พอได้ยินคำของจั๋วซือหราน เฟิงเหยียนก็ขมวดคิ้วจากนั้นก็ถามปันอวิ๋นขึ้นคำหนึ่ง "เป็นแบบนี้หรือ?""แปลกใหม่ดีใช่ไหมล่ะ?" ปันอวิ๋นเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มเอ่ยขึ้นเฟิงเหยียนแม้จะค่อนข้างไม่พอใจกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่รอการตัดสินใจของจั๋วซือหรานเขารู้สึกว่า ไม่ว่านางจะตัดสินใจยังไง เขาก็จะไม่มีความเห็นทั้งนั้นเนื่องจากนางนั้นเฉลียวฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร ความคิดของนางมักจะมั่นคงและมีเหตุผลแต่จั๋วซือหรานก็หัวเราะถามขึ้นมาว่า "ท่านอ๋องน้อยมีความคิดอะไรไหม?"ท่านอ๋องน้อยคิดในใจว่าข้าจะมีความคิดอะไรได้ ข้าอยู่กับไก่แล้วก็ต้องตามใจไก่ไปสิ...เขาชะงักไปครู่แล้วเอ่ยขึ้นว่า "ฟังเจ้านั่นล่ะ"ปันอวิ๋นหัวเราะอยู่ข้างๆ น่าจะเพราะชอบและพอใจที่ได้เห็นท่าทางเชื่อฟังและทำตามของเฟิงเหยียนแบบนี้หลังจากจั๋วซือหรานได้ยินคำนี้ ก็ยกมุมปากขึ้นยิ้ม "ถ้างั้น...พวกเราก็คิดหาวิธีเนียนเข้าไปในเมืองซื่อหนานก่อนค่อยว่ากันแล้วกัน?"สำหรับเรื่องนี้ เฟิงเหยียนกับปันอวิ๋นไม่มีความเห็นใดอย่าว่าแต่เนียนเข้าไปในเมืองซื่อหนานเลย ต่อให้จะเนียนเข้าไปในสภาผู้อาวุโส ถ้าพวกเขาคิดหาวิธี ก็น่าจะพอทำได้อยู่ปันอ
จั๋วซือหรานเองก็ไม่มีอะไรต้องไต่สวนพวกเขาอีกแล้ว จึงเอียงหน้าไปทางแมงมุมของนางโจรพวกนั้นก็ขนลุกชูชันขึ้นทันที!เพราะครั้งที่แล้วตอนนางเอียงหน้าไปทางแมงมุมแมงมุมตัวนั้นก็เฉือนเนื้อของคนคนนั้นออกมา!อารมณ์หวาดกลัวของพวกเขา ก็เริ่มแผ่ซ่านขึ้นมาในใจอีกครั้งแต่คิดไม่ถึงว่า แมงมุมยักษ์ตัวนั้นจะไม่ได้กรีดเนื้อหนังพวกเขาเพียงแค่ขยับตัวนิดหน่อย ก็พ่นใยออกมาอีกสองสามก้อนทำให้พวกเขาอยู่ในสภาพถูกห่อเหมือนดักแด้อีกครั้ง ขยับตัวไม่ได้ ปากก็พูดไม่ได้...เหลือแค่จมูกที่ยังหายใจกับดวงตาที่ยังมองวัตถุเห็นคนที่ถูกกรีดจนกรีดร้องไม่หยุดก่อนหน้าคนนั้น ตอนนี้เองก็เงียบเสียงไปแล้วด้วยตอนแรกเขายังอัดอั้นหน้าดำหน้าแดงอยู่ แต่เขาก็ค่อยๆ สงบลงมาแล้วเพราะหลังจากที่ใยแมงมุมของแมงมุมตัวนี้พันเข้ามา...บาดแผลก็เหมือนจะไม่ค่อยเจ็บแล้ว...?จั๋วซือหรานขี้เกียจจะสนใจพวกเขาเดินตามปันอวิ๋นขึ้นมาด้านหน้าปันอวิ๋นยังจุ๊ปาก เอียงตามองโจรพวกนั้น เบ้ปากเอ่ยขึ้นว่า "เจ้านี่ก็เมตตาเกินไป"ใยของแมงมุมหน้าผีมีฤทธิ์ทำให้ชาอยู่สินะ ยังไม่ทันได้สั่งสอนพวกเขาจนหนำใจเลยนี่? ดันหยุดความเจ็บปวดให้พวกเขาเสียแล้ว?แล
