หลิงอวี๋เดินตามสตรีสวมหน้ากากขึ้นไปบนเรือนยกพื้นสูง มิรู้เช่นกันว่าเรือนแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยใด แต่ว่ามันแข็งแกร่งดุจหินผา และไม้กระดานใต้ฝ่าเท้าก็เช็ดถูจนสะอาดเป็นเงางามเช่นกันในทุกระยะสิบกว่าเมตรของทางเดินจะมีนางรับใช้สวมหน้ากากยืนอยู่หนึ่งคน พวกนางทั้งหมดสวมชุดสีขาว นอกจากส่วนสูงและน้ำหนักแล้ว ก็มิอาจแยกแยะได้เลยว่าใครเป็นใครตามทางเดินจะมีกลิ่นของยาโชยมาและมีอีกกลิ่นบางส่วนที่มิรู้ว่าคือกลิ่นอะไรด้วย จึงทำให้หลิงอวี๋รู้สึกว่าอากาศในนี้สกปรกมากกระทั่งเดินไปจนสุดทางก็เป็นประตูบานหนึ่ง ที่ด้านนอกประตูมีสตรีสวมหน้ากากยืนอยู่สองคน และเมื่อพวกนางเห็นทั้งสองคน จึงโค้งความเคารพพร้อมกัน“แม่นางเฟิ่ง!”สตรีสวมหน้ากากที่พาหลิงอวี๋เข้ามาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นสตรีสวมหน้ากากสองคนก็เปิดประตูให้แม่นางเฟิ่งเดินนำหน้าเข้าไป หลิงอวี๋เองก็เดินตามเข้าไปเช่นกันห้องแห่งนี้ใหญ่โตมาก แต่การตกแต่งก็แปลกประหลาดมาก ตรงคานบนเพดานนั้นมีธงผ้าสีเหลืองแบบโบราณแขวนอยู่เป็นจำนวนมาก บนธงผ้านั้นมีอักษรที่ดูประหลาดเขียนอะไรไว้มากมายทีเดียวด้านหน้าเป็นแท่นทรงกลม และมีสตรีที่สวมชุดสีขาวนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงก
สตรีศักดิ์สิทธิ์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “แน่นอนว่าย่อมทำนายมิได้อยู่แล้วว่าเจ้าจะมีนามว่าอันใด แต่สามารถทำนายได้ว่าจะมีคนที่เกิดมาเพื่อฝ่าด่านเคราะห์ร้ายและจะมาที่ใต้หล้าแห่งนี้!”“เจ้าเป็นลูกหลานของตระกูลหลง ทั้งยังเป็นคนที่มีเส้นชีวิตถึงสามเส้นอยู่ในฝ่ามืออีก ที่สำคัญกว่านั้น ก็คือ หยกหล้าสุขาวดีอยู่ในตัวของเจ้า!”“หลงอวี๋ เจ้าเกิดมาเพื่อฝ่าด่านเคราะห์ร้าย มาเพื่อช่วยตระกูลสตรีศักดิ์สิทธิ์ และช่วยคนทั้งใต้หล้า!”ก่อนหน้านี้เย่ซงเฉิงก็เคยบอกหลิงอวี๋เช่นนี้ แต่เมื่อหลิงอวี๋ได้เห็นภาพน่าสังเวชที่ดูรกร้างย่ำแย่ในภาพลวงตา แต่นางมิได้รู้สึกว่าตนมีอะไรยิ่งใหญ่พอที่จะสามารถช่วยคนทั้งใต้หล้าได้“หลงอวี๋ ข้าไม่มีเวลาอยู่กับเจ้าตามลำพังมากนัก พวกเรามาคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเถิด!”สตรีศักดิ์สิทธิ์เอ่ยออกมาอย่างรีบร้อน “พี่หญิงของข้าคือแม่นมอูที่เจ้ารู้จัก นางมิได้ตกอยู่ในมือของข้า แต่ตกอยู่ในมือของอวี๋หลาน!”“อย่าเรียกข้าว่าหลงอวี๋ ข้าชื่อหลิงอวี๋!”เจ้าแห่งทะเลมิได้เห็นว่าตนเป็นบุตรีของเขา ดังนั้นหลิงอวี๋ก็จะมิยอมรับเขาเช่นกัน“ได้ ๆ หลิงอวี๋ก็หลิงอวี๋ แต่ถึงอย่างไรมิช้าก็เร็วสกุลของเจ้าก็จะต้อง
