สองเดือนต่อมา...
ฉันยังคงใช้ชีวิตอยู่ในคอนโดของพี่กองทัพ อยู่แค่ที่นี่จริง ๆ ไม่ได้ออกไปไหนเลย วันนั้นที่พี่กองทัพบอกจะพาไปร้านสักก็ไม่ได้ไป เพราะจู่ ๆ พี่กองทัพเขาก็เปลี่ยนใจออกไปคนเดียวซะงั้นและเขายังสั่งห้ามฉันไม่ให้ออกไปไหนเด็ดขาด ฉันก็เชื่อฟัง
พี่กองทัพกลับมานอนที่นี่ทุกคืน เขาทำให้ฉันเผลอใจรักจนได้ รักทั้งที่ไม่ควรจะรัก ทว่าพักหลังเขาดูแปลกไป เขาไม่เรียกร้องเรื่องบนเตียงกลับมาถึงเข้าห้องนอนกอดฉัน เช้าตื่นมาเขาก็ไป ทุกวันนี้ฉันไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไรเพราะเรื่องส่วนตัวฉันไม่มีสิทธิ์ถามและต้องบอกก่อนว่าแม้ฉันกับมิ้มจะเป็นเพื่อนรักกัน แต่ฉันก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของมิ้มสักนิดเพราะฉันคิดอยู่เสมอว่าฉันต่ำต้อยกว่ามิ้มจึงไม่อยากถาม ถ้าเรื่องไหนมิ้มอยากเล่ามิ้มก็จะเล่าให้ฟังเอง ฉันจึงไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของพี่กองทัพ
มิ้มยังคงทักไลน์มาหาอยู่บ่อย ๆ ฉันก็ยังคุยกับเธอปกติแม้จะนอนกกผัวเธออยู่ก็ตาม โคตรจะหน้าด้านไร้ยางอาย รู้สึกผิด รู้ว่าบาปแต่ฉันไม่มีทางเลือก ฉันไม่อยากให้มิ้มรู้เรื่อง กลัวเธอเสียใจที่โดนคนรักและเพื่อนเลว ๆ อย่างฉันหักหลังและตอนนี้มันเลวร้ายมาก เพราะฉันมันไม่สำนึก ไม่รู้จักประมาณตัวเอง ไม่รู้จักเจียมตัวเจียมใจ แยกแยะไม่ออกตกหลุมรักคนรักของเพื่อนเข้าอย่างจัง ก็ไม่ได้อยากให้มันแบบนี้ แต่ด้วยความใกล้ชิด สัมผัสวาบหวามที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน เขาถึงเนื้อถึงตัวฉันอยู่ตลอด ความสัมพันธ์นี้ทำให้ฉันคิดไปไกล มันทำให้ฉันเผยสันดานเลว ๆ ฉันเลวไม่ต่างจากพี่กองทัพ ฉันไม่สมควรเป็นเพื่อนของมิ้ม
แต่ก็นะ ถึงฉันจะรักพี่กองทัพ แต่ว่า ‘ห้ามรักพี่’ ประโยคนี้เขาย้ำกับฉันเป็นประจำย้ำทุกวันจนฉันจำขึ้นใจ แต่หัวใจเจ้ากรรมดันไม่ยอมฟัง ยังดื้อรั้นรักผู้ชายของเพื่อนหัวปักหัวปำทั้งที่รู้ว่าไม่ควรกระทำ จะให้ฉันทำยังไงได้ก็พี่กองทัพเขาชอบทำดี เขาชอบหว่านคำหวานแล้วสุดท้ายก็บอกว่าห้ามรัก
แต่ฉันก็ทำไม่ได้ หัวใจมันไม่ฟังฉันเลย ฉันมันผู้หญิงบาป
ทว่าตอนนี้มีเรื่องน่าหนักอกหนักใจมากกว่าการรักพี่กองทัพ ประจำเดือนฉันขาดมาสองเดือน เดือนแรกที่ไม่มาฉันคิดว่าอาจจะเคลื่อนเหมือนที่เคยเป็นเพราะบางครั้งประจำเดือนก็ชอบหายไป ฉันจึงเฉยเมยต่อสุขภาพร่างกาย...
