ช่วงเย็นฉันออกไปเก็บเสื้อผ้าบางส่วนและบอกน้าวันว่ามีคนจ้างทำงานเป็นงานพิเศษ มีที่พักให้ น้าวันไม่เอะใจอะไรสักนิดเพราะว่าฉันรับจ้างทำงานหลายอย่างมาตลอด น้าวันก็เลยไว้ใจ
เวลาสามทุ่มพี่กองทัพเดินเข้ามาในห้องของคอนโดหรู ที่ฉันรู้ว่ามันหรูเพราะฉันเห็นแล้วไงมันหรูมาก ๆ สูงหกสิบชั้นได้มั้ง ย่านคนมีเงินอยู่กันทั้งนั้น คนจนอย่างฉันไม่มีทางได้เฉียดเข้ามาเหยียบหรอก “พี่กินข้าวมาหรือยังคะ”
“ทำไมอะ เบลล์อยากไปกินข้างนอกเหรอ” พี่กองทัพถอดเสื้อหนังออก เดินไปแขวนไว้ตรงที่แขวนใกล้ ๆ ตู้เสื้อผ้า
“เปล่าค่ะ เบลล์จะบอกว่าเบลล์ทำเผื่อพี่ไว้อยู่ในครัวค่ะ อาหารบ้าน ๆ ไม่รู้พี่จะกินได้ไหม” ฉันก็แค่ทำเผื่อแผ่มนุษย์ร่วมห้องก็แค่นั้น เป็นความเคยชินที่ชอบทำกับข้าวเผื่อใครสักคนเพื่อเตือนตัวเองว่าฉันไม่ได้ตัวคนเดียว
พี่กองทัพมายืนด้านหลังโซฟาแล้วโน้มตัวมาหอมแก้มฉัน กลิ่นน้ำหอมอบอวลใกล้ ๆ ตัวฉัน ตึก ตึก ตึก ใจมันเต้นแรง สั่นไหวแปลก ๆ นี่ฉันกำลังคิดไม่ซื่อกับคนรักของเพื่อนงั้นเหรอ ไม่ดิ ไม่ได้ มันผิด ฉันต้องห้ามรู้สึก “ขอบใจนะ กินข้าวกันปะ”
“เบลล์กินแล้วค่ะ” ฉันต้องนิ่ง ต้องนิ่งให้มากกว่านี้ อย่าใจสั่นเพียงเพราะเขาหล่อน่าหลงใหล อย่าได้ลืมว่าเขาคือคนรักของมิ้ม มิ้มเพื่อนรักมึงนะเบลล์
“ถ้างั้นนั่งเป็นเพื่อนหน่อย ไม่ชอบความเหงา” พี่กองทัพกระซิบที่ใบหู ร่างกายฉันมันสั่นสะท้าน
“ค่ะ”
หลังจากที่นั่งเฝ้าพี่กองทัพกินข้าวจนหมด พี่กองทัพก็สั่งให้ฉันอาบน้ำอีกรอบเขาเข้ามาอาบด้วยแล้วก็ทำเรื่องอย่างว่ากับฉันในห้องน้ำ จบลงที่เตียงนอน เกิดคำถามที่ก่อกวนใจ ฉันจึงตัดสินใจถาม “ระหว่างที่เราอยู่ด้วยกันเบลล์สามารถถามอะไรพี่ได้บ้างคะ หมายถึงช่วงที่พี่ยังไม่เบื่อเบลล์ เบลล์จะได้ทำถูก”
“เรื่องส่วนตัวทุกอย่างของพี่เบลล์ไม่ต้องรู้ ระหว่างนี้ห้ามพูดเรื่องมิ้ม แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือห้ามรักพี่ เพราะพี่ไม่ได้รักเบลล์ พี่แค่ชื่นชอบร่างกายของเบลล์เท่านั้น” พี่กองทัพพูดแล้วจูบที่แผ่นหลังอย่างเบาบาง คำพูดที่กลั่นออกมาจากปากเขา ทำหัวใจของฉันปวดหนึบ ฉันช่างดูไร้ค่า ทำไมโชคชะตาถึงกลั่นแกล้งคนจน ๆ แบบฉันขนาดนี้ ทุกข์อยู่แล้วก็ถูกกลั่นแกล้งให้ทุกข์เข้าไปอีก “ไม่ต้องห่วงนะ ระหว่างนี้เบลล์จะมีเงินใช้ พี่ไม่ให้เบลล์ลำบากหรอก”
ปากร้ายอะไรขนาดนี้
