับยวนเอ๋อร์จริงๆ

หากเมื่อวานนางเอาอย่างยวนเอ๋อร์เรียกเขาว่าพี่ชายบ้าง ไม่สิ ไม่ต้องเหมือนอย่างยวนเอ๋อร์ ขอเพียงนางยอมเรียกเขาว่าพี่สักคำ มีหรือเขาจะเตะนางจนตกจากรถม้าไป

นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่นางเท้าแพลง หลินเย่ว์ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเป็นกำลัง เตาอุ่นที่อยู่เบื้องหน้าพลันขวางหูขวางตาขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

ทันใดนั้น ผ้าม่านรถม้าถูกเปิดขึ้น เตาอุ่นที่สลักลายดอกเหมยสีแดงถูกโยนทิ้งไปพลัน

สิ่งของบางอย่าง ไม่ต้องมองเห็นจะสบายใจมากกว่า

หลินเย่ว์ยังไม่รีบกลับจวนในทันใด เพราะเขารู้สึกกลัดกลุ้มในใจเป็นอย่างมาก จึงรีบไปร้านสุราดื่มสักสองจอก กว่าจะกลับถึงจวน ฟ้าก็มืดแล้ว

สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงก็คือ ทุกคนในจวนต่างก็รอเขาอยู่

ภายในห้องโถงของจวนโหว ท่านโหวหลินนั่งหน้าตึงอยู่ที่เก้าอี้ ฮูหยินหลินสีหน้าเป็นกังวลยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมหมั่นสังเกตสีหน้าท่านโหวหลินเป็นระยะ

เฉียวเนี่ยนก็ถูกเรียกให้มารอพร้อมกัน

นอกจากหลินยวนที่ไม่อยู่ด้วย เพราะนางสำลักน้ำไปหลายอึก หมอบอกว่านางต้องพักผ่อนให้มาก

ขณะที่เฉียวเนี่ยนมาถึง ท่านโหวหลินได้มารออยู่ก่อนแล้ว นี่เป็นการพบครั้งแรกระหว่างสองพ่อลูกหลังจากห่างหายไปสามปี แต่ท่านโหวหลินกลับมองนางด้วยความเย็นชา ไม่ได้พูดจาทักทาย ส่วนนางก็เพียงทำความเคารพตามมรรยาท ไม่ได้พูดจาหรือแม้แต่ส่งสายตาใดๆ เช่นกัน

ทุกคนรออยู่ประมาณหนึ่งก้านธูป หลินเย่ว์จึงได้กลับมา

ขณะเข้ามายังห้องโถงนั้น สีหน้ามีอาการมึนเมาอยู่บางส่วน

ปกติเขาก็เป็นคนคอแข็งมาก วันนี้น่าจะดื่มไปไม่น้อย จึงแสดงออกทางสีหน้าด้วย

เห็นได้ชัดว่า เขารู้ตัวว่าเกิดจากสาเหตุอันใด จึงเดินเข้าห้องโถงพร้อมคุกเข่าลง “ลูกรู้ดีว่าวันนี้บุ่มบ่ามไปก่อเรื่องเข้า ท่านพ่อจะดุด่าว่ากล่าวอย่างไร ลูกยินดีรับฟังทั้งสิ้น”

ขาดคำไม่ทันไร ถ้วยชาหนึ่งใบก็ถูกขว้างมาอย่างแรง กระทบถูกศีรษะหลินเย่ว์เข้าอย่างจัง

ทันทีที่เห็นโลหิตไหลลงจากหว่างคิ้วของหลินเย่ว์ ฮูหยินหลินก็ร้องด้วยความตกใจ พร้อมเดินไปหาท่านโหวหลิน “ท่านพี่ทำอะไรเจ้าคะ? ท่านจะฆ่าลูกเย่ว์หรืออย่างไร?”

“เจ้าไปถามมันว่าได้ทำสิ่งใดไว้บ้าง ยังกล้าบุกเข้าวังอีก ทำไม? เจ้าเห็นว่าจวนโหวเราอยู่สุขสบายเกินไป จึงคิดหาเรื่องมาให้เดือดร้อนใช่หรือไม่?”