แต่พอเข้าเดือนที่สอง สมองอันน้อยนิดของฉันเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าฉันลืมคุมกำเนิด คือครั้งแรกที่มีอะไรกันพี่กองทัพบอกฉันว่าคืนแรกที่ฉันเป็นของเขา เขาเอาสด ให้ฉันหายากิน แต่ฉันดันลืมและเพิ่งจะมานึกออกเมื่อเข้าเดือนที่สอง
แค่ครั้งเดียวที่ไม่ใส่ถุงจะพลาดได้เหรอ คลายความกังวลด้วยการไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ เวลานี้กำลังยืนลุ้นที่ตรวจครรภ์จำนวนห้าอันที่ถูกหยดปัสสาวะลงครบทุกอัน ขอให้เป็นขีดเดียวเถอะ ไม่งั้นฉันซวยแน่ ๆ
ผ่านไปห้านาที ลืมตาดูที่ตรวจครรภ์ที่เรียงกันมันขึ้นสองขีดทุกอัน เข่าอ่อนทรุดตัวนั่งกับพื้น มือสั่น หัวใจเต้นแรง คิดหาทางออกดี ๆ ไม่ได้เลย มันมืดแปดด้านไป จะทำไงดี ผู้ชายที่นอนด้วยก็เป็นของเพื่อน หนำซ้ำเขายังบอกห้ามรักเขา เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉันทั้งนั้นและตอนนี้เขาก็กำลังจะเบื่อฉันอย่างที่เขาเคยบอกไว้ ที่แน่ใจก็เพราะวันนี้เป็นวันที่สามที่เขาหายไป อย่างไร้วี่แวว ไม่โทรหา กับข้าวที่ฉันตั้งใจทำถูกทิ้งลงถังขยะทุกวัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยเป็นแบบนี้ คงถึงเวลาที่เรื่องพวกนี้มันควรจะจบ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังขึ้น พี่กองทัพกลับมาแล้ว ด้วยความดีใจที่จะได้เห็นหน้าเขาที่ห่างหายไปหลายวัน ฉันรีบเช็ดน้ำตาและเปิดประตูห้องน้ำออกไปโดยลืมคิดถึงปัญหาไปชั่วขณะ
“เป็นอะไรเบลล์” พี่กองทัพทำท่าตกใจที่เห็นฉันโผเข้ากอด
“คิดถึงค่ะ” ฉันพูดอย่างไม่อายเพราะคิดถึงเขาซะมากมายมันล้นอกจนจะตายอยู่แล้ว ฉันโหยหาอ้อมกอดของเขา โหยหารอยยิ้มร้าย ๆ ที่เขาชอบมองฉันแล้วยิ้ม
“พี่ขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะ” เขาผละฉันออกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ให้ตายเถอะ ฉันเพิ่งนึกออกว่าที่ตรวจครรภ์อยู่ในนั้น
แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้น ผู้หญิงสวยแต่งตัวเซ็กซี่หน้าอกใหญ่โตเดินออกจากห้องนอนของพี่กองทัพ เธอมองมาที่ฉันและส่งยิ้มให้ก่อนที่จะเอ่ยถาม “เฮียล่ะ”
เสียงของเธอหวานจับใจ เป็นใครก็คงหลงใหล หัวใจของฉันมันกำลังเต้นแรงผิดปกติ เหมือนมีบางอย่างบีบรัดอย่างแรง ความรู้สึกบ่งบอกว่ากำลังจะโดนเขี่ยทิ้ง