“เบลล์ไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะคะ” ฉันหันไปจิกตาใส่ ใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปาก
“หรือเบลล์จะให้พี่ฟรี ๆ ล่ะ แบบนั้นก็ได้นะพี่ชอบ ของฟรีดี ๆ หายาก” เขาว่าพลางขยับใบหน้ามาใกล้ ๆ แล้วก็จูบที่จมูกของฉัน “ไม่รู้ทำไมพี่ถึงชอบกลิ่นตัวเบลล์พี่มาก ๆ อยากจะกอดไว้แบบนี้ไม่ให้ห่างตัว”
เขากำลังพูดอะไร เขากำลังทำให้ผู้หญิงโง่ ๆ อย่างฉันสับสน
ฉันกำลังสับสน จัดการอารมณ์และความรู้สึกไม่ได้ ที่แน่ ๆ ฉันจะรักพี่กองทัพไม่ได้ เขาเป็นคนรักของมิ้ม เขาแค่ชอบร่างกายฉัน อย่าทำให้ตัวเองเจ็บนะเบลล์ อย่าเป็นผู้หญิงไร้ยางอายมากไปกว่านี้
“เบลล์ง่วงแล้ว ขอนอนนะคะ” ฉันดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยเปล่า
“หึหึ เด็กน้อย” พี่กองทัพจูบที่กลุ่มผม ขาก่ายลงที่ร่างกายฉัน มือใหญ่บีบคลึงหน้าอกเบา ๆ ฉันปล่อยให้เขาทำ ก็หวังว่าสักวันอันใกล้นี้เขาคงจะเบื่อร่างกายนี้ หวังว่าใจฉันจะมีภูมิต้านทาน
หลายวันต่อมา
ฉันยืนทำข้าวต้มกุ้งอยู่ในครัว เพราะใช้ชีวิตตามลำพังกับน้าวันสองคน ด้วยไม่อยากให้น้าวันที่รักเหมือนแม่เหน็ดเหนื่อยมากนัก ฉันจึงคอยช่วยงานบ้านคอยแบ่งเบาภาระหน้าที่ บางทีก็ทำกับข้าวไว้รอ ลองผิดลองถูกจนกระทั่งเก่งเรื่องการทำอาหาร
“อยู่นี่เอง ถึงว่าพี่คลำมือหาทำไมไม่เจอ” เสียงมาก่อนตัวฉันหันไปมอง พี่กองทัพเดินออกมาจากห้องนอนด้วยกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว เส้นผมดกดำปกคลุมหน้าผากเพราะไม่ถูกจัดทรง ดูธรรมชาติ ดูเป็นกันเองที่สุด เขาเดินมาสวมกอดจากด้านหลังคางวางที่ไหล่ มือสอดเข้ามากอดแล้วก็ขยับมาจับมือฉันที่ถือทัพพีเคี่ยวข้าวต้มในหม้อ เขากำลังทำให้ใจของฉันเต้นแรงอีกแล้ว หลายวันมานี้ฉันไม่เป็นตัวเองเลย “ทำอะไร หอมเชียว”
“ขะ ข้าวต้มกุ้งค่ะ” กระอักกระอ่วนท้องไส้ปั่นป่วนหายใจไม่ทั่วท้อง ยามเขาสัมผัสผิวก่อเกิดความวาบหวามอยู่บ่อยครั้ง
“น่ากินจัง พี่ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน เดี๋ยวมากินด้วย” เขาหอมที่แก้มก่อนจะเดินจากไป ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างที่มีงานศิลป์อยู่เต็มหลัง ภาพมังกรกลางหลังทำให้ฉันเคลิบเคลิ้มหลงใหล เมื่ออยู่บนแผ่นหลังกำยำมันคืองานศิลปะที่สวยงาม