ท่านโหวหลินโกรธจนเลือดขึ้นหน้า หายใจหอบจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง

วันนี้ขณะรับรู้เรื่องนี้จากพระโอษฐ์ฮ่องเต้ เขาแทบไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ ด้วยเกรงว่าหากทรงกริ้วมากกว่านี้ จะมีรับสั่งให้คุมตัวคนในจวนโหวไว้ทั้งหมด

หลินเย่ว์เอามือกุมหน้าผากที่บาดเจ็บ สีหน้ายังคงมีความดื้อแพ่ง “ลูกสำนึกผิดแล้ว แต่ลูกทนไม่ไหวจริงๆ อีกอย่างนี่เป็นเพียงการสั่งสอนนางกำนัลของกรมซักล้างก็เท่านั้น ไม่ได้ทำให้มีคนตายเสียหน่อย ถ้าฝ่าบาทจะทรงคาดโทษลงมา อย่างมากลูกก็ไปชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น”

นางกำนัลของกรมซักล้าง?

เฉียวเนี่ยนยืนอยู่ด้านข้าง แอบรู้สึกใจเต้นเล็กน้อย คล้ายกับเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านโหวหลินจึงเรียกนางให้มารอพบหลินเย่ว์ด้วยกัน

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย

ได้ยินเพียงท่านโหวหลินตวาดเสียงดัง “เหลวไหล ถ้าใช้ชีวิตเจ้าเพียงผู้เดียว ชดใช้เรื่องนี้ได้ยังพอว่า แต่ท่านย่าอายุมากแล้ว เจ้าไม่กลัวจะพาให้เราเดือดร้อนทั้งครอบครัวหรืออย่างไร?”

“ไม่ร้ายแรงถึงขั้นหรอกเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลินรีบปกป้องหลินเย่ว์ไว้ก่อน “พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังคิดหาทางออกให้อยู่ ฝ่าบาทก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผล เรื่องนี้คงไม่บานปลายแน่”

กล่าวพลาง สายตาฮูหยินหลินก็ชำเลืองไปทางเฉียวเนี่ยน

คล้ายกับมีกระแสจิตบางอย่าง เฉียวเนี่ยนซึ่งยืนก้มหน้ามาโดยตลอด พลันมองไปทางฮูหยินหลินเช่นกัน

แต่ฮูหยินหลินคล้ายกลัวเผชิญหน้ากับนาง พลันรีบเบือนสายตาไปทางอื่น

แต่ว่า เฉียวเนี่ยนยังคงเห็นดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกขอโทษ

ซึ่งนางไม่ชอบสายตาเช่นนี้เลย

จิตใต้สำนึกบอกนางว่า วิธีการที่พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกำลังคิดอยู่นั้น อาจเกี่ยวข้องกับนางก็เป็นได้

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード
コメント (1)
goodnovel comment avatar
Sita
ขอติดตามตอยต่อไปค่ะ
すべてのコメントを表示