แกร็ก ก่อนที่ฉันจะตอบอะไรออกไปพี่กองทัพเปิดประตูออกมา เขามองหน้าฉันแวบหนึ่งและหันไปส่งยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“น้องแพรเข้าไปรอเฮียในห้องก่อนนะ เดี๋ยวเฮียคุยกับเพื่อนแป๊บเดียว” พี่กองทัพพูดกับผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทางอ่อนโยน น้ำเสียงแบบนี้เขาไม่เคยพูดกับฉันด้วยซ้ำ ใช่สิเขาไม่รักฉัน แล้วฉันจะหวังคำหวานอะไรกัน ผู้หญิงคนนั้นยิ้มก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป จากนั้นเสียงเยือกเย็นชวนขนลุกก็ดังขึ้นพร้อมกับต้นแขนถูกกระชากให้เดินตามเข้ามาในห้องน้ำ “เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันนะเบลล์”
พรึบ! ที่ตรวจครรภ์จำนวนห้าอันโยนใส่หน้าฉัน ใบหน้าของพี่กองทัพเคร่งเครียด ดวงตาเขาจ้องฉันเขม็ง มันมีแต่ความขุ่นเคือง ดูก็รู้ว่าเขากำลังหัวเสียกับเด็กที่กำลังจะเกิดมา “นี่อะไรวะเบลล์ พี่ใส่ถุงตลอดทำไมมันเป็นแบบนี้ มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
“ครั้งนั้นเบลล์ลืมกินยาค่ะ” ฉันก้มหน้ามองพื้นและสารภาพความผิดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเพราะกลัวท่าทีของเขา
“โธ่ โว้ย! ลืมเหรอ แล้วทำไมไม่จำวะ” ฉันเห็นปลายเท้าพี่กองทัพกำลังเดินมาทางฉัน จากนั้นมีเสียงดังตุบ เป็นเขาที่ปล่อยหมัดแรง ๆ ไปที่ผนังกำแพงข้าง ๆ ที่ฉันยืนอยู่ มันห่างจากฉันแค่นิดเดียวเอง ฉันไม่กล้าพูดหรือขยับตัวเพราะกลัวท่าทีของเขา ฉันจึงร้องไห้ ก็ฉันมันทำได้แค่นี้ไง ทำได้แค่ร้องไห้กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ฉันได้ยินเสียงถอนลมหายใจยาว ๆ ของพี่กองทัพ จากนั้นเขาเปิดประตูห้องน้ำเดินออกไป ฉันไม่รู้จะทำยังไงจึงเช็ดน้ำตาและรีบเดินตามเขา
“อะนี่เงินที่ตลอดสองเดือนเบลล์อยู่กับพี่ ฟังนะตอนนี้พี่ได้ผู้หญิงใหม่แล้ว เข้าใจใช่ไหมว่าพี่หมายความว่าอะไร” เขายัดเช็คที่เขียนจำนวนเงินหนึ่งล้านบาทใส่มือให้ฉัน พร้อมกับคำพูดที่สื่อว่าฉันมันไม่มีค่าอะไรเลย ถึงเวลาที่ควรจบเพราะเขาเบื่อแล้ว
“...” มือข้างขวามีเช็คที่เขายัดมาและมองการกระทำของเขา เขากำลังเขียนเช็คอีกใบ
จากนั้นก็มองหน้าฉันและยัดเช็คมาที่มือข้างซ้ายพร้อมกับพูดว่า “และนี่ ไปเอาไอ้มารหัวขนในท้องนั่นออกซะ พี่ไม่ต้องการและพี่คิดว่าเบลล์ก็คงไม่ต้องการ”
ประโยคนี้ทำเอาฉันล้มทั้งยืน เงยหน้ามองเขาที่ยืนอยู่เหนือหัว สายตาที่เขามองมาที่หน้าท้องของฉันมันแสดงถึงการรังเกียจสิ่งที่อยู่ในท้อง สิ่งที่เรียกว่าลูก จำนวนเงินของเช็คใบที่สองคือห้าแสนบาทสำหรับการฆ่าชีวิตใครคนหนึ่ง ใครคนหนึ่งที่เป็นสายเลือดของเขา ผู้ชายเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ ทำไมเลวได้ขนาดนี้
