อนุหลิ่วก็กล่าวว่า “สตรีเมื่อออกเรือนแล้วก็ต้องเชื่อฟังสามี ทันทีที่แต่งงานไป นางก็กลายเป็นคนของบ้านอื่นแล้ว ไม่ว่าคุณหนูหว่านจะทำผิดอะไร ท่านอ๋องทรงเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจกว้างขวาง อย่าได้โมโหนางเด็ดขาดเลยนะเพคะ ท่านแม่ทัพก็สั่งสอนนางแล้ว เพราะตั้งแต่เล็กจนโต คุณหนูหว่านเติบโตมาที่ชายแดน เลยไม่เคยเรียนรู้เรื่องกฎระเบียบอะไร ทำให้ไม่เรียบร้อยรู้ความเหมือนเหล่าคุณหนูในเมืองหลวง แต่ที่คุณหนูหว่านว่าหมอหญิงเย่ ก็เป็นเพราะนางมีใจต่อท่านอ๋อง เพราะหมอหญิงเข้าๆ ออกๆ กระโจมของท่านอ๋อง ก็ยากจะไม่ให้คุณหนูหว่านเข้าจะผิดนะเพคะ”ดวงตาของซูถิงหว่านก็แดงระเรื่อเช่นกัน นางเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นแบบที่ดูสะอาดตาแล้ว และกำลังคุกเข่าอย่างอ่อนน้อมอยู่บนพื้น นางกลัวเหลือเกินว่าท่านอ๋องจะไม่ต้องการนางอีกเพราะนางไม่สะอาดแล้ว จึงได้แต่แสร้งทำเป็นน่าสงสาร “ท่านอ๋อง หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ หม่อมฉันไม่ควรบันดาลโทสะหึงหวงไปทั่ว ท่านพ่อได้ตีหม่อมฉันแล้วเพคะ”นางยื่นฝ่ามือออกมา บวมแดงไปหมด พวกนี้ล้วนเป็นรอยที่ซูเซวี่ยนตี แน่นอนว่าเป็นการตีให้เซี่ยซางดูเซี่ยซางมองคนทั้งหมด คิ้วของเขาขมวดแน่น ได้แต่พูดว่า “ท่านแม่ท
พวกเขาเรียกอิ๋นซิ่งมาเค้นถามอีกครั้ง ซูถิงหว่านตบลงบนหน้าของนาง “เมื่อคืนเจ้าไปเจอผู้ใดมา ไปเจอท่านอ๋องมาใช่หรือไม่ เจ้าบอกสิ่งใดกับเขา?”อิ๋นซิ่งส่ายศีรษะท่าเดียว “บ่าวไม่ได้พบท่านอ๋อง บ่าวมิได้กล่าวสิ่งใดกับท่านเลยเจ้าค่ะ! คุณหนู ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ ข้าไม่ได้พูดสิ่งใดกับท่านอ๋องเลยจริงๆ ท่านสั่งข้าไว้แล้ว ข้าจะพูดมั่วได้อย่างไรกันเจ้าคะ”อิ๋นซิ่งถูกตีจนกลัวแล้ว คิดจะปฏิเสธ แต่ซูถิงหว่านจะให้โอกาสนางปฏิเสธได้อย่างไร ซัดฝ่ามือลงบนใบหน้าอีกด้านของนาง “หลายปีมานี้ ข้าไม่ดีกับเจ้าหรือ? เหตุใดเจ้าถึงทรยศข้า เจ้าเป็นบ่าวสกุลซู ถึงวันตายเจ้าก็เป็นข้ารับใช้ของสกุลซู เหตุใดเจ้าต้องใส่เสื้อผ้าของเย่ซู่ซู่”“ข้าไม่ได้ทรยศคุณหนู ไม่ได้ทำจริงๆ ข้าไม่ได้บอกใครเลยเจ้าค่ะ” นางจะกล้ายอมรับได้อย่างไร หากยอมรับนางก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น นางเพียงพูดมากไปหน่อย จึงพูดเรื่องที่พวกนางถูกลักพาตัวไปขายในหอนางโลมออกมาอย่างไม่ตั้งใจซูเซวี่ยนสีหน้าเย็นชา กล่าวเสียงหนักว่า “หมอหญิงเย่บอกทุกอย่างกับเหิงอ๋องหมดแล้ว เจ้ากับหวานหว่านจะถูกส่งกลับชายแดนอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมรับว่าเจ้าพูดอีก”“หา หมอหญิงเย