สตรีศักดิ์สิทธิ์เอ่ยถึงตรงนี้ด้วยสีหน้าจนใจ “คนเหล่านั้นอาศัยอยู่บนภูเขากันมาเป็นเวลานาน ทั้งยังมีความคิดซื่อบริสุทธิ์ จึงมิได้สงสัยว่าอวี๋หลานโกหก!”“พวกเขาล้วนเชื่อคำโกหกของอวี๋หลาน บอกกันว่าข้าเป็นแม่มด ข้าสาปแช่งพวกเขา และต้องการจะจับตัวข้าไปเผาสังหารข้าเสีย!”“หลิงอวี๋ คนตระกูลข้าถูกพวกเขาลอบโจมตีอยู่บ่อยครั้ง ในช่วงสิบปีนี้จำนวนคนจึงลดน้อยลงเรื่อย ๆ”“ข้าเคยคิดว่าจะละทิ้งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด และมอบภูเขาศักดิ์สิทธิ์ให้กับอูอวี๋หลานไปเสีย จากนั้นก็จะพาคนของข้าลงจากภูเขาไปหาแนวทางกันใหม่ แต่พวกเขาล้วนมิยอม!”“พวกเขาอาศัยอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์กันมาหลายชั่วอายุคน จึงมิยินดีที่จะไปจากแผ่นดินแห่งนี้!”หลิงอวี๋เข้าใจความคิดของคนเหล่านี้ หากมิได้ถึงขั้นจำใจต้องทำ ใครจะอยากจากบ้านเกิดไปเริ่มต้นใหม่ในสถานที่ที่มิคุ้นเคยกันเล่า!“ข้าสามารถช่วยอะไรได้บ้าง?”หลิงอวี๋นึกถึงเด็กที่ไม่มีความผิดอะไรเหล่านั้น บิดามารดาทอดทิ้งพวกเขาไป คงจะคิดว่าพวกเขาตายไปแล้วอย่างแน่นอนหากอูอวี๋หลานได้ครอบครองแผ่นดินแห่งนี้ นางจะต้องสังหารเด็กทั้งหมดนี้เป็นแน่“ช่วยข้าช่วยอูจิ่งออกมาที!”เมื่อสตรีศัก
ทุกคนเดินทางออกจากเขาเทพธิดาแล้วนั่งรถม้ากลับสู่เมืองหลวงแดนเทพกันหยางหงหนิงใช้ข้ออ้างว่าต้องดูแลเย่หรง จึงไปนั่งรถม้าคันเดียวกับเย่หรงส่วนหลงเพ่ยเพ่ยและหลิงอวี๋นั่งรถม้าคันเดียวกันหลิงอวี๋ได้ยินจากมู่ตงมาเพียงว่าเกิดอุบัติเหตุกับเย่หรง ยังมิได้เข้าใจสถานการณ์โดยละเอียด นางจึงเอ่ยถามขึ้นหลงเพ่ยเพ่ยจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลิงอวี๋ฟัง จากนั้นนางก็ยิ้มขมขื่นแล้วเอ่ยออกมา “ก่อนหน้านี้ข้ากังวลว่าเย่หรงจะต้องตายไปเช่นนี้เสียแล้ว โชคดีที่เขามีบุญ สุดท้ายจึงรอดชีวิตมาได้!”หลิงอวี๋สังเกตเห็นความผิดปกติอย่างรวดเร็ว “เจ้าบอกว่ามีคนผลักเจ้าหรือ?”“อืม ตอนนั้นพวกนางกำนัลเหล่านั้นกำลังช่วยท่านหญิงอวิ๋นช่วยเหลือหยวนซานอยู่ คาดว่าคงจะมิระวังจึงมาชนข้าเข้า!”หลงเพ่ยเพ่ยนึกถึงภาพน่าหวาดเสียวก่อนหน้านี้แล้ว ก็ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ตอนนั้นนางคิดว่าจะต้องตายแน่ ๆ คาดมิถึงว่าเย่หรงจะสละชีวิตมาช่วยตนไว้หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่หยางหงหนิงก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แล้วนางก็ขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้นมา “กลัวก็แต่ว่าเรื่องราวจะมิได้ง่ายเช่นนั้นสิ!”“เพ่ยเพ่ย เรื่องระวังคนอย่าได้ขาด ความคิดของหยางหงหนิงท
หลิงอวี๋ครุ่นคิดไปพลางเอ่ยไปด้วย “เพ่ยเพ่ย ข้าคาดเดาไว้เรื่องหนึ่ง”“สำนักซิงหลัวใช้ขี้ผึ้งหอมมาควบคุมบุตรหลานผู้มีอำนาจมิใช่หรือ? ขี้ผึ้งหอมนั้นสกัดออกมาจากพืชชนิดหนึ่งที่เรียกว่าฝิ่น!”“ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดอยู่ว่า สำนักซิงหลัวได้ขี้ผึ้งหอมมาจากที่ใด?”