ฉันหลงรักซาตานร้ายคนนี้ได้ยังไง ทำไมฉันโง่ขนาดนี้ รักคนแบบนี้ได้ไง
“เลิกทำหน้าอาลัยอาวรณ์พี่สักที พี่ไม่สนใจสายตาแบบนี้ พี่เบื่อเบลล์แล้วเบลล์ไม่มีความหมายอะไรเลย ต่อไปนี้เราจบกันนะ เรื่องของเรามิ้มจะไม่มีทางรู้ เก็บข้าวของเบลล์แล้วไปซะ พูดให้รู้เรื่องพี่ไม่ชอบพูดซ้ำ” เขาไม่แคร์อะไรฉันเลย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นทั้งที่เขาเพิ่งจะบอกให้ฉันไปเอาเด็กออก
เมื่อเขาไล่ ก็คงต้องไปไง ให้อยู่เพื่ออะไร
“เดี๋ยวค่ะ” ฉันเอ่ยเรียกเขาไว้ขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าห้องนอน เขาหันมามองฉันด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ทำไม มันน้อยไปเหรอ จะเอาอีกเท่าไหร่ล่ะ” พี่กองทัพเดินกลับมาที่เดิมและกำลังจะก้มลงเขียนเช็คอีกรอบ
ฉันจึงลุกขึ้นเดินมาหาเขา วางเช็คเงินสดหนึ่งล้านใส่มือเขาไป “เปล่าค่ะ เบลล์แค่จะบอกว่า เบลล์ไม่เอาเงินนี่ ส่วนเงินห้าแสนเบลล์จะเอาไปจัดการมารหัวขนที่พี่บอกและชาตินี้ทั้งชาติเราอย่าได้เจอกันอีกนะคะ ให้เราหมดเวรหมดกรรมกันแค่ตรงนี้ จะไปตายที่ไหนก็ไป”
พูดจบฉันเดินออกจากห้องของเขามา ไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาสักอย่าง แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้มา มีแค่เช็คห้าแสนบาทที่เขาให้มาจัดการกับเด็กในท้อง
ไม่ได้เอาโทรศัพท์มาก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่ต้องติดต่อกับมิ้มอีกเพราะฉันละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและทรยศหักหลังความไว้ใจที่มิ้มมีให้
มันถูกแล้วที่คนทรยศเพื่อนอย่างฉันโดนกระทำเช่นนี้ จบสิ้นกันกับเรื่องคาว ๆ จากนี้ฉันจะเลิกรักคนเลวคนนั้นให้ได้
“แม่เบลล์ขา” เสียงประตูห้องน้ำดังจากนั้นก็มีเสียงเล็ก ๆ ที่ฉันไม่ได้ยินมาเกือบเดือนดังขึ้น ฉันหันไปมองภาพตรงหน้า ลูกสาวของฉัน ลูกสาวของฉันจริง ๆ ด้วย หมูน้อยส่งยิ้มมาให้ฉัน พี่กองปราบลุกไปอุ้มลูกสาวมานั่งที่เตียง ความดีใจเพิ่มขึ้นทวีคูณรู้ว่าตัวฉันท้องความดีใจก็มีมากมายแล้ว ทว่าลูกสาวสุดที่รักตื่นมายิ้มให้ฉันยิ่งดีใจ ในที่สุดหมูน้อยของแม่ก็กลับมา“หมูน้อยของแม่” โน้มตัวลูกสาวลงมากอด ดีใจที่สุดเลย