จั๋วซือหรานอันที่จริงไม่รู้นางก็แค่อนุมานตามทิศทางมาเท่านั้นจากนั้นก็แค่พูดออกมาส่งๆ กระทั่งพูดได้ว่าแค่พูดลองเชิงเท่านั้นด้วยซ้ำใครจะรู้ว่าคนพวกนี้จะจับไต๋ได้ง่ายขนาดนี้ สีหน้าท่าทางแจ่มแจ้งอย่างกับเขียนด้วยหมึกดำบนกระดาษขาวเลยจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "ดูท่าข้าจะพูดถูกสินะ?"สีหน้าพวกโจร ถึงกับดูละอายใจและคับแค้นขึ้นมาจั๋วซือหรานก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ราวกับว่า...ไม่ต้องการให้พวกเขาตอบคำถามนี้ แต่ก็ได้คำตอบมาแล้วจากนั้น กลุ่มโจรก็ได้ยินเสียงของนางดังขึ้นอีก ยังคงเฉยเมยสงบราบเรียบถามขึ้นว่า "ใบรับรองความภักดีให้กับใครล่ะ?"น่าจะเพราะความคับแค้นใจของเหล่าโจรก่อนหน้านี้...รวมถึงสีหน้าที่ถูกทำให้ตกใจเหล่านั้น ความอ่อนปวกเปียกพวกนั้นตอนนี้กลับมีแรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง!ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พูดอะไร ไม่ตอบคำถามนี้ของจั๋วซือหรานพวกเขาคิดในใจ ในเมื่อเจ้าเก่งขนาดนี้ เจ้าก็เดาเอาเองสิ เมื่อกี้ไม่ใช่เดาเก่งนักรึไง? ตอนนี้ก็เดาต่อไปสิ จะมาถามพวกข้าทำไมกัน?พวกเขาไม่พูดอะไรเลยเหลียนเจินที่อยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้ว ไม่พอใจอย่างมากต่อท่าทีของพวกเขาที่มีให้คุณหนูมือของเขาทาบอยู่บนด้ามดาบแล้ว
นางกระทั่งยกมุมปากขึ้นบางๆ "ข้าเชื่อว่า พวกเจ้าคงจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ แล้วกระมัง?"จั๋วซือหรานเข้าใจเช่นนี้มาตลอด สิ่งที่ทำให้คนหวาดกลัวได้มากที่สุด 'เสียงโหยหวนของเพื่อน' นี่ล่ะที่ติดอันดับต้นๆและก็เป็นไปตามคาด ภายใต้สถาพที่มีเสียงโหยหวนของโจรคนนั้นโจรคนอื่นก็ดูว่าง่ายลงมาพอสมควรพอได้ยินคำพูดจั๋วซือหราน ก็รีบร้อนพยักหน้าหงึกหงักเหมือนคอแทบจะหลุดลงมาเลยทีเดียวดังนั้นจั๋วซือหรานจึงถามคำถามเมื่อครู่นี้ขึ้นอีกครั้ง "พวกเจ้ามาจากไหนกัน...""ซื่อหนาน! พวกเรามาจากเมืองซื่อหนาน!" โจรคนหนึ่งกระทั่งไม่รอให้จั๋วซือหรานพูดจบ ก็รีบร้อนพูดออกมาทันทีจั๋วซือหรานพยักหน้า "คนของเมืองซื่อหนานนั้นวุ่นวายมาก ข้าเองก็เคยได้ยินมา เพียงแต่ว่า..."นางหรี่ตาลง "คนของซื่อหนาน ต้องมาปล้นกันถึงแถวเมืองลั่วหม่าเลยหรือ? ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเลย เมืองลั่วหม่าเป็นเมืองสำคัญนะ..."ควาหมายคือ การรักษาความปลอดภัยกับการป้องกันน่าจะค่อยข้างดีกว่ามาออกปล้นแถวนี้ ไม่กลัวจะถูกกองทหารของเมืองลั่วหม่าจัดการเอาหรือ?แต่โจรเหล่านี้ถูกนางทำเอากลัวไปหมดแล้ว ชั่วขณะหนึ่งยังฟังความหมายของนางไม่ออก รู้สึกแค่ว่านางไม่ค่อ
พวกโจรแทบจะฉี่ราดกันหมดแล้วแต่ยังดีที่ไม่ใช่พวกที่ไม่เคยเจอเรื่องอะไรมา ดังนั้นจึงยังพอได้ยินอย่างชัดเจนว่าประโยคที่จั๋วซือหรานพูดเมื่อครู่คือ 'แกะปากของพวกเขาออกเถอะ'ไม่ใช่คำว่า 'ส่งพวกเขาไปสบายเถอะ'ดังนั้นเชื่อได้กว่าครึ่งว่าไม่ได้จะเอาชีวิตพวกเขาแต่ก็น่ากลัวอยู่ดีและรู้สึกว่าคมแหลมเย็นเยือกนั้น กรีดผ่านปากไป!วิญญาณราวกับกำลังสั่นเทา ว่ายังไงดีล่ะ...แมงมุมตัวใหญ่ยักษ์ขนาดนั้น ใช้แขนเคียวกรีดใยแมงมุมที่ปากพวกเขาการเคลื่อนไหวที่ละเอียดแบบนี้ มันเหมือนกับช้างกำลังแกะสลักดอกไม้บนเต้าหู้เลย!ต่อให้เจ้ารู้ว่าช้างอยากจะแกะสลักดอกไม้บนเต้าหู้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะทำสำเร็จหรือไม่นี่นา!พวกเขาตอนนี้รู้สึกแบบนี้แต่ใยแมงมุมบนปากพวกเขาก็แยกออกจากกันแล้วพริบตานั้น เหมือนวิญญาณหลุดออกไปจากร่างจริงๆ...อย่าว่าแต่ลุกขึ้นยืนเลย แค่คุกเข่าก็ยังไม่มั่นคงด้วยซ้ำกองเผละเหมือนโคลนกันอยู่บนพื้นหน้าผากเหงื่อแตกซีดไปหมด เสื้อผ้ายิ่งถูกเหงื่ออาบจนชุ่มทำได้แค่อ่อนพับอยู่บนพื้น และเห็นหญิงสาวหน้าตางามล่มเมืองคนนี้ ใช้สีหน้าเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มจ้องมองพวกเขานางใช้ปลายเท้าสะกิดพวกเขา "
เหล่าโจร: "..." หน้าตาดีแล้วมีประโยชน์อะไร แม่มดร้ายเขาสนรูปลักษณ์ที่ไหน!จั๋วซือหรานหันไปถามเหลียนเจิน "ไต่สวนหรือยัง? ได้อะไรบ้าง?"เหลียนเจินส่ายหัว "ยังขอรับ ปากแข็งกระดูกแข็งเหลือเกิน ไม่พูดอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นยังกลัวพวกเขาเอะอะจนนายท่านตื่นอีกด้วย"จั๋วซือหรานพอได้ยิน ก็เลิกคิ้ว มองไปทางเจ้าพวกไม่รู้จักตายพวกนี้"โอ๋? ปากแข็งกระดูกแข็งรึ?"เหล่าโจรทั้งหมดเห็นว่าสีหน้าของนางแสดงท่าทีสนใจอย่างชัดเจนแต่สีหน้านี้ ทำเอาพวกเขาขนลุกซู่พวกเขามองกันออกว่า คนตรงหน้านี้ แม้จะร่างกายเป็นหญิง แต่ในเมื่อทำให้องครักษ์ศิโรราบได้ขนาดนี้ กระทั่งทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดศิโรราบให้นี่ต้องเป็นตัวตนระดับจอมโฉดแน่นอนยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นนักควบคุมสัตว์ด้วย เพราะไม่ว่าจะรับมือกับกู่พิษเหล่านั้น หรือรรับมือกับหุ่นเชิด ไม่ว่าจะเป็นรับมือกับสัตว์ประหลาด...ก็ล้วนเป็นสิ่งที่จัดการได้ยากทั้งสิ้น เพราะความสนใจต่อกู่พิษ หุ่นเชิดและสัตว์ประหลาดของพวกเขา มีมากกว่าสนใจในตัวคนเสียอีกหรืออธิบายได้ว่า ในสายตาพวกเขา ชีวิตคนนั้น...แทบไม่มีค่าอะไรพอได้ยินนางหางเสียงยกขึ้นเล็กน้อยของนาง พกวเขาก็เริ่มรู้แ