最新チャプター

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 752

    วั่นเจ๋อเยว่ตอบคำนับตอบ “นึกว่าท่านหญิงเฉียวจะต้องรอเลิกเวรเสียก่อนถึงจะมาเสียอีก”เพียงแต่ ท่าทางการคำนับกลับของเขานั้นไม่ถูกต้องนัก น้ำเสียงก็ไม่ถือว่านอบน้อม กระทั่งสายตาที่มองไปยังเฉียวเนี่ยนยังแฝงด้วยความดูแคลนอยู่บ้างเห็นได้ชัดว่าเขาดูแคลนนางเฉียวเนี่ยนแอบคิดในใจ ว่าบางทีตั้งแต่นางยังเล็ก วั่นเจ๋อเยว่ก็คงดูแคลนนางเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นจะลอบกลั่นแกล้งอยู่เรื่อยไปหรือ?ส่วนสถานการณ์ของเมิ่งอิ้งจือตอนนี้ เกรงว่าจะเป็นฝีมือของวั่นเจ๋อเยว่เป็นเพราะวั่นเจ๋อเยว่ทำร้ายทารุณ จนจิตใจของเมิ่งอิ้งจือพังทลาย หมดสิ้นแม้แต่ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ จึงค่อยๆกลายเป็นเช่นนี้ทีละน้อยคิดดูแล้ว วั่นเจ๋อเยว่คงไม่อยากให้หมอมารักษาเมิ่งอิ้งจือ ที่แน่ๆคืออาการของเมิ่งอิ้งจือไม่ได้เพิ่งเกิดเพียงแค่วันสองวันแต่น่าแปลกที่ในเมืองหลวงกลับไม่มีข่าวลือใดๆ เกี่ยวกับเมิ่งอิ้งจือเลยแม้แต่น้อยหากไม่เห็นกับตาในวันนี้ นางก็ไม่มีทางนึกฝันว่าเมิ่งอิ้งจือจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้คงเป็นเพราะคำแนะนำของพี่หญิงชิว ทำให้วั่นเจ๋อเยว่ปฏิเสธไม่ได้ จึงให้สาวใช้ของเมิ่งอิ้งจือไปเชิญนางมานอกจากนี้ แน่นอนว่ายังมีเรื่

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 751

    เมื่อมองดูดวงตาที่ไร้แววใดๆ คู่นั้น ในใจเฉียวเนี่ยนก็รู้สึกสะท้านไปครู่หนึ่งนางตระหนักได้ว่า ไม่ว่านางจะพูดอะไรในตอนนี้ เมิ่งอิ้งจือก็คงจะไม่เข้าใจ แต่ก็ยังเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าน้อยคือหมอหญิงแห่งโรงหมอหลวง ได้รับมอบหมายมาเพื่อรักษานายหญิงน้อยใหญ่เจ้าค่ะ”และเมื่อคำพูดนั้นจบลง เมิ่งอิ้งจือก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตามคาดเฉียวเนี่ยนจึงไม่ใส่ใจอะไรนัก เอื้อมมือออกไปจับชีพจรของเมิ่งอิ้งจือเฉียวเนี่ยนเกิดความสงสัย สายตาจึงจับจ้องอยู่ที่สาวใช้ผู้นั้นอย่างแนบแน่นชีพจรนั้นอ่อนแรงอย่างยิ่ง ถึงขั้นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตายโดยทั่วไปแล้ว คนที่มีชีพจรเช่นนี้ ล้วนเป็นผู้ที่ใกล้ตายเฉียวเนี่ยนชักมือกลับอย่างครุ่นคิด ไม่ค่อยเข้าใจว่าเมิ่งอิ้งจือในวัยเพียงเท่านี้ เหตุใดจึงต้องมีจุดจบเช่นนี้ทว่าในตอนนั้นเอง สาวใช้คนเดิมก็ยกถ้วยน้ำชามา “ท่านหญิงเฉียว เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ”เฉียวเนี่ยนกล่าวขอบคุณ ยื่นมือไปรับ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าถ้วยน้ำชานั้นกลับถูกทำหกน้ำชาไม่ได้หกลงบนตัวเฉียวเนี่ยน ทว่าไหลลงบนผ้าห่มของเมิ่งอิ้งจือแทน“ว้าย! บ่าวสมควรตายเจ้าค่ะ!” สาวใช้เอ่ยพลางรีบจัดเก็บด้วยความลนลานเฉี