“ตอนนี้รู้แล้วว่าอูอวี๋หลานจัดหาเครื่องยาสมุนไพรให้มหาปราชญ์ เช่นนั้นจะเป็นไปได้หรือไม่ว่า อูอวี๋หลานปลูกต้นฝิ่นในแนวเขาของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ยึดครองอยู่ มิฉะนั้นสำนักซิงหลัวไม่มีทางมีขี้ผึ้งหอมมากถึงเพียงนั้นแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที “พี่หญิงหลิงหลิง การคาดเดาของท่านอาจจะเป็นเรื่องจริง!”“รอข้ากลับไปคุยกับท่านพ่อและพี่สามก่อน แล้วพวกเราค่อยอาศัยโอกาสที่ไปช่วยแม่นมอูขึ้นเขาไปสืบสวน หากยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องจริง ก็จะสามารถกำจัดขี้ผึ้งหอมของสำนักซิงหลัวให้หมดสิ้นไปได้!”ดวงตาของเถาจื่อเปล่งประกายยิ่งขึ้นอีก หากส่งข่าวเหล่านี้ไปให้ชายาเจ้าแห่งทะเล ชายาเจ้าแห่งทะเลจะต้องดีใจเป็นแน่!นางแอบรู้สึกภูมิใจ หลิงอวี๋เชื่อใจตนจริง ๆ มิได้มีการปิดบังอะไรต่อหน้าตนเลยแม้แต่น้อยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะต้องทำภารกิจที่ชายาเจ้าแ
หยางหงหนิงพูดพลางทำท่าทีหวาดกลัว และน้ำตาก็ไหลลงมาท่าทีที่ดูจริงใจอย่างมากต่อเย่หรงนั้นทำให้หลงเพ่ยเพ่ยมองแล้วรู้สึกขัดตาอย่างยิ่งนางจึงลากหลิงอวี๋หันหลังเดินไปแล้วเอ่ยออกมาอย่างหงุดหงิด “พี่หญิงหลิงหลิง ข้าขอไปส่งท่านกลับเองแล้วกัน! วันนี้เหนื่อยสุด ๆ ตอนนี้ข้าคิดแค่อยากกลับบ้านไปนอนให้เสียเต็มอิ่มนัก!”หลงเพ่ยเพ่ยขึ้นรถม้าแล้วหันไปเห็นหยางหงหนิงยังคงร้องไห้ทั้งกำชับเย่ซื่อฝานว่าต้องดูแลเย่หรงอย่างไรนางจึงกระแทกม่านลงอย่างแรงความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง เหตุใดเมื่อก่อนจึงมิรู้สึกว่าหยางหงหนิงน่ารำคาญถึงเพียงนี้นะ!แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นมิว่าจะมองหยางหงหนิงอย่างไรก็รู้สึกขัดหูขัดตาไปหมดหลิงอวี๋มิได้สังเกตเห็นความผิดปกติของหลงเพ่ยเพ่ย เมื่อครู่ตอนที่นางลงจากรถม้าส่งเย่หรงเข้าไป นางเพิ่งพบว่าในสายคาดเอวของตนมีเศษกระดาษอยู่หนึ่งใบแต่ต่อหน้าคนจำนวนมากถึงเพียงนี้ หลิงอวี๋มิสะดวกที่จะเปิดกระดาษออกมาดูตอนนี้นางจึงคิดเพียงแค่อยากรีบกลับ จะได้ดูว่าในกระดาษนั้นเขียนสิ่งใดเอาไว้นางกล้าสาบานว่าก่อนที่ตนจะเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์มิได้มีกระดาษใดอยู่ในสายคาดเอวทั้งสิ้นต
หานเหมยพูดทุกสิ่งที่ควรจะพูดออกไปจนหมดหลังจากที่นางออกไป เซียวหลินเทียนก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นานหานเหมยพูดถูก นิสัยของหลิงอวี๋เป็นคนประเภทที่ยอมหักมิยอมงอ นางไม่มีทางยอมที่ตนจะแต่งงานกับเก๋อเฟิ่งฉิงแน่ส่วนก่อนหน้านี้เขาเองก็มิได้มีแผนที่จะแต่งงานกับเก๋อเฟิ่งฉิงเช่นกันหากว่าเพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณที่เก๋อเฟิ่งฉิงที่ช่วยชีวิตไว้แล้วต้องแต่งงานกับนาง เช่นนั้นก็ดูจะเลอะเลือนมากเกินไปดังนั้นเมื่อเก๋อเฟิ่งฉิงมาดูแลเขา เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยออกไปตรง ๆ “น้องหญิงเก๋อ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนไปส่งเจ้ากลับไปที่บ้านตระกูลเก๋อนะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นก็ฝืนยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “พี่ใหญ่ เป็นเพราะข้าอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้แล้วรบกวนพวกท่านใช่หรือไม่?”