ในเวลานี้ แม้แต่ซูเต๋อไห่ก็ไม่อาจสงบใจได้แล้ว รีบให้อนุหลิ่วไปเฝ้าอยู่ข้างประตู ยังดีที่ขณะนี้ไม่มีคน“เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าไม่ต้องการชีวิตแล้วหรือ” ซูเต๋อไห่ลดเสียงต่ำลงตะคอกด้วยความโมโห“ท่านพ่อ ที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง ข้าฝันเห็นพวกมันเจ้าค่ะ เซี่ยซางรบชนะอีกเดี๋ยวก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทแล้ว ภายหลังเขาก็จะได้เป็นฮ่องเต้ ชีวิตในวันข้างหน้าของเจียงเฟิ่งหัวจะน่าสมเพชนัก แม้ตอนนี้นางจะเป็นพระชายา แต่ในอนาคตท่านอ๋องจะแต่งตั้งนางเป็นเพียงเสียนเฟยเท่านั้นและจะไม่ทรงโปรดนางอีก เด็กสองคนที่นางคลอดออกมาก็ไม่ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง ภายภาคหน้า ตระกูลซูของเราจะยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก รุ่งโรจน์อย่างไร้ที่สิ้นสุดเจ้าค่ะ” ซูถิงหว่านเล่าความฝันที่นางฝันถึงออกมาทั้งหมดนางเล่ามาเช่นนี้ย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อ แต่จากที่สายลับของสกุลซูในเมืองหลวงรายงานมา ฮ่องเต้มีเจตนาจะแต่งตั้งเหิงอ๋องเป็นรัชทายาท ฮ่องเต้จะใช้ชัยชนะในศึกครั้งนี้มาเป็นเหตุผลในการสถาปนาเขาขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ข่าวพวกนี้ล้วนถูกปิดไว้ ไม่มีทางที่ผู้อื่นจะล่วงรู้ซูเต๋อไห่มองไปยังบุตรชาย “ข่าวที่เจ้าได้รับเหมือนของหวานหว่านหรือไม่”
ซูถิงหว่านวิ่งออกมาจากกระโจมแล้วก็วิ่งตรงไปที่กระโจมของสกุลซูทันที ในที่สุดนางก็ตาสว่างแล้วว่า เซี่ยซางเจอใครใหม่ก็รักทุกคน เขาไม่เพียงแต่ชอบเจียงเฟิ่งหัว ยังชอบเย่ซู่ซู่อีกด้วย พวกเขาพูดถูกแล้วดังคาดจริง ๆ ผู้ชายไม่มีใครดีสักคนอนุหลิ่วกำลังรับประทานอาหารเช้าเป็นเพื่อนแม่ทัพซู เห็นนางมาก็รีบเข้าไปรับ “คุณหนูหว่านมาหรือนี่? กินมื้อเช้าหรือยังเจ้าคะ?”“ยังเลย” ซูถิงหว่านก้าวขึ้นไปข้างหน้า “คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”ซูเต๋อไห่กล่าว “เกิดอะไรขึ้น เจ้าไม่อยู่กับเหิงอ๋องหรือ วิ่งมาทำอะไร?”