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 750

    วันถัดมา เฉียวเนี่ยนต้องไปเข้าเวรที่โรงหมอหลวงทว่ารถม้าเพิ่งออกจากจวนอ๋องผิงหยางได้ไม่นาน ก็มีคนมาขวางไว้“บังอาจ! ผู้ใดกล้าขวางรถม้าของจวนอ๋องผิงหยาง? ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือ?!”สารถี ตวาดเสียงเข้ม หนักแน่นเหมือนคนที่เคยฝึกยุทธ์เฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ในรถม้า ได้ยินเสียงชักดาบของสารถีแต่ไม่คาดคิดว่า เสียงที่ดังขึ้นตามมาจากด้านนอกกลับแฝงเสียงสะอื้นอยู่บ้าง “ท่านหญิงเฉียวโปรดให้อภัย บ่าวเป็นคนของคุณชายใหญ่ ถูกส่งมารับท่านหญิงเฉียวไปยังจวน เพื่อช่วยรักษานายหญิงน้อยใหญ่ของพวกบ่าวเจ้าค่ะ!”ไม่นานหลังจากเสียงนั้นจบลง มือคู่หนึ่งก็ยื่นเข้ามาจากนอกรถม้าเป็นสารถีที่ยื่นหยกชิ้นหนึ่งเข้ามาหยกนั้นเนื้อใสดังหยดน้ำ เพียงเห็นก็รู้ว่าเป็นของดี หาได้ยากนักที่สำคัญคือ ด้านบนมีสลักอักษร ‘วั่น’นั่นคือสิ่งที่มีเพียงคนของตระกูลวั่นแห่งจวนอัครมหาเสนาบดีเท่านั้นที่จะครอบครองได้นายหญิงน้อยใหญ่?เฉียวเนี่ยนจำได้ว่าพี่ใหญ่เซียวเคยบอกไว้ ภายหลังเมิ่งอิ้งจือแต่งออกเรือนไปกับคุณชายใหญ่ผู้สืบทอดตำแหน่งสายตรงของจวนอัครมหาเสนาบดีบังเอิญอะไรเช่นนี้ เพิ่งเมื่อวานนางยังกลุ้มใจว่าจะเข้าหาเมิ่งอิ้งจืออย่าง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 749

    ถึงอย่างไร สภาพของสวีเหม่ยเหรินในตอนนี้ ต่อให้ท้ายที่สุดจะไม่คลอดก่อนกำหนดจนตาย ก็ต้องถูกคนของฮองเฮาฆ่าตายอยู่ดีแต่หากรีบเร่งช่วยสวีเหม่ยเหรินก่อน ทั้งสองฝ่ายก็ยังพอมีโอกาสรอดคิดถึงตรงนี้แล้ว เฉียวเนี่ยนจึงเอ่ยว่า “ขอท่านอาจารย์แบ่งปันกระบวนการผลิตยานิทราจำแลงให้ข้าด้วย ข้าจะได้ช่วยท่านอาจารย์วิจัยร่วมกัน เผื่อจะได้เร็วขึ้น! ส่วนเรื่องท่านพี่เซียว ข้าจะคอยจับตาดูอยู่ตลอด หากแขนท่านพี่เซียวเริ่มเย็น พวกเราค่อยเร่งศึกษาพิษเยือกมรณะ ดีหรือไม่? ท่านอาจารย์บอกไม่ใช่หรือหรือเจ้าคะ ว่าพิษเยือกมรณะไม่นับเป็นพิษชั้นดี เช่นนั้นแล้ว คงไม่ยากเกินไปนักที่จะศึกษามัน!”ถึงอย่างไร พิษอย่างบุปผาจันทรา พิษสลายกระดูกเช่นนั้น ท่านอาจารย์ของนางก็สามารถคิดหาวิธีแก้ได้แล้วทั้งสิ้น!ท่านหมอมองเฉียวเนี่ยน สุดท้ายก็พยักหน้าเล็กน้อยทว่ากลับไม่ได้บอกความจริงแก่นางวิธีแก้ทั้งหมดเหล่านั้น ผู้คิดค้นมิใช่เขา แต่เป็นเจ้าสำนักราชาโอสถหากเป็นคนที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องพิษ จะให้ศึกษาเรื่องพิษเยือกมรณะได้ ช่างยากเย็นนัก!เมื่อคิดถึงตรงนี้ ท่านหมอก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม สายตาเหลือบไปยังห่ออาหารข้างกาย ก็พลันคิดอะไรบา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 748