ฉันทั้งกอดทั้งหอมซ้ำ ๆ เพราะความคิดถึงที่สะสมมาเนิ่นนาน “แม่คิดถึงหนูมากเหลือเกิน”“แม่เบลล์ร้องไห้ทำไมคะ ไม่ร้องนะคะ แม่เบลล์กำลังมีน้องคุณหมอบอกว่าห้ามแม่เบลล์เศร้า” มือเล็กปาดน้ำตาที่อาบสองแก้มฉัน น่ารักเหลือเกินลูกสาวของฉัน หมูน้อยน่ารักที่สุด“แม่รักหมูน้อยมากนะลูก คิดถึงหนูสุดหัวใจเลย” ฉันโอบลูกสาวไว้ในอ้อมอก คือดีใจ ดีใจเหลือเกินที่เราได้กอดกันอีกครั้ง“ต้องรักพ่อด้วยนะครับแม่เบลล์ หมูน้อย” พี่กองปราบขยับเข้ามากอดฉันและหมูน้อย เราสามคนมองหน้าและส่งยิ้มให้กัน ในที่สุดฉันก็มีความสุขเสียที ในที่สุดครอบครัวของเราก็เป็นครอบครัวหลายเดือนผ่านไป...“พ่อปราบดูแลแม่เบลล์ดี ๆ นะคะ แล้วหมูน้อยจ
“หมอครับช่วยเมียผมด้วย” ผมตะโกนจนสุดเสียง สิ่งที่ผมกำลังประสบเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย ลูกสาวเพียงคนเดียวหยุดหายใจ หัวใจของผมก็แทบจะหยุดเต้นตาม แต่นี่เมียสุดที่รักจู่ ๆ ก็มาเป็นลมหมดสติในอ้อมกอดของผม ผมทำอะไรไม่ถูกเลย ไร้เรี่ยวแรงเหมือนโลกของผมมันค่อยมืดลงเรื่อย ๆ หมอและพยาบาลรีบเข้ามาให้การช่วยเหลือเบลล์ ส่วนคนที่เหลือกำลังตรวจเช็กอาการหมูน้อยที่ลืมตาตื่นเดี๋ยวนะ! ลืมตาตื่น เฮ้ย ลูกสาวของผมฟื้นแล้ว เธอปลอดภัยแล้ว ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ส่งลูกสาวของผมกลับมาให้เป็นแสงสว่างในชีวิตผม“ลูกสาวของคุณฟื้นแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ส่วนภรรยาของคุณหมอจะดูแลอย่างเต็มที่ ขอตัวครับ” หมอหนุ่มหมอเจ้าของไข้ของหมูน้อยบอกกับผม จากนั้นไม่นานก็มีรถมาเข็นเบลล์ไป“เป็นยังไงบ้างครับคนเก่ง” ผมถามลูกสาวตัวน้อยที่กำลังมองมาทางผมตาปริบ ๆ ผมเลือกที่จะอยู่ดูอาการของลูกสาวก่อนแล้วค่อยไปหาเบลล์ ผมเชื่อว่าถ้าเบลล์รู้ว่าลูกของเราฟื้นแล้วเธอต้องอยากให้ผมทำแบบนี้เหมือนกัน“พ่อปราบ” น้ำเสียงแหบพร่าพยายามเปล่งเรียกชื่อของผม รอยยิ้มบาง ๆ ของหมูน้อยทำให้ผมยิ้มได้อย่างสุขใจ ลูกสาวที่ผมเฝ้ารอให้เธอตื่นขึ้นมาหาวันน
“สุขสันต์วันเกิดนะครับลูกสาวของพ่อ หนูรู้ไหมพ่อดีใจมากนะที่เราเกิดวันเดียวกัน ตื่นมาเป็นของขวัญวันเกิดให้พ่อสิครับคนเก่ง พ่อกับแม่คิดถึงหนูมากเลย” พี่กองปราบพูดคุยกับลูกสาวที่หลับใหลอยู่บนเตียงผู้ป่วยมานานเกือบเดือน วันนี้เป็นวันเกิดของหมูน้อยและเป็นวันเกิดของพี่กองปราบพี่กองทัพด้วย“อย่ามีน้ำตาสิคะคุณพ่อคนเก่ง วันนี้วันดีห้ามร้องไห้” ฉันเดินมาแตะเบา