ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าโรงแรมหรูระดับห้าดาว เตรียมเข้าห้องสวีตที่มีผู้ชายที่ฉันจ้างไว้รออยู่
ไอ้แฟนเก่าเฮงซวยที่คบกันมา 3 ปี ดูถูกฉันไว้อย่างเจ็บแสบ แถมยังบอกเลิกฉันด้วยเหตุผลที่ว่า ฉันมันหัวโบราณเกินไป
“หัวโบราณ? เฮอะ! ก็แค่ไม่อยากมีอะไรกันก่อนแต่งงาน มันผิดตรงไหนวะ?”
แต่ช่างมัน คนอย่างฉันก็ไม่อยากแคร์ไอ้คนเฮงซวยนั่นเหมือนกัน! วันนี้ฉันจะพิสูจน์ให้เห็น ว่าฉันไม่ได้เชยไร้เสน่ห์เหมือนปลาตายแบบนั้น!
“ฮึ! อยากได้สาวเปรี้ยวเผ็ดแซ่บเรอะ ได้! งั้นฉันจะแซ่บให้ดู!”
ฉันยิ้มให้ตัวเองในกระจก วาดปากสีแดงสดด้วยลิปสติกแท่งใหม่ที่เพิ่งถอยมาด้วยราคาที่แพงเอาเรื่อง ใส่เดรสผ้าซาตินผ่าข้างแหวกอก แล้วหยิบไวน์ขึ้นมารินใส่แก้ว เหลือบตามองนาฬิกาบนผนัง ผู้ชายคนนั้นควรมาถึงแล้วนะ
กริ๊งง!
เสียงกริ่งห้องดังขึ้น ฉันยิ้มมุมปาก เดินไปเปิดประตูช้า ๆ พร้อมกระตุกสายเดรสให้ลดต่ำลงนิดหน่อยเพื่อความเซ็กซี่
“มาแล้วเหรอ…”
ประโยคยังไม่ทันจบ ชายหนุ่มตรงหน้าก็โผเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว เขาปิดประตูดังปังก่อนจะทรุดตัวลงข้างโซฟา หอบหายใจหนักเหมือนเพิ่งวิ่งหนีอะไรมา
“เดี๋ยวสิ นายโอเคไหมเนี่ย?”
ฉันถามอย่างงุนงง แต่ยังไม่ทันเข้าไปหา เขาก็หันมาจ้องหน้าฉันด้วยแววตาวาววับพลางหายใจหอบ
หล่อมาก... โคตรหล่อ! หล่อจนเกินกว่าจะเป็นแค่เด็กที่ฉันจ้างมา
ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มีประกายวูบวาบ ผิวขาวซีดเพราะเหงื่อ และริมฝีปากที่เม้มแน่นราวกับพยายามต้านบางอย่างในกาย
“ออกไป…” เขาครางเสียงต่ำ “อย่าเข้ามาใกล้…”
ฉันเบิกตากว้าง “หืม? เล่นใหญ่จังนะสุดหล่อ แบบนี้เรียกว่ากำลังเล่นบทบาทสมมติใช่ไหม?”
“ออกไป...เดี๋ยวนี้!”
“โอ๊ย ใจเย็นน่า ฉันจ้างนายมาแล้วมัดจำก็จ่ายไปแล้วด้วย ถ้าอยากเล่นบทขัดขืนหรือจะหนีก็เอาให้สุดแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะเล่นด้วยเอง!”
ฉันพูดพลางก้าวเข้าไปหาเขา แล้วก้มลงจ้องหน้าอย่างท้าทาย พลางเอื้อมมือไปแตะแขนของเขาเบา ๆ
วูบหนึ่ง ฉันรู้สึกถึงความร้อนของร่างกายเขา แววตาเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง ดูคล้ายกับว่ากำลังต่อสู้อยู่กับตัวเองอย่างหนัก ผู้ชายคนนี้ตีบทแตกจนฉันเกือบจะเชื่อแล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่ฉันจ้างมา แต่ยังไงซะคืนนี้ก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว
“เฮ้ย!”