“ซูจู๋เด็กมิรู้ความผู้นั้น นางไปบอกกับท่านย่าของข้าว่าข้าออกไปเที่ยวเล่นกับท่าน หากจู่ ๆ กลับไปเช่นนี้ ท่านย่าของข้าจะต้องสงสัยเป็นแน่!”เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเรื่องนี้ก็รู้ทันทีว่าเก๋อเฟิ่งฉิงกำลังอ้าง แต่เขาก็มิอยากเปิดโปงนางเขาจึงนิ่งไปสักพักหนึ่งแล้วเอ่ยออกมา “เจ้านั่งลงสิ! ข้าอยากคุยกับเจ้าสักหน่อย!”เก๋อเฟิ่งฉิงมีลางสังหรณ์ที่มิ
หัวใจของเก๋อเฟิ่งฉิงจมดิ่งลงนี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนพูดกับตนชัดเจนเช่นนี้ ้เช่นนั้นก็แสดงว่าเซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วและไม่มีทางยอมรับนาง!“พี่ใหญ่ ข้า… ข้าจะมิแย่งชิงความโปรดปรานกับพี่หญิงหลิงอวี๋ ขอเพียงได้อยู่ข้างกายท่าน จะให้ข้าเป็นนางสนมข้าก็ยินดี!”เก๋อเฟิ่งฉิงทุ่มสุดตัวแล้ว ทั้งยังเอ่ยออกไปอย่างร้อนรน“ข้าจะให้ความเคารพพี่หญิงหลิงอวี๋ จะมิทำให้ท่านลำบากใจ!”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “เฟิ่งฉิง อาอวี๋เป็นคนที่มิยอมทนกับสิ่งที่ตนยอมรับมิได้! ข้ามิอยากให้เป็นเพราะเจ้าจึงเกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของข้ากับอาอวี๋!”“ในเวลาเดียวกัน ข้าก็มิยินดีที่จะให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมเช่นกัน!”“เฟิ่งฉิง ข้ามองเจ้าเป็นน้องหญิงของข้า นี่คือคำพูดจากใจจริง!”“ข้าหวังว่าเจ้าจะได้พบกับบุรุษที่ดี คนที่จะปฏิบัติกับเจ้าเช่นเดียวกับที่ข้าปฏิบัติต่ออาอวี๋ คนที่จะมิยอมให้เจ้าเสียใจ และมิยอมให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมแม้เพียงเล็กน้อย!”“เฟิ่งฉิง จะต้องมีคนที่มองเห็นความดีของเจ้าแน่นอน แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องฝืนใจตนเองด้วยเล่า!”ใต้หล้านี้มีบุรุษเช่นนี้ด้วยหรือ?เก๋อเฟิ่งฉิงรู้สึกสิ้นหวัง
หากหยางหงหนิงบอกทันทีว่าจะมิชอบเย่หรงแล้ว หลงเพ่ยเพ่ยย่อมมิเชื่อแต่ตอนนี้หยางหงหนิงบอกว่าต้องการเวลา หลงเพ่ยเพ่ยจึงเชื่อสนิทใจนางจัดเส้นผมที่กระเซิงของหยางหงหนิงให้อย่างสงสารพลางปลอบใจว่า “ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถอะ เจ้าเป็นคนฉลาด ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องผ่านพ้นไปได้แน่นอน!”“อืม!”หยางหงหนิงพยักหน้า และเงยหน้าขึ้นยิ้มให้หลงเพ่ยเพ่ย “เรื่องที่บอกว่าจะไปเที่ยวสระเก้ามังกรครั้งก่อน เจ้าอย่าลืมนะ รอให้แผลเย่หรงรักษาหายดี ข้าก็น่าจะปรับสภาพจิตใจได้แล้ว!”“ถึงเวลานั้น เจ้าจะได้เห็นด้านใหม่ของข้า!”