น่าเสียดายที่รักไม่ได้ ต้องห้ามรัก ทั้งที่เป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตถ้าเป็นคนสุดท้ายได้คงจะดี เพราะว่าฉันก็ไม่อยากผ่านมือชายหลายคน
“ทำให้กินทุกวันนะ พี่ชอบอร่อยดี” ข้าวต้มกุ้งถ้วยที่สามวางที่โต๊ะทานข้าวตรงหน้าพี่กองทัพ
“ค่ะ” ฉันพูดแค่นั้นแล้วนั่งกินข้าวต้มในถ้วยต่อ จะทำให้กินทุกวันได้ไง ในเมื่ออีกไม่นานเขาก็เบื่อฉัน นี่คงกำลังพูดให้ฉันหลงใหลอยู่ใช่ไหม
“กินเสร็จแล้วเบลล์ไปเตรียมตัวนะ ไปร้านกับพี่”
ฉันเงยหน้ามองพี่กองทัพด้วยสีหน้ามึนงง ตัดสินใจเอ่ยถามแบบกล้า ๆ กลัว ๆ “เบลล์ถามได้ไหมว่าร้านอะไรคะ”
“ร้านสัก”
“เบลล์ไม่ชอบ” ไม่เคยมีในหัวว่าไปสถานที่นั้นเพราะว่าฉันไม่ชอบ ขึ้นชื่อว่าร้านสักผู้ชายต้องเยอะอยู่แล้ว
“แต่พี่ชอบ เบลล์ต้องไป” เขาว่าจบก็ตักข้าวใส่ปาก
“เอาแต่ใจ” บังคับเก่ง
“อะไรนะ” หูดีด้วย เงยหน้าขึ้นมาจ้องฉันแล้ว
“อะไรคะ” ฉันเลยต้องแสร้งเฉไฉไม่รู้เรื่อง ไม่งั้นได้โดนเขาดุอีก
“หึ หึ พี่คงได้ยินผิดมั้ง” เมื่อพูดจบพี่กองทัพก็ยิ้มก่อนจะตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก จากนั้นเขาลุกจากเก้าอี้เดินมาหาฉันมือค้ำที่โต๊ะโน้มตัวลงใบหน้าเราเสมอกัน ใกล้ชิดชนิดที่ว่าสัมผัสได้ถึงลมหายใจ พี่กองทัพหอมที่แก้มฉันหนึ่งครั้ง เลื่อนใบหน้าไปที่ใบหู กระซิบเบา ๆ ว่า “แต่อย่าพลาดพูดบ่อย ๆ นะครับ เพราะอาจจะโดนลงโทษได้”
หัวใจของฉันกำลังถลำลึก บางอย่างกำลังเกิดขึ้น เรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ฟุบ! เสียงเตียงยุบหลังจากที่ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงที่ผมนอนงอนเป็นเด็กอยู่บนที่เตียง มือบางสอดเข้ามาโอบกอดที่เอวของผม แค่เธอกอดใจของผมก็เต้นแรง เธอแม่งรักผมจริง ๆ เธอไม่ได้ทิ้งผมไป ทำไมต้องดีกับผมขนาดนี้ด้วย ยิ่งเบลล์ดีมากเท่าไหร่ผมยิ่งละอายใจในสิ่งที่เคยผิดพลาด“ขอบคุณนะ” ผมบอกก่อนที่จะพลิกตัวตะแคงหันหาเบลล์โอบกอดร่างบอบบาง ช่วงล่างของผมกำลังแข็งเมื่ออยู่ใกล้เธอ แต่ผมจะพยายามอดกลั้นขอแค่นอนกอดก็คงพอ ขอเป็นสุภาพบุรุษสักครั้งเถอะ ที่ผ่านมาผมมันซาตานในสายตาเธอเบลล์นอนเงียบ ๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เรานอนกอดกัน มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบา ๆ ที่เป่ารดต้นคอของผม หลายปีมากแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกอบอุ่นแบบนี้ อ้อมกอดของเบลล์เหมือนจะเติมเต็มทุกอย่างที่ผมขาดหาย กอดนี้ทำให้ผมหลับสบายรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่คลำมือหาร่างบางไม่เจอ ตรงที่เบลล์นอนมันเย็นเหมือนว่าเบลล์ลุกไปนานมากแล้ว ผมลืมตาขึ้นพบเจอกับความว่างเปล่า เธอไปแล้วงั้นเหรอ นี่ผมหลับสนิทจนไม่รู้สึกตัวเลยเหรอ รีบลุกจากเตียงแบบทุลักทุเลเพื่อไปตามหาเธอ ประตูห้องน้ำแง้มไว้แสดงว่าไม่อยู่ เดินเข้าไปในครัวมีเพียงหม้อข้าวต้มกุ้งกับโพสต์อิทแปะไว้‘ทา
“มาค่ะเดี๋ยวจะทำแผลให้” ร่างบางเดินกลับเข้ามาในห้องหลังจากที่เธอรับสายใครก็ไม่รู้ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูมีความสุขฉิบหาย ผมนั่งนิ่งปล่อยให้เธอทำแผลที่โดนหมากัด ไอ้แผลที่ได้มาเนี่ยก็เพราะไอ้โชคช่วยของหมูน้อยมันกำลังโดนรุมอยู่หน้าร้าน ด้วยความห่วงหมาเพราะกลัวเจ้าของจะเสียใจ ผมก็ไปอุ้มไอ้โชคช่วยขึ้น แล้วบังเอิญไอ้หมาที่กัดไอ้โชคช่วยมันวิ่งเข้ามางับแขนของผมในจังหวะนั้นพอดี แยกหมาเสร็จผมก็ให้ไอ้เต้พาไอ้โชคช่วยไปหาหมอ ส่วนผมก็ทำแผลแบบลวก ๆ แล้วรีบมาหาพ่อตามคำสั่งที่โดนโทรตาม แต่พอมาถึงบ้านพ่อก็บอกว่าไม่มีอะไรแล้ว ผมปวดแขนก็เลยยัดเยียดตัวเองให้เบลล์มาส่ง แต่ใครจะรู้ว่าเธอจะเห็นใจผมจนมาดูแลเฝ้าไข้คนร้าย ๆ แบบผม ข้าวต้มกุ้งที่ไม่ได้กินมานานหลายปีรสชาติยังเหมือนเดิม เพราะฝีมือของคนเดิมที่เคยทำ“จะอาบน้ำเลยไหมคะ” เสียงของเบลล์ดังผมจึงก้มมองดูเธอทำแผลให้ผมเสร็จเรียบร้อย ผมสับสนกับตัวเอง อยากอยู่ใกล้ ๆ แต่บางทีก็อยากผลักไสเธอไปให้ไกล ผมเห็นเบลล์ทีไรมักมีวูบหนึ่งของความคิดจะคิดถึงวันที่ผมเคยไล่ให้ไปเบลล์เอาลูกออก ภาพจำของวันนั้นมันตอกย้ำซ้ำเติมว่าผมฆ่าลูกตัวเอง ผมมันเห็นแก่ตัว เมื่อเห็นหน้าเบลล์ก็เกิดคว
“หมากัด”“ไปหมอหรือยัง”“ไม่”“ไม่ไปได้ไง บ้าเหรอ หมากัดก็ต้องให้หมอฉีดยาสิ ปะ เปลี่ยนเสื้อผ้า ไปหาหมอกัน” ฉันเดินเข้าห้องไปหยิบกางเกงกับเสื้อผ้าเอามายื่นให้เขา ทว่าพี่กองปราบไม่รับเขาหันหน้ามองไปอีกทาง“เร็วค่ะ ไปหาหมอ ไปคลินิกก็ได้คุณยิ่งบ้า ๆ อยู่ เดี๋ยวพิษสุนัขบ้าแพร่กระจายแยกไม่ออกพอดีว่าบ้าเพราะอะไร เอ้า เร็วสิหรืออยากตาย ถ้าอยากตายฉันจะได้กลับ”“พี่” เขาพูดแล้วมองหน้าฉัน ให้เดาตอนนี้ฉันคงทำหน้างง“อะไรคะ”“พี่ปราบ เบลล์ต้องเรียกไม่งั้นพี่แบบนั้น ไม่งั้นพี่ไม่ไปหาหมอ” เขาพูดเอาแต่ใจและนอนเหยียดยาวที่โซฟาคือจำเป็นที่ฉันจะต้องแคร์เขาไหม