    ท่านหมอพูดจาเช่นนี้ ทำให้เฉียวเนี่ยนถึงกับยืนอึ้งอยู่กับที่ก็ได้ยินท่านหมอกล่าวต่อ ว่า “พิษที่ทำให้ผู้บัญชาการเซียวกลายเป็นคนพิการนั้น น่าจะเป็นพิษสลายกระดูก ชื่ออาจฟังดูน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วมิได้กัดกร่อนกระดูกของคน เพียงแค่ทำให้ขาเป็นอัมพาต เคลื่อนไหวไม่ได้ อีกทั้งผู้ถูกพิษยังมีอาการพิษกำเริบบ่อยครั้ง ขาทั้งสองจะปวดราวกับกระดูกถูกทุบ เช่นเดียวกับอาการของผู้บัญชาการเซียวในตอนนั้น“เฉียวเนี่ยนตั้งใจฟังคำอธิบายของท่านหมอนางหาได้ใส่ใจพิษสลายกระดูกไม่ ในเมื่อขาของท่านพี่เซียวสามารถยืนขึ้นมาได้แล้วสิ่งที่นางกังวลคือพิษอีกชนิดหนึ่งในร่างของท่านพี่เซียวต่างหาก!ท่านหมอสูดลมหายใจลึก แล้วกล่าวต่อว่า “ส่วนพิษอีกชนิดในร่างของผู้บัญชาการเซียว น่าจะเป็นพิษเยือกมรณะ พิษนี้ในช่วงแรกจะทำให้มือเท้ารู้สึกเย็นเป็นพักๆ แต่ยิ่งอยู่ในร่างกายนานเท่าไร เวลาที่รู้สึกเย็นก็จะยิ่งนานขึ้น จนท้ายที่สุด ความเย็นจะลุกลามจากแขนขาไปทั่วร่าง แล้วผู้ถูกพิษก็จะเสียชีวิตด้วยร่างกายที่เย็นเฉียบ”เมื่อได้ฟังคำของท่านหมอ เฉียวเนี่ยนรู้สึกเหมือนทั้งตัวกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดท่านหมอลูบเคราแล้วกล่าวต่อว่า “แต่ในสำนักรา

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 747

    แกล้งตาย?ท่านหมอลูบเคราของตน สีหน้าเคร่งขรึม “สำนักราชาโอสถมียานิทราจำแลง หลังกินข้าไปแล้ว ภายในหนึ่งชั่วยามจะไร้ลมหายใจเหมือนคนตาย เพียงแต่ยานี้ทำยากนัก ขั้นตอนซับซ้อนมาก ข้าเองก็ใช่ว่าจะทำขึ้นมาได้!”เฉียวเนี่ยนก็ขมวดคิ้ว “ถ้าเช่นนั้น นอกเหนือจากนี้ ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่?”“ก็ยังพอมี” ท่านหมอกล่าวจริงจัง “แค่ฝังเข็มที่จุดสำคัญสองแห่งของเส้นลมปราณปอดและเส้นลมปราณหัวใจ ปักลึกหนึ่งชุ่นสามเฟิน ก็สามารถทำให้คนตกอยู่ในสภาวะแกล้งตายได้ เพียงแต่ วิธีนี้อันตรายมาก หากพลาดก็อาจถึงชีวิตจริงๆ”หากเป็นเช่นนั้น ยานิทราจำแลงก็ดูจะน่าไว้ใจมากกว่านักคิดได้ดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็ลุกขึ้น ทำความเคารพท่านหมอ “ขอท่านอาจารย์โปรดลองดูเถิด โปรดผลิตเม็ดยานิทราจำแลงออกมาให้ได้!”ท่านหมอก็ลุกขึ้นประคองเฉียวเนี่ยน “เจ้ามีจิตใจเมตตา ข้าย่อมจะพยายามสุดความสามารถ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้อันตรายมาก ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ถูกองค์หญิงกับฮองเฮาสงสัยเข้า เจ้าต้องเตรียมแผนการให้รอบคอบก่อนจะลงมือ มิฉะนั้น ถ้าช่วยชีวิตคนไม่สำเร็จ เกรงว่าจะนำภัยมาถึงตัวเจ้าเอง”“เจ้าค่ะ ศิษย์เข้าใจดี!” เฉียวเนี่ยนพยักหน้าอย่างหนักแน่น จากน

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status