ๆ ที่ไหล่ของพี่กองปราบเมื่อเสียงเขาสั่นเครือ“แต่หนูร้องแล้วนะตอนนี้” พี่กองปราบพูดพร้อมยื่นนิ้วมือมาปาดน้ำตาให้ฉัน ไม่ได้เรื่องเลยฉัน อยากจะปลอบเขาแต่ตัวเองร้องก่อนอีก“ก็เบลล์คิดถึงลูก อยากกอด อยากหอมตอนลูกตื่น อยากได้ยินเสียง อยากให้ลูกลุกขึ้นมาอ้อน ลุกขึ้นมาบอกรัก ลุกมาถามนั่นนี่” พร่ำบอกขณะที่พ่อของลูกโอบเอวฉันไว้ คือเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ไหม ต่อให้หมอบอกว่าลูกของฉันปลอดภัยดี ทว่าไม่อยากจะเชื่อเพราะถ้าปลอดภัยจริงลูกสาวของฉันต้องฟื้นขึ้นมาสิ“อย่าร้องสิเบลล์ พี่จะร้องตามแล้วนะ” เขาทำให้ยิ้มทั้งน้ำตาด้วยใบหน้าอ้อน ๆ“วันนี้ที่บ้านของพี่นัดกันไปทำบุญไม่ใช่เหรอคะ” ฉุกคิดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามเพราะพี่กองปราบต้องไปทำบุญกับครอบครัว คุณหญิงมณีโทร
“เบลล์จะไม่ถามพี่หน่อยเหรอ” เพราะทนกับความเงียบไม่ไหวจึงต้องเป็นคนเอ่ยปากถาม ก็เมียของผมเล่นเงียบไม่พูดไม่จา เธอนั่งกินข้าวเงียบ ๆ ไม่มองไม่ถามผมสักคำ ทำเอาคนที่มีความผิดติดตัวอย่างผมถึงกับร้อนรนทนไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายพูดฝ่ายถาม“ถามเรื่องอะไรคะ” เบลล์ยังคงก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหล่อ ๆ ของผมสักนิดโอเคครับ ผมก็รู้ว่าผมผิดที่ตะคอกใส่เธอในวันนั้น ซึ่งมาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่แปลกที่เธอจะเอ่ยปากถามเพื่อสร้างความเชื่อใจในตัวผม เพราะแซนมันส่งรูปของผมกับมันช่วงเวลาหลังจากที่มันปัดโทรศัพท์มือถือของผมทิ้งมาให้เบลล์ดู ถ้าผมรู้ ผมคงเลือกที่จะอธิบายมากกว่าพูดจาตะคอกถากถางแบบนั้น เพราะสิ่งที่ผมทำลงไปทำให้เบลล์คิดมาก ทำให้เบลล์เสียใจ“ก็ทุกเรื่องที่เบลล์กำลังรู้สึกไม่ดี”“ถามได้ด้วยเหรอคะ” ใบหน้านิ่งเฉยเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม เออ เบลล์แม่งกำลังย้อน ผมก็เข้าใจแหละ“เบลล์” ผมเรียกและมองด้วยสายตาที่รู้สึกผิด“ไม่เอาหรอกค่ะ ไม่อยากเสียความรู้สึกอีก” พูดจบก็ลุกจากเก้าอี้ หยิบจานข้าวของตัวเองไปเก็บ ปล่อยให้ผมนั่งกินข้าวคนเดียว แทบจะกินไม่ลงเพราะจุกคำพูดของเมีย ผมรู้เรื่