เขาคิดว่าเขาสำคัญงั้นเหรอ “จะไปไหมคะ ถ้าไม่ไปฉันจะได้กลับ”“จะกลับก็กลับไปเลย ไม่ได้ขอให้มาวุ่นวายสักหน่อย” จริงด้วย ที่เขาพูดมามันก็ถูก ฉันเข้ามาวุ่นวายเองทั้งนั้น ฉันผิดเองที่เข้ามาเสือก ความจริงน่าจะปล่อยให้ตาย ๆ ไปซะ จะเป็นจะตายก็เรื่องของเขาฉันวางเสื้อผ้าเขาไว้ที่โซฟาแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายหยิบคีย์การ์ดออกจากกระเป๋าวางมันไว้บนโต๊ะ ไม่มาอีกแล้ว ต่อไปฉันจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขาอีก ยิ่งคิดถึงคำพูดร้าย ๆ ต่อมน้ำตาก็ทำงาน ฉันปาดน้ำตาแล้วเดินไป
“อ้าวคุณเบลล์” รปภ. ที่ฉันคุ้นหน้าเอ่ยทักเมื่อเห็นฉันหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง“สวัสดีค่ะพี่” ฉันยิ้มทักทายแล้วรีบเดินขึ้นลิฟต์เพราะนึกเป็นห่วงคนตัวร้อนที่ขึ้นไปก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ สุดท้ายแล้วฉันก็ใจอ่อนอีกตามเคย กลัวว่าเขาจะตายก็เลยต้องตามมาดูฉันรูดคีย์การ์ดที่ไม่ได้เก็บออกจากกระเป๋าหรือความจริงอาจจะไม่อยากเอามันออก เปิดเข้ามาภายในห้องดูเรียบ ๆ เหมือนไม่ค่อยได้อยู่อาศัย ฉันเอาของที่ซื้อมาไปวางที่โซนครัว จากนั้นก็เดินตามหาเจ้าของห้อง เปิดประตูห้องนอนเข้ามาเจอกับร่างหนานอนคว่ำหน้าอยู่กลางเตียง หวังว่าจะยังไม่ตายนะ นั่งที่ข้างเตียงแล้วยื่นมือไปแตะสัมผัสที่ร่างกายเขา มันร้อนยิ่งกว่าตอนอยู่บนรถหลายเท่า แบบนี้คงต้องเช็ดตัวให้ไข้ลดก่อน“นี่คงกะว่าจะนอนจมที่นอนจนไข้หายเลยมั้ง คิดแบบนั้นคงจะได้หายหรอก ตายก่อนสิไม่ว่า” ฉันบ่นพลางเดินหาผ้ากะละมังเตรียมเช็ดตัวให้เขา ถ้าฉันไม่ย้อนกลับมาเขาก็คงจะนอนอยู่แบบนี้จนอาการดีขึ้นหรือไม่ก็คงช็อกตายเพราะไข้ขึ้นสูง คนอะไรไม่รู้จักห่วงชีวิตของตัวเอง“ฮื้อ หนาว” เสียงคร่ำครวญของคนป่วยที่ฉันพยายามลากจากกลางเตียงมาอยู่อีกฝั่งเพื่อเช็ดตัวให้เขา
“คุณผู้หญิงรออยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ” สาวใช้ในบ้านของอดีตท่านประธานผู้มีพระคุณบอกและเดินนำฉันไป คุณหญิงมณีนัดให้ฉันมาพบที่บ้านในวันหยุด หลังจากที่ผ่านเรื่องราวที่ร้านอาหารมาสามวันแล้ว“หนูรัศมี แม่เป็นห่วงหนูมากเลยลูก เป็นยังไงบ้าง” คุณหญิงมณีลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาสวมกอดทั้งถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย สีหน้าคุณหญิงมณีดูไม่ดีเลย เกิดอะไรขึ้นหรือไอ้ผู้ชายห่าม ๆ เล่าเรื่องราวทั้งหมดไปแล้ว“สวัสดีค่ะคุณหญิง” ก่อนอื่นฉันยกมือไหว้คุณหญิงมณี“คุณหญิงอะไรกัน ต่อไปเรียกแม่นะลูกเพราะแม่จะให้หนูแต่งงานกับไอ้ตัวดีของแม่ที่มันบังอาจทำให้หนูเสียใจ”“แต่งงานทำไมคะ” หัวใจเต้นตึกตึก ถึงแม้ผู้ชายคนนั้นจะบอกฉันไว้แล้วว่าพ่อแม่ของเขาจะให้เราแต่งงานกัน ทว่าเมื่อได้ฟังจากปากคุณหญิงก็ทำให้ตกใจอยู่ดี“แม่รู้เรื่องทั้งหมดที่กองปราบลูกชายคนเล็กของแม่ทำแล้วนะ หนูไม่ต้องกลัว แม่จะแสดงความรับผิดชอบเอง” คุณหญิงมณีกุมมือฉันแล้วพามานั่งที่โซฟา“หนูว่าเรื่องมันนานมาแล้ว ปล่อยมันผ่านไปเถอะค่ะ ให้มันแล้วกันไป”“แต่แม่อยากได้หนูมาเป็นสะใภ้นะ แม่ไม่รังเกียจหนูเลย แม่อยากรับผิดชอบ” คุณหญิงมณีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฉันควรทำอย่างไรด
คือผมทนไม่ได้ที่เห็นเธอร้องไห้ ไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำตาของเธอมีผลกับหัวใจผม ใจผมมันผิดปกติเหมือนกับเวลาที่เห็นหมูน้อยกำลังร้องไห้ ผมไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมร่างกายต้องทำเหมือนแคร์เธอ คนที่ผมรักมีแค่มิ้มคนเดียวมาตลอดแล้วเบลล์จะมีค่าอะไร เบลล์เป็นอะไรสำหรับผม“หิวข้าว” ก็แค่ไม่อยากเห็นเธอร้องไห้ ผมก็เลยพูดอะไรที่มันไม่เข้าท่า ทั้งที่ความจริงแล้วไอ้ตัวการที่ทำให้เธอร้องก็คือผม แค่ผมอยู่ห่างเธอก็คงจะมีความสุขแล้ว ทว่าผมไม่อยากทำแบบนั้น“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน” เบลล์เหวี่ยงสายตาร้าย ๆ มามองผม เหอะ ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงอย่างเบลล์จะร้ายเป็น แต่ผมกลัวที่ไหนกันล่ะ ผมเนี่ยนะจะกลัวเบลล์ ไม่มีทาง“อยากให้กินเป็นเพื่อน”“ฉันไม่กินเป็นเพื่อนเป็นอะไรกับคุณทั้งนั้น จอดรถฉันจะลง”“อย่างี่เง่าดิเบลล์ พี่ก็แค่ไม่อยากให้เบลล์อยู่คนเดียว” ปากพล่อยพูดออกไปทำไมวะเนี่ย“ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวดีกว่าอยู่กับคนแบบคุณ ฉันไม่อยากอยู่ใกล้คนอย่างคุณ น่าขยะแขยง จอดรถ!” เบลล์สวนกลับแบบที่ผมตั้งตัวไม่ทันแล้วผมมันพวกความอดสูงซะที่ไหนล่ะเอี๊ยด! เสียงเบรกล้อลาก“ลงไปดิ ก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะ แค่เวทนาเท่านั้นแหละ” ปา