ซูถิงหว่านดวงตาแดงก่ำ “เขามีหมอหญิงเย่อยู่ข้างกายทั้งคนแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีลูกหรอก”“พูดเหลวไหลอะไรกัน นางเป็นแค่หมอหญิงคนหนึ่ง ส่วนเจ้าเป็นพระชายารองของท่านอ๋อง” ซูเต๋อไห่วางตะเกียบลงอย่างรุนแรงทันที “ยังไม่รีบกลับไปอีก”ซูถิงหว่านน้อยใจมาก เซี่ยซางตบนาง ตบนางเพื่อหมอหญิงคนหนึ่งเวลานี้เอง ซูเซวี่ยนก็ตามมาถึง “ท่านพ่อ”“อืม” ซูเต๋อไห่ขานรับทีหนึ่งซูเซวี่ยนก็ไม่ได้สนใจว่าซูถิงหว่านเสียอกเสียใจเพียงใด กระซิบว่า “เหิงอ๋องให้คนเตรียมรถม้า เหมือนกำลังจะไปชายแดน”ซูเต๋อไห่กล่าว “ใครจะไปชายแดน?”ซูเซวี่ยน
“ซู่ซู่ยุ่งไม่เข้าเรื่องเองเพคะ” นางคว้ากล่องยาแล้วก็เตรียมจะเดินจากไป แต่ก็ยังไม่อยากยอมแพ้ ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขาไม่เริ่มต้นก่อน เช่นนั้นนางก็จะเป็นฝ่ายเริ่มเองก็แล้วกันเซี่ยซางกล่าวอีกว่า “ข้าหวังว่าหมอหญิงเย่จะตั้งใจใช้วิชาแพทย์รักษาผู้ป่วย ในอนาคตอาจจะบ่มเพาะหมอหญิงจำนวนหนึ่งออกมาเพื่อแคว้นต้าโจวก็เป็นได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่พระชายาของข้าหวังไว้เช่นกัน”เย่ซู่ซู่ตาแดงก่ำไปหมด เหิงอ๋องก็แทบจะพูดออกมาตรง ๆ แล้วว่านางอย่าได้หวังจะมายั่วยวนเขานางยืนอยู่กับที่ ก็ยังคงไม่ยอมพ่ายแพ้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเหิงอ๋อง นางก็หลงรักเขาแล้ว ชีวิตนี้นางไม่สามารถรักชายอื่นได้อีก นางถวายคำนับด้วยความเคารพหนึ่งที “หม่อมฉันรู้ตัวเองดีกว่าฐานะต่ำต้อย และก็ไม่กล้าลืมบุญคุณที่ท่านอ๋องช่วยชีวิตไว้ตอนนั้น ไม่มีท่านอ๋องก็ไม่มีซู่ซู่ในวันนี้ ซู่ซู่รักท่านอ๋องเพคะ รักท่านอ๋องมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่เจียงหนานแล้ว”เซี่ยซางชะงัก รู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย “ข้าแต่งงานมีพระชายาแล้ว”“หม่อมฉันไม่สนใจหรอกเพคะว่าเป็นได้แค่อนุภรรยา ไม่มีสถานะก็ได้เพคะ เพียงแค่ได้อยู่เคียงข้างท่านอ๋อง ต่อให้เป็นสาวใช้คนหนึ่งก็ยังดี ซ
เย่ซู่ซู่ก็ตาแดงก่ำ “ไม่ว่าพระชายารองจะว่าหม่อมฉันอย่างไร หม่อมฉันก็ไม่สนใจทั้งนั้น ท่านอ๋องรีบไปดูพระชายารองหน่อยเถอะเพคะ อย่าให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างพวกท่านเพราะหม่อมฉันเด็ดขาดนะเพคะ”“นางไม่เป็นอะไรหรอก เรื่องแบบนี้นางทำมาเยอะแล้ว” เซี่ยซางตบนางไปแล้วก็ยังรู้สึกผิดอยู่ในใจ เดิมทีคิดอยากจะตามไป แต่ตอนนี้คิดดูแล้ว