สุดหล่อคนนั้นอุทานขึ้นเมื่อฉันกระโจนเข้าหา เขาดูเหมือนจะต่อต้าน แต่ก็เหมือนยินยอมไปพร้อมกัน
“แหม อยากเล่นบทขัดขืนนี่เอง”
พูดจบฉันก็ก้มลงจูบที่ริมฝีปากเขาทันทีอย่างไม่อาย เขาเหมือนจะผละออกในตอนแรก แต่แล้วก็พลิกกลับทำให้ตัวฉันไปอยู่ใต้ร่างของเขาแทน
“ฉันเตือนเธอแล้วนะ!”
“อุ๊ย! สมบทบาทดีซะจริง มาเถอะสุดหล่อ คืนนี้ฉันพร้อมเล่นกับนายแล้ว”
ฉันพูดพลางยกมือขึ้นคล้องลำคอของเขา ดันตัวเขาไปนั่งลงที่เตียงแล้วนั่งคร่อมบนตักแกร่งนั้น หนุ่มสุดหล่อไม่รอช้า รีบจู่โจมลงมาประกบริมฝีปากฉันทันที
จูบของเขามันเร่าร้อนถึงใจจริง ๆ นี่สินะความรู้สึกที่เขาเรียกว่าเสียตัวก่อนแต่งงานน่ะ!
“ดะ...เดี๋ยว ใจเย็นสิสุดหล่อ”
แควก!!
“อ๊าย!”
ผู้ชายคนนี้ฉีกเดรสฉันจนขาดไปบางส่วน ผลักตัวฉันลงบนเตียงอย่างรวดเร็วและคร่อมทับตามลงมาทันที นี่เขาจะใจร้อนอะไรขนาดนี้ ไม่คิดจะพูดคุยทำความรู้จักกันสักนิดเลยรึไง
“นะ...นาย...อื้อออ”
ริมฝีปากหนาประกบจูบลงมาที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้ง จากที่ตอนแรกฉันกะจะเป็นคนคุมเกมเอง ตอนนี้กลับมาอยู่ใต้ร่างเขาซะงั้น แถมมือปลาหมึกนั้นยังไม่อยู่นิ่ง มือลูบไล้ไปที่หน้าอกขนาดคัพ B ที่ซ่อนอยู่ใต้บราเซีย
“อ๊ะ...”
ฉันขนลุกซู่เมื่อโดนสัมผัสหน้าอกที่เป็นจุดที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อน
แควก!
ตอนนี้เดรสที่ฉันใส่อยู่ถูกฉีกลงมาจนถึงหน้าท้อง ชายคนนั้นผละออกจากริมฝีปาก เลื่อนไล้ลงมาตามซอกคอจนมาถึงเนินเนื้อ
“อ๊ะ”
มือแกร่งข้างหนึ่งรวบจับข้อมือฉันทั้งสองข้างขึ้นไว้เหนือศีรษะ มืออีกข้างขยำกำเนินนมไม่หยุด ส่วนปากของเขาก็กำลังดูดดุนเม็ดทับทิมของฉันราวกับมันเป็นของกินแสนอร่อย
ผู้ชายคนนี้โคตรจะแรงเยอะอย่างกับช้าง นี่ฉันเจอของจริงเข้าแล้วเหรอเนี่ย นี่มันครั้งแรกของฉันนะ ต่อให้จ้างมาแค่วันไนท์ ก็ไม่คิดจะอ่อนโยนกับฉันเลยรึไงวะเนี่ย!!
“อ๊ะ อ๊า...”
ฉันครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อเขาไล่ลิ้นร้อนลงมาจนถึงท้องน้อย แถมยังรู้สึกเสียววูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
มือหนาที่เคยรวบข้อมือฉันตอนนี้มันเลื่อนลงมาล่วงล้ำเข้าไปใต้ชายกระโปรง มันสัมผัสกับเนินกุหลาบที่มีแพนตี้ลายลูกไม้ปิดบังอยู่
“อ๊า...”
พรึ่บ!
เขาดึงแพนตัวน้อยนั้นลงมาจนถึงข้อเท้าของฉัน จับยกเรียวขาฉันตั้งขึ้น แม้ตอนนี้ฉันจะรู้สึกหวั่น ๆ เพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อน แต่ก็เอาวะ ฉันจ้างผู้ชายมาวันนี้ก๋เพื่อการนี้แหละ!
“หึ!”