หลงเพ่ยเพ่ยพยักหน้า “รอให้แผลเย่หรงรักษาหายดี ข้าจะนัดเจ้าออกไปเที่ยวด้วยกัน!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ หลงจิ้งและเจ้าแห่งทิศใต้ต่างก็คิดจะช่วยมารดาของเย่หรงออกมา หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกว่าการไปสระเก้ามังกรสามารถสำรวจตำแหน่งที่ตั้งได้ จึงมิคิดจะผิดคำพูดหยางหงหนิงได้รับคำรับปากของหลงเพ่ยเพ่ยแล้วก็จากไปเพียงแต่นางมิได้ออกจากจวนตระกูลเย่เสียทีเดียว นางตรงไปยังเรือนของเย่ซวินเพื่อดำเนินการตามแผนเมื่อไปถึงเรือนของเย่ซวิน กลับมิเห็นเย่ซวินอยู่ที่นั่นหยางหงหนิงยังมิรู้เรื่องที่เย่ซวินถูกขังอยู่ในหอบรรพบุรุ
ตนเองทำเพื่อเย่หรงไปตั้งมากมาย ถึงขนาดยอมกล้ำกลืนฝืนทนเสียหน้าไปอ้อนวอนองค์หญิงหานเยวี่ยอย่างน่าสงสาร ถึงได้โอสถรักษาแผลระดับสูงนี้มาแต่เย่หรงกลับคายออกมา นี่มิใช่เพราะต้องการรักษาระยะห่างกับตนหรอกหรือ?เหตุใดเย่หรงถึงได้ดื้อด้านเช่นนี้?เขาแค่กังวลว่าหากรับยาของตนไปแล้ว จะทำให้หลงเพ่ยเพ่ยมิพอใจมิใช่หรือ?หยางหงหนิงคิดไปเองตอนนี้นางคิดเพียงอย่างเดียวว่า เย่หรงกับหลงเพ่ยเพ่ยลอบคบหากันแล้ว ดังนั้นเย่หรงถึงได้ผลักไสตนมาโดยตลอดมิฉะนั้นต่อให้ใจของเย่หรงแข็งดั่งหินผา ก็ต้องถูกความรักของนางทำให้ใจอ่อนไปแล้ว!ความโกรธของหยางหงหนิงพลุ่งขึ้นมาในบัดดลมีชั่วขณะหนึ่งที่นางแทบจะควบคุมตนเองมิได้ อยากจะฉวยโอกาสที่เย่หรงยังอ่อนแออยู่ตอนนี้ ยัดยาพิษให้เขาตาย ๆ ไปเสียแต่หยางหงหนิงก็ยังคงกดข่มความโกรธของตนไว้อย่างสุดกำลัง นางมิอาจปล่อยเย่หรงไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้ เขาเลือกหลงเพ่ยเพ่ยใช่หรือไม่?เช่นนั้นนางก็จะให้เย่หรงกับหลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นสามีภรรยากันในปรโลก!หยางหงหนิงนึกถึงแผนการของเย่ซวิน ในแววตาฉายประกายความอำมหิต แต่ภายนอกกลับแสร้งทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจย่อตัวลงนางเก็บโอสถรักษาแผลระดับสูงข
เย่หมิงและเย่ซวินเป็นพี่น้องที่รักกันอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะปิดบังฮูหยินเย่ไว้ตามคำสั่งของท่านผู้เฒ่าเย่ แต่เมื่อเห็นท่าทางของเย่ซวินในยามที่อาการติดยากำเริบขึ้นมานั้นเขาก็ยังทนมิได้อยู่ดี“ยาแก้ปวดมิสามารถใช้ส่งเดชได้!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมา “หากเย่ซวินมิพึ่งความตั้งใจของตนในการเลิกยาแล้วให้ยาแก้ปวดแก่เขา เช่นนี้แม้เขาจะเลิกยาได้ แต่ก็จะติดยาแก้ปวดเช่นกัน!”เย่หมิงเองก็เข้าใจหลักการของเครื่องยาสมุนไพรเช่นกัน ไหนเลยจะมิรู้หลักการนี้แต่เขาก็ยังคงเอ่ยออกมาอย่างวิงวอน “เช่นนั้นให้เขาแค่หนึ่งหรือสองเม็ดก็พอ หากเขาทนมิได้จริง ๆ ข้าจึงจะให้เขา แต่หากเขาทนได้ ข้าก็จะมิให้เขา!”หลิงอวี๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบขวดยาออกมาเทยาแก้ปวดสามเม็ดให้กับเย่หมิง“ขอบคุณนะ!”เย่หมิงรีบเก็บไปอย่างรวดเร็ว แล้วกระซิบกับหลิงอวี๋ “อย่าบอกท่านปู่กับท่านพ่อเรื่องที่ข้ามาขอยาจากเจ้านะ หากพวกเขารู้เข้าต้องดุด่าข้าจนตายแน่!”“อื้ม!”หลิงอวี๋เอ่ยกำชับเขา “เย่หมิง ท่านเองก็ต้องควบคุมให้เหมาะสม บางครั้งหากท่านเห็นใจและช่วยเหลือเขา แต่แท้จริงแล้วเป็นการทำร้ายเขาอยู่!”“ข้ารู้!”เย่หมิงพยักหน้าอย่างระมัดระ
นี่คือโชคชะตาหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยรู้สึกหนักใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากในแง่ของความได้เปรียบนั้นท่านพ่อของตนสู้เจ้าแห่งทะเลมิได้หากเจ้าแห่งทะเลควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้ จวนเจ้าแห่งทิศใต้ก็จะยิ่งมิสามารถต่อกรกับเจ้าแห่งทะเลได้เลยหรือว่าครอบครัวของตนจะต้องถูกเจ้าแห่งทะเลกำจัดจนหมดสิ้นเสียแล้ว?“อย่าเพิ่งท้อแท้ไป รอให้พี่สามของเจ้าสืบจนรู้ที่มาของขี้ผึ้งหอมเสียก่อน แล้วพวกเราจะไปทำลายแหล่งยาของพวกเขากัน การทำเช่นนี้ต่างหากจึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะบังคับให้บุตรหลานเหล่านั้นเลิกยากันได้!”หลิงอวี๋เห็นว่าสีหน้าของหลงเพ่ยเพ่ยดูเศร้าหมอง จึงเอ่ยปลอบใจนางออกไปเถาจื่อฟังแล้วก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ หลิงอวี๋มิสงสัยตนแม้แต่น้อย ทั้งยังคุยเรื่องลับ ๆ มากมายถึงเพียงนี้ต่อหน้านางอีกรอให้นางส่งข่าวเหล่านี้ไปให้ชายาเจ้าแห่งทะเลก่อนเถิด ชายาเจ้าแห่งทะเลจะต้องดีใจอย่างแน่นอนเถาจื่อลืมเรื่องราวในอดีตที่ฝ่าฟันมากับหลิงอวี๋ไปจนหมดสิ้นแล้ว ยามนี้ในหัวของนางถูกชายาเจ้าแห่งทะเลงปลูกฝังความทรงจำใหม่เข้าไปแล้วในความทรงจำใหม่นี้ เถาจื่อมีตัวตนใหม่นางคือบุตรีของชายาเจ้าแห่งทะเล ทั้งยังเป็นท่าน
เซียวหลินเทียนเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึก “ตอนนี้เผยอวี้ก็กังวลว่าหากหลิงหว่านแข็งแกร่งเกินไปจนมิยอมพึ่งพาใครแล้วจะยิ่งมิยอมแต่งงานกับเขา!”หลิงอวี๋มิได้ต่อต้านเซียวหลินเทียนมากถึงเพียงนั้นแล้วเมื่อนางฟังมาถึงตรงนี้ แม้ว่าจะยังจำเรื่องราวในอดีตมิได้ แต่รู้สึกได้ว่าหลิงหว่านสามารถยืนด้วยตนเองได้ หากต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเผยก็เชิดหน้าชูตาได้เช่นกันขณะที่นางกำลังฟังเซียวหลินเทียนพูดถึงบรรดาคนที่ตนรู้จักในฉินตะวันตก ในใจของนางก็เกิดความปรารถนาขึ้นมา นางอยากจะไปพบญาติสนิทมิตรสหายเหล่านี้ที่ฉินตะวันตก“อาอวี๋ เมื่อเรื่องที่นี่จบสิ้นแล้ว เจ้ากลับฉินตะวันตกกับข้าเถิด!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ “ข้าพูดกับเก๋อเฟิ่วฉินไปอย่างชัดเจนแล้ว ชาตินี้จะไม่มีใครมาแทนที่ตำแหน่งของเจ้าในใจข้าได้!”“พวกเรากลับไป ไปเลี้ยงดูเยวี่ยเยวี่ยให้ดี! สิ่งที่ข้าติดค้างพวกเจ้าไว้เมื่อก่อน ข้าจะชดเชยให้ทั้งหมด!”หลิงอวี๋พยักหน้า “เมื่อช่วยแม่นมอูและแม่ของเย่หรงออกมาได้แล้ว ข้าจะกลับไปกับพวกท่าน!”หลิงอวี๋รับปากที่จะกลับไปกับเซียวหลินเทียนก็เพื่อไปพิสูจน์ความจริง ส่วนเรื่องที่ว่าจะยังเป็นสามีภรรยากับเซียวห