ฉันกดวางสายพี่กองปราบแล้วปิดเครื่องทันที ฉันผิดมากใช่ไหมที่ถามไปแบบนั้นเพราะอยากจะรู้ความจริง ฉันแค่ไม่อยากเป็นคนโง่มันผิดมากหรือไง แค่ต้องการฟังจากปากของพี่กองปราบ อยากได้ยินจากเขา แค่เพียงเขาตอบกลับมาว่า ‘ไม่ใช่ พี่กับผู้หญิงคนนั้นเป็นเพียงเพื่อนกัน’ ฉันก็พร้อมจะเชื่อเขา แต่ก็ไม่เป็นแบบนั้น พี่กองปราบไม่ตอบแล้วเลือกที่จะโวยวายใส่ด้วยเมื่อเขาแสดงอาการแบบนี้ ฉันจึงจำใจต้องเชื่อรูปที่ส่งมาให้ฉันใช่ไหม ทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่าเข้าใจผิดรูปที่ส่งมาให้เป็นรูปที่พ่อของลูกยืนให้ผู้หญิงที่เขาบอกกับฉันว่าเป็นแค่เพื่อนหอมแก้มกอดคอ แบบนี้แค่เพื่อนจริงเหรอ ผิดมากหรือไงที่ฉันจะถามเอาความจริง ทำไมต้องตะคอกกันด้วยเบลล์ต้องเชื่อใช่ไหมว่าเขาเป็นแค่เพื่อนของพี่ แต่ว่า เพื่อนที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ นี่มันเกิดเพื่อนแล้ว นั่งร้องไห้ในมุมมืดที่โซฟา ไม่อยากจะให้ลูกสาวที่หลับใหลรับรู้ว่าพ่อกับแม่มีปัญหากัน ถึงแม้เธอจะหลับแต่ฉันเชื่อว่าเธอต้องรับรู้เช้าวันต่อมา...“อาการโดยรวมของน้องคงที่นะครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เราทำได้แค่รอน้องตื่น”“ค่ะ” ฉันตอบหมอเพียงแค่นั้น เพราะหมอพูดประโยคนี้จนฉันชินชา แต่ก็ยังดีท
“มึงทำอะไรของมึง” ถามด้วยความไม่พอใจเมื่อโทรศัพท์ในมือของผมตกลงไปในอ่างน้ำพุโดยฝีมือของเพื่อนที่มันเคยบอกว่ารักผมมากเกินกว่าเพื่อนและตอนนี้มันยังเป็นหลานสาวของบริษัทที่ต้องเซ็นสัญญาร่วมกัน ทว่าสัญญายังไม่ได้เซ็น“นั่นเหรอเมียมึง”“เออ มึงจะทำไม แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรมาปัดโทรศัพท์กูทิ้ง” ผมคว้าแขนของแซนแล้วบีบเน้นแรง ๆ ระบายความโมโห ใจอยากจะทำมากกว่านี้ แต่เพราะมันเป็นหลานคุณนิพล ผมถึงต้องใจเย็น“สิทธิ์ที่กูเป็นหลานสาวของคนที่จะทำให้บริษัทมึงก้าวหน้ากว่าตอนนี้ไงปราบ มึงลืมแล้วเหรอ” ผู้หญิงตรงหน้าแสยะยิ้มที่เหนือกว่าผมเคยคิดว่าแซนเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมไม่คิดแบบนั้นแล้วเพราะแซนมันดึงเวลาไม่ยอมให้ลุงของมันเซ็นสัญญา ทั้งที่คุณนิพลลุงแท้ ๆ ของมันจะเซ็นตั้งแต่เมื่อวันก่อน แต่ด้วยความที่แซนมันเป็นหลานสาวคนเดียวและคุณนิพลไม่มีลูก การตามใจจึงเกิดขึ้น แซนมันก็โตเป็นผู้ใหญ่แต่ทำไมมันกลับแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้ ผมโคตรจะโมโหแต่ก็ต้องเก็บกดไว้ให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี“มึงต้องการอะไร” ผมว่าผมเริ่มจะเกลียดมันมากขึ้นเรื่อย ๆแซนยิ้มก่อนจะยกแขนขึ้นมาคล้องที่คอผม “กูก็ต้องการมึงไงป