ฉันได้ยินเสียงเขาเพียงเท่านั้น มือข้างหนึ่งลูบไล้ที่เนินกุหลาบที่ตอนนี้มันเริ่มฉ่ำน้ำ ส่วนอีกข้าง เหมือนกับว่าเขากำลังปลดเข็มขัดและกางเกงอย่างร้อนรน
“อยากถอดก็บอกฉันสิ ฉันถอดให้ก็ได้นะสุดหล่อ”
ฉันพูดพลางยันกายลุกขึ้น ผลักเขานอนลงแล้วจัดการถอดปราการทุกชิ้นบนตัวเขาออก มือเรียวลูบไล้ไปตามแผงออกเมื่อเห็นมัดกล้ามที่ยั่วตา และตะลึงกับแก่นเนื้อนั้นที่ผงาดอย่างเต็มที่ และตอนนั้นเอง เขากลับพลิกตัวฉันลงไปใต้ร่างอีกครั้ง
มือหนาจับขาฉันยกตั้งขึ้น เขารีบแทรกกายเข้ามากลางหว่างขา จับแก่นเนื้อยักษ์ถูไถไปมาสองสามทีอย่างรีบร้อนและพยายามจะเสียบเข้าที่ช่องทางรักนั้น
ฟืด~
“หา? ฮ่า ๆ นี่นายเคยปะเนี่ย เสียบแค่นี้ยังไม่โดนอีก”
ฉันขำกับท่าทีนั้นของเขา เห็นทีสุดหล่อคนนี้คงไม่มีประสบการณ์เหมือนฉัน แต่ย่ามใจได้ไม่ทันไร ความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับก็แล่นริ้วเข้าสู่กาย
สวบ!
“อ๊ายยยย!!”
ฉันขนลุกน้ำตาไหล ความเจ็บแล่นเข้าสู่ทั่วร่าง นี่มันเรียกว่าความสุขจริง ๆ เหรอ เจ็บขนาดนี้เนี่ยนะ! แถมยังเหมือนจนเข้ามาไม่สุดอีก
“จะ...เจ็บ...อะ...เอาออก...กะ...ก่อน”
ฉันเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก แต่เขากลับเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่ฉันบอกเลย
สวบ!
“กรี๊ดดดด”
ฉันกรีดร้องออกมา เมื่อเขาเสียบแก่นเนื้ออีกครึ่งที่เหลือเข้ามาจนสุดลำ
พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ
“อ๊ะ อ๊ายยยย...ฉะ...ฉันเจ็บ..เบา...”
ฉันน้ำตาไหลเพราะความเจ็บยังคงเล่นงาน ตอนแรกเสียบไม่โดนก็นึกว่าไม่เคยทำ
“อ๊ะ อ๊า...”
ตอนนี้มันรู้สึกทั้งเจ็บทั้งเสียว อีกฝ่ายก็กระแทกอย่างไม่ลืมหูลืมตา ฉันกรีดร้องเสียงดังจนเขาก้มมอง
“ครั้งแรก?”
เขาถามขึ้น ฉันได้แต่พยักหน้าระรัว เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นก็ผ่อนแรงลง โน้มใบหน้าลงมาประกบจูบฉัน แต่ครั้งนี้มันกลับอ่อนโยนกว่าตอนแรก
พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า...”
“อื้อออ”
เกมนี้ยังคงดำเนินต่อ แต่จากความเจ็บมันเปรเปลี่ยนไปความเสียวซ่านไปทั่งร่างแล้ว เขายังคงบรรเลงบทสุดเร่าร้อนกับฉันไม่พัก
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊า...”
“อ๊ะ อ๊า อ๊ายยยย...”
เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายหมดลงพร้อมกับบทรักที่เผ็ดแซ่บจบลในช่วง ตี 2 กว่า ๆ ตอนนั้นสุดหล่อคนนั้นฟุบหลับไปแล้ว และฉันเองก็เหนื่อยจนไม่ไหว ขอนอนพักเอาแรงก่อนแล้วกัน
[ระบบกำลังทำงาน…]
“ระบบหญิง ทำไมอยู่ ๆ ถึงเตือนฉันว่าอันตรายกำลังจะมาถึงล่ะ มีอะไรรึเปล่า?”ฉันเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโน้ตบุ๊กที่กำลังกรอกข้อมูลประชุมอย่างขะมักเขม้น สายตาเบลอเล็กน้อยเพราะนั่งนานเกินไป แต่เสียงแจ้งเตือนของระบบทำให้ฉันตื่นเต็มตาในทันที....[ระบบหญิง] “ภัยอันตรายระดับ 4 กำลังเข้าใกล้บุคคลเป้าหมาย โปรดระวังและหาทางเตือนเขาโดยเร็วที่สุด ถ้าเป็นไปได้ อย่าให้เขาใช้รถคันประจำ”....“หา!? อันตรายอะไรอีก” ฉันแทบจะกระโดดลุกขึ้นยืนทั้งที่เพื่อนร่วมงานยังเต็มห้องฉันคว้าสมาร์ตโฟนแทบจะในทันที มือไม้สั่นไปหมด โทรศัพท์ถูกกดไปยังเบอร์ที่ตอนนี้ฉันจำได้ขึ้นใจเสียงรอสายดังอยู่สองครั้งก่อนจะมีเสียงเรียบนิ่งรับสาย“ว่าไง” น้ำเสียงของเขายังนิ่งเฉยเหมือนเดิม ไม่มีวี่แววว่ากำลังตกอยู่ในอันตรายเลยแม้แต่น้อย“บอสกำลังจะไปที่พบพันธมิตรใช่ไหมคะ? ที่ไหนคะ”“ใช่ มีอะไรเหรอ”“เอ่อ...บอสเอารถคันไหนไปคะ”“ก็คันที่เคยใช้ประจำ”“บอสเปลี่ยนรถคันใหม่ได้ไหมคะ”“ทำไม” เขาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงสงสัยเต็มประดา“เอาเถอะค่ะ นะคะฉันขอร้องล่ะ” ฉันพูดอย่างรวดเร็ว ใจเต้นตุบตับเขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “อย่าบอกนะว่าเธอไปฟังมา
ในตอนนั้นเอง แผนการในหัวของฉันก็ผุดขึ้นทีละขั้น...หนึ่ง ฉันต้องยืนยันว่า Sable Lines มีเงาดำอยู่เบื้องหลังสอง ดูว่าใครเอาคำนี้เข้ามาใกล้ที่สุดสาม จัดฉากให้ความจริงเดินเข้ามาหาเขาเอง....เช้าวันต่อมา ภาคินกลับมาอีกครั้ง เขาวางแฟ้มเวอร์ชันแก้ไขข้อเสนอลงบนโต๊ะ คุณพรรณราย ผู้จัดการฝ่ายบริหารแวะมาเซ็นผ่านเอกสารบางอย่าง ฉันสังเกตเห็นมือภาคินที่จับโทรศัพท์ นิ้วโป้งเลื่อนไวผิดปกติ ล็อกหน้าจอแทบจะทันทีที่เราเหลือบมองระหว่างพักเบรก ฉันตั้งใจแกล้งทำแฟ้มหล่นหน้าลิฟต์“อุ๊ย!” กระดาษกระจัดกระจาย ภาคินก้มลงช่วยเก็บ“เดี๋ยวผมช่วย”“ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้ม เก็บกระดาษไปพลางดูรองเท้าหนังเขาไปพลาง ส้นรองเท้ามีรอยยางคล้ำนิดนึง คล้ายกับคราบที่พื้นลานท่าเรือ ไม่ใช่คราบทั่ว ๆ ไปที่จะเปื้อนรองเท้าตามปกติ ฉันเก็บก้อนข้อมูลเล็ก ๆ นี้ไว้ในหัวบ่ายนั้น ฉันขออนุญาตคิรินลงไปคลังเอกสารเพื่อไปเอาแฟ้มสัญญาโลจิสติกส์ปีก่อน แต่จริง ๆ แล้วฉันไปหา ฉากที่ต้องการโดยอ้างเรื่องเอกสารบังหน้า ฉันขอให้ฝ่ายไอทีช่วยดึงล็อกการเชื่อมต่อไวไฟสำหรับแขก ซึ่งโชว์ อุปกรณ์ไม่รู้จัก เชื่อมผ่านพร็อกซีชื่อ Sable-r เมื่อวานช่วงกลางดึก อุปกรณ์