เมื่อก่อนซูถิงหว่านก็ไม่รู้ประสาแบบนี้อันที่จริงเขาก็ไม่นึกว่าจะลงไม้ลงมือกับนางเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วเหตุใดซูถิงหว่านจึงยังไม่รู้จักทำตัวให้ดี ๆ อีกนะเขาถึงกับกำลังคิดว่าเมื่อก่อนเขาเคยรักซูถิงหว่านจริง ๆ หรือ? เขารักนางที่ตรงไหน รักที่นางใสซื่อ ร่าเริง องอาจมาดมั่น เขาชอบที่นางต่างจากบรรดาหญิงชั้นสูงในเมืองหลวง เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของนางเจิดจรัสและสะกดสายตาดุจแสงอาทิตย์ ทว่าตัวนางในตอนนี้กลับต่างจากภาพในใจของเขาโดยสิ้นเชิงเหมือนว่านางมีสองด้าน นางจงใจเสแสร้งแสดงด้านที่ดีออกมาต่อหน้าเขาเพื่อให้เขารักเขารู้สึกว่าน่าขัน หรือว่าตลอดหลายปีที่เขารู้จักนางมา นั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของนางเลยเจียงเฟิ่งหัวใจกว้าง รู้ว่าอะไรควรไม่ควร รู
ซูถิงหว่านเห็นสถานการณ์ สายตาก็เต็มไปด้วยความห่วงใยและกระตือรือร้น “หม่อมฉันช่วยเปลี่ยนยาให้ท่านอ๋องได้นะเพคะ” หญิงนางนี้เปลี่ยนยาให้เซี่ยซางทุกวันเช่นนี้หรอกหรือ? เขายังเปลือยท่อนแขนด้วยนะ“เจ้าก็รู้วิชาแพทย์หรือ? รู้วิธีการพันแผลด้วยเช่นนั้นหรือ? เจ้าทำเรื่องพวกนี้เป็นหรือ?” เซี่ยซางเอ่ยถามนางเสียงเข้ม เขารู้ดีว่านางทำไม่เป็นซูถิงหว่านอึ้ง “หม่อมฉัน…”“กินข้าวไปดี ๆ กินเสร็จแล้วก็ออกเดินทาง” อยากกลับชายแดนมิใช่หรือ? เช่นนั้นแล้วก็ส่งนางกลับไปอยู่สักพักหนึ่งก่อน นางจะได้ไม่เบื่อหน่ายในแต่ละวันจนคิดฟุ้งซ่านขึ้นมาซูถิงหว่านยังนึกว่าเซี่ยซางกำลังเป็นห่วงนาง ก็เลยกินข้าวอย่างสงบเสงี่ยมเย่ซู่ซู่ตรวจปากแผลให้เซี่ยซาง กล่าวอีกว่า “ดีขึ้นมากแล้วเพคะ เพียงแต่ว่าเคลื่อนไหวมากเกินไปไม่ได้ ท่านอ๋องถือกระบี่ได้ไม่มีปัญหาแล้ว หม่อมฉันพันผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องอีกรอบนะเพคะ เสื้อผ้าจะได้ไม่ไปโดนบริเวณปากแผล”“ลำบากหมอหญิงเย่แล้ว” เซี่ยซางกล่าวเสียงอ่อนโยนเย่ซู่ซู่ยิ้มน้อย ๆ หนึ่งที นางจงใจเข้าประชิดตัวเซี่ยซาง ต่างหูแทบจะไหวไปถูกคอเขาแล้ว เซี่ยซางรู้สึกได้ว่ามีความรู้สึกเย็นยะเยือกที่ลำคอ เขา
วันต่อมา ซูถิงหว่านถูกเสียงเอะอะข้างนอกปลุกจนตื่น ตื่นขึ้นมาแล้วกลับไม่เห็นเซี่ยซางอยู่ในกระโจม นางจำได้ว่าเมื่อคืนเซี่ยซางอ่านหนังสืออยู่ข้างเตียง เดิมทีนางนึกว่าเขาอ่านจนเหนื่อยแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนอน ยังจงใจใส่เสื้อผ้าวับ ๆ แวม ๆ เสียด้วยซ้ำ ขึ้นเตียงแล้วนางค่อยยั่วยวนเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องหวั่นไหวแน่นอนตอนนี้นางจึงหงุดหงิดตัวเองนักที่หลับไปได้อย่างไร เมื่อนึกถึงว่าในค่ายทหารยังมีเย่ซู่ซู่อยู่อีกคน นางก็รีบลงจากเตียงนอนเวลานี้เอง อิ๋นซิ่งก็ยกเครื่องใช้สำหรับบ้วนปากล้างหน้ามาแล้ว “คุณหนู ท่านตื่นแล้ว บ่าวตักน้ำล้างหน้ามาให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ”“ท่านอ๋องเล่า?” นางถามอิ๋นซิ่งกล่าว “บ่าวไม่เห็นท่านอ๋องเจ้าค่ะ พอตื่นเช้ามาบ่าวก็ไปตักน้ำล้างหน้ามาให้คุณหนูเลยเจ้าค่ะ”ซูถิงหว่านเห็นนางสวมชุดสีพื้น ก็ถามนาง “เจ้าใส่เสื้อผ้าของใครกัน?”“ของหมอหญิงเย่เจ้าค่ะ เสื้อผ้าของบ่าวใส่ไม่ได้ นางมอบให้บ่าวเจ้าค่ะ” อิ๋นซิ่งก็ไม่รู้เจตนาของเย่ซู่ซู่ ก็รู้สึกเพียงว่านางใจดี ไม่เคยมีคนดีกับนางเช่นนี้มาก่อนซูถิงหว่านได้ฟังแล้วก็โกรธจนควันออกหู “นางให้เจ้ายืมเสื้อผ้าใส่ได้อย่างไร นางกับเจ้าเป็น
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าลุกขึ้นก่อนเถิด” เซี่ยซางหมดคำพูดแล้ว ทว่าซูถิงหว่านยังคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจยั่วยวนเขา ทว่าบัดนี้เขาไม่มีอารมณ์ร่วมด้วยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกเบื่อหน่ายและขยะแขยงในใจ ในเวลานี้ หลินเฟิงรีบบุกเข้ามาในกระโจม ก็เห็นว่าซูถิงหว่านกำลังคร่อมอยู่บนตัวท่านอ๋อง มิหนำซ้ำยังเตรียมจะปลดกางเกงของท่านอ๋องออกด้วย เขาก็ร้องเสียงหลงทันที “ข้าน้อยมาผิดเวลาไปเสียแล้ว” ขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป เซี่ยซางเปล่งคำพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ “กลับมา” ถูกเขาตะคอกใส่ ซูถิงหว่านเองก็รีบสำรวมท่าทีทันที เซี่ยซางผลักนางออกและเดินลงจากเตียงลำพัง เขาสุขุมเยือกเย็น “เตรียมกระโจมให้พระชายารองสักหลัง” “หา! ตอนนี้หรือขอรับ?” ฟ้าจะสว่างแล้ว ท่านอ๋องอย่าทรมานทุกคนเลย “หากไม่ใช่ตอนนี้ ข้าจะเรียกให้เจ้ามาเพื่ออะไร?” เซี่ยซางกล่าวด้วยเสียงขรึม “ไม่ต้องลำบากหรอก ข้าพำนักในกระโจมเดียวกับท่านอ๋องก็ได้แล้ว พวกข้าเป็นสามีภรรยากัน” ซูถิงหว่านรีบห้ามปรามทันที นางตัดสินใจแล้ว นางจะตามติดเซี่ยซางให้แน่นเหมือนกอเอี๊ยะหนังสุนัขเลย จะต้องให้เขามีบุตรกับนางให้ได้“ตัวข้าบาดเจ็บ เตียงก็เล็ก…” “หาใช่เรื่องใหญ่อั