คำถามในชุดนี้คือสิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนมิสามารถตอบได้ทั้งสองมองหน้ากันไปมา รู้สึกเพียงว่าแดนเทพเต็มไปด้วยวิกฤติ ความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเหล่านี้ทุกสิ่งเป็นดังหลุมลึกหลุมหนึ่ง“พวกเราทำทั้งสองสิ่งไปพร้อมกันดีกว่า ด้านหนึ่งคือการตามหาที่อยู่ของแม่นมอูและขันทีโม่ ส่วนอีกด้านหนึ่งคือคิดหาวิธีช่วยมารดาของเย่หรง!”หลิงอวี๋เอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล “วันนี้เจ้าแห่งทะเลมิสามารถล้วงความลับของหยกหล้าสุขาวดีไปได้ เขาจะต้องมีแผนสำรองอยู่เป็นแน่ พวกเรามีเวลามิมากแล้ว!”เซียวหลินเทียนพยักหน้า “ตอนนี้พวกเขารู้ตัวตนของพวกเราอย่างชัดแจ้งแล้ว มหาปราชญ์เองก็คงจะมิปล่อยไปง่าย ๆ เช่นกัน หากช่วยเหลือมารดาของเย่หรงและแม่นมอูออกมาได้แล้ว พวกเราก็ไปจากเมืองหลวงแดนเทพกันก่อนเถิด!”หลิงอวี๋มองเซียวหลินเทียนแล้วอดมิได้ที่จะเอ่ยถามออกไป “เซียวเยวี่ยสบายดีหรือไม่?”ที่จวนเจ้าแห่งทะเล ชายาเจ้าแห่งทะเลก็เอ่ยถึงเซียวเยวี่ยเช่นกัน ทั้งคำพูดและน้ำเสียงล้วนใช้ชีวิตของเซียวเยวี่ยมาข่มขู่หลิงอวี่เรื่องนี้ทำให้หลิงอวี๋คิดเรื่องปัญหาของเซียวเยวี่ยอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยบอกว่า เซียวเยวี่ยถูก
ภายในห้องหลิงอวี๋เล่าเรื่องที่ตนได้ประสบที่จวนเจ้าแห่งทะเลให้เซียวหลินเทียนฟังเมื่อเล่าถึงท่านอาสุ่ยใช้วิชาดูดกลืนวิญญาณกับหลิงอวี๋เพื่อหลอกล่อให้นางบอกความลับของหยกหล้าสุขาวดี เซียวหลินเทียนก็รู้สึกกังวลขึ้นมา“สตรีผู้นั้นปลอมเป็นท่านแม่ของข้า เพียงแต่ข้าลืมหลานฮุ่ยจวนไปจึงมิได้หลงกล!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “หลังจากนั้นข้าก็นึกถึงสิ่งที่ปรมาจารย์เย่พูดกับข้าไว้ จึงได้ลองใช้หยกหล้าสุขาวดีควบคุมนาง และนั่นคือวิธีที่ข้าหนีรอดจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้!"“เสียดายที่พลังของข้าสู้เจ้าแห่งทะเลมิได้ อีกทั้งเขาก็ยังเป็นคนที่จิตแข็งมากด้วย มิฉะนั้นข้าคงจะลองควบคุมเจ้าแห่งทะเลดู!”หลังจากเซียวหลินเทียนได้ยินเช่นนี้ก็แอบรู้สึกดีใจที่หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป มิฉะนั้นก็คงจะหลงกลไปกับแผนการร้ายของท่านอาสุ่ยไปแล้ว“เซียวหลินเทียน ก่อนหน้านี้ข้าได้ยอมรับตัวตนไปภายใต้การควบคุมของท่านอาสุ่ยแล้ว! เจ้าแห่งทะเลเองก็รู้ว่าพวกเราใกล้ชิดกัน และเขาก็รู้ตัวตนของท่านด้วย!”หลิงอวี๋เอ่ยออกไป “ท่านพักฟื้นสักสองวัน แล้วหาโอกาสออกจากเมืองหลวงแดนเทพไปโดยเร็วจะดีกว่า!”เซียวหลินเทียนมองไปที่นาง “เจ้ามิไปห
หัวใจของเก๋อเฟิ่งฉิงจมดิ่งลงนี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนพูดกับตนชัดเจนเช่นนี้ ้เช่นนั้นก็แสดงว่าเซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วและไม่มีทางยอมรับนาง!“พี่ใหญ่ ข้า… ข้าจะมิแย่งชิงความโปรดปรานกับพี่หญิงหลิงอวี๋ ขอเพียงได้อยู่ข้างกายท่าน จะให้ข้าเป็นนางสนมข้าก็ยินดี!”เก๋อเฟิ่งฉิงทุ่มสุดตัวแล้ว ทั้งยังเอ่ยออกไปอย่างร้อนรน“ข้าจะให้ความเคารพพี่หญิงหลิงอวี๋ จะมิทำให้ท่านลำบากใจ!”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “เฟิ่งฉิง อาอวี๋เป็นคนที่มิยอมทนกับสิ่งที่ตนยอมรับมิได้! ข้ามิอยากให้เป็นเพราะเจ้าจึงเกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของข้ากับอาอวี๋!”“ในเวลาเดียวกัน ข้าก็มิยินดีที่จะให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมเช่นกัน!”“เฟิ่งฉิง ข้ามองเจ้าเป็นน้องหญิงของข้า นี่คือคำพูดจากใจจริง!”“ข้าหวังว่าเจ้าจะได้พบกับบุรุษที่ดี คนที่จะปฏิบัติกับเจ้าเช่นเดียวกับที่ข้าปฏิบัติต่ออาอวี๋ คนที่จะมิยอมให้เจ้าเสียใจ และมิยอมให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมแม้เพียงเล็กน้อย!”“เฟิ่งฉิง จะต้องมีคนที่มองเห็นความดีของเจ้าแน่นอน แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องฝืนใจตนเองด้วยเล่า!”ใต้หล้านี้มีบุรุษเช่นนี้ด้วยหรือ?เก๋อเฟิ่งฉิงรู้สึกสิ้นหวัง
หานเหมยพูดทุกสิ่งที่ควรจะพูดออกไปจนหมดหลังจากที่นางออกไป เซียวหลินเทียนก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นานหานเหมยพูดถูก นิสัยของหลิงอวี๋เป็นคนประเภทที่ยอมหักมิยอมงอ นางไม่มีทางยอมที่ตนจะแต่งงานกับเก๋อเฟิ่งฉิงแน่ส่วนก่อนหน้านี้เขาเองก็มิได้มีแผนที่จะแต่งงานกับเก๋อเฟิ่งฉิงเช่นกันหากว่าเพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณที่เก๋อเฟิ่งฉิงที่ช่วยชีวิตไว้แล้วต้องแต่งงานกับนาง เช่นนั้นก็ดูจะเลอะเลือนมากเกินไปดังนั้นเมื่อเก๋อเฟิ่งฉิงมาดูแลเขา เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยออกไปตรง ๆ “น้องหญิงเก๋อ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนไปส่งเจ้ากลับไปที่บ้านตระกูลเก๋อนะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นก็ฝืนยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “พี่ใหญ่ เป็นเพราะข้าอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้แล้วรบกวนพวกท่านใช่หรือไม่?”“ซูจู๋เด็กมิรู้ความผู้นั้น นางไปบอกกับท่านย่าของข้าว่าข้าออกไปเที่ยวเล่นกับท่าน หากจู่ ๆ กลับไปเช่นนี้ ท่านย่าของข้าจะต้องสงสัยเป็นแน่!”เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินเรื่องนี้ก็รู้ทันทีว่าเก๋อเฟิ่งฉิงกำลังอ้าง แต่เขาก็มิอยากเปิดโปงนางเขาจึงนิ่งไปสักพักหนึ่งแล้วเอ่ยออกมา “เจ้านั่งลงสิ! ข้าอยากคุยกับเจ้าสักหน่อย!”เก๋อเฟิ่งฉิงมีลางสังหรณ์ที่มิ