[ลิลิน]บ่ายวันศุกร์ เมฆทึบเคลื่อนต่ำกว่าปกติ เงาของมันทอดยาวบนพื้นหินอ่อนหน้าห้องทำงานท่านประธาน ฉันวางแฟ้มที่จัดเรียงด้วยมือสั่นน้อย ๆ เพราะเมื่อคืนยังนอนไม่เต็มอิ่มตั้งแต่เหตุการณ์ที่ฟิลิปโดนทำร้าย ฉันจิบกาแฟดำแก้วที่สอง ขมจนคิ้วขมวด ก่อนเสียงสแกนเนอร์หน้าประตูจะดังติ๊ด พร้อมประตูผลักเข้าเบา ๆ“ไม่ได้เจอกันนานคุณลิลิน”ผู้ชายร่างสูงโปร่งในสูทเทาเข้มก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเนี้ยบ เขาชื่อ “ภาคิน” เพื่อนสนิทของคิริน คนที่ฉันเห็นบ่อยครั้งเวลาเรื่องสำคัญมาก ๆ เท่านั้น“สวัสดีค่ะ คุณภาคิน” ฉันยิ้มตามมารยาท “นัดบอสไว้เหรอคะ”“ระดับผมไม่ต้องนัดก็ได้ บอสคุณอนุญาตอยู่แล้ว”เขาหัวเราะเบา ๆ แบบคนกันเอง แต่แววตาลึก ๆ มีบางอย่างวูบผ่านเร็วมาก ฉันแยกไม่ออกว่าเป็นความกังวลหรือความตื่นเต้นไม่นาน คิรินออกมาจากห้องด้านใน เขาสวมเสื้อเชิ้ตขาวพับแขน ท่าทางเหมือนคนตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง “สายไปห้านาที”“รถติด” ภาคินยักไหล่ “แต่ฉันเอาของดีมาด้วย”เขาวางแฟ้มสีดำลงบนโต๊ะกาแฟ ฉันขยับถาดเครื่องดื่มให้อัตโนมัติแล้วถอยไปครึ่งก้าว เพื่อเปิดทางให้พวกเขานั่งตรงกัน ชั่วครู่ห้องก็มีเพียงเสียงกระดาษพลิกกับเสียงนาฬิกา
[ลิลิน]ฉันยืนอยู่ตรงหน้าประตู แทบไม่กล้ามองเขาตรง ๆ แต่ก็ต้องเงยหน้าในที่สุด สบเข้ากับดวงตาคมที่ฉันรู้จักดี วันนี้มันไม่ได้เย็นชาเหมือนทุกที แต่กลับเหมือนกำลังกังวล“เธอเงียบทั้งวัน ไม่ออกมากินอะไรเลย เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น นิ่งแต่เต็มไปด้วยน้ำหนักฉันเม้มปากแน่น ไม่อยากบอกว่าฉันเอาแต่คิดถึงเขาจนหัวแทบระเบิด จะบอกยังไงดีล่ะว่า ฉันกำลังตกหลุมรักเขาจริง ๆ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ควร?“ก็แค่...เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ” ฉันโกหกออกไป....[ระบบชาย] “คำโกหกถูกตรวจจับ แต่เพื่อเลี่ยงการขัดแย้ง ขอปล่อยผ่านหนึ่งครั้ง”[ระบบหญิง] “ลูกสาว~ เขามองด้วยสายตาห่วงใยแบบนี้แล้ว บอกตรง ๆ ไปเลยสิ !”....ฉันทำเป็นไม่สนใจระบบ หันไปมองด้านข้างแทนเพื่อหลบสายตาคมคู่นั้น แต่เขากลับก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นอีกหนึ่งก้าว....[คิริน]ผมยืนมองคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า วันนี้ไม่เหมือนทุกที เธอเงียบเกินไปจนผิดปกติ ไม่พูดไม่จาเหมือนเดิม มันผิดปกติจนผมอดไม่ได้ที่จะกังวล ทั้งวันเธอเอาแต่อยู่ในห้อง ไม่ออกมากินข้าวกินปลา ไม่แม้แต่จะออกมาคุยเล่นกับพวกแม่ป้าเหมือนทุกครั้ง“เหนื่อย? แค่เหนื่อยเนี่ยนะ ถึงกับต้อง
วันหยุดที่ไม่ได้หยุดทั้งหัวใจและสมองเต็มไปด้วยความคิดฟุ้งซ่านฉันปิดม่านทึบจนแสงเช้าหลุดเข้ามาได้แค่ริ้วเล็ก ๆ ห้องทั้งห้องเงียบสนิทจนได้ยินเสียงนาฬิกาเดินเป็นจังหวะ ตึก…ตัก…ตึก…ตัก จังหวะซ้ำ ๆ ตอกย้ำจังหวะหัวใจของฉันเองที่ดันวิ่งแข่งไม่รู้จักเหนื่อยตั้งแต่เมื่อคืนก่อนหน้าฉันนั่งกอดเข่าอยู่ปลายเตียง ผ้าห่มกอง ๆ เหมือนภูเขาเล็ก ๆ ข้างตัว มืออีกข้างค้างอยู่บนหน้าอกตรงตำแหน่งที่มันกำลังเต้นแรงที่สุด พยายามกดเบา ๆ ราวกับจะสั่งให้มันเงียบเดี๋ยวนี้ แต่หัวใจกลับดื้อ ไม่ยอมฟังภาพซ้อนทับวนกลับมาไม่ยอมจบ สายตาคมที่สั่นน้อย ๆ ตอนเขายอมเชื่อคำพูดฉันหลังฟิลิปถูกทำร้าย หลังข้อความขู่ หลังคำสั่งเลื่อนแผนการตอบโต้หลุดจากปากเขา เพราะฉันไปขอด้วยน้ำเสียงที่จริงใจที่สุดในชีวิตและอีกภาพที่ยิ่งไล่ไม่พ้นคือริมฝีปากนั้นจูบฉันอย่างยาวนานในคืนก่อนหน้า แขนแข็งแรงรั้งฉันไว้แนบอก ลมหายใจเราเกยกันจนฉันจำไม่ได้ว่าของใครเป็นของใครตอนนี้ระหว่างฉันกับเขามันไม่ใช่วันไนท์สแตนด์เหมือนครั้งแรกที่บ้าบอและสับสนอย่างตอนนั้นครั้งนี้มันต่างออกไป“บ้าเอ๊ย! ลิลิน”ฉันพึมพำกับตัวเอง เสียงเบาจนแทบไม่ใช่เสียง “บอกตัวเองมาตล
ฉันนั่งเงียบอยู่ในห้องรับรองของศูนย์แพทย์ ใบหน้าสะท้อนแสงไฟสีขาวหม่นจากเพดาน ความเหนื่อยล้ากับความกลัวตีกันอยู่ในอก ขณะเดียวกันมือถือในกระเป๋าก็สั่นเบา ๆครืด...ฉันหยิบออกมาอย่างงง ๆ จนหน้าจอสว่างขึ้น เป็นข้อความจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก“หยุดโครงการใหม่ของอคินธรักษ์ มิฉะนั้น คนของคุณจะไม่มีวันได้กลับบ้านอีก”หัวใจฉันหยุดเต้นไปวูบเดียว ก่อนจะเร่งรัวไม่เป็นจังหวะ มือเย็นเฉียบจนแทบทำโทรศัพท์หล่น....[ระบบชาย] “แจ้งเตือนภัย ข้อความนี้มีรหัสไอพีเปลี่ยนตำแหน่งทุกวินาที ต้นทางไม่สามารถตามได้ โปรดระวัง”....ฉันกำโทรศัพท์แน่น สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนรีบลุกไปหาคิริน เขายืนคุยกับธีร์อยู่ตรงมุมทางเดิน ดวงตาคมเข้มยังคงนิ่งแต่บรรยากาศรอบตัวคือแรงกดดันที่แทบทำให้คนยืนใกล้หายใจไม่ออก“บอสคะ...” ฉันเรียกเสียงสั่น ยื่นโทรศัพท์ให้ “มีข้อความส่งมาที่มือถือฉัน”เขาหันมามอง ฉันเห็นประกายบางอย่างในดวงตาเขามันมีทั้งความโกรธและเดือดดาลอยู่ในแววตานั้นเขาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือฉัน อ่านเพียงแวบเดียวก่อนส่งต่อให้ธีร์“ไปตามหาต้นทางเดี๋ยวนี้”“ครับบอส” ธีร์รับไปทันทีฉันเผลอเอามือจับแขนเสื้อเขา“นี